"ทำแบบนี้กับน้องได้ยังไง น้องเป็นผู้หญิง น้องเสียหายนะ ทำไมไม่เกรงใจแด๊ดแอลกับมัมป่านบ้าง" แด๊ดเซดริกต่อว่าลูกชายด้วยความโมโหที่ฟาบริซทำอะไรไม่ไว้หน้าพ่อแม่ของตัวเองและพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเลย
"ทีไอ้เพื่อนเฮงซวยนั่นมันยังจูบแอลลี่ได้เลย แล้วทำไมผมจะทำบ้างไม่ได้" ฟาบริซบอกแด๊ดเซดริกที่ตอนนี้หน้าหงิกเป็นมะเหงกก็ไม่ปาน ฟาบริซเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้นลงไป
"อย่าไปฟังนะคะแด๊ด มัม ไนซ์เขาไม่ได้จูบหนูสักหน่อย ฟาบริซคิดไปเองแล้วก็ไปต่อยเขา" แอลลี่พยายามอธิบายให้แด๊ดกับมัมของเธอเข้าใจ
"คิดไปเองเหรอ ถ้าฉันไม่ไปห้ามมันคงจูบเธอจนปากเปื่อยไปแล้วมั้ง" ฟาบริซกัดฟันกรอดด้วยความโมโห
แอลลี่เม้มปากแน่น เธอปรายสายตามองไปที่ฟาเบียน ขนาดฟาริซจูบเธอต่อหน้าแบบนี้แต่เขาก็ยังมองเธอนิ่งๆ ด้วยแววตาที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกหึงหวงใดๆ เด็กสาวน้ำตาคลอเบ้า รีบหลุบสายตาลงเพื่อแอบซ่อนน้ำตาและความรู้สึกลึกๆ ในใจของตัวเอง ถ้าผู้ชายที่กำลังคุ้มคลั่งแล้วโกรธเธอหัวฟัดหัวเหวี่ยงในตอนนี้คือฟาเบียน ผู้ชายที่เธอรักหมดทั้งหัวใจ เธอคงจะรู้สึกดีไม่น้อย แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเธอรู้แล้วว่าในสายตาของฟาเบียนนั้น เขาไม่เคยรู้สึกกับเธอไปมากกว่าน้องสาวเลยจริงๆ
"แอลลี่เหนื่อยค่ะ ขอตัวไปพักก่อนนะคะ" แอลลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ร่างเล็กเดินกลับเข้าไปยังคฤหาสน์แอลตัน เธอเปิดประตูห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงซบใบหน้ากับหมอนแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
"ทำไมเฮียฟาถึงปฏิเสธแอลลี่คะ แอลลี่ไม่ดีตรงไหน อึกก ฮือออ" ร่างเล็กรำพึงรำพันเบาๆ เธอร้องไห้จนเพลียและหลับไป
ครืดดดดด ครืดดดดด
"อื้อออ" เสียงครางเบาๆ ดังขึ้นเมื่อแอลลี่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง ฝ่ามือเล็กควานหาต้นกำเนิดของเสียงแล้วกดรับสายทันที
"ฮัลโหล ยัยแอลลี่แกเป็นไงบ้าง โอเคขึ้นมั้ย" เสียงน้ำชาเพื่อนสนิทของเธอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่น้ำชาได้รับรู้เรื่องราวของเพื่อนรักของเธอกับฟาเบียนที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ตามทำบอกเล่าของแอลลี่เพื่อนสนิทของเธอ แต่รอจนเย็นแล้วแอลลี่ก็ไม่โทรกลับมาจนเธอร้อนใจจนต้องเป็นฝ่ายโทรมาเสียเอง
"อือ..ยังไม่ค่อยโอเค" แอลลี่ตอบด้วยเสียงสั่นเครือน้อยๆ
"นี่แกอยู่ที่เพนท์เฮาส์หรือเปล่า ให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนไหม" น้ำชาเอ่ยถาม
"ไม่เป็นไรอะแก ตอนนี้ฉันอยู่บ้าน กินข้าวกับไนซ์เสร็จ เขาก็ขับรถมาส่งที่บ้านเลย" แอลลี่ตอบ
"คิดยังไงถึงรับนัดไนซ์วะ แกจะเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นแบบนี้ไม่ได้นะเว้ยแอลลี่ มันไม่ดีนะ" น้ำชาเอ่ยเตือน
"อือ..รู้น่า ฉันอยากเมาว่ะแก คืนนี้ไปครูซผับกัน" แอลลี่เอ่ยชวนน้ำชาให้ไปพบกันที่ผับหรูที่ประจำของพวกเธอ
"อือ ได้ๆ เดี๋ยวฉันชวนยัยแองจี้ไปด้วย" น้ำชาตอบรับคำชวนทันที เพราะรู้ดีว่าถึงเธอจะปฏิเสธ แอลลี่ก็จะต้องไปคนเดียวอย่างแน่นอน เธอจึงเลือกที่จะตกลงเพราะความเป็นห่วงเพื่อนนั่นเอง
"ถ้าอย่างนั้นแกมารับฉันหน่อยได้ไหม รถฉันอยู่ที่เพนท์เฮาส์" แอลลี่บอกกับน้ำชา
"โอเค อีกชั่วโมงนึงเจอกัน" น้ำชาพูดจบก็วางสายไป
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
"แอลลี่ นั่นลูกจะไปไหน?" เสียงแอลตันเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกสาวคนโตเดินออกมาจากคฤหาสน์ ร่างเล็กเดินเข้ามาสวมกอดผู้เป็นพ่อพร้อมกับแนบหัวทุยเล็กลงยังอกแกร่ง ฝ่ามือหนาของแอลตันลูบศรีษะของบุตรสาวอย่างอ่อนโยน
"หนูจะกลับเพนท์เฮาส์แล้วค่ะแด๊ด เดี๋ยวน้ำชาจะมารับค่ะ" เธอตอบแด๊ดแอลในขณะที่ยังคงสวมกอดอยู่แบบนั้น แอลลี่รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ภายใต้อ้อมกอดที่ปลอดภัยของผู้เป็นพ่อ ฝ่ามือหนาประคองใบหน้าเรียวขึ้นมา แอลตันสบสายตากลมโตที่มีรอยช้ำจากการร้องไห้นั้น แล้วลูบแก้มใสของเธอเบาๆ
"ลูกเป็นอะไรหรือเปล่าแอลลี่ ถ้ามีอะไรลูกบอกกับแด๊ดได้ทุกอย่างเลยนะ แด๊ดรักและเป็นห่วงหนูมาก เข้าใจที่แด๊ดพูดใช่ไหม?" แอลตันบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"หนูเข้าใจค่ะแด๊ด หนูแค่มีปัญหาหัวใจนิดหน่อย คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะทำใจได้ ขอเวลาให้หนูสักหน่อยนะคะ ถ้ามีอะไรไม่โอเคหนูสัญญาว่าจะบอกกับแด๊ดเป็นคนแรกเลยค่ะ" แอลลี่แนบแก้มลงกับฝ่ามืออบอุ่นของแอลตันแล้วซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นนั้นอีกครั้ง
...
@ครูซผับ
"อาวเหล้ามาอี๊กกก" เสียงยืดยานของแอลลี่บอกให้รู้ว่าตอนนี้ปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายของเธอนั้นมีมากขนาดไหน
"พอแล้วมั้ยยัยแอลลี่ แกดื่มไปเยอะแล้วนะ" เสียงน้ำชาร้องห้าม ในขณะที่คนถูกห้ามไม่มีทีท่าว่าจะสนใจฟังเลยสักนิด
"อย่ามาห้ามฉัน คืนนี้ฉันจะกินให้เมาปลิ้นไปเลย เมาแล้วจะได้ลืมไง ฮึกกก ฮือออ" แอลลี่พูดไปร้องไห้ไป
"เอาไงดีวะแองจี้ ขืนปล่อยไปแบบนี้พวกเราเอามันไม่อยู่แน่เลยว่ะ" น้ำชาพูดปรึกษากับแองจี้ เพราะขืนปล่อยไว้แบบนี้แอลลี่ได้เมาปลิ้นจริงๆ แน่ แล้วยัยนี่เมาแล้วรั่วเสียด้วย
"งั้นเราโทรตามเฮียฟาดีมั้ย เฮียเขาน่าจะเอาอยู่นะ" แองจี้เสนอ
"เอาอยู่กะผีน่ะสิ ก็ที่มันเมาปลิ้นอยู่นี่ไม่ใช่เพราะเฮียฟาหรอกเหรอ" น้ำชาถอนหายใจอย่างหนัก เพราะตอนนี้แอลลี่สั่งไวน์มาเพิ่มอีกขวดหนึ่งแล้ว
"ฉันรู้แล้วล่ะ ว่าใครจะเอายัยแอลลี่อยู่" แองจี้ดีดนิ้วดังเป๊าะ แล้วคลี่ยิ้มอย่างมีความหวัง
"ใครวะ?" น้ำชาถาม
"เออน่า แกรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันออกไปโทรศัพท์ก่อน" แองจี้พูดทิ้งท้ายพร้อมกับเดินออกไปทันที
สามสิบนาทีต่อมา
"แอลลี่พอเถอะ แกเมามากแล้วนะ" น้ำชาเอ่ยทักท้วงเมื่อแอลลี่ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นมาเพื่อจะดื่มอีก แต่กลับถูกฝ่ามือหนาของใครบางคนแย่งแก้วไวน์ไปจากมือเสียก่อน คนตัวเล็กถึงกับหันขวับไปตามฝ่ามือนั้นทันที"อ้อ.. นึกว่าใคร ที่แท้ก็นายนี่เอง มาทำไมห๊ะ! ใครจุดธูปเชิญนายมา กลับไปเลยนะไอ้ฟาบริซ ไอ้หมาบ้า" แอลลี่ตะโกนด่าเสียงดัง จนแองจี้กับน้ำชาถึงกับหน้าถอดสี ฟาบริซหยิบกระเป๋าสะพายของแอลลี่ขึ้นสะพายบนบ่าแล้วย่อตัวลงอุ้มร่างเล็กขึ้นพาดบ่าแล้วเดินออกไปทันที ภาพที่เห็นทำเอาน้ำชากับแองจี้ถึงกับอ้าปากค้าง
"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะฟาบริซ ไอ้หมาบ้า ไอ้โรคจิต" แอลลี่ดีดดิ้นแถมยังตะโกนด่าไม่หยุด
"หยุดดิ้นแล้วเงียบปากเดี๋ยวนี้เลยนะแอลลี่ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนแล้วโยนเธอทิ้งเป็นขยะไว้แถวนี้"
แอลลี่หยุดดิ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ขยะ มันทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้พรั่งพรูเข้าสู่สมองเธออีกครั้ง
"ใช่สินะ...ความรักที่มีค่าของเรา ถ้าเขาไม่ต้องการมันก็ไม่ต่างอะไรกับขยะหรอก" แอลลี่รำพันออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรินไหลออกมาอีกครั้ง
ฟาบริซรับรู้ได้ถึงอาการที่สงบลงของหญิงสาว เขาค่อยๆ วางเธอบนเบาะของรถสปอตสุดหรู แล้วขับรถออกจากสถานบันเทิงยามราตรีแห่งนั้นทันที
"จะให้ไปส่งบ้านเลยไหม?" ฟาบริซเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กนั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา
"ไม่อยากกลับบ้าน" แอลลี่ตอบเสียงสั่นเครือแล้วหันหน้าออกไปอีกด้านหนึ่งเพื่อซ่อนรอยน้ำตา
"หรือจะให้ไปส่งที่เพนท์เฮาส์?" ฟาบริซถามเธออีกครั้ง
"ไม่อยากกลับ อยากไปไกลๆ ไม่อยากเจอคนใจร้าย ฮึกกก.. ฮือออ" แอลลี่ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เนื้อตัวสั่นเทา ฟาบริซจึงจอดรถเข้าข้างทางแล้วหยิบเสื้อสูทที่ด้านหลังรถมาสวมให้หญิงสาว
...
Write Talk: ถึงยัยน้องจะเมาขนาดไหนก็ยังคงความปากแจ๋วอย่างต่อเนื่อง ถึงแสบจนไม่มีใครเอาอยู่ แต่ฟาบริซเอาอยู่นะเออ
.
ฉันตัดสินใจว่าจะกลับไปที่บ้านพักตากอากาศเพราะอยากแน่ใจในบางสิ่งบางอย่างก่อนที่จะกลับไปทำงานในอีกสองวันข้างหน้า จริงๆ แล้วฉันชอบบรรยากาศที่รีสอร์ตของน้ามิกกี้มากนะ เพราะมันสวยงามเหมือนโลกแห่งความฝัน มีความสงบและเป็นส่วนตัวสูง มัมเคยเล่าว่าสมัยก่อนตอนที่มีปัญหากับแด๊ดเคยหนีมาพักที่นี่ แต่แด๊ดก็มาตามง้อกลับไปจนได้ฉันโทรหาน้ามิกกี้เพื่อบอกว่าวันนี้ฉันจะกลับแล้ว น้ามิกกี้คงจะรู้คร่าวๆ จากมัมว่าฉันมีปัญหาชีวิตนิดหน่อย ท่านบอกว่าถ้าอยากกลับจะให้เรือของรีสอร์ตไปส่งให้ไม่ต้องรอเรือจากท่าเรือให้เสียเวลา ดูความน่ารักของน้ามิกกี้สิคะ ทั้งหล่อทั้งใจดี อบอุ่นขนาดนี้แต่ทำไมถึงยังโสดอยู่นะติ๊งงงงฉันก้มลงมองที่มือถือ พบว่ามีข้อความจากฟาบริซส่งมาให้ ตั้งแต่เกิดเรื่องฉันก็ไม่รับโทรศัพท์ของเขาเลย แต่พ่อเจ้าประคุณก็ขยันส่งข้อความมาให้บ่อยๆ คงจะรู้ว่าถึงโทรมาฉันก็ไม่รับเลยส่งเป็นข้อความมาแทน ซึ่งฉันก็อ่านนะ แต่ไม่ได้ตอบกลับไปหรอก LINE / FABRIZFabriz: แอลลี่ครับ พี่คิดถึงหนูที่สุด พี่ไม่เคยนอกกายและไม่เคยนอกใจหนู ไม่เคยแม้แต่จะคิด พี่รักหนูคนเดียวนะฉันถอนหายใจเมื่ออ่านข้อความจบลง จริงๆ แล้วฉันก็แปลกใจ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะเปิดดูข้อความที่แอลลี่ส่งให้ แต่เธอรีบเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านแล้วขึ้นรถขับตามออกมาทันทีโดยไม่ได้สนใจถุงแป้งที่ตะโกนร้องเรียกตามหลังมาเลยสักนิดผมพยายามขับรถไล่ตามเธอแต่เธอขับเร็วมากแถมยังเลี้ยวเข้าซอยเล็กซอยน้อย จนผมไล่ตามไปไม่ทัน แล้วในที่สุดเราก็คลาดกันจนได้ ผมขับรถมาจอดบนถนนเลียบชายหาด พยายามโทรหาเธอเป็นสิบสายแต่เธอไม่ยอมรับสาย ผมจึงทำได้แต่นั่งกุมขมับตัวเอง"ปวดหัวชิบ!!" ผมสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย หยิบโทรศัพท์มากดดูไลน์ที่แอลลี่ส่งมาให้ คิ้วหนาขมวดมุ่น เพ่งมองด้วยความแปลกใจ ภาพที่ส่งมาดูจากชื่อแล้วคงเป็นไอจีของไอ้กองทัพที่ถูกแท็กโดยไอจีของถุงแป้ง ภาพถ่ายพร้อมแคปชั่นทำให้ผมส่ายหัว ไม่แปลกเลยที่แอลลี่จะเข้าใจผิดแบบนี้ ส่วนโลเคชั่นและภาพถ่ายในห้องที่ถุงแป้งส่งไปมันยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าเธอตั้งใจเขย่าเสาเรือนผมกับแอลลี่แน่นอนผมกดโทรศัพท์ถึงป้าแม่บ้านทันที ไม่นานป้าก็รับสาย"คุณฟาบริซอยู่ไหนคะเนี่ย คุณถุงแป้งเธอร้องห่มร้องไห้โวยวายว่าคุณทิ้งเธอจนป้าปวดหูไปหมดแล้วค่ะ"ป้าไม่ได้พูดเกินจริงหรอก เพราะในขณะที่ผมคุยสายอย
(Ally)ฉันวางมือถือลงแล้วละสายตาจากแอพพลิเคชั่นไลน์ที่ถูกส่งมาให้แล้วมองไปยังถนนด้านหน้าพยายามตั้งสติขับรถไปยังจุดหมายซึ่งใกล้จะถึงอยู่รอมร่อ แต่หัวใจของฉันกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้เห็นและรับรู้ ยัยถุงแป้งส่งโลเคชั่นบ้านพักตากอากาศพร้อมกับเสื้อผ้าที่ฟาบริซซื้อให้ฉันเมื่อครั้งก่อนมาเย้ยกันแบบนี้เธอคงจะประกาศสงครามกับฉันอย่างเป็นทางการแล้วสินะฉันกระพริบตาถี่ๆ ไล่หยดน้ำตาที่ตอนนี้มันเอ่อเต็มจนทำให้มองอะไรพร่าลือนไปหมด ไม่รู้ว่าเรื่องราวแบบนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็เลือกที่จะมาเห็นด้วยสองตาของตัวเองมากกว่า ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บแค่ไหนก็ช่างมัน เพราะอย่างมากมันก็แค่เจ็บ หรือเจ็บปางตาย แต่มันคงไม่ถึงตายฉันจอดรถที่หน้าประตูรั้วของบ้านพัก ซึ่งมองเห็นรถหรูของฟาบริซจอดอยู่คันเดียว แต่ไม่มีรถยัยถุงแป้งแสดงว่าที่ยัยถุงแป้งโพสต์ขอบคุณที่เขาไปรับ มันก็คงเป็นเรื่องจริงสินะ ฉันเหยียดยิ้มเย้ยหยันให้กับความเจ็บปวดในหัวใจของตัวเอง เอามือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วก้าวเท้าลงไปจากรถ สูดหายใจเข้าให้เต็มปอด "พร้อมเผชิญกับความจริงเถอะนะแอลลี่" ฉันกลั้นใจบอกกับตัวเองพร้อมกับก้าวเดินเข้าไ
ถุงแป้งนั่งอมยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากที่เธอลงรูปภาพพร้อมแคปชั่นเด็ดในไอจีโดยตั้งใจแท็กไปที่กองทัพ เพราะเธอรู้ว่าแอลลี่กับกองทัพตามไอจีของกันและกันอยู่"ป่านนี้อกแตกตายไปหรือยังล่ะนังแอลลี่" ถุงแป้งยิ้มเยาะอยู่ในใจ ตอนนี้เธอกำลังนั่งเชิดหน้าชูคออยู่บนรถหรูราคาเกือบสามร้อยล้าน โดยมีชายหนุ่มรูปหล่อฐานะอภิมหึมามหาเศรษฐีเป็นคนขับให้นั่ง มันช่างมีความสุขเสียนี่กระไร"ผมย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้คุณตรวจดูเอกสารให้เรียบร้อย ทำไมถึงพลาดได้" ฟาบริซพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่ถุงแป้งก็หาได้แคร์ไม่ ปล่อยให้หงุดหงิดไปก่อนเถอะ เพราะเดี๋ยวคืนนี้เธอจะปลดปล่อยให้เขาหายหงุดหงิดเองนั่นแหละ"ถุงแป้งขอโทษด้วยนะคะที่พลาดไป แต่พอรู้ถุงแป้งก็รีบขับรถตามมาให้ทันทีเลยค่ะ" หล่อนทำหน้าเศร้าสุดชีวิตใส่ฟาบริซ เขาส่ายหน้าไปมาแล้วถอนหายใจยาว"แล้วที่ว่ารถเสีย มันเป็นอะไร" ฟาบริซเอ่ยถามในขณะที่ยังมองตรงไปด้านหน้า ไม่หันหน้ามามองเธอเลยตลอดเส้นทาง แต่ถุงแป้งก็ไม่ใส่ใจอีกนั่นแหละ เพราะคืนนี้เธอจะให้เขามองทุกส่วนยิ่งกว่าให้มองหน้าอีก"ถุงแป้งก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ขับมาอยู่ดีๆ มันก็ดับไปแล้วก็สตาร์ทไม่ติดอีกเลย"ฟาบริซพยายามข่มใจไม
"อ๊ะ อื้ออออ พะ..พี่ฟาบริซ อ๊าาาา"ฉันร้องครางอย่างไม่อาย เพราะตอนนี้ลิ้นอุ่น ๆ ของเขากำลังเล่นงานฉันอย่างหนัก แถมเขายังใช้นิ้วหัวแม่มือบดคลึงเป็นวงกลมเบา ๆ ที่เกสรสาวของฉันไม่หยุด ฉันเสียวจนไม่รู้จะบรรยายยังไง รู้แต่ว่าตอนนี้ร่างเล็กรุ่มร้อนไปหมด แถมความเสียวซ่านยังวิ่งวนไปทั่วร่าง"อื้มมมมมม"เสียงพี่ฟาบริซครางงึมงำในลำคอ แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากหว่างขาขาวของฉันเลย ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าร่างกายมันเบาโหวงเหวงเหมือนล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ขนอ่อนลุกเกรียว ความเสียววิ่งมากระจุกตัวรวมกันอยู่ที่ส่วนยอดของเกสรสาวจนใกล้จะประทุเต็มทนแล้ว ฉันกัดริมฝีปากแล้วเชิดหน้าขึ้น"อ๊าาาา พี่ฟาบริซ แอลลี่เสียว อร๊ายยยย"ร่างเล็กเกร็งกระตุกพร้อมกับปลดปล่อยน้ำหวานออกมามากมาย แต่เขาก็ดูดดื่มมันจนหมด ฉันหอบหายใจถี่รัว รู้สึกเรี่ยวแรงหดหายเหมือนไปวิ่งรอบสนามสักสิบรอบทั้ง ๆ ที่เรื่องจริงแค่นอนรับเสียวอยู่บนโต๊ะนี้เท่านั้น พี่ฟาบริซเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบทิชชูเปียกมาเช็ดเนินเนื้อสาวอย่างทะนุถนอม ฉันแอบมองเห็นเขาจ้องแอลลี่น้อยแล้วยิ้มให้อย่างมีความสุขเหลือเกิน เขาค่อย ๆ แยกกลีบกุหลาบออกจากกันแล้วซับเบา ๆ จนฉันอดเ
ฉันแวะเอาอาหารที่ซื้อมาฝากเฮียฟาไปให้ที่ห้องทำงานและอยู่คุยด้วยอีกนิดหน่อยก่อนที่จะขอตัวมาหาพี่ฟาบริซที่ห้องก๊อก ก๊อก ก๊อกมือเล็กเคาะประตูตามมารยาทก่อนที่จะเปิดเข้าไป พี่ฟาบริซเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะทำงานแล้วส่งยิ้มหวานให้ ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาพลางหยิบถุงอาหารที่อยู่ในมือไปถือไว้แทน"ซื้ออะไรมาฝากพี่เหรอครับ" เขาเอ่ยถามพร้อมกับจูบที่แก้มเนียนฟอดใหญ่"พอดีแอลลี่แวะไปหาซื้อเสื้อผ้าใส่ทำงานที่ห้างใกล้ๆ นี่แหละค่ะ ซื้อเสร็จแล้วหิว ก็เลยแวะทานอาหารแล้วร้านนี้อร่อยมาก แอลลี่เลยซื้อมาฝาก" ฟาบริซจูงมือฉันมานั่งที่โต๊ะเล็กที่โซนใกล้ๆ กัน เป็นโต๊ะที่ไว้นั่งทานของเบรคและดื่มกาแฟเพื่อพักผ่อนระหว่างการทำงาน"หิวไหมคะ แอลลี่ซื้อสลัดโรลดอกไม้มาฝากด้วยนะ น้ำสลัดงาญี่ปุ่นอร่อยมากเลย มีเครื่องดื่มแบบฟิวชั่นด้วย เดี๋ยวเอาไปจัดใส่จานให้นะ" ฉันเอ่ยพลางหยิบถุงอาหารแล้วเดินเข้าไปยังเคาท์เตอร์เล็ก ๆ ที่มีจานและช้อนแยกไว้อยู่ ฉันจัดสลัดดอกไม้ใส่จาน พร้อมกับหยิบขวด Watermelon Rosemary Flavered Water เป็นน้ำฟิวชั่นที่ใช้แตงโมและโรสแมรี่เป็นส่วนประกอบ รสชาติหอมหวานละมุนละไม หลังจากนั้นก็เดินไปเสริฟให