เดี๋ยวก่อนแอลลี่" ไนซ์จับแขนเรียวของเธอเพื่อให้ร่างเล็กนั้นหยุดก่อน เขาหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาแล้วเทก้อนน้ำแข็งห่อใส่แล้วเดินมายังร่างเล็ก
"ประคบน้ำแข็งแบบนี้จะทำให้ผ่อนคลาย ไม่ปวดตา แล้วตาก็จะไม่บวมช้ำนะ" ไนซ์พูดพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือไปยังท้ายทอยของแอลลี่แล้วจับให้หงายขึ้นนิดหน่อย ส่วนมือข้างที่ถือผ้าห่อน้ำแข็งไว้ ค่อยๆ วางประกบไปที่ดวงตาคู่สวยของแอลลี่ที่ตอนนี้ยังบวมแดงอยู่ แอลลี่หลับตาลง เธอรู้สึกเย็นสบายที่รอบดวงตาจริงๆ
นานหลายนาทีที่ไนซ์ประคบดวงตาให้กับแอลลี่ ส่วนสายตาของเขากลับจับจ้องไปที่ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั้นอย่างกับตกอยู่ในภวังค์ เขาค่อยๆขยับใบหน้าไปใกล้แอลลี่โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวเพราะมีผ้าประคบตาปิดอยู่ ในขณะที่ริมฝีปากของไนซ์กำลังจะแตะลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มของแอลลี่ กลับมีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาเสียก่อน
"เห้ย! ทำอะไรวะ?" หลังจากจบประโยคนั้นก็มีเสียงอื่นตามมาทันที
ตุ๊บบบ ผลั่กก
แอลลี่ตกใจเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ๆ ผ้าปิดตาก็หลุดออก เธอมองเห็นฟาบริซกำลังคร่อมร่างของไนซ์พร้อมกับกำปั้นหนักๆ ที่กำลังต่อยไปที่ใบหน้าของไนซ์ แอลลี่ตกใจรีบเข้าไปห้ามทันที
"หยุดเดี๋ยวนี้นะฟาบริซ นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย ต่อยเพื่อนฉันทำไม" แอลลี่ตะคอกใส่พร้อมกับดึงร่างของไนซ์ขึ้นมาจากพื้น
"กล้ามากถึงขนาดมายืนจูบกันหน้าบ้านเลยนะ มันไม่น่าเกลียดไปหน่อยเหรอ เป็นผู้ชายประสาอะไรวะแม่งไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลย" ฟาบริซตะคอกใส่ไนซ์ ในขณะที่ไนซ์ได้แต่นิ่งเงียบ
"จูบบ้าจูบบออะไร นายเพี้ยนหรือเปล่า ไนซ์เขาไม่ได้จูบฉันสักหน่อย เขาแค่ช่วยฉัน"
"ช่วยเหรอ ... อ้อ.. ถ้าอยากมากนักทีหลังก็ทำกันข้างนอกให้มันเสร็จก่อน แล้วค่อยกลับมาบ้านนะ" ฟาบริซพูดด้วยแววตาที่เย้ยหยัน ไนซ์ที่ได้ยินคำพูดของฟาบริซก็เริ่มที่จะโมโหเหมือนกัน
"พูดเหี้ยไรของมึงวะ" ไนซ์ตะคอกใส่ฟาบริซ
"ไนซ์กลับไปก่อนนะ เราขอร้องล่ะ ไว้เดี๋ยวเราโทรหา" แอลลี่จูงมือไนซ์ให้เขาเข้าไปในรถแล้วปิดประตูลง รอจนรถของไนซ์ขับพ้นออกไป เธอจึงหันหลังกลับมาประจันหน้ากับฟาบริซแล้วจ้องมองเขาขเม็ง
"มองฉันแบบนี้ทำไม หรือว่าโมโหที่ฉันมาขัดจังหวะเลยอารมณ์ค้างจากไอ้หน้าจืดนั่น ถ้างั้นเดี๋ยวฉันช่วยสงเคราะห์ให้ไหมล่ะ" ฟาบริซพูดพร้อมกับเดินเข้าไปประชิดร่างเล็ก ลำแขนแข็งแรงของฟาบริซกอดรัดร่างเล็กไว้แน่นแล้วประกบริมฝีปากหนาเข้ากับริมฝีปากอวบอิ่มพร้อมกับสอดลิ้นร้อนเข้าไปช่วงชิงความหวานในโพรงปากเล็ก ในขณะที่แอลลี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อถูกขโมยจูบแรกโดยไม่ทันตั้งตัว
"อื้ออ...อ่อย อ๊ะ" (อื้อ..ปล่อยนะ) แอลลี่พูดเสียงอู้อี้พร้อมกับใช้ฝ่ามือดันไปที่อกแกร่งเต็มแรงจนฟาบริซต้องถอนจูบออกจากเธอ
เพี๊ยะ
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าของฟาบริซจนใบหน้าหล่อสะบัดไปตามแรงตบ ฟาบริซหันกลับมามองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยแววตาดุดัน
"กล้าตบฉันเหรอแอลลี่ ทีไอ้หน้าจืดนั่นยอมให้มันจูบได้จูบดี ผู้หญิงอย่างเธอมันต้องเจอผู้ชายอย่างฉันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ มานี่เลย" ฟาบริซพูดพร้อมกับอุ้มร่างเล็กขึ้นพาดบ่าทันที
"ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะฟาบริซ ไอ้หมาบ้า ไอ้โรคจิต" เสียงแอลลี่ตะโกนด่าทอร่างแกร่งที่กำลังอุ้มร่างเล็กของเธอพาดบ่าแล้วเดินดุ่มๆ จากสวนหย่อมของคฤหาสน์ด้านนอก เข้ามายังคฤหาสน์แอลตัน เสียงวี๊ดว๊าดโวยวายทำให้เซดริก มาลารินทร์ ฟาเบียน สายป่าน และแอลตัน ที่กำลังนั่งดื่มน้ำชายามบ่ายกันอยู่พากันวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ ก็พบว่าตอนนี้ฟาบริซกำลังอุ้มร่างของแอลลี่พาดบ่าโดยศรีษะเล็กของเธอห้อยอยู่ด้านหลังของชายหนุ่ม แถมเธอยังดิ้นไปมาไม่ยอมหยุดจนชุดเดรสสั้นเกือบจะเลิกขึ้นไปสูงถึงบั้นท้าย ดีที่ว่าฝ่ามือหนาของฟาบริซวางปิดไว้อยู่
"แด๊ดขา มัมขา ช่วยหนูด้วยค่ะ ไอ้บ้าฟาบริซมันจะฆ่าหนูแล้ว" แอลลี่ตะโกนขอความช่วยเหลือทันที ในขณะที่ทุกๆ คนยืนดูเหตุการณ์กันอยู่แบบงงๆ
"เงียบเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นเธอโดนดีแน่" เสียงฟาบริซตะคอกแอลลี่ด้วยความโกรธ แต่เธอเองก็ไม่ได้ลดราวาศอกแต่อย่างใด
"ไม่เงียบ แกมันบ้า ไอ้ซาดิสม์ ไอ้โรคจิต ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะไอ้หมาบ้า" แอลลี่ตะโกนด่าลั่น เสียงแสบแก้วหูจนมัมป่านถึงกับต้องเอามือปิดหู
"นี่แน่ะ!! ไอ้บ้าเหรอ ไอ้โรคจิตเหรอ ไอ้ซาดิสม์งั้นเหรอ ปากดีนัก" ฟาบริซเค้นเสียงรอดไรฟันด้วยความเดือดดาล
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ
เสียงฝ่ามือหนากระทบแก้มก้นของแอลลี่ดังลั่น คนโดนตีถึงกับใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ
"นี่มันอะไรกันฟาบริซ ตีน้องทำไม ปล่อยน้องลงเดี๋ยวนี้เลยนะ" เสียงมัมรินทร์ร้องสั่ง ทำให้ฟาบริซยอมปล่อยร่างของแอลลี่ลงจากบ่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจับข้อมือของเธอแน่น ไม่ยอมให้คนตัวเล็กอยู่ห่างจากตัว
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นแอลลี่ ไหนบอกมัมซิ" มัมป่านเอ่ยถามลูกสาวคนโต
"หนูไปทานข้าวกับเพื่อนมาค่ะ แล้วเพื่อนก็พามาส่งจู่ๆ ฟาบริซก็มาต่อยเพื่อนหนูแล้วก็ฉุดกระชากลากถูหนูมานี่แหละ" แอลลี่ฟ้องมารดาของตนเป็นฉากๆ
"เพื่อนเหรอ? เพื่อนภาษาอะไรเขาจูบกันวะ" ฟาบริซโพล่งออกมาด้วยความโมโห
"แล้วฉันจะจูบกับใครมันไปหนักส่วนไหนของนายห๊ะฟาบริซ" แอลลี่ยังเถียงไม่หยุด ฟาบริซมองหน้าแอลลี่เขม็ง แววตาดุดันน่ากลัว ร่างแกร่งกระชากร่างเล็กเข้าหาตัวจนเธอเซถลามาปะทะกับอกแกร่งของเขา แล้วในวินาทีนั้นเอง....
จ๊วบบบบบบบ
ฟาบริซก้มลงประกบริมฝีปากบางของแอลลี่แล้วจูบเธออย่างดุเดือด ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากเล็กอย่างแรงเหมือนเป็นการทำโทษ ท่อนแขนแข็งแรงกอดรัดร่างเล็กจนแทบจะแนบเป็นเนื้อเดียวกันทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงจังงัง มัมป่านถึงกับอ้าปากค้าง
"คุณพระช่วย/ตาเถรตกใต้ถุน" ทั้งมัมป่านและมัมรินทร์ร้องอุทานขึ้นมาพร้อมๆ กัน ส่วนแด๊ดแอลถึงกับกัดฟันกรอดสีหน้าดูเคร่งเครียด
"หยุดนะฟาบริซ ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้" เสียงแด๊ดเซดริกเป็นเหมือนระฆังช่วยชีวิต ฟาบริซยอมถอนจูบออกจากริมฝีปากบางของคนตัวเล็กแต่ไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมกอดของตัวเอง
...
Write Talk: อ้าว..ฟาบริซ ทำไมไปจูบน้องเขาแบบนั้น ทำโทษแบบนี้ก็ได้เหรอ งง
"ทำแบบนี้กับน้องได้ยังไง น้องเป็นผู้หญิง น้องเสียหายนะ ทำไมไม่เกรงใจแด๊ดแอลกับมัมป่านบ้าง" แด๊ดเซดริกต่อว่าลูกชายด้วยความโมโหที่ฟาบริซทำอะไรไม่ไว้หน้าพ่อแม่ของตัวเองและพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเลย"ทีไอ้เพื่อนเฮงซวยนั่นมันยังจูบแอลลี่ได้เลย แล้วทำไมผมจะทำบ้างไม่ได้" ฟาบริซบอกแด๊ดเซดริกที่ตอนนี้หน้าหงิกเป็นมะเหงกก็ไม่ปาน ฟาบริซเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้นลงไป"อย่าไปฟังนะคะแด๊ด มัม ไนซ์เขาไม่ได้จูบหนูสักหน่อย ฟาบริซคิดไปเองแล้วก็ไปต่อยเขา" แอลลี่พยายามอธิบายให้แด๊ดกับมัมของเธอเข้าใจ"คิดไปเองเหรอ ถ้าฉันไม่ไปห้ามมันคงจูบเธอจนปากเปื่อยไปแล้วมั้ง" ฟาบริซกัดฟันกรอดด้วยความโมโหแอลลี่เม้มปากแน่น เธอปรายสายตามองไปที่ฟาเบียน ขนาดฟาริซจูบเธอต่อหน้าแบบนี้แต่เขาก็ยังมองเธอนิ่งๆ ด้วยแววตาที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกหึงหวงใดๆ เด็กสาวน้ำตาคลอเบ้า รีบหลุบสายตาลงเพื่อแอบซ่อนน้ำตาและความรู้สึกลึกๆ ในใจของตัวเอง ถ้าผู้ชายที่กำลังคุ้มคลั่งแล้วโกรธเธอหัวฟัดหัวเหวี่ยงในตอนนี้คือฟาเบียน ผู้ชายที่เธอรักหมดทั้งหัวใจ เธอคงจะรู้สึกดีไม่น้อย แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเธอรู้แล้วว่าในสายต
แอลลี่นั่งตะแคงตัวไปด้านข้าง ใบหน้าสวยหันออกไปมองด้านนอกกระจกรถยนต์ และยกขาเรียวทั้งสองข้างขึ้นมาจนหัวเข่าแนบลำตัว ทำให้ชุดเดรสคล้องคอเว้าหลังตัวสั้นรั้งขึ้นมาจนถึงโคนขาอ่อนและก้นงอนที่โผล่พ้นชุดเดรสออกมาอวดโชว์สายตาของชายหนุ่ม รวมถึงแผ่นหลังขาวเนียนน่าสัมผัสนั่นด้วยรถสปอตหรูขับเข้ามาจอดยังบ้านพักตากอากาศริมทะเล ดวงตาคมหลุบมองนาฬิกาเรือนหรูที่ตอนนี้หน้าปัดบอกเวลาเกือบจะตีหนึ่งแล้ว"แอลลี่ แอลลี่ ตื่นเถอะ ถึงแล้ว""...""หลับเหรอวะ?"ฟาบริซปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยของคนตัวเล็กแล้วปรับเบาะรถให้เอนลง ฝ่ามือแกร่งจับร่างของเธอพลิกตัวไปมาเพื่อใส่เสื้อสูทให้ แอลลี่ยกขาลงจากเบาะรถ เธอถอดเสื้อสูทออกโยนไปที่เบาะหลัง เพราะรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก"อื้อ..ร้อน"ฝ่ามือเล็กเอื้อมมือไปที่ท้ายทอยตัวเองแล้วดึงสายโบว์ที่ผูกชุดคล้องคอออกแล้วกระชากลงมาอย่างแรงจนชุดเดรสร่นลงมากองอยู่ใต้ราวนม สองเต้าตูมเต่งขาวเนียนที่มีซิลิโคนแปะจุกไว้จึงออกมาสู่โลกภายนอกอย่างเป็นอิสระ"เห้ย!! " ฟาบริซร้องออกมาด้วยความตกใจ เขารีบดึงชุดเดรสนั้นขึ้นมาปิดทรวงอกอวบอิ่มที่ใหญ่เกินขนาดนั้นด้วยฝ่ามือที่สั่นเทา แล้วก้าวออกมาจากรถ ร
แอลลี่ลุกขึ้นแล้วก้าวลงจากเตียงนอน เธอหันไปหยิบกุญแจรถที่ฟาบริซวางไว้ที่หัวเตียง แล้วก้าวเท้าออกจากห้องทันที แต่ฟาบริซรีบวิ่งไปกอดร่างเล็กไว้ไม่ให้เธอเดินออกไป"หยุดเลยแอลลี่ เธอจะไปไหน มันดึกมากแล้วนะ ไปนอนเดี๋ยวนี้เลย" ฟาบริซสั่งเสียงดุ แล้วหยิบกุญแจรถจากมือของเธอโยนไปยังโซฟาที่ห่างออกไป"ฉันก็แค่อยากรู้ว่านอกจากนายสองคนพี่น้องแล้วผู้ชายคนอื่นจะปฏิเสธฉันเหมือนกันทุกคนไหม ฉันมันน่ารังเกียจจริงๆ หรือเปล่า?" แอลลี่พูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรู ฟาบริซถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยใจในความดื้อรั้นของเธอ"เลิกบ้าแล้วตั้งสติเดี๋ยวนี้!! ฟังนะแอลลี่ เธอสวย น่ารักมาก น่าเอามากๆ ด้วย ไม่มีผู้ชายหน้าโง่คนไหนไม่อยากได้เธอหรอก แต่ที่เฮียฟาทำอย่างนั้นเพราะเขารักเธอเกินกว่าที่จะทำลายเธอได้ เพราะเธอมีค่ากับเฮียฟามากกว่าความใคร่แค่ชั่วครั้งชั่วคราว เข้าใจหรือยัง?" ฟาบริซพูดในขณะที่แอลลี่เองก็ตั้งใจฟัง เธอยืนจ้องเขาตาแป๋ว"แล้วที่นายบอกว่าฉันสวย น่ารักมาก น่า..เอ่อ..น่าเอามากๆ แล้วทำไมนายถึงปฏิเสธฉันล่ะ?" แอลลี่ยังไม่หายสงสัย"เห้อ!!... เธอนี่มันเซ้าซี้จริงๆ เลย"ฟาบริซจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด ปกติเขาไม่เคย
ผมจับไหล่มนของแอลลี่ พยายามดันร่างเล็กให้ออกจากตัวแต่ไม่เป็นผล ยัยตัวแสบยังคงรุกผมอย่างต่อเนื่อง เธอก้มลงกระซิบข้างหูจนผมจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว"นายไม่อยากได้ฉันจริงๆ เหรอ? ฉันพร้อมให้นายนะ" พูดจบเธอก็ใช้ฟันคมขบกัดที่ติ่งหูผมเบาๆ เท่านั้นแหละ..ความอดทนของผมก็หมดลงในทันที"เธอเลือกแบบนี้เองนะแอลลี่" ผมพูดพร้อมกับยิ้มร้ายใส่เธอพรึ่บบบ~ผมพลิกร่างแกร่งขึ้นคร่อมร่างเล็กนั้นทันที เธอทำท่าตกใจไม่น้อย ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอที่ตอนนี้มันสั่นวูบไหว เนื้อตัวเธอสั่นเทา... ใช่แล้ว เธอกำลังกลัว ทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอ้ที่เธอทำแบบนี้คือตั้งใจจะยั่วเพื่อปั่นหัวผมอยู่ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าผมปล่อยไปเธอก็จะยั่วผมไม่เลิก ผมเลยจำเป็นต้องกำราบปราบพยศกันสักหน่อย"ตัวสั่นเป็นลูกนก กลัวแล้วยังจะปากดีนะ""ไหน..ใครกลัว ฉันไม่เห็นต้องกลัวนายเลย นายก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ ไม่เห็นจะมีอะไรวิเศษสักหน่อย""จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีๆ แล้วกัน""อื้อ..."ยัยตัวแสบครางเบาๆ เมื่อผมประกบจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มแล้วบดคลึงอย่างหนักหน่วง พร้อมกับสอดลิ้นร้อนเข้าไปชิมความหวานในโพรงปากเล็ก แอลลี่ไม่ขัดขืน ยินยอมให้ผมจูบแต่โดยดีแถมยังจูบตอบแบ
รถสปอตคันหรูขับลัดเลาะมาตามถนนเลียบชายหาด วันนี้อากาศดี ไม่ร้อนมาก ฟาบริซขับรถมาจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากริมหาดมากนัก เป็นร้านอาหารแบบธรรมดาๆ แต่ดูสะอาดสะอ้านและบรรยากาศดี"สวัสดีค่ะคุณฟาบริซ หายไปนานเลยนะคะ ป้านึกว่าลืมป้าเสียแล้ว" ป้าเจ้าของร้านยิ้มให้และพูดคุยทักทายกับฟาบริซด้วยท่าทางสนิทสนม แสดงว่าเขาคงมาฝากท้องที่ร้านนี้บ่อยแน่ๆ"ของผมขอเหมือนเดิมนะครับแล้วขอเพิ่มข้าวผัดปู ต้มยำกุ้งน้ำข้น ปลาหมึกนึ่งมะนาว ห่อหมกลูกชิ้นปลากราย แล้วก็ทอดมันกุ้งครับ" ฟาบริซสั่งอาหารกับป้าเจ้าของร้านที่ท่าทางใจดีคนนั้นโดยที่ไม่ถามความเห็นของฉันสักคำ แต่ดูๆ แล้วเมนูที่เขาสั่งมันเป็นเมนูโปรดของฉันทั้งนั้นเลยนะ เอ๊ะ! แล้วเขารู้ได้ไงว่าฉันชอบกินอะไร หรือเขาเองก็ชอบกินเหมือนฉันความจริงเรื่องอาหารที่ทั้งสองครอบครัวของเราชอบทานมันก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่หรอก เพราะมัมของเราทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกัน แล้วก็เป็นคนไทยเหมือนกันแถมทั้งสองครอบครัวจะมีนัดทานอาหารด้วยกันทุกสัปดาห์ ถ้าใครจะสังเกตว่าคนไหนชอบอะไรก็คงรู้ได้ไม่ยาก เพียงแต่ที่ผ่านมาฉันไม่เคยใส่ใจใครนอกจากเฮียฟาคนเดียวเท่านั้นเพียงครู่เดีย
ฉันก้าวขึ้นมาบนรถสปอตคันหรูแล้วปรับเอนเบาะนอนลงทันที ก็จะให้นั่งตรงๆ ยังไงไหวเพราะฉันกินเยอะมาก โดยเฉพาะหอยนางรมนี่แหละเด็ดดวงที่สุด"คาดเบลท์ด้วย" เขาออกคำสั่ง"ไม่คาด ฉันกินอิ่มขนาดนี้ให้คาดเบลท์มันอึดอัดนะ" ฉันแหวใส่ เรื่องอะไรต้องยอมด้วยก็มันอึดอัดจริงๆ หนิ"บอกให้คาดไง"เขาทำเสียงเข้มกว่าเดิม แต่ฉันก็ไม่สนใจ ฟาบริซขยับตัวเอื้อมมือมาดึงสายเบลท์เพื่อคาดให้ฉันที่กำลังนอนอยู่ เขาเบือนสายตาลงมองพุงจ้ำม่ำน่ารักของฉันที่ขยายออกมาอวดสายตาชาวโลกเพราะกินเยอะ แต่มันก็ป่องมาแค่นิดหน่อยเองแหละน่า"กินซะเยอะแยะ ดูสิ พุงป่องอย่างกับงูเหลือมอิ่มหมา" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ ในขณะที่ขับรถออกมาจากร้านอาหาร"จิ๊.. ฟาบริซ ปากน่ายนี่มันน่า..""น่าจูบใช่มั้ย รู้แล้วน่า ขับรถอยู่จะมาจูบอะไรตอนนี้ไม่รู้เวล่ำเวลา หอยนางรมออกฤทธิ์แล้วไง"เขาพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท ในขณะที่ฉันได้แต่ทึ้งหัวตัวเองด้วยความโมโห แต่ครั้นจะลุกขึ้นมาฟาดฟันด้วยก็ลุกไม่ไหว เพราะอิ่มจนจุกมาถึงคอหอยแล้ว"ทำไมต้องคลานลงเตียงด้วย" ฉันเอ่ยถาม"ห๊ะ!!" เขาขมวดคิ้วเป็นคำถาม"ก็ที่น้องคนนั้นพูดว่านายจะต้องคลานลงจากเตียงมันคืออะไร" ฉัน
ฉันใช้เวลาในการเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่นานนับชั่วโมงโดยมีฟาบริซเดินตามคอยช่วยถือของแล้วจ่ายเงินให้โดยไม่บ่นสักคำ เออ..ผู้ชายที่สามารถเดินตามผู้หญิงช้อปได้เป็นชั่วโมงโดยไม่บ่นแถมยังเปย์ให้อีกแบบนี้หายากนะ อันนี้ถือว่าดีงามฉันเดินต่อไปยังร้านขายชุดชั้นในและชุดว่ายน้ำ โอ้โห!! ที่นี่มีแต่ชุดชั้นในและชุดบิกินี่สวยๆ ทั้งนั้นเลย ในระหว่างที่ฉันเลือกซื้ออยู่ อีตาฟาบริซก็ยังเข้ามายืนรอในร้านแบบไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆ ที่ยืนมองอยู่เลยสักนิด"คุณลูกค้าชอบแบบไหนเลือกได้เลยนะคะ" แม่ค้าสาวสวยเอ่ยทักทายพร้อมกับยิ้มให้อย่างมีไมตรี"อยากได้ชุดชั้นในสักสามชุด แล้วก็บิกินี่สวยๆ สักสองชุดค่ะ" ฉันบอกกับแม่ค้าซึ่งเธอก็หยิบชุดนั้นชุดนี้มาให้ฉันเลือกมากมาย"คุณลูกค้าให้แฟนนั่งรอที่โต๊ะได้นะคะ ยืนถือของรอแบบนั้นเมื่อยแย่เลย" แม่ค้าบอกกับฉันซึ่งฉันเองก็มัวแต่เลือกซื้อของจนลืมเขาไปเลย"ฟาบริซ นั่งรอแอลลี่ที่โต๊ะก็ได้นะ" เขาไม่พูดอะไรแต่เดินเอาถุงเสื้อผ้าที่ซื้อมาไปวางที่โต๊ะแล้วเดินตรงมาหาฉันแทน"เลือกอะไรนานจัง ช่วยเลือกไหม?""ห๊ะ!!" ฉันหันกลับไปมองเขาทันที ในขณะที่แม่ค้ายืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างๆ เขาไม่พูดเปล่
เมื่อกลับถึงบ้านพัก ฉันก็เข้าห้องจัดเสื้อผ้าข้าวของที่ซื้อมาเข้าที่ แล้วถือหมึกย่างออกไปนั่งกินที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่ที่หน้าบ้านพักที่ติดกับชายหาดซู่....~ซ่าาาา..~เสียงคลื่นลมทะเลพัดเย็นสบาย น้ำทะเลม้วนเป็นเกลียวกระทบหาดทรายยามสะท้อนแสงแดดเหมือนกากเพชรระยิบระยับสวยงามจับตา ซู่ๆ ซ่าๆ ปาทังกาปาทังกี้มากเลยทุกคนหาดทรายขาว น้ำทะเลใสแจ๋ว ฉันงี้อยากจะแก้ผ้าวิ่งไปเล่นน้ำในตอนนั้นเลย ติดที่ว่าแดดร้อนมากเพราะใกล้เที่ยงวัน ก็เลยต้องสงบเสงี่ยมไว้ก่อนสักพักหนึ่งฉันก็เห็นคุณป้าท่าทางใจดีเดินตรงมาหา เธอยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร"สวัสดีค่ะคุณหนู ป้าเป็นแม่บ้านของที่นี่ค่ะ คุณฟาบริซให้ป้ามาถามรายการอาหารสำหรับเย็นนี้ค่ะ""อ้อ..ขอบคุณค่ะ หนูอยากทำปิ้งย่างอาหารทะเลแล้วก็บาบีคิวค่ะ" ฉันตอบป้าไป ป้าแม่บ้านยื่นสมุดช็อตโน๊ตเล็กๆ ให้ฉันเพื่อจดรายการอาหารที่ต้องการ"เออ..ป้าคะ และอีตา.. เอ่อ คุณฟาบริซเขาได้สั่งอะไรไปบ้างหรือยังคะ""ไม่ได้สั่งค่ะ คุณฟาบริซให้คุณหนูจัดการได้เลยค่ะ""ป้าอยู่ที่นี่นานแล้วเหรอคะ หนูหมายถึงดูแลที่นี่นานหรือยังน่ะค่ะ""ป้าเป็นคนแถวนี้แหละค่ะ ดูแลที่นี่มายี่สิบกว่าปี
เสียงเพลง EDM ดังสนั่น นักเที่ยวทั้งหลายพากันโยกย้ายสนุกสนานไปตามเสียงเพลง ฉันกับเพื่อนๆ ก็เช่นเดียวกัน แต่ในขณะที่กำลังเต้นสนุกๆ อยู่นั้น..."อร๊ายยย... ยัยแอลลี่ วิล..วิล.. คุณวิลลล" ฉันมองหน้ายัยแองจี้ที่อยู่ๆ ก็แหกปากแล้วก็เงียบเสียงไป แถมยังตะลึงตาค้างอีก ยัยน้ำชาก็เช่นกัน"อะไรของพวกแกวะ?" ฉันเอ่ยถามด้วยความงุนงง"โน่นๆๆ คุณวิลไง วิลอะไรไม่รู้ แต่กำลังเดินยิ้มมาทางนี้แล้ว" ยัยแองจี้พูดไปดีดดิ้นไป ฉันมองตามไปก็เห็นเขาเดินหล่อออร่ามาทางนี้จริงๆ สไตล์การแต่งตัวแบบนี้ ยิ้มเจ้าชู้เรี่ยราดแบบนี้ไม่มีใครหรอกค่ะ ใครแยกไม่ออกว่าเป็นวิลไหน แต่นังแอลลี่รู้ดี"อ้อ..นั่นคุณวิลเซนต์" ฉันบอกกับสองสาว พวกหล่อนหันหน้ามามองฉันเป็นตาเดียวโดยมิได้นัดหมาย ใช่ค่ะ.. เพื่อนๆ ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันกับทริปเปิลวิลล์รู้จักกัน แถมไม่ได้รู้จักแบบธรรมดาด้วยนะ แต่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กเลย"กะ..แกรู้ได้ไง รู้จักเขาเหรอ?"ยัยแองจี้ตาลุกวาว ฉันไม่ตอบแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วขยิบตาให้เพื่อน ฉันหันกลับไปมองพี่วิลเซนส์ที่กำลังเดินยิ้มมาหาพร้อมกับอ้าแขนกว้างๆ เท่านั้นแหละ พ่อสุดหล่อก็เดินเข้ามาสวมกอดฉันทันที ทำเอาสาวๆ แถวนั้นทำ
ตั้งแต่เกิดเรื่องที่มหาลัยวันนั้น ฟาบริซก็เงียบหายไปเลย ฉันเองก็ไม่ได้โทรไปหาเขาเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดกับเขายังไง ก็เลยปล่อยผ่านไปจนเกือบสัปดาห์ รวมถึงตอนนี้ฉันก็ยุ่ง ๆ เรื่องเรียนด้วย เพราะเป็นเทอมสุดท้ายที่จะจบแล้ว ส่วนกับไนซ์เราก็ไม่ได้เจอกัน มีแต่เขาที่ทักไลน์มาบ้างแค่นั้นเอง"แอลลี่ แกเคลียร์กับพี่ฟาบริซแล้วยังเรื่องวันนั้นน่ะ?" น้ำชาเอ่ยถามในขณะที่กำลังคีบซูชิเข้าปาก ตั้งแต่วันนั้นพวกเราก็เพิ่งได้มากินอาหารญี่ปุ่นกันวันนี่เนี่ยแหละ"ยังเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เจอกัน ฉันยังไม่ได้กลับบ้านแล้วก็ไม่ได้โทรหาเขาด้วย ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดีอะ" ฉันตอบเพื่อนไปตามที่ตัวเองคิด จริง ๆ ฉันก็รู้สึกผิดนะ แต่จะให้ฉันโทรไปง้อเขามันก็จะดูแปลก ๆ ไปนิด และอีกอย่างฉันก็ไม่เคยง้อใคร โดยเฉพาะผู้ชาย"แต่จากที่แกเล่าให้ฟังเรื่องแพ้ลิลลี่ตอนเด็กน่ะ ถ้าคนที่มาช่วยแกคือเฮียฟา แล้วพี่ฟาบริซเขาจะรู้ได้ไงว่าแกแพ้เฉพาะลิลลี่สีชมพู แล้วเขาต้องจำมันด้วยเหรอ ก็ไหนแกบอกว่าไม่ถูกกันตั้งแต่เด็ก ๆ ไง" แองจี้เริ่มเปิดประเด็น"เออว่ะ ก็จริงของแองจี้มันนะ ไม่ใช่แค่รู้ว่าแพ้ลิลลี่ แต่รู้ถึงขนาดว่าต้องสีชมพูด้วยงี้"
"กินข้าวที่ไหนกันดีพวกแก?" ฉันเอ่ยถามน้ำชากับแองจี้พร้อมกับสะพายกระเป๋าเตรียมหยิบกุญแจรถ วันนี้มีเรียนเช้าพวกเราจึงเลิกเรียนแค่บ่ายโมงเท่านั้น"อยากกินอาหารญี่ปุ่นอะแก" น้ำชาตอบพร้อมกับทำตาปริบๆ ขอความเห็นใจ"เคๆ ไปก็ไป" พวกเราสามสาวเดินลงมาจากตึกและตรงไปยังลานจอดรถทันที"เฮ้ย แอลลี่ นั่นไนซ์นี่หว่า" เสียงพูดของแองจี้ทำให้ฉันหันไปมองทันที เป็นไนซ์จริง ๆ นั่นแหละ เขายืนยิ้มพิงรถพอร์ชของฉันอยู่ ในมือถือดอกไม้ช่อบะเริ่มเทิ่ม เอิ่มมม.. นี่ไม่ใช่คณะของไนซ์ เพราะฉะนั้นเดาได้เลยว่าต้องมาหาฉันแน่นอน"เฮ้ยๆๆ แอลลี่ นั่นมันพี่ฟาบริซใช่ไหม มาทำไมวะน่ะ แกนัดเขาไว้เหรอ?" น้ำชาพูดพร้อมกับทำหน้าเหมือนเห็นผี"เปล่านี่ ฉันไม่ได้นัดใครสักหน่อย""งั้นแสดงว่ารถไฟมารอชนกันเองโดยมิได้นัดหมายสินะ" แองจี้กอดอกพลางส่ายหน้าไปมา เพื่อนสุดแสบของฉันสองคนหันไปมองหน้ากันพร้อมกับยิ้มร้าย เดาว่าพวกหล่อนต้องมีความคิดอะไรพิเรนทร์แน่ ๆ"ฉันเล่นข้างพี่ฟาบริซร้อยนึง วันนี้ต้องมีเรื่องแน่ๆ แกดูหน้าพี่เขาซะก่อน จะแดกหัวไอ้ไนซ์อยู่แล้วนั่น" นี่ยัยน้ำชา"โอเค งั้นฉันเล่นข้างไนซ์ร้อยนึง ฉันว่าไนซ์มันต้องไม่ยอมแน่ ๆ เป้าหมายมีไว
เรียวขาสวยบนรองเท้าส้นสูงสีขาวมุกก้าวลงมาจากรถพอร์ชคันหรู ฉันเดินตรงไปยังด้านในของร้านอาหารที่บรรยากาศรายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี บรรยากาศริมน้ำยามเย็นแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันตา"แอลลี่ ทางนี้" เสียงยัยน้ำชาโบกมือเรียก ฉันจึงเดินตรงไปยังโต๊ะที่ถูกจัดอยู่บริเวณระเบียงที่ยื่นออกไปยังแม่น้ำ ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว ไนซ์ขยับตัวลุกขึ้นแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้ฉันนั่งลงฝั่งเดียวกันใกล้ ๆ กับเขา"วันนี้มากันพร้อมหน้าเลย ไนซ์สั่งอาหารไว้แล้วนะ อีกสักพักหนึ่งพนักงานคงเอามาเสริฟ แอลลี่หิวมากไหม"ไนซ์เอ่ยถามในขณะที่ฉันส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วมุ่งความสนใจไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน แสงสีส้มที่ทอแสงมากระทบผืนน้ำระยิบระยับสีทองอร่ามตา สวยงามมากจริง ๆ"พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว สวยจัง น้ำชาแกถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิ" ฉันพูดพร้อมกับส่งโทรศัพท์หรูให้กับเพื่อน ยัยน้ำชาถ่ายให้ฉันหลายรูปเลย แต่ละรูปสวย ๆ ทั้งนั้น ยัยนี่ถ่ายรูปได้เทพมาก ฉันจึงชอบใช้ให้ถ่ายให้บ่อย ๆ"ไนซ์ขอถ่ายคู่กับแอลลี่บ้างได้ไหม" ฉันพยักหน้า ก็แค่ถ่ายรูป เพื่อนกันไม่เห็นจะเป็นไรเลย ยัยน้ำชาจึงเป็นตากล้องให้พวกเราเหมือนเดิม"รูปสวยมากเลย ไนซ์ข
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊งเสียงสัญญาณไลน์แจ้งเตือนที่ดังขึ้นทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นแล้วเอื้อมมือไปคลำหาที่มาของเสียงโดยไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองแต่อย่างใด เมื่อฝ่ามือหนากระทบกับวัตถุรูปสี่เหลี่ยมจึงรีบหยิบขึ้นมาทันที ผมค่อย ๆ ลืมตาสู้กับแสงที่ส่องเข้ามาในห้องนอนในเพนท์เฮาส์ นาฬิกาบนโทรศัพท์บอกเวลาสิบโมงเช้า พร้อมกับไลน์ที่เด้งขึ้นมารัว ๆ LineNice: Hello แอลลี่ (sticker หมีโบกมือ)Nice: คิดถึงเธอจัง อยากเห็นหน้าNice: ได้ยินไหมว่าคิดถึง ๆๆ "คิดถึงพ่อมึงสิ" ผมหลุดคำด่าออกไปเพราะอดหมั่นไส้ไม่ได้ ไอ้เวรนี่ขยันทำให้ผมหัวร้อนจริงๆ ผมเหลือบมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังนอนซุกอกแกร่งของผมอยู่และเธอกำลังหลับสนิท ก็แหงล่ะ!! เมื่อคืนผมกับเธอฟาดฟันกันอย่างเร่าร้อน กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเช้าติ๊ง... เสียงไลน์มันดังขึ้นมาอีกแล้วNice: เย็นนี้ทานข้าวกันไหม ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ อยากคุยด้วยยัง..มันยังไม่เลิกเซ้าซี้ นี่ขนาดไลน์มาผมยังหงุดหงิดได้ขนาดนี้ ถ้ามันมาพูดกับแอลลี่ใกล้ ๆ ผมคงได้ล่อหน้ามันสักทีสองที ข้อหาหมั่นไส้"อืมมมมม"เสียงแอลลี่ครางเบา ๆ ในลำคอแล้วขยับแขนเล็กขึ้นกอดเอวหนาของผมแน่นขึ้น ผมวางโทรศัพท
(Ally Talk)ฟาบริซจ้องมองเรือนร่างเปลือยขาวเนียนที่อยู่ภายใต้ชุดเดรสสั้นซีทรูสีดำด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างลึกล้ำ ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างไปจากฉันในตอนนี้เลย ฉันยกมือขึ้นโอบรอบคอหนาแล้วโนมใบหน้าหล่อนั้นเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเราชนกัน ฉันใช้ปลายจมูกเล็กของตัวเองเขี่ยปลายจมูกโด่งคมนั้นไปมาอย่างหยอกเย้า ฟาบริซกัดฟันแน่นจนเห็นสันกรามนูน ลมหายใจร้อน ๆ ของเขาเป่ารดลงมาที่ริมฝีปากของฉันพอดิบพอดี"ฟาบริซต้องการแอลลี่มั้ยคะ"ฉันเอ่ยอย่างออดอ้อน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเขามาก่อน จะว่าเมาก็ไม่น่าใช่เพราะตอนนี้สติฉันก็มีครบถ้วน เพียงแต่เห็นหน้าฟาบริซตอนที่เขามีอารมณ์อย่างว่าแล้วมันทำให้เลือดลมฉันสูบฉีด จนอยากจะลุกขึ้นไปควบเขาเองให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่กลัวว่าจะไม่งาม เลยต้องอ่อยเป็นการลองเชิงสักนิดนึงก่อนเขาไม่ตอบอะไรออกมา แต่สายตาหวานหยดย้อยของเขามันคือคำตอบอยู่ในตัวแล้ว ฟาบริซยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ฝ่ามือหนาค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปในชุดซีทรูแล้วจับเนินอกทั้งสองข้างพร้อมกับใช้นิ้วแกร่งสะกิดยอดถันเบา ๆ จนมันตอบสนองด้วยการแข็งตัวเข้าใส่ ซึ่งเขาก็ยังขยำสองเต้าไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว"อ๊ะ อ๊
ในขณะที่กำลังจะถูกอุ้มกลับอยู่นั้น ฉันก็เหลือบไปเห็นระฆังช่วยชีวิตคนใหม่แล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่คนเดียวนะ เพราะมาทีเดียวพร้อมกันสามคนเลย พ่อทริปเปิลวิลล์ของฉัน ตอนนี้พวกเขากำลังเดินตรงมาทางนี้แล้วด้วยโอ้โห..ให้ตายเถอะโรบิ้น!! พ่อสามวิลล์ของฉันหล่อชิบหาย ไม่ว่าจะเดินผ่านโต๊ะไหน สาวๆ ก็เหลียวมองกันจนคอเคล็ด พี่วิลสัน พี่วิลเซอร์ และพี่วิลเซนต์ ลูกชายของคุณลุงโจเซฟ เพื่อนสนิทของแด๊ดฉันกับคุณน้าเซดริก สามหนุ่มนั่นเป็นแฝดสามจากไข่ใบเดียวกัน (ฉันหมายถึงไข่ในมดลูกนะคะ อย่าคิดลึก) ทั้งสามคนจึงเหมือนกันมาก เหมือนยันเงา รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวสะอาด แต่สิ่งเดียวที่จะแยกทั้งสามคนออกได้คือสีตา เพราะพี่วิลสันมีดวงตาสีเทา พี่วิลเซอร์มีดวงตาสีฟ้า สวนพี่วิลเซนส์มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ทั้งสามคนนี้เป็นชาวฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซนต์ เพราะลุงโจเซฟกับคุณป้าแคทเธอรีนเป็นคนฝรั่งเศสทั้งคู่ พี่ทริปเปิลวิลจึงไม่ใช่ลูกครึ่งเหมือนฉัน"พี่วิลล์ขาาาาา" ฉันเรียกพี่ทริปเปิลวิลล์เสียงหวาน ยังไงก็ต้องมีตอบมาสักวิลล์ล่ะวะ!!.. อ้อ!!. ฉันลืมบอกไปว่าทั้งสามวิลล์นี่มีอีกสิ่งที่แยกออกได้ชัดเจนอีกอย่างนึงก็คือนิสัย เพราะทั้งสามคนนี้นิสั
(Ally Talk) หลังจากฟาบริซจับฉันยัดใส่หน้ารถเรียบร้อย เขาก็ขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับแล้วปิดประตูรถดังปัง แบบไม่กลัวประตูพังเลย เขาปล่อยให้รถหรูของเฮียฟาขับนำหน้าไปก่อนแล้วจึงขับตามไป เขาเงียบมาก ไม่ยอมพูดอะไรเลย ฉันแอบเหลือบไปมองเห็นเขาทำหน้าบูดบึ้ง ไม่รู้ไปกินรังต่อรังแตนที่ไหนมา"ใครเดินเหยียบตาปลานายรึไง หรือไปกินแกงค้างคืนที่ไหนมาหน้าถึงได้บูดขนาดนั้น" ฉันตัดสินใจถามเพราะอึดอัดกับความเงียบ"บ้านจนรึไง เสื้อผ้าดีๆ ถึงไม่มีจะใส่ ดูสภาพชุดที่ใส่มาสิ ทั้งสั้นทั้งบาง ทำไมไม่ถอดไปเลยล่ะ" ฟาบริซทำน้ำเสียงขึงขังไม่พอใจแถมยังไม่มองหน้าฉันอีก"ชุดนี้สวยจะตาย แถมราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ แบรนด์ดังอีกต่างหาก นายมันตาไม่ถึง แล้วนี่ฉันแต่งตัวมาเที่ยวผับนะ ไม่ได้แต่งตัวไปสวดมนต์ข้ามปี" ฉันเถียงฉอด ๆ ก็ชุดฉันออกจะสวย ตาถั่วจริง ๆ"ไม่เห็นสวยเลย โป๊ขนาดนี้เอาอะไรมาสวย" ... ยัง.. ตานี่ยังไม่หยุด"แหม.. ทีสาว ๆ แต่งตัวโป๊ฉันเห็นนายมองจนตาแทบถลน แล้วไอ้ที่นายเคยควงแต่ละคนก็แต่งตัวเปรี้ยวปรี๊ด ทีนี้ล่ะทำมาว่าฉัน" ฟาบริซถอนหายใจแล้วหันมามองหน้าฉัน"มันไม่เหมือนกันไง จะเอาผู้หญิงแบบนั้นมาเปรียบกับเธอได้ยังไง เธอดีก
รถสปอตหรู Bentley Continental GT ขับเข้ามาจอดยังหน้าคฤหาสน์แอลตันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้แอลลี่ก็ยังคงนอนหลับตาพริ้มไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ ผมขยับตัวไปใกล้ๆ เพื่อจะปลุกเธอ แต่ให้ตายเถอะ... หน้าเธอตอนหลับน่ารักเป็นบ้า ผมค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น เป้าหมายคือริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ นั่น แต่แล้ว...."ก๊อก ๆ ๆ"เสียงเคาะกระจกข้างรถของผมดังขึ้น ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ รีบหันหน้ากลับไปมองด้านข้างรถ"ฟาริส" ผมหลุดปากเรียกชื่อเด็กหนุ่มที่ผมรักเหมือนน้องชายแท้ๆ เสียงดังจนแอลลี่ขยับตัวตื่น ผมจึงเปิดประตูรถออกมาทันที"เฮียฟาบริซ" ฟาริสเข้ามาสวมกอดผม ผมกอดตอบกลับพร้อมกับตบเบาๆ ที่บ่าของเด็กหนุ่ม ปีนี้ฟาริสอายุย่างเข้าสิบเจ็ดปีแล้ว กำลังเป็นหนุ่มน้อยที่รูปร่างหน้าตาหล่อเอาเรื่องเลยทีเดียว"ไหนแด๊ดเแอลบอกเฮียว่านายจะบินมาถึงตอนเย็น ทำไมมาถึงแล้วล่ะ""คุณปู่ใจร้อนครับ คิดถึงลูกหลานก็เลยมาก่อน" ฟาริสตอบผมพร้อมกับเบนหน้าไปมองพี่สาวตัวเองที่กำลังงัวเงียเดินออกมาจากรถ เมื่อเธอเห็นหน้าน้องชายคนเล็กก็ยิ้มร่า รีบเดินเข้าไปสวมกอดฟาริสทันที"คิดถึงจังเลย น้องชายสุดหล่อของเจ๊" แอลลี