LOGINปัจจุบัน
@คาสิโนของเตชินท์ “โห ฉันเคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่คิดเลยว่าของจริงจะหรูขนาดนี้” เสียงของฝ้ายที่เดินเข้ามาด้านในของคาสิโนหรูที่ชั้นล่างถูกตกแต่งให้เป็นสถานบันเทิงสำหรับคนดังมีชื่อเสียงและคนที่มีอำนาจ เพราะที่นี่ค่อนข้างจะได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สำหรับเศรษฐีเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยหากนักศึกษาอย่างพวกเธอจะไม่เคยได้มีโอกาสเข้ามา “ฉันรู้ว่าเธอรวยมาก แต่ไม่คิดว่าชีวิตจะดีขนาดนี้นะเนี่ย ดูสิมีพี่ชายที่ทำธุรกิจสถานบันเทิงชื่อดังที่สุดในประเทศ อิจฉาเลยอะ~” ลลินทำได้แค่ยิ้มเป็นการตอบกลับไปเท่านั้น ใครจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วชีวิตของเธอไม่ได้น่าอิจฉาแบบที่ทุกคนเห็นเลยแม้แต่น้อย หากไม่มีแผ่นดินที่เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวจริง ๆ แล้ว หญิงสาวก็ไม่รู้แล้วว่าจะสามารถพูดคุยกับใครได้อีก ระหว่างนั้นดวงตากลมโตก็กำลังไล่สำรวจสิ่งแปลกตาตรงหน้าไปด้วย เพราะทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งใหม่สำหรับลลินทั้งหมด ก่อนที่เธอและเพื่อนจะเดินไปที่โต๊ะซึ่งแผ่นดินเป็นคนเตรียมไว้ให้ และตามมาด้วยเพื่อนคนอื่น ๆ ที่เข้ามาทีหลัง “นายครับ...” “น่ารำคาญ” ดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความดุดันจ้องมองกลุ่มของนักศึกษาที่กำลังนั่งสังสรรค์กันอยู่พลางพ่นควันบุหรี่ขาวคลุ้งออกจากปากไปด้วย ในสายตาของเขาคนพวกนี้ไม่ต่างจาก ‘แกะดำ’ ที่อยู่ท่ามกลางผู้คนซึ่งเป็นลูกค้าของเขาเลยแม้แต่น้อย หากไม่ติดว่าแผ่นดินเป็นคนจัดเตรียมทุกอย่าง ผับของเขาก็คงจะไม่ต้องเปลืองพื้นที่ไปให้กับคนไร้ประโยชน์พวกนี้ “ให้คนของเราไปดูแลแขกคนอื่น” “แต่ว่า...” แต่ว่าคุณดินสั่งให้ดูแลคุณหนูนะครับ...ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจอย่างไม่กล้าจะพูดออกมาเท่าไรนัก “เราไม่มีความจำเป็นจะต้องดูแลคนอื่นที่ไร้ประโยชน์ เด็กพวกนั้นดูแลตัวเองได้” “ทำตามที่กูสั่ง” “ครับ” เมื่อไม่มีทางเลือกบอดี้การ์ดหนุ่มจึงทำได้แค่ยอมรับคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น เพราะในที่แห่งนี้เตชินท์เป็นคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจมากที่สุด และลูกน้องทุกคนต่างก็เกรงกลัวเขาทั้งนั้น ใครจะกล้าขัดคำสั่งเจ้านายอย่างเขากัน “คุณหนูครับ” เสียงเรียกของบอดี้การ์ดหนุ่มที่เดินเข้ามาหาด้านข้างทำให้ลลินเอี้ยวหน้ากลับไปมอง เธอเลิกคิ้วพลางวางแก้วน้ำในมือลงเมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของเขา “มีอะไรหรือเปล่าคะ?” “พอดีว่าวันนี้มีลูกค้าคนสำคัญของคุณเตชินท์เข้ามาแล้วคนของเราไม่พอ ผมเลยจะขออนุญาตให้บอดี้การ์ดไปดูแลลูกค้าก่อนน่ะครับ” “แต่ถ้าคุณหนูต้องการอะไรเพิ่มเติมสามารถติดต่อผมได้เลยนะครับ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูแค่มาฉลองกับเพื่อนธรรมดา ไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดคอยดูแลก็ได้” “หนูไม่บอกพี่ดินหรอกน่า~ เพราะฉะนั้นคุณบอดี้การ์ดไม่ต้องคิดมากนะคะ” รอยยิ้มไร้เดียงสายิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดมากกว่าเดิมที่ต้องพูดโกหกออกไป ลลินดาเชื่อเขาอย่างไร้ข้อสงสัยว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติไปหรือไม่ หญิงสาวไม่ถาม ไม่โวยวายเรียกร้องที่จะได้รับการปฏิบัติในฐานะของลูกเจ้านายใหญ่ ความใสซื่อของเธอยิ่งทำให้ชายหนุ่มอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเจ้านายหนุ่มของตัวเองถึงได้จงเกลียดจงชังเด็กผู้หญิงตรงหน้ามากขนาดนี้ ถึงลลินจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของคุณท่านทั้งสองคน แต่เธอก็วางตัวดีมาโดยตลอด รวมถึงด้านการศึกษาก็ไม่เคยที่จะน้อยหน้าใครให้คนที่บ้านต้องอับอาย คนที่เพียบพร้อมทุกอย่างขนาดนี้ เพียงแค่ไม่ได้เกิดจากฉัตรพลและกานต์พิชชา ทำให้เตชินท์ต้องเกลียดชังคนตัวเล็กได้มากขนาดนี้เชียวหรือ? เขาไม่เข้าใจความคิดอคติของเจ้านายตัวเองเลยจริง ๆ “นี่ ๆ” ระหว่างที่กำลังมองตามแผ่นหลังของคนตัวสูงออกไป นิ้วเรียวยาวของเพื่อนลลินอีกคนก็เอื้อมมาสะกิดที่ต้นแขนเล็กอย่างกระตือรือล้นด้วยความสนใจ ก่อนแก้มจะเท้าคางแล้วเอ่ยถามเพื่อนสาวเมื่อเห็นว่าชายฉกรรจ์ในชุดสูทได้เดินออกไปแล้ว “มีอะไรเหรอ?” “ปกติที่บ้านของเธอเรียกเธอว่าคุณหนูแบบนี้ทุกครั้งเลยรึเปล่าอะ” “เอ่อ...ก็ส่วนมากนะ” “อร๊ายยย ชีวิตเจ้าหญิงสุด ๆ ไปเลย แล้วถ้าฉันเป็นเพื่อนกับเธอแบบนี้ เขาจะเรียกฉันว่าคุณหนูบ้างรึเปล่า” “พอเลยเธอน่ะ ถามอะไรไร้สาระอยู่ได้” ตั้มที่นั่งฟังอยู่นานส่ายหัวเบา ๆ กับท่าทางที่เกินพอดีของเพื่อนตัวเอง เทพพิพัฒน์เป็นตระกูลของเศรษฐีอันดับต้น ๆ ในประเทศอยู่แล้ว รวมถึงลูกพี่ลูกน้องของฝั่งพ่อลลินก็ทำธุรกิจด้านโรงแรมดังหลายสิบแห่งทั่วประเทศ ดังนั้นทุกคนต่างก็รู้ดีว่าครอบครัวของเธอร่ำรวยมากแค่ไหน ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนแบบหญิงสาวจะได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากลูกน้องของพี่ชายตัวเอง ในขณะที่ลลินดาเองก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมอะไรต่อ ไม่ใช่เพราะว่าเธออับอายที่จะต้องบอกว่าตัวเองมาจากไหน เพียงแค่ฉัตรพลและกานต์พิชชาไม่อยากที่จะให้ใครต้องรู้เกี่ยวกับอดีตของลูกสาวตัวเองให้เป็นข้อครหาของคนอื่นได้ ทั้งสองคนไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องของลลินเป็นเรื่องที่น่าอายเลย เพียงแต่หากมีใครเอาลูกสาวของตนไปพูดเสีย ๆ หาย ๆ มันก็คงจะน่ารำคาญใจไม่น้อย ดังนั้นทุกคนจึงเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตเหล่านั้นอีก เพราะถึงอย่างไรทั้งปัจจุบันและอนาคตข้างหน้า ลลินก็ยังคงเป็นลูกสาวคนเล็กของเทพพิพัฒน์ตลอดไปอยู่ดีสวบ!“อ่าส์...” เตชินท์หลุดเสียงครางออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อสามารถสอดใส่เข้าไปได้จนสุดความยาวแล้ว จากนั้นจึงเริ่มซอยสะโพกเข้าออกอย่างช้า ๆ เนื่องจากน้ำหล่อลื่นด้านในที่ทำให้เขาขยับได้สะดวกกว่าเดิม“นิ่มมากเลย” ฝ่ามือใหญ่เลื่อนมากอบกุมเต้าอวบแล้วออกแรงบีบเคล้นไปตามความต้องการ โดยที่ช่วงล่างก็ยังคงออกแรงกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างไม่ลดละ เตชินท์โน้มใบหน้าลงไปฉกชิมความหวานจากเนื้อนุ่มจนยอมปทุมถันแข็งชันเป็นไต แล้วจึงไล่ขึ้นมาสูดดมความหอมจากลำคอขาวเนียนอย่างหลงใหล“อย่าทำรอยนะคะ อ๊ะ ๆ” สองแขนเรียวยกขึ้นมาโอบกอดแผ่นหลังแกร่งเอาไว้อย่างแนบชิดแล้วร้องบอกเสียงกระท่อนกระแท่นจากร่างกายของเธอที่กำลังโยกคลอนอยู่ ซึ่งเตชินท์เองก็ยอมทำตามความต้องการของลลินอย่างว่าง่ายเพราะเขารู้ดีว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่เทพพิพัฒน์ทั้งสองบ้านจะมารวมตัวกัน ดังนั้นภาพลักษณ์ของเธอจึงต้องดูดีที่สุดในสายตาของผู้ใหญ่“ยังตอดเก่งเหมือนเดิมเลยนะ”“อ อื้อ!”“ไม่ให้ทำรอยแต่ทำแบบนี้ได้ใช่ไหม?” เตชินท์เอ่ยถามคนใต้ร่างเสียงแหบพร่าหลังจากผละใบหน้าออกมาแล้ว โดยมือใหญ่ของเขาได้เอื้อมไปบีบที่ลำคอเล็กอย่างแรงเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ดิบของตัว
หนึ่งเดือนต่อมา@โรงแรมเทพพิพัฒน์“คุยกับใครอยู่?” ร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องน้ำถามคนที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงเสียงเข้ม ขณะที่ลลินยกหัวขึ้นมาจากหมอนใบใหญ่เล็กน้อยแล้วตอบกลับไป“คุยกับพี่เทมป์ค่ะ พี่เขาซื้อน้องหมาตัวเล็กมาด้วย น่ารักมากเลย~”“อยู่บนเตียงกับพี่แต่พูดถึงผู้ชายคนอื่นงั้นเหรอ?”“หึงเหรอ~”“ถ้าบอกว่าหึงจะเลิกคุยไหม?” เขาล้มตัวลงนอนด้านข้างแล้วอุ้มร่างเล็กขึ้นมานอนทาบทับบนแผงอกแกร่งซึ่งเป็นที่ที่ลลินชอบนอนอยู่เป็นประจำ“ม่ายยยย” เด็กสาวหัวเราะชอบใจตอนที่ปลายจมูกโด่งเลื่อนมาคลอดเคลียที่แก้มนวลเป็นเชิงหยอกล้อ เพราะเธอรู้ดีว่าเตชินท์ไม่ได้หึงเธอกับเทมป์แล้ว และทั้งคู่ก็เคยคุยกันอยู่บ่อย ๆ จากการไปหาเธอที่ร้านดอกไม้ในทุกวันหยุด ซึ่งเทมป์ก็มาเป็นลูกค้าประจำ รวมถึงเตชินท์ที่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอเช่นกัน“สัปดาห์หน้าพี่เทมป์มีฉลองสอบเสร็จกับเพื่อน ๆ เราชวนพี่เขามาที่ผับของเราดีไหมคะ”“ตามใจ เพราะยังไงลินก็มีอำนาจตัดสินใจเท่าพี่อยู่แล้ว”“งั้นลินบอกเลยแล้วกัน”“ว่าแต่เราเหลือเวลากันอีกกี่ชั่วโมงเหรอคะ?”“น่าจะประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง เดี๋ยวไอ้ติณมันจะบอกอีกที อยากไปไหนก่อนไหม?”
“เดี๋ยวนี้ตัวติดกับพี่เตจนลืมพ่อกับแม่แล้วนะ” ฉัตรพลหยอกล้อคนที่เดินเข้ามากับภรรยาของตัวเอง ทั้งที่เมื่อก่อนเด็กสาวมักจะอยู่บ้านตลอดเวลาที่ว่าง แต่ดูเหมือนในตอนนี้เธอจะใช้เวลาอยู่ที่อื่นเสียมากกว่า“ฮืออ หนูไม่ได้ลืมทุกคนนะคะ” ลลินแสร้งเบะปากราวกับจะร้องไห้เพื่อเรียกความเห็นใจ เพราะว่าตอนนี้เหมือนทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดถึงความคลั่งรักของทั้งคู่ที่ตัวติดกันตลอดเวลา“ไม่ต้องมาทำตาใสเลย พ่อไม่สงสารหรอกนะ”“ไม่ต้องไปสนใจหรอก” เตชินท์เอ่ยบอกเด็กสาวเสียงเรียบแล้วรั้งตัวของเธอมานั่งบนหน้าตักจนลลินไม่ทันตั้งตัว ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเขินอายมากกว่าเดิม“พี่เตปล่อยลินก่อนค่ะ พ่อกับแม่อยู่นะ”“แค่นั่งตัก”“แต่ตอนนี้เรากำลังจะกินข้าวกันนะคะ จะนั่งแบบนี้ได้ยังไง”“ลินกินก่อน เดี๋ยวพี่ค่อยกิน”“อย่าไปตามใจพี่เขามากนะลิน” กานต์พิชชาเอ่ยปรามลูกสาวคนเล็กที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งของลูกสะใภ้หลังได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ที่คล้ายกับว่าลูกชายของเธอจะเอาแต่ใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้อยู่กับเมียตัวเล็ก แต่ฉัตรพลกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วหันไปบอกภรรยาของตนเอง“ไม่รู้ว่าใครตามใจใครกันแน่นะ”“แล้วเป็นยังไงบ้าง
“แฮ่ก~” ลลินหอบหายใจออกมาแล้วล้มตัวลงนอนทาบทับบนแผงอกแกร่งอย่างหมดแรง ขณะที่ทั้งคู่กำลังอยู่บนโซฟาโดยมีเตชินท์เป็นคนที่นอนอยู่และลลินนั่งคร่อมด้านบน จุดเชื่อมต่อของทั้งสองคนยังคงเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แบบตอนแรก“เมียเด็กนี่แรงเยอะจังเลยนะ” เขาเอ่ยหยอกล้อโดยที่มือยังคงลูบแผ่นหลังชุ่มเหงื่อไปด้วยเบา ๆ“พี่เตเองก็แรงเยอะเหมือนกันแหละค่ะ ทำตรงนั้นของลินแสบไปหมดเลย”“แล้วชอบไหม?”“ชอบค่ะ” มาเฟียหนุ่มหลุดยิ้มกับคำตอบทะเล้นของคนรักก่อนเขาจะเป็นฝ่ายอุ้มเธอไปทำความสะอาดคราบน้ำเชื้อเหนอะหนะอย่างเช่นทุกครั้ง และกลับมานอนบนเตียงที่ตอนนี้ทั้งผ้าห่มและผ้าปูที่นอนกระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบ“กอดของพี่เตอุ่นจังเลย~” ใบหน้าจิ้มลิ้มซุกหน้าเข้าที่แผงอกแกร่งแบบที่ชอบทำเพื่อหาความอบอุ่นจากร่างกำยำแล้วเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีที่เตชินท์ยังคงปฏิบัติต่อเธอเหมือนวันแรกที่ตัดสินใจคบหากันจนถึงตอนนี้“มีอะไรจะบอกพี่แค่นี้เองเหรอ?”“ต้องบอกอะไรอีกเหรอคะ”“ลิน”“ฮ่า ๆ ลินคิดว่าพี่จะฟังจนเบื่อแล้วซะอีก”“อยากฟังอีก แล้วก็ไม่มีวันเบื่อด้วย จะอีกกี่ปีก็อยากฟังทุกวัน”“เพราะพี่ยังเสมอต้นเสมอปลายหรอกนะคะ ลินเลยพูดคำนี้
“ทำไมอ้อนเก่ง” ไม่ใช่ว่าลลินไม่เคยเป็นฝ่ายควบคุมเกมรักด้วยตัวเอง และไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยอ้อนเขาแบบนี้ แต่ว่าท่าทางที่ดูเหมือนแมวตัวเล็กน่ารักนั้นทำเอาหัวใจแกร่งของมาเฟียอย่างเขาหัวใจอ่อนยวบแล้วอดที่จะถามไม่ได้ถึง ‘ความน่ารัก’ ที่นับวันลลินก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ“ลินเห็นพี่ทำเพื่อลินมามากแล้วค่ะ ลินเลยอยากตอบแทนให้พี่มีความสุขบ้าง”“ที่ทำทั้งหมดเพราะแค่อยากตอบแทนงั้นเหรอ?”“เปล่าค่ะ เพราะหนูก็ต้องการเหมือนกัน”เตชินท์ยกยิ้มกับคำพูดเอาใจของคนตัวเล็กก่อนที่ลลินจะเป็นฝ่ายขยับขึ้นมาคร่อมบนหน้าตักของเขาไว้ แก่นกายใหญ่ที่เพิ่งอ่อนตัวลงกลับมาแข็งชันอีกครั้งหลังจากที่ถูกมือนุ่มสัมผัสได้สักพักลลินจัดการยกตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับปลายหัวเห็ดแดงก่ำมาจ่อตรงปากร่องสวาทของตัวเอง จากนั้นจึงกดตัวลงช้า ๆ โดยที่มีมือของเตชินท์คอยประคองเอวคอดเอาไว้“อ อื้อ~”“ทำแบบนี้มันก็ยิ่งเข้าไปลึกสิ” เตชินท์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู ก่อนจะขยับไปนั่งพิงหัวเตียงเพื่อที่จะได้โอบกอดคนตัวเล็กได้สะดวกมากกว่าเดิมโดยที่มืออีกข้างของเขาก็กำลังบีบเคล้นหน้าอกใหญ่ไปด้วย“อยากขยับไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ
“ขอเหมือนเดิมหนึ่งแก้วค่ะ” เด็กสาวในชุดสายเดี่ยวยืนสั่งบาร์เทนเดอร์เสียงหวานหลังจากที่เพื่อนทั้งสามคนแยกย้ายกันกลับไปแล้ว เธอคิดว่าจะดื่มต่ออีกสักแก้วแล้วค่อยไปนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ของเตชินท์เพื่อคิดถึงเขาไปด้วย ระหว่างนั้นมือเรียวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะดูว่าแฟนหนุ่มได้อ่านข้อความที่เธอส่งไปหรือยัง“อ๊ะ!”“แอบมาหนีเที่ยวแบบนี้ไม่กลัวโดนทำโทษเหรอครับ” ทว่าในจังหวะที่กำลังปลดล็อคหน้าจอ ท่อนแขนแกร่งของชายหนุ่มบางคนก็สอดเอามาโอบที่เอวคอดของลลินอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงทุ้มที่เอ่ยประชิดกับใบหูเล็กและกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยพาลทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ เธอรีบหมุนตัวกลับไปแล้วตวัดแขนโอบกอดลำคอหนาไว้แน่นด้วยความคิดถึง“ที่รักกลับมาหาหนูแล้ว”“แอบหนีพี่เที่ยวงั้นเหรอ?” เตชินท์โอบกอดที่เอวบางเอาไว้พร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาสูดดมกลิ่นหอมบริเวณไหล่มนด้วยความคิดถึงไม่ต่างกัน ขณะที่มืออีกข้างก็ลูบแผ่นหลังบางของคนตัวเล็กเบา ๆ ไปด้วย“หนูส่งข้อความบอกแล้วนะคะ แต่พี่เตไม่อ่านเอง รู้ไหมว่าตลอดสองวันที่ไม่ได้คุยกันหนูคิดถึงมากแค่ไหน”“พี่รีบทำงานเพื่อจะกลับมาหาเด็กน้อยแถวนี้อยู่ แล้วก็ว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส







