LOGIN“นี่ทุกคน ออกไปเต้นตรงนั้นกันไหม ฉันอยากไปหาเหยื่อรวย ๆ บ้างอะ” ใบข้าวที่เริ่มดื่มไปได้พักใหญ่หันมาชวนเพื่อนผู้หญิงอีกสามคนที่นั่งอยู่ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม เหตุผลตอนหลังก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น เพราะที่บ้านของพวกเธอต่างก็ค่อนข้างมีฐานะพอสมควร เพียงแต่อาจจะน้อยกว่าลลินเท่านั้นเอง
“ไปสิ ฉันเบื่อนั่งเฉย ๆ แล้วเหมือนกัน เดี๋ยวมานะ~” ทั้งฝ้ายและแก้มหันมาบอกกับเพื่อนรักอีกคนที่นั่งอยู่ก่อนจะพากันเดินออกไปที่บริเวณด้านหน้าเวที เพราะพวกเธอรู้ดีว่าต่อให้พยายามยังไง ลลินก็คงจะยืนกรานนั่งอยู่ที่นี่อยู่ดี ดังนั้นทั้งสามคนจึงทำได้แค่กำชับให้ผู้ชายเพียงคนเดียวในกลุ่มดูแลเพื่อนรักของพวกเธอให้ดีเท่านั้น “ดูแลยัยลินด้วยล่ะ ห้ามปล่อยให้คลาดสายตานะ!” “ห้ามไปไหนนะแก เดี๋ยวพวกเรากลับมา” “ต่อให้จะไปห้องน้ำก็ต้องโทรหาพวกฉันก่อนรู้ไหม!” “เออ รู้แล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ” ลลินส่ายหน้าออกมาน้อย ๆ กับภาพความวุ่นวายตรงหน้า รวมถึงสีหน้าที่ดูรำคาญของตั้ม ก่อนทั้งสามคนจะพากันออกไปจากที่ตรงนั้นจนเหลือแค่เธอกับตั้มแค่สองคน “ตั้มอยากกินอะไรไหม ถ้าหิวก็สั่งได้เลยนะ กว่าพวกเราจะกลับก็น่าจะอีกพักใหญ่เลย” “อืม” ชายหนุ่มขานรับในลำคอแล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบเล็กน้อย ระหว่างนั้นสายตาของเขาก็เหลือบมองใบหน้าหวานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไปด้วยเป็นระยะพร้อมกับการตัดสินใจบางอย่าง ก่อนมือหนาจะกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดแก้วแล้วตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา “ลิน” “หืม? มีอะไรเหรอ” “นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วใช่ไหมที่เราเจอกันตอนนั้น” “ใช่~ ประมาณหนึ่งปีแล้วตั้งแต่ที่เราเจอตั้มที่ค่ายติววันนั้น” คนตัวเล็กตอบเสียงใส “แล้ว...ตอนนี้เธอพร้อมจะให้คำตอบฉันได้รึยัง” คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ แต่แล้วใบหน้าหวานก็ต้องแสดงสีหน้าที่อึดอัดออกมาหลังจากนึกคำพูดเมื่อหนึ่งปีก่อนได้ ที่เธอแทบจะลืมมันไปเสียด้วยซ้ำ ตั้มชอบเธอ และได้สารภาพออกมาเมื่อหนึ่งปีก่อนตั้งแต่ที่ยังอยู่ในค่ายติวด้วยกัน เพียงแต่ตอนนั้นลลินยังไม่พร้อมที่จะคบหากับใคร เขาเลยรอ...รอเพื่อจะถามเธออีกครั้ง “เธอรู้ใช่ไหมว่าที่ฉันมาอยู่กลุ่มของพวกเธอเพราะอะไร” เขาพูดกับคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม “ฉันรอเธอมาตลอดเลยนะตั้งแต่วัน...” “เราขอโทษนะตั้ม” “อะไรนะ?” น้ำเสียงของชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนไป “คือว่าตอนนี้เราก็ยังมองตั้มเป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่งเหมือนเดิม” ลลินสบตากับคนตรงข้ามด้วยสายตาที่จริงจัง ถึงจะกลัวว่าคำพูดตรง ๆ ของเธอจะทำให้ตั้มต้องผิดหวัง แต่มันก็ดีกว่าที่จะให้เขาต้องรออยู่แบบนี้อย่างไม่ชัดเจน “ขอโทษที่ทำให้ตั้มคิดว่าต้องรอมาตลอด แต่เชื่อเรานะว่ายังมีผู้หญิงคนอื่น ๆ อีกที่ดีกว่าเรา” ชายหนุ่มเค้นเสียงในลำคอพร้อมกับดันตัวลุกขึ้นอย่างแรงจนคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ก่อนเขาจะสบตากับเธอด้วยสายตาบางอย่างทิ้งท้ายแล้วเดินเลี่ยงออกจากโต๊ะโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อแม้แต่คำเดียว ขณะที่ลลินได้แต่มองตามแผ่นหลังของเพื่อนสนิทไปด้วยความเป็นห่วง แต่สุดท้ายเธอคงทำได้แค่ปล่อยให้เขาได้อยู่คนเดียวสักพักแล้วค่อยมาพูดคุยกันต่อในตอนที่อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลงเท่านั้น แม้จะมีคนที่มาสารภาพรักกับเธอมากมาย และลลินก็เคยปฏิเสธไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเป็นคนที่เธอเรียกว่าเพื่อนตลอดมา มันจึงทำให้เด็กสาวอดที่จะเป็นห่วงความรู้สึกของอีกคนไม่ได้ ในเวลาแบบนี้เธอควรจะต้องปลอบใจเขาอย่างไร? และความเป็นเพื่อนของทั้งคู่จะเปลี่ยนไปหรือไม่? หญิงสาวไม่รู้เลย... ตุบ! ตุบ! ตุบ! “แม่ง! แม่ง!” กำปั้นหนักถูกต่อยลงที่กำแพงอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์โกรธของตัวเอง พร้อมกับเสียงที่สบถออกมา ร่างสูงหอบหายใจหนัก ๆ อย่างไม่สามารถควบคุมได้หลังจากสิ่งที่ต้องการไม่ได้เป็นแบบที่เขาหวัง ลลินเป็นคนที่ค่อนข้างหัวอ่อน แล้วทำไมเธอจึงกล้าปฏิเสธออกมาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาก็ใช้เวลาเป็นอย่างมากเพื่อรอเธอ เหอะ! ผู้หญิงที่ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? ความจริงลลินอาจจะแค่มีคนที่เธอชอบหรือศึกษาดูใจอยู่แล้วก็ได้ แต่ว่าใครจะยอมให้เป็นแบบนั้นกัน “เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธฉันลลิน เธอจะต้องตอบตกลงเท่านั้น” เพราะคืนนี้เขาตั้งใจไว้แล้วว่าลลินจะต้องเป็นของเขาให้ได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่คิดเผื่อใจสำหรับความผิดหวังแม้แต่น้อย โรงแรมก็จองไว้แล้วเพื่อฉลองสถานะใหม่ของทั้งคู่ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมถอยเพราะคำปฏิเสธแค่นี้เป็นอันขาด ตั้มยืนสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ก่อนจะกลับเข้าไปหาลลินที่ด้านในอีกครั้ง พร้อมกับแก้วเครื่องดื่มในมือที่จะทำให้เขาได้สมหวังในค่ำคืนนี้ พรึ่บ! “ตั้ม คือเรา...” “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยลิน เพราะฉันไม่ได้เตรียมใจสำหรับความผิดหวังแบบนี้” ตั้มที่เพิ่งกลับมานั่งสบตากับเด็กสาวเพียงนิดพร้อมกับเลื่อนแก้วเครื่องดื่มในมือให้ จากนั้นจึงนั่งดื่มเหล้าของตัวเองต่อ หางตาของเขาเหลือบมองคนที่นั่งอยู่เป็นเชิงกดดันทำให้ลลินต้องยอมนั่งดื่มเป็นเพื่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้สวบ!“อ่าส์...” เตชินท์หลุดเสียงครางออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อสามารถสอดใส่เข้าไปได้จนสุดความยาวแล้ว จากนั้นจึงเริ่มซอยสะโพกเข้าออกอย่างช้า ๆ เนื่องจากน้ำหล่อลื่นด้านในที่ทำให้เขาขยับได้สะดวกกว่าเดิม“นิ่มมากเลย” ฝ่ามือใหญ่เลื่อนมากอบกุมเต้าอวบแล้วออกแรงบีบเคล้นไปตามความต้องการ โดยที่ช่วงล่างก็ยังคงออกแรงกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างไม่ลดละ เตชินท์โน้มใบหน้าลงไปฉกชิมความหวานจากเนื้อนุ่มจนยอมปทุมถันแข็งชันเป็นไต แล้วจึงไล่ขึ้นมาสูดดมความหอมจากลำคอขาวเนียนอย่างหลงใหล“อย่าทำรอยนะคะ อ๊ะ ๆ” สองแขนเรียวยกขึ้นมาโอบกอดแผ่นหลังแกร่งเอาไว้อย่างแนบชิดแล้วร้องบอกเสียงกระท่อนกระแท่นจากร่างกายของเธอที่กำลังโยกคลอนอยู่ ซึ่งเตชินท์เองก็ยอมทำตามความต้องการของลลินอย่างว่าง่ายเพราะเขารู้ดีว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่เทพพิพัฒน์ทั้งสองบ้านจะมารวมตัวกัน ดังนั้นภาพลักษณ์ของเธอจึงต้องดูดีที่สุดในสายตาของผู้ใหญ่“ยังตอดเก่งเหมือนเดิมเลยนะ”“อ อื้อ!”“ไม่ให้ทำรอยแต่ทำแบบนี้ได้ใช่ไหม?” เตชินท์เอ่ยถามคนใต้ร่างเสียงแหบพร่าหลังจากผละใบหน้าออกมาแล้ว โดยมือใหญ่ของเขาได้เอื้อมไปบีบที่ลำคอเล็กอย่างแรงเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ดิบของตัว
หนึ่งเดือนต่อมา@โรงแรมเทพพิพัฒน์“คุยกับใครอยู่?” ร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องน้ำถามคนที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงเสียงเข้ม ขณะที่ลลินยกหัวขึ้นมาจากหมอนใบใหญ่เล็กน้อยแล้วตอบกลับไป“คุยกับพี่เทมป์ค่ะ พี่เขาซื้อน้องหมาตัวเล็กมาด้วย น่ารักมากเลย~”“อยู่บนเตียงกับพี่แต่พูดถึงผู้ชายคนอื่นงั้นเหรอ?”“หึงเหรอ~”“ถ้าบอกว่าหึงจะเลิกคุยไหม?” เขาล้มตัวลงนอนด้านข้างแล้วอุ้มร่างเล็กขึ้นมานอนทาบทับบนแผงอกแกร่งซึ่งเป็นที่ที่ลลินชอบนอนอยู่เป็นประจำ“ม่ายยยย” เด็กสาวหัวเราะชอบใจตอนที่ปลายจมูกโด่งเลื่อนมาคลอดเคลียที่แก้มนวลเป็นเชิงหยอกล้อ เพราะเธอรู้ดีว่าเตชินท์ไม่ได้หึงเธอกับเทมป์แล้ว และทั้งคู่ก็เคยคุยกันอยู่บ่อย ๆ จากการไปหาเธอที่ร้านดอกไม้ในทุกวันหยุด ซึ่งเทมป์ก็มาเป็นลูกค้าประจำ รวมถึงเตชินท์ที่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอเช่นกัน“สัปดาห์หน้าพี่เทมป์มีฉลองสอบเสร็จกับเพื่อน ๆ เราชวนพี่เขามาที่ผับของเราดีไหมคะ”“ตามใจ เพราะยังไงลินก็มีอำนาจตัดสินใจเท่าพี่อยู่แล้ว”“งั้นลินบอกเลยแล้วกัน”“ว่าแต่เราเหลือเวลากันอีกกี่ชั่วโมงเหรอคะ?”“น่าจะประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง เดี๋ยวไอ้ติณมันจะบอกอีกที อยากไปไหนก่อนไหม?”
“เดี๋ยวนี้ตัวติดกับพี่เตจนลืมพ่อกับแม่แล้วนะ” ฉัตรพลหยอกล้อคนที่เดินเข้ามากับภรรยาของตัวเอง ทั้งที่เมื่อก่อนเด็กสาวมักจะอยู่บ้านตลอดเวลาที่ว่าง แต่ดูเหมือนในตอนนี้เธอจะใช้เวลาอยู่ที่อื่นเสียมากกว่า“ฮืออ หนูไม่ได้ลืมทุกคนนะคะ” ลลินแสร้งเบะปากราวกับจะร้องไห้เพื่อเรียกความเห็นใจ เพราะว่าตอนนี้เหมือนทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดถึงความคลั่งรักของทั้งคู่ที่ตัวติดกันตลอดเวลา“ไม่ต้องมาทำตาใสเลย พ่อไม่สงสารหรอกนะ”“ไม่ต้องไปสนใจหรอก” เตชินท์เอ่ยบอกเด็กสาวเสียงเรียบแล้วรั้งตัวของเธอมานั่งบนหน้าตักจนลลินไม่ทันตั้งตัว ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเขินอายมากกว่าเดิม“พี่เตปล่อยลินก่อนค่ะ พ่อกับแม่อยู่นะ”“แค่นั่งตัก”“แต่ตอนนี้เรากำลังจะกินข้าวกันนะคะ จะนั่งแบบนี้ได้ยังไง”“ลินกินก่อน เดี๋ยวพี่ค่อยกิน”“อย่าไปตามใจพี่เขามากนะลิน” กานต์พิชชาเอ่ยปรามลูกสาวคนเล็กที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งของลูกสะใภ้หลังได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ที่คล้ายกับว่าลูกชายของเธอจะเอาแต่ใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้อยู่กับเมียตัวเล็ก แต่ฉัตรพลกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วหันไปบอกภรรยาของตนเอง“ไม่รู้ว่าใครตามใจใครกันแน่นะ”“แล้วเป็นยังไงบ้าง
“แฮ่ก~” ลลินหอบหายใจออกมาแล้วล้มตัวลงนอนทาบทับบนแผงอกแกร่งอย่างหมดแรง ขณะที่ทั้งคู่กำลังอยู่บนโซฟาโดยมีเตชินท์เป็นคนที่นอนอยู่และลลินนั่งคร่อมด้านบน จุดเชื่อมต่อของทั้งสองคนยังคงเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แบบตอนแรก“เมียเด็กนี่แรงเยอะจังเลยนะ” เขาเอ่ยหยอกล้อโดยที่มือยังคงลูบแผ่นหลังชุ่มเหงื่อไปด้วยเบา ๆ“พี่เตเองก็แรงเยอะเหมือนกันแหละค่ะ ทำตรงนั้นของลินแสบไปหมดเลย”“แล้วชอบไหม?”“ชอบค่ะ” มาเฟียหนุ่มหลุดยิ้มกับคำตอบทะเล้นของคนรักก่อนเขาจะเป็นฝ่ายอุ้มเธอไปทำความสะอาดคราบน้ำเชื้อเหนอะหนะอย่างเช่นทุกครั้ง และกลับมานอนบนเตียงที่ตอนนี้ทั้งผ้าห่มและผ้าปูที่นอนกระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบ“กอดของพี่เตอุ่นจังเลย~” ใบหน้าจิ้มลิ้มซุกหน้าเข้าที่แผงอกแกร่งแบบที่ชอบทำเพื่อหาความอบอุ่นจากร่างกำยำแล้วเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีที่เตชินท์ยังคงปฏิบัติต่อเธอเหมือนวันแรกที่ตัดสินใจคบหากันจนถึงตอนนี้“มีอะไรจะบอกพี่แค่นี้เองเหรอ?”“ต้องบอกอะไรอีกเหรอคะ”“ลิน”“ฮ่า ๆ ลินคิดว่าพี่จะฟังจนเบื่อแล้วซะอีก”“อยากฟังอีก แล้วก็ไม่มีวันเบื่อด้วย จะอีกกี่ปีก็อยากฟังทุกวัน”“เพราะพี่ยังเสมอต้นเสมอปลายหรอกนะคะ ลินเลยพูดคำนี้
“ทำไมอ้อนเก่ง” ไม่ใช่ว่าลลินไม่เคยเป็นฝ่ายควบคุมเกมรักด้วยตัวเอง และไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยอ้อนเขาแบบนี้ แต่ว่าท่าทางที่ดูเหมือนแมวตัวเล็กน่ารักนั้นทำเอาหัวใจแกร่งของมาเฟียอย่างเขาหัวใจอ่อนยวบแล้วอดที่จะถามไม่ได้ถึง ‘ความน่ารัก’ ที่นับวันลลินก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ“ลินเห็นพี่ทำเพื่อลินมามากแล้วค่ะ ลินเลยอยากตอบแทนให้พี่มีความสุขบ้าง”“ที่ทำทั้งหมดเพราะแค่อยากตอบแทนงั้นเหรอ?”“เปล่าค่ะ เพราะหนูก็ต้องการเหมือนกัน”เตชินท์ยกยิ้มกับคำพูดเอาใจของคนตัวเล็กก่อนที่ลลินจะเป็นฝ่ายขยับขึ้นมาคร่อมบนหน้าตักของเขาไว้ แก่นกายใหญ่ที่เพิ่งอ่อนตัวลงกลับมาแข็งชันอีกครั้งหลังจากที่ถูกมือนุ่มสัมผัสได้สักพักลลินจัดการยกตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับปลายหัวเห็ดแดงก่ำมาจ่อตรงปากร่องสวาทของตัวเอง จากนั้นจึงกดตัวลงช้า ๆ โดยที่มีมือของเตชินท์คอยประคองเอวคอดเอาไว้“อ อื้อ~”“ทำแบบนี้มันก็ยิ่งเข้าไปลึกสิ” เตชินท์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู ก่อนจะขยับไปนั่งพิงหัวเตียงเพื่อที่จะได้โอบกอดคนตัวเล็กได้สะดวกมากกว่าเดิมโดยที่มืออีกข้างของเขาก็กำลังบีบเคล้นหน้าอกใหญ่ไปด้วย“อยากขยับไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ
“ขอเหมือนเดิมหนึ่งแก้วค่ะ” เด็กสาวในชุดสายเดี่ยวยืนสั่งบาร์เทนเดอร์เสียงหวานหลังจากที่เพื่อนทั้งสามคนแยกย้ายกันกลับไปแล้ว เธอคิดว่าจะดื่มต่ออีกสักแก้วแล้วค่อยไปนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ของเตชินท์เพื่อคิดถึงเขาไปด้วย ระหว่างนั้นมือเรียวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะดูว่าแฟนหนุ่มได้อ่านข้อความที่เธอส่งไปหรือยัง“อ๊ะ!”“แอบมาหนีเที่ยวแบบนี้ไม่กลัวโดนทำโทษเหรอครับ” ทว่าในจังหวะที่กำลังปลดล็อคหน้าจอ ท่อนแขนแกร่งของชายหนุ่มบางคนก็สอดเอามาโอบที่เอวคอดของลลินอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงทุ้มที่เอ่ยประชิดกับใบหูเล็กและกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยพาลทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ เธอรีบหมุนตัวกลับไปแล้วตวัดแขนโอบกอดลำคอหนาไว้แน่นด้วยความคิดถึง“ที่รักกลับมาหาหนูแล้ว”“แอบหนีพี่เที่ยวงั้นเหรอ?” เตชินท์โอบกอดที่เอวบางเอาไว้พร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาสูดดมกลิ่นหอมบริเวณไหล่มนด้วยความคิดถึงไม่ต่างกัน ขณะที่มืออีกข้างก็ลูบแผ่นหลังบางของคนตัวเล็กเบา ๆ ไปด้วย“หนูส่งข้อความบอกแล้วนะคะ แต่พี่เตไม่อ่านเอง รู้ไหมว่าตลอดสองวันที่ไม่ได้คุยกันหนูคิดถึงมากแค่ไหน”“พี่รีบทำงานเพื่อจะกลับมาหาเด็กน้อยแถวนี้อยู่ แล้วก็ว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส







