LOGIN‘เมียเด็ก’ ที่ครอบครองหัวใจมาเฟียอย่างเขา ว่าจะไม่รักเมียเด็กคนนี้ เขา "ว่าจะไม่รัก" เธอ แต่สุดท้ายความผิดพลาดแค่คืนเดียวก็ทำให้มาเฟียหนุ่มเจ้าของธุรกิจสถานบันเทิงอย่างเขาต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับ "เมียเด็ก" ที่เป็นเพียงนักศึกษาปี 2 เท่านั้น จากที่คิดอยากจะกำจัดเธอไปให้พ้นจากครอบครัว กลับกลายเป็นว่าต้องรับผิดชอบการกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นและเยียวยาจิตใจของหญิงสาว เตชินท์ มาเฟียทรงอิทธิพลที่ไม่มีใครไม่รู้จักเขา เพราะชอบทำธุรกิจสีเทาตั้งแต่เด็กจึงทำให้มีอำนาจมากมายในมือ แต่ว่าคนที่เขาไม่สามารถจะกำจัดออกไปได้เลยคือ ’ผู้หญิง’ คนนั้นที่พ่อแม่ของเขารับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม และเธอยังเป็นลูกของศัตรูที่เขาไม่มีทางยอมรับเป็นอันขาด และนั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจลงมือในคืนนั้นเพื่อจะให้เธอออกไปจากครอบครัวของตนเอง ลลิน เด็กสาวไร้เดียงสาที่ถูกรับเลี้ยงและมอบชีวิตใหม่โดยครอบครัวของเจ้านายที่รับเธอเป็นลูกสาวบุญธรรมหลังพ่อแม่เสียชีวิต แต่ว่ามีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยยอมรับเธอคือ ‘เขา' มาเฟียหนุ่มที่โหดร้ายและตั้งใจจะกำจัดเธอออกไปจากครอบครัวของเขา
View More“ผมจะไม่มีทางเลี้ยงดูศัตรูเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่...หรือลูกก็ตาม” เสียงเข้มของชายหนุ่มวัยยี่สิบปีบอกกับผู้เป็นพ่อและแม่ของตัวเองด้วยความไม่พอใจกับสมาชิกใหม่ที่กำลังจะเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับตัวเองในฐานะที่เปลี่ยนไป ทำให้ฉัตรพลและกานต์พิชชามองหน้ากันอย่างปลงตกเพราะนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่พวกเขามีปากเสียงกับลูกชายคนโตแบบนี้
“แต่เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วนะ ความผิดของพ่อแม่จะเอามารวมกับลูกได้ยังไง หรือว่าแกจะปล่อยให้เด็กผู้หญิงคนนั้นต้องใช้ชีวิตคนเดียวไปจนโต” เพราะในตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอก็เสียชีวิตไปทั้งคู่แล้ว “ใช่ และแม่ก็เห็นว่าหนูเมย์ก็เป็นเด็กนิสัยดี ถึงจะบอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันกับสองคนนั้น แต่แม่ก็ไม่เห็นเลยว่าเธอจะได้นิสัยจากพ่อกับแม่มา ทำไมเตไม่ลองเปิดใจให้น้องบ้างล่ะ” “ผมมีน้องแค่คนเดียวคือไอ้ดิน ถ้าพ่อกับแม่จะรับเด็กคนนั้นมาเลี้ยง ก็ถือว่าพ่อกับแม่เลือกผู้หญิงคนนั้นที่เป็นคนนอกมากกว่าลูกแท้ ๆ อย่างผม” ชายหนุ่มเอ่ยทิ้งท้ายแล้วสบตากับคนเป็นพ่อและแม่ด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองอย่างไม่ปิดบัง สำหรับเขาคนที่ทรยศก็ยังคงเป็นศัตรูอยู่ตลอดและไม่มีความจำเป็นจะต้องเก็บเอาไว้ หากสองคนนั้นไม่รถคว่ำจนเสียชีวิตระหว่างหลบหนี เขานี่แหละที่จะเป็นคนลากตัวคนพวกนั้นมาลงโทษเอง แปดปีต่อมา ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! เสียงวิ่งดังขึ้นภายในของคฤหาสน์หลังใหญ่ในช่วงเย็นระหว่างที่แม่บ้านทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อค่ำ เนื่องจากวันนี้ลูกชายคนโตของคุณท่านเจ้าของบ้านได้กลับมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย ดังนั้นทุกอย่างจึงค่อนข้างตึงเครียดกว่าปกติ เพราะจะมีอะไรผิดพลาดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันก็เป็นเวลาที่ลูกสาวคนเล็กของบ้านก็ได้กลับจากมหาวิทยาลัยพอดี ร่างเล็กในชุดนักศึกษาที่กำลังถือหนังสือและแท็บเล็ตในมือรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นบนทันทีเพื่อตรงไปยังห้องของพี่ชายตัวเอง แกร๊ก “พี่ดิน~” มือเล็กจัดการเปิดประตูห้องออกอย่างถือวิสาสะโดยไม่ได้มีการขออนุญาตคนด้านในก่อนตามความเคยชิน ก่อนเท้าเล็กที่กำลังเดินเข้าไปจะต้องหยุดชะงักพร้อมกับรอยยิ้มที่หายไปเมื่อเห็นว่าในห้องนั้นไม่ได้มีแค่ ‘แผ่นดิน’ พี่ชายของเธออยู่ “ขะ...ขอโทษค่ะ ลินไม่รู้ว่าคุณเตชินท์อยู่ด้วย” ท่าทีที่มีความสุขเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นความประหม่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นสายตาเย็นชาที่มองมา ก่อนเจ้าของใบหน้าคมคายจะเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจเพื่อสั่งสอนเด็กที่ไม่มีมารยาทอย่างเธอ “ไม่มีใครสอนหรือไงว่าก่อนเข้าห้องคนอื่นต้องรอให้เจ้าของอนุญาตก่อน” “ขอโทษค่ะ” “ตอนอยู่ข้างนอกเธอจะเข้าห้องคนอื่นอีกสักกี่คนฉันไม่สน แต่ตอนที่อยู่บ้านหลังนี้อย่างน้อยก็ควรจะเกรงใจเจ้าของบ้านบ้าง” คุณคนนั้นเป็นคนที่รักความเป็นส่วนตัวยิ่งกว่าอะไร เธอรู้ดี และเขาก็ไม่เคยนับว่าเธอเป็นน้องสาวเลยตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งต่างจากแผ่นดินที่เป็นน้องชายอย่างสิ้นเชิง และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอมักจะเรียกแทนเขาว่า ‘คุณ’ เสมอ อย่างรู้สถานะของตัวเอง “วันหลังสอนคนของมึงให้ดีด้วย” ร่างสูงดันตัวลุกขึ้นพลางหันไปเอ่ยบอกกับน้องชายตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องไป หลังจากที่มีคนนอกเข้ามาทำให้พื้นที่ตรงนี้ไม่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป “เอ่อ...หนูขอโทษนะคะพี่ดิน ต่อไปหนูจะระวังให้มากกว่านี้” ลลินก้มหน้าลงแล้วเอ่ยเสียงเบา สองมือของหญิงสาวกำแน่นและเย็นเฉียบเมื่อโดนตำหนิอย่างไร้เยื่อใย ที่ผ่านมาเธอคงจะเป็นภาระและทำให้ทุกคนรำคาญใจมาก เตชินท์ถึงได้แสดงท่าทีรังเกลียดเธอขนาดนี้ คงเป็นเพราะความเมตตาของประมุขใหญ่ของบ้านจึงทำให้หญิงสาวลืมกำพืดของตัวเองไป... ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่ลูกของคนใช้ที่ถูกรับมาเลี้ยง แต่กลับไม่เจียมตัว ก็สมควรแล้วที่จะโดนแบบนี้ “ไม่เป็นไร อย่าคิดมากเลย พี่ไม่ถือเรื่องพวกนี้หรอก แค่ต่อไประวังเฮียเตหน่อยก็ดี” แผ่นดินที่เห็นว่าคนตัวเล็กก้มหน้าลงก็เดินเข้ามาแล้วลูบหัวของหญิงสาวเบา ๆ เพื่อปลอบโยน ถึงแม้แผ่นดินจะมีด้านมืดเหมือนกับพี่ชายของตัวเอง แต่เขากับเตชินท์ไม่เหมือนกันในเรื่องนี้ เพราะเขารู้สึกเอ็นดูลลินเหมือนกับน้องสาวแท้ ๆ คนหนึ่ง ไม่ใช่ลูกของศัตรูแต่อย่างใด ‘ลลินดา’ ชื่อที่ฉัตรพลและกานต์พิชชาตั้งให้กับเด็กสาวเมื่อแปดปีก่อนเพื่อเป็นการเริ่มต้นใหม่ให้กับชีวิตของเธอ เธอไม่ใช่ลูกของคนใช้ หรือลูกของคนทรยศ แต่เธอคือ ‘ลลิน’ ลูกสาวและคุณหนูคนเล็กของเทพพิพัฒน์ “สรุปมาหาพี่มีเรื่องอะไร?” เขาชวนอีกคนพูดคุยเพื่อทำลายบรรยากาศชวนอึดอัด ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะได้ผลจากการที่คนตัวเล็กคลี่ยิ้มออกมาราวกับเมื่อครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ลลินดามักเป็นแบบนี้เสมอ เธอเป็นคนที่มีความเป็นเด็กคนหนึ่งค่อนข้างสูง ที่มักจะคิดหรือรู้สึกอะไรก็จะแสดงออกมาแบบนั้น นั่นจึงทำให้ทุกคนสามารถรับรู้ได้ว่าการกระทำทุกอย่างของหญิงสาวมาจากความจริงใจจริง ๆ และไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรให้ต้องระแวงเหมือนกับคนอื่น ๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกัน “หนูเรียนจบปีหนึ่งแล้วนะคะ” คนตัวเล็กคลี่ยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจ ไม่ใช่แค่การสอบเสร็จอย่างเดียวแต่เพราะลลินดามั่นใจว่าเทอมนี้เธอจะสามารถเก็บเกรดเอมาฝากทุกคนได้ทุกวิชาแบบเมื่อเทอมก่อน “แล้ววันนี้หนูก็ทำข้อสอบได้ทุกข้อเลยด้วย มั่นใจว่าได้เอมาฝากทุกคนแน่นอน~” “เก่งมาก แต่ว่าเราไม่ต้องกดดันตัวเองหรอกนะ ไม่ว่าจะได้เกรดอะไรพวกเราก็ภูมิใจ” ลลินดาฉีกยิ้มเมื่อได้รับคำชมแล้วก้มหัวให้กับพี่ชายลูบอย่างง่ายดาย กับคนในบ้านเธอจะชอบแทนตัวเองว่าหนูแบบนี้ทุกครั้งตามความเคยชิน คงจะมีก็แค่เขาเท่านั้นที่หญิงสาวต้องแทนตัวเองว่า ‘ลิน’ เสมอ เพื่อคงสถานะที่แตกต่างกันเอาไว้สวบ!“อ่าส์...” เตชินท์หลุดเสียงครางออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อสามารถสอดใส่เข้าไปได้จนสุดความยาวแล้ว จากนั้นจึงเริ่มซอยสะโพกเข้าออกอย่างช้า ๆ เนื่องจากน้ำหล่อลื่นด้านในที่ทำให้เขาขยับได้สะดวกกว่าเดิม“นิ่มมากเลย” ฝ่ามือใหญ่เลื่อนมากอบกุมเต้าอวบแล้วออกแรงบีบเคล้นไปตามความต้องการ โดยที่ช่วงล่างก็ยังคงออกแรงกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างไม่ลดละ เตชินท์โน้มใบหน้าลงไปฉกชิมความหวานจากเนื้อนุ่มจนยอมปทุมถันแข็งชันเป็นไต แล้วจึงไล่ขึ้นมาสูดดมความหอมจากลำคอขาวเนียนอย่างหลงใหล“อย่าทำรอยนะคะ อ๊ะ ๆ” สองแขนเรียวยกขึ้นมาโอบกอดแผ่นหลังแกร่งเอาไว้อย่างแนบชิดแล้วร้องบอกเสียงกระท่อนกระแท่นจากร่างกายของเธอที่กำลังโยกคลอนอยู่ ซึ่งเตชินท์เองก็ยอมทำตามความต้องการของลลินอย่างว่าง่ายเพราะเขารู้ดีว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่เทพพิพัฒน์ทั้งสองบ้านจะมารวมตัวกัน ดังนั้นภาพลักษณ์ของเธอจึงต้องดูดีที่สุดในสายตาของผู้ใหญ่“ยังตอดเก่งเหมือนเดิมเลยนะ”“อ อื้อ!”“ไม่ให้ทำรอยแต่ทำแบบนี้ได้ใช่ไหม?” เตชินท์เอ่ยถามคนใต้ร่างเสียงแหบพร่าหลังจากผละใบหน้าออกมาแล้ว โดยมือใหญ่ของเขาได้เอื้อมไปบีบที่ลำคอเล็กอย่างแรงเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ดิบของตัว
หนึ่งเดือนต่อมา@โรงแรมเทพพิพัฒน์“คุยกับใครอยู่?” ร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องน้ำถามคนที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงเสียงเข้ม ขณะที่ลลินยกหัวขึ้นมาจากหมอนใบใหญ่เล็กน้อยแล้วตอบกลับไป“คุยกับพี่เทมป์ค่ะ พี่เขาซื้อน้องหมาตัวเล็กมาด้วย น่ารักมากเลย~”“อยู่บนเตียงกับพี่แต่พูดถึงผู้ชายคนอื่นงั้นเหรอ?”“หึงเหรอ~”“ถ้าบอกว่าหึงจะเลิกคุยไหม?” เขาล้มตัวลงนอนด้านข้างแล้วอุ้มร่างเล็กขึ้นมานอนทาบทับบนแผงอกแกร่งซึ่งเป็นที่ที่ลลินชอบนอนอยู่เป็นประจำ“ม่ายยยย” เด็กสาวหัวเราะชอบใจตอนที่ปลายจมูกโด่งเลื่อนมาคลอดเคลียที่แก้มนวลเป็นเชิงหยอกล้อ เพราะเธอรู้ดีว่าเตชินท์ไม่ได้หึงเธอกับเทมป์แล้ว และทั้งคู่ก็เคยคุยกันอยู่บ่อย ๆ จากการไปหาเธอที่ร้านดอกไม้ในทุกวันหยุด ซึ่งเทมป์ก็มาเป็นลูกค้าประจำ รวมถึงเตชินท์ที่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอเช่นกัน“สัปดาห์หน้าพี่เทมป์มีฉลองสอบเสร็จกับเพื่อน ๆ เราชวนพี่เขามาที่ผับของเราดีไหมคะ”“ตามใจ เพราะยังไงลินก็มีอำนาจตัดสินใจเท่าพี่อยู่แล้ว”“งั้นลินบอกเลยแล้วกัน”“ว่าแต่เราเหลือเวลากันอีกกี่ชั่วโมงเหรอคะ?”“น่าจะประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง เดี๋ยวไอ้ติณมันจะบอกอีกที อยากไปไหนก่อนไหม?”
“เดี๋ยวนี้ตัวติดกับพี่เตจนลืมพ่อกับแม่แล้วนะ” ฉัตรพลหยอกล้อคนที่เดินเข้ามากับภรรยาของตัวเอง ทั้งที่เมื่อก่อนเด็กสาวมักจะอยู่บ้านตลอดเวลาที่ว่าง แต่ดูเหมือนในตอนนี้เธอจะใช้เวลาอยู่ที่อื่นเสียมากกว่า“ฮืออ หนูไม่ได้ลืมทุกคนนะคะ” ลลินแสร้งเบะปากราวกับจะร้องไห้เพื่อเรียกความเห็นใจ เพราะว่าตอนนี้เหมือนทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดถึงความคลั่งรักของทั้งคู่ที่ตัวติดกันตลอดเวลา“ไม่ต้องมาทำตาใสเลย พ่อไม่สงสารหรอกนะ”“ไม่ต้องไปสนใจหรอก” เตชินท์เอ่ยบอกเด็กสาวเสียงเรียบแล้วรั้งตัวของเธอมานั่งบนหน้าตักจนลลินไม่ทันตั้งตัว ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเขินอายมากกว่าเดิม“พี่เตปล่อยลินก่อนค่ะ พ่อกับแม่อยู่นะ”“แค่นั่งตัก”“แต่ตอนนี้เรากำลังจะกินข้าวกันนะคะ จะนั่งแบบนี้ได้ยังไง”“ลินกินก่อน เดี๋ยวพี่ค่อยกิน”“อย่าไปตามใจพี่เขามากนะลิน” กานต์พิชชาเอ่ยปรามลูกสาวคนเล็กที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งของลูกสะใภ้หลังได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ที่คล้ายกับว่าลูกชายของเธอจะเอาแต่ใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้อยู่กับเมียตัวเล็ก แต่ฉัตรพลกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วหันไปบอกภรรยาของตนเอง“ไม่รู้ว่าใครตามใจใครกันแน่นะ”“แล้วเป็นยังไงบ้าง
“แฮ่ก~” ลลินหอบหายใจออกมาแล้วล้มตัวลงนอนทาบทับบนแผงอกแกร่งอย่างหมดแรง ขณะที่ทั้งคู่กำลังอยู่บนโซฟาโดยมีเตชินท์เป็นคนที่นอนอยู่และลลินนั่งคร่อมด้านบน จุดเชื่อมต่อของทั้งสองคนยังคงเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แบบตอนแรก“เมียเด็กนี่แรงเยอะจังเลยนะ” เขาเอ่ยหยอกล้อโดยที่มือยังคงลูบแผ่นหลังชุ่มเหงื่อไปด้วยเบา ๆ“พี่เตเองก็แรงเยอะเหมือนกันแหละค่ะ ทำตรงนั้นของลินแสบไปหมดเลย”“แล้วชอบไหม?”“ชอบค่ะ” มาเฟียหนุ่มหลุดยิ้มกับคำตอบทะเล้นของคนรักก่อนเขาจะเป็นฝ่ายอุ้มเธอไปทำความสะอาดคราบน้ำเชื้อเหนอะหนะอย่างเช่นทุกครั้ง และกลับมานอนบนเตียงที่ตอนนี้ทั้งผ้าห่มและผ้าปูที่นอนกระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบ“กอดของพี่เตอุ่นจังเลย~” ใบหน้าจิ้มลิ้มซุกหน้าเข้าที่แผงอกแกร่งแบบที่ชอบทำเพื่อหาความอบอุ่นจากร่างกำยำแล้วเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีที่เตชินท์ยังคงปฏิบัติต่อเธอเหมือนวันแรกที่ตัดสินใจคบหากันจนถึงตอนนี้“มีอะไรจะบอกพี่แค่นี้เองเหรอ?”“ต้องบอกอะไรอีกเหรอคะ”“ลิน”“ฮ่า ๆ ลินคิดว่าพี่จะฟังจนเบื่อแล้วซะอีก”“อยากฟังอีก แล้วก็ไม่มีวันเบื่อด้วย จะอีกกี่ปีก็อยากฟังทุกวัน”“เพราะพี่ยังเสมอต้นเสมอปลายหรอกนะคะ ลินเลยพูดคำนี้
“ทำไมอ้อนเก่ง” ไม่ใช่ว่าลลินไม่เคยเป็นฝ่ายควบคุมเกมรักด้วยตัวเอง และไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยอ้อนเขาแบบนี้ แต่ว่าท่าทางที่ดูเหมือนแมวตัวเล็กน่ารักนั้นทำเอาหัวใจแกร่งของมาเฟียอย่างเขาหัวใจอ่อนยวบแล้วอดที่จะถามไม่ได้ถึง ‘ความน่ารัก’ ที่นับวันลลินก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ“ลินเห็นพี่ทำเพื่อลินมามากแล้วค่ะ ลินเลยอยากตอบแทนให้พี่มีความสุขบ้าง”“ที่ทำทั้งหมดเพราะแค่อยากตอบแทนงั้นเหรอ?”“เปล่าค่ะ เพราะหนูก็ต้องการเหมือนกัน”เตชินท์ยกยิ้มกับคำพูดเอาใจของคนตัวเล็กก่อนที่ลลินจะเป็นฝ่ายขยับขึ้นมาคร่อมบนหน้าตักของเขาไว้ แก่นกายใหญ่ที่เพิ่งอ่อนตัวลงกลับมาแข็งชันอีกครั้งหลังจากที่ถูกมือนุ่มสัมผัสได้สักพักลลินจัดการยกตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับปลายหัวเห็ดแดงก่ำมาจ่อตรงปากร่องสวาทของตัวเอง จากนั้นจึงกดตัวลงช้า ๆ โดยที่มีมือของเตชินท์คอยประคองเอวคอดเอาไว้“อ อื้อ~”“ทำแบบนี้มันก็ยิ่งเข้าไปลึกสิ” เตชินท์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู ก่อนจะขยับไปนั่งพิงหัวเตียงเพื่อที่จะได้โอบกอดคนตัวเล็กได้สะดวกมากกว่าเดิมโดยที่มืออีกข้างของเขาก็กำลังบีบเคล้นหน้าอกใหญ่ไปด้วย“อยากขยับไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ
“ขอเหมือนเดิมหนึ่งแก้วค่ะ” เด็กสาวในชุดสายเดี่ยวยืนสั่งบาร์เทนเดอร์เสียงหวานหลังจากที่เพื่อนทั้งสามคนแยกย้ายกันกลับไปแล้ว เธอคิดว่าจะดื่มต่ออีกสักแก้วแล้วค่อยไปนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ของเตชินท์เพื่อคิดถึงเขาไปด้วย ระหว่างนั้นมือเรียวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะดูว่าแฟนหนุ่มได้อ่านข้อความที่เธอส่งไปหรือยัง“อ๊ะ!”“แอบมาหนีเที่ยวแบบนี้ไม่กลัวโดนทำโทษเหรอครับ” ทว่าในจังหวะที่กำลังปลดล็อคหน้าจอ ท่อนแขนแกร่งของชายหนุ่มบางคนก็สอดเอามาโอบที่เอวคอดของลลินอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงทุ้มที่เอ่ยประชิดกับใบหูเล็กและกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยพาลทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ เธอรีบหมุนตัวกลับไปแล้วตวัดแขนโอบกอดลำคอหนาไว้แน่นด้วยความคิดถึง“ที่รักกลับมาหาหนูแล้ว”“แอบหนีพี่เที่ยวงั้นเหรอ?” เตชินท์โอบกอดที่เอวบางเอาไว้พร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาสูดดมกลิ่นหอมบริเวณไหล่มนด้วยความคิดถึงไม่ต่างกัน ขณะที่มืออีกข้างก็ลูบแผ่นหลังบางของคนตัวเล็กเบา ๆ ไปด้วย“หนูส่งข้อความบอกแล้วนะคะ แต่พี่เตไม่อ่านเอง รู้ไหมว่าตลอดสองวันที่ไม่ได้คุยกันหนูคิดถึงมากแค่ไหน”“พี่รีบทำงานเพื่อจะกลับมาหาเด็กน้อยแถวนี้อยู่ แล้วก็ว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส
Comments