Share

บทที่5

5 มันคือมนุษย์ หรือ มันคือนกกันแน่

เมื่อวรรณกับลูก ๆ ได้ขึ้นมาหาเฮง เฮงยังคงนอนหลับอยู่ ซ่อนตัวอยู่ในเตียงอย่างมิดชิด ความจริงคือ เขาไม่สามารถนอนได้จนกระทั่งฟ้าสาง แต่เนื่องจากครอบครัวของเขาคิดว่าเขาต้องการการนอนหลับเพื่อพักฟื้นจึงไม่มีใครคิดว่าจะมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้

เวลาล่วงเลยกว่าสิบเอ็ดโมงเขาถึงโผล่ออกมา เขาสวมกางเกงขายาวที่สะอาด และไปที่กระจกเพื่อหวีผม และตรวจดูใบหน้าของเขาเพื่อดูความเปลี่ยนแปลง ตอนที่เขามองตัวเองในกระจก เขาพบว่ามีสองเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ทำให้เขาถึงกับช็อก เพราะเขามองทะลุผ่านตัวเองได้ เขาไม่ได้ไม่เห็นตัวตัวอย่างแน่นอน เพราะร่างกายบางส่วนของเขาสามารถมองเห็นได้ในกระจก แต่มันเหมือนกับการมองเงาสะท้อนของใครคนหนึ่งในน้ำที่ไหลช้า ๆ แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นเตียงของเขาซึ่งอยู่ด้านหลังเขาพอดิบพอดี

สิ่งนี้เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ต้องเชื่อสายตาตัวเอง เขาพยายามเคลื่อนตัวไปทางซ้าย ไปทางขวา ก้าวเข้าไปใกล้ และถอยออกออกจากตรงนั้น แต่มันไม่ต่างกันเลย มันดูเหมือนว่าร่างกายของเขาค่อย ๆ จางไป หรือกำลังจะหายไป

เฮงเลือกเอาเสื้อเชิ๊ตแขนยาว และและเสื้อยืดจากราวแขวนเสื้อผ้า สวมแว่นกันแดด แล้วลงไปอาบน้ำชั้นล่าง เมื่อเขาเปลือยอกออกมา วรรณกำลังรอเขาอยู่ที่โต๊ะและกำลังหั่นผักอยู่นั้น

“อรุณสวัสดิ์เฮง คุณหลับสบายไหม คุณรู้สึกยังไงบ้างวันนี้ ฉันปล่อยให้เธอนอนหลับ เพราะฉันคิดว่าเธออาจจะต้องการพักผ่อน”

“ขอบคุณนะวรรณ เกรงใจเธอมาก ๆ เลย ฉันสบายดี ขอบคุณนะ เธอล่ะเป็นยังไงบ้าง”

“ดี ดีเลย นั่น มิลค์เชคหนึ่งลิตรของเธออยู่ในตู้เย็น ฉันจะไปเอามันให้นะ”

เมื่อเธอหันกลับมา เธอเทมันลงในแก้ว และจับใส่มือเขา เฮงนำไปวางไว้บนโต๊ะ

“เป็นอะไรที่รัก ไม่หิวหรอกหรือ”

“ไม่ มันไม่ใช่อย่างนั้น แต่รสชาติมันดีกว่าตอนที่มันอุ่นกว่านี้ ฉันทิ้งไว้สักพัก และค่อยดื่ม มันมีเสน่ห์ในความสีชมพูของมัน และมีฟองสีเขียวลอยหน้า น่ากินมาก

“วรรณ มันฟังดูแปลกนะ ว่าแต่ว่าเธอเห็นฉันชัดไหม”

“ใช่สิ ที่รักของฉัน ทำไมเธอถึงถามแบบนี้ ฉันทำอะไรพลาดไปหรือ”

“ไม่หรอก แต่ฉันเพิ่งไปหวีผมหน้ากระจก และร่างกายบางส่วนของฉันไม่มีเงาสะท้อนกลับมา”

“ส่วนไหนเหรอ”

“ไม่ ไม่ใช่เฉพาะส่วน เช่น จมูก หรือดวงตาของฉัน แค่บางส่วน ภาพบิดเบี้ยว บางทีเลือนลาง บางทีก็ชัด และกลายเป็นภาพโปร่งใส ฉันสามารถมองเห็นตัวฉันได้ในสถานที่ต่าง ๆ เธอสามารถมองทะลุฉันไหม วรรณ”

“ฉันมองเห็นเธอมาสามสิบปีแล้วเฮง แต่ไม่ใช่อย่างที่เธอพูดเลย ไม่ เธอก็เหมือนกับเมื่อวานนั่นแหละ… เธอยังมีดวงตาสีชมพู และผิวสีขาวเผือด”

“ฟันของฉันดูแตกต่างไปไหม”

“ไม่เลย เธอหมายถึง มีเขี้ยวยาวสองซี่งั้นหรือ ไม่เลยนี่”

“ใช่ ฉันสงสัยว่าจะมีขึ้นมาหรือไม่ เธอคิดว่ายังไง”

“ฉันไม่รู้หรอกที่รัก เธอเป็นแวมไพร์คนแรกที่ฉันเคยเจอมา เราจะต้องรอดูใช่ไหม ในแง่ของสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับเนื้อสัมผัสของอาหารเมื่อคืน ฉันกำลังทำซุปไก่ และผักสำหรับมื้อกลางวันและสำหรับสตูว์เย็นนี้ ฉันจะทำให้มันข้นขึ้น จากนั้นเธอจะเห็นว่าชอบอันไหนมากกว่ากัน ชอบสตูว์มากกว่า แบบเดียวกับมิลค์เชค เธอจะลองพยายามดูไหมที่รัก”

“ได้สิ วรรณ แน่นอน ฉันจะลองทุกอย่างเพื่อเธอ ที่รัก เธอยังไม่ลืมว่าฉันต้องไปพบป้าดาตอนบ่ายโมงใช่ไหม”

“ไม่ ฉันยังไม่ลืม เธอมีเวลาเหลือเฟือ เราจะรอดินจนถึงเที่ยงครึ่ง แต่เราจะทานอาหารเลย ไม่ว่าเธอจะกลับมาหรือไม่ก็ตาม เอาจานรองมาวางไว้บนแก้วใบนั้น เพื่อกันแมลงวันเข้าไป”

เฮงสำรวจพื้นที่ที่แมลงบิน แต่ไม่ได้คิดจะกินพวกมัน

เขาเดินไปบ้านป้าในระยะใกล้ ๆ โดยที่ผิวหนังโผล่รับแสงไม่ถึงตารางนิ้ว เขาสวมเสื้อยืดคลุมศรีษะที่มีแค่ดวงตาโผล่ออกมาที่มองผ่านที่รูคอเสื้อ และเขาก็สวมแว่นกันแดดอยู่ วรรณได้โพกผ้าพันคอสีขาวไว้ที่ส่วนบนของศีรษะเขาเหมือนผ้าโพกหัว เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวแล้วเอามือล้วงกระเป๋า

ดานั่งลงที่โต๊ะบริเวณสวนหน้าบ้านของเธอรอเฮง เธอตบลงบนโต๊ะ แล้วเฮงก็ลุกขึ้นโดยเผชิญหน้ากับเธอ

“เธออยู่ในนั้นเป็นยังไงบ้าง เฮง เธอดูเหมือน “มนุษย์ล่องหน” หรือผู้ก่อการร้ายตาลีบัน”

ครับ มันสบายมากจริง ๆ ผมคิดว่ามันจะร้อน แต่มันไม่ใช่ซะทีเดียว”

“วันนี้ป้าเป็นยังไงบ้างครับ”

“ฉันสบายดี ขอบใจมากเฮง แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นใช่ไหม เธอเป็นยังไงบ้าง มีความคืบหน้าอะไรบ้าง”

เฮงเล่าให้เธอฟังเรื่องอาการนอนหลับที่แสนยากเย็นคืนที่ผ่านมา และเรื่องกระจก

“อ่า ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับอาการพวกนี้ และสงสัยว่าพวกมันกำลังก่อตัวขึ้นในชีวิตเธอ แล้วฟันของเธอล่ะเป็นยังไง” เขายิงฟันให้เธอดู และเธอได้พูดว่า ไม่นี่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร”

ภายใต้ร่มเงาของหลังคาโต๊ะของดา เฮงถอดผ้าคลุมศีรษะออก

“ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสีเช่นกัน”

“ไม่มีอะไร แต่ประสาทสัมผัสของผมมันชัดเจนมาก ผมสามารถมองเห็นแมลงตัวเล็กที่สุดที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบหรือสามสิบเมตร ถ้าผมตั้งใจฟัง และยังได้ยินกระทั่งเสียงพวกมันเดิน ผิวของผมบอบบางมากจนเมื่อได้รับการสัมผัส ผมจะรู้สึกได้ถึงลมที่แผ่วเบาที่สุดสัมผัสกาย”

“มันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดนะ และนั่นเป็นสิ่งที่ดี แล้วความอยากในกามล่ะ เธอมีความรู้สึกพลุ่งพล่าน หรือมีความกำหนัดหรือไม่ สำหรับ… เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันหมายถึงอะไร… เอ่อ สาวพรหมจรรย์น่ะ”

“ไม่เลย ป้า ไม่มีเลย แต่วรรณดูแลฉันด้วยการทำมิลค์เชคให้ฉันเป็นอย่างดี

“ดีมาก แล้วนั่นคือ ใบผ่านทาง! ปัญหาของเธออาจจะเพิ่งเริ่มต้นเมื่อเธอรู้สึกหิวมาก ดังนั้นโปรดแน่ใจว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอ แล้วเธอจะพบหนทาง”

“นี่สิ ผมไม่เคยทาครีมทาผิวมาก่อนเลย ถ้ามันได้ผล ผมจะทำมันอีก และถ้ามันไม่ได้ผล ผมจะลองใหม่อีกครั้ง ถ้านั่นยังไม่ดีขึ้น เธอจะต้องถูกส่งตัวเข้าไปในเมืองเพื่อรับครีมกันแดดที่มีค่าสูงถึงห้าสิบ หรือมากกว่านั้น ครีมของฉันดีสำหรับผิวธรรมดา แน่นอน แต่ผิวหนังของเธอมันไม่ปกติใช่ไหม”

เฮงเปิดโหลเล็ก ๆ ออกและดมกลิ่น และส่องดูข้างใน ครีมเป็นสีเหลืองอ่อน กลิ่นเหมือนดอกแมกโนเลีย และกลิ่นค่อนข้างดีทีเดียว ไม่เป็นผู้หญิงมากเกินไป

“มานี่สิ เฮง ให้ฉันทามันบนใบหน้าและมือของเธอ

เฮงขยับเข้าไปใกล้

“มันทำจากลาโนลินอิมัลซิไฟน์ เนยแพะบริสุทธิ์ ว่านหางจระเข้ และส่วนผสมอื่น ๆ อีกสองสามอย่างที่ฉันคิดว่าพอจะช่วยได้”

ครีมซึมเข้าไปในผิวหนัง และรู้สึกผ่อนคลาย

“เอาล่ะ เฮง ตอนนี้เดินไปอีกด้านหนึ่งของสวน แล้วเดินกลับมาอีกรอบสิ”

เฮงวางเท้าข้างหนึ่งลงบนพื้น แล้วไถลออกจากโต๊ะ เขาก้าวออกมาจากชายคาอย่างระมัดระวัง เตรียมพร้อมที่จะกลับเข้าไปข้างใน เว้นเสียแต่ว่ารู้สึกเสียวซ่าเล็กน้อย แต่เขาก็ทำได้ดี เฮงเดินออกไปไกลจากสวน แล้วย้อนกลับมา และเดินวนกลับ แล้วก็เริ่มเดินกลับมา เขาเดินเหยาะแหยะไปครึ่งทาง แล้วค่อย ๆ วิ่ง และตะเกียกตะกายมาที่โต๊ะ

“ฉันรู้สึกร้อนหูด้านซ้าย ป้าดา เธอคงพลาดอะไรไปหน่อย”

เธอทาครีมบาง ๆ ที่หูของเขา และความเจ็บปวดเริ่มหายไป

“ฉันไม่ลืมเลยสักนิด” เฮง นั่นเป็นส่วนที่ต้องดูแล ฉันลองไม่ใส่ครีมไว้ข้างหู เพื่อดูผลของมัน ตอนที่เธอเดินไปหูถูกบังไว้จากเงาหัวของเธอ แต่พอเธอกลับเข้ามา หูของเธอก็เจอแดดเข้าเต็ม ๆ ถึงกระนั้น นั่นก็เป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ วันนี้เธอสามารถนำขวดโหลเล็ก ๆ นั้นกลับบ้านไปด้วยได้ และฉันจะทำใส่ให้เต็มขวดแยมให้เธออีกในวันพรุ่งนี้

“มาลองหยอดตอนนี้เลย ถอดแว่นออกด้วย แล้วเอียงหัวมา มันประกอบด้วยน้ำกุหลาบกลั่น และน้ำมะนาวบางส่วน รวมถึงเอสเซนส์ตัวอื่น ๆ อีก ผลที่ได้มันจะทำให้ดวงตาของเธอสว่างขึ้นโดยการปิดรูม่านตาสักพัก

“โอเค เธอออกไปเดินอีกครั้งสิ”

เฮงเดินเต็มที่ แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรีบเดินกลับ

“โอเคไหม เฮง”

อืม ผมไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้โดยปราศจากการหยุดพัก แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะไปได้ไกลกว่านี้เช่นกัน”

“ขอดูตาเธอหน่อย… ดีแล้ว โอเค ฉันจะเพิ่มน้ำมะนาวอีกหน่อย แต่เธอสามารถนำขวดนั่นกลับบ้านตอนนี้ได้เลย หูล่ะ เป็นยังไงบ้าง”

“มันเจ็บอยู่ แต่ไม่เป็นไรแล้วครับ”

“ตอนนี้เป็นใคร และอะไร ฉันหมายถึง ใครที่เราจะเล่าอะไรให้ฟังได้ เห็นได้ชัดว่า เธออาจจะเล่าให้ลูก ๆ เธอฟัง แต่เธอจะต้องบอกลูก ๆ ของเธอว่ามันไม่ใช่ความลับของพวกเขาที่จะเล่าต่อได้ พวกเขาต้องเก็บมันไว้โดยไม่บอกใคร มีใครที่จะทำให้เธอมั่นใจในตัวเองไหม”

“ไม่มี ไม่เลย ป้าดา ผมไม่มีเพื่อนสนิท”

แล้ววรรณล่ะ”

ใช่ เธอก็ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทของผม…โอ้ ผมรู้ ไม่ ผมไม่คิดอย่างนั้น แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่”

“เธอต้องการให้ฉันเล่าให้เขาฟังไหม”

“งั้นผมจะเล่าเอง แต่มันอาจจะดีกว่าถ้าป้าเป็นคนคุยกับเธอครับ เขาอาจจะมีบางคำถามที่ป้าสามารถตอบได้ดีกว่าผม”

“โอเค ให้ฉันทำแล้วกัน ตอนนี้พวกเราต้องเล่าบางอย่างให้คนอื่น ๆ ฟัง เธอพอจะมีความคิดเห็นอะไร หรือที่มันดีกว่าไหม

“ไม่มีครับ ยกเว้นเรื่องผิวเผือกที่ป้าพูดถึงเมื่อคืน”

“ใช่ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดเหมือนกัน เราจะบอกคนอื่น ๆ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงภายในบางอย่างที่เกิดจากโรคโลหิตจาง การขาดเซลล์เม็ดเลือดแดงทำให้เธอมีผิวเผือก และไวต่อแสงมาก

“ฉันจะไม่บอกใครว่าเธอดื่มเลือด บอกแต่ว่าเธอกำลังรับประทานอาหารที่เสริมธาตุเหล็ก และหากพวกเขาถามว่ามันคืออะไร ให้บอกพวกเขาว่ามันคือ เนื้อแดง ผักใบเขียว เช่น กะหล่ำปลี และอาหารเสริมเม็ดธาตุเหล็ก เราจะต้องทำให้เธออีก มันจะได้ไม่เจ็บอีก ไม่มีใครที่นี่ที่จะรู้ว่าอะไรดีขึ้นบ้างแล้ว และถ้าใครอยากจะรู้มากกว่านี้ แค่พาพวกเขามาหาฉัน และฉันจะสะกดพวกเขาให้ลืมทุกสิ่งด้วยพิธีกรรมโบราณ”

“เอาล่ะ ป้าดา ขอบคุณมากครับ ผมจะทำตามนั้น ตอนนี้ถามคำถามผมในสิ่งที่อยากรู้มาได้เลย

“โอเค แต่ฉันจะรู้ได้ยังไง ฉันสามารถเห็นเธอแปลงร่างและบินได้ไหม”

“มันชัดเจนจริง ๆ ใคร ๆ ก็อยากเห็น แต่โดยเฉพาะคนอย่างป้าที่มีความสนใจในสิ่งเหล่านี้เป็นมืออาชีพ แน่นอน สมมติว่าผมสามารถทำเห็นได้ ผมบินไปแค่ครั้งเดียวเอง สิ่งเดียวคือ ป้าไม่เคยเห็นค้างคาวก่อนตะวันตกดิน ดังนั้นผมจึงคิดว่าพวกมันน่าจะมีดวงตาที่บอบบางเช่นเดียวกัน ผมไม่เคยเห็นค้างคาวใส่แว่นตากันแดดมาก่อน ดังนั้นผมจะกลับมาหลังจากเวลาหนึ่งทุ่ม หลังจากอาหารเย็น

“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือทุกอย่างอีกครั้งครับ ป้าเป็นป้าที่ดีที่สุดที่เคยมีมา ผมจะปล่อยให้ป้าอยู่อย่างสงบ และจะกลับมาภายหลัง”

Ψ

เฮงดื่มน้ำซุปในช่วงบ่ายเพื่อเอาใจภรรยาของเขา แต่เขาไม่ได้ดื่มด่ำกับรสชาติเลย ผักก็ไม่ได้ปรุงนานพอ สตูว์ก็คล้าย ๆ กัน ซึ่งเขาก็ชอบมากกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะผักที่ไม่ได้กรองออกมา เพราะมันหนาเกินไป แต่มันก็เหมือนกับกินโยเกิร์ตรสที่คุณไม่ชอบที่มันเหลืออยู่เพียงอย่างเดียวในตู้เย็น

เฮงทิ้งทุกอย่าง แล้วไปหาดาทันทีหลังจากอาหารค่ำ วรรณเสนอตัวไปกับเขา แต่เฮงขอร้องให้เธออยู่ที่บ้านในตอนนั้น ซึ่งเธอก็พร้อมทำตาม

ในยามพลบค่ำ เฮงไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อยืด ผ้าโพกหัว ครีม หรือยาหยอดตา แต่เขาสวมเพียงแว่นกันแดด เสื้อเชิ้ต และโสร่ง

“สวัสดีเฮง ดาทักทาย และเรียกเข้ามา “เข้ามานั่งสิ ขอบคุณที่มานะ ฉันตั้งหน้าตั้งตารอตลอดช่วงบ่าย ฉันตื่นเต้นมาก ฉันเทเหล้าแดงไว้ให้พวกเราแล้ว บางครั้งฉันชอบดื่มเพียงวิสกี้ช็อตเดียวในช่วงค่ำอย่างเข้มงวดเพื่อเป็นยา เธอก็คงเข้าใจ แต่ฉันคิดว่าฉันจะรักษาความสัมพันธ์กับมิตรสหายอย่างที่ฉันรู้ว่าเธอก็ชอบดื่มวันละแก้วในตอนเย็นด้วยเช่นกัน”

“มีเหตุผลมากครับ ป้า ผมเคยทำ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ ผมไม่ได้ดื่มเลยตั้งแต่ผมเริ่มป่วย ป้าคิดว่าผมจะบินได้เพราะเมาไหม ผมไม่อยากจะบินไปชนกำแพง หรือเข้าฝูงกับค้างคาวตัวอื่น”

ใช่ บางทีเธออาจจะพูดถูกของเธอ… มีเหตุผลมาก ดื่มหลังจากที่เธอกลับมาแล้วนะ”

“เมื่อผมขึ้นไปบนอากาศ ผมจะไม่สามารถพูดกับป้าได้หรือลงมาได้ ดังนั้นป้าต้องการให้ผมแสดงวิทยายุทธ์พืเศษอะไรให้ดูหรือไม่”

“ไม่มี เพียงแค่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อที่ฉันจะได้เห็นเธอ และบางทีอาจจะกระพือปีก อย่างที่เธอเรียกมัน แค่เข้ามาใกล้ ๆ หัวของฉัน เผื่อบางครั้งฉันจะได้มองเห็นเธอได้ชัด ๆ”

“ไม่มีปัญหาครับ ผมอยากให้ป้าดับไฟที่โต๊ะทันทีที่ผมถอดเสื้อ หรือมันอาจจะสว่างเกินกว่าที่ผมจะเข้าใกล้ป้าได้”

ด้วยเหตุนั้นเฮงจึงยืนอยู่บนขอบโต๊ะ เขาไม่แน่ใจว่าควรจะขยับแขนหรือไม่ แต่เขาคิดว่ามันจะดูดี ดังนั้นเขาจึงยืนกระพือแขนอยู่ตรงนั้น แล้วกระโดดขึ้นไป

เสื้อผ้าของเขาเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ตกลงบนพื้น และค้างคาวสีเทาดำยาวประมาณฟุตนึงก็บินออกไป ดาเหมือนถูกมนตร์สะกด เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งในชีวิตของเธอ ที่เธอได้เห็นอะไรที่ไม่เป็นไปตามปกติของโลก และหัวใจของเธอเต้นเร็วกว่าที่เคยเป็นมาสี่สิบปีที่สามีของเธอยังมีชีวิตอยู่ที่มันทำให้เธอหยุดหายใจ

ในส่วนของเขาแล้ว เฮงก็รู้สึกดีอกดีใจเช่นกัน เขาทะยานขึ้นไป บินโฉบ และเหมือนมีหมุนที่มีเพียงค้างคาวเท่านั้นที่ทำได้ และนี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตของเขา แต่เขาเป็นธรรมชาติ เขาเป็นแบทแมนตัวจริง เขาพยายามจำสิ่งที่ดาขอให้เขาทำ ขณะที่ค้นหายุงใต้ชายคาบ้าน หรือตัววายร้ายตามที่เขาเรียกมัน ต่อมาด้วยยุงแปลก ๆ ยี่สิบตัวในเวลาต่อมา เขาจำสิ่งที่ดาพูดได้ และบินลงมาหาเธอ เขาเต้นหลาต่อหน้าเธอ และยิ้มให้เธอ

“ดูฉันสิ ป้าดา ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ!”

เขาเห็นหญิงชรายิ้มให้เขา เธอดูมีความสุขเหมือนกับเด็กได้ชุดนักเรียนใหม่ เขายิ้มกลับ และกระดกตัวขึ้นลงให้เธอ เหมือนแมลงเม่าบินต่อหน้าเปลวไฟ แล้วเธอก็ยกมือฟ้อนรำตามแบบไทย ๆ มันเป็นจังหวะและจังหวะที่สอดคล้องกัน และดาก็ร้องไห้ออกมาด้วยความปิติอย่างแท้จริง แต่เฮงไม่สามารถรู้สึกได้ เนื่องจากความสุขเป็นสภาวะอารมณ์ปกติของค้างคาว

เฮงออกจากพนักพิงโต๊ะ เพื่อที่เขาจะได้แสดงวิทยายุทธ์พิเศษที่น่าทึ่งที่สุดของเขา เขาบินกลับหัว บินไปด้านข้าง ดิ่งหัวด้วยความเร็วสูงลงไปที่พื้น แล้วดิ่งตัวขึ้นไปในแนวตั้งในตอนสุดท้ายราว ๆ สิบเมตร จากนั้นก็ดิ่งลงอีกครั้งก่อนที่จะลดระดับอีกครั้งที่หกฟุตตรงหน้าดา และม้วนตัวจบด้วยชุดแห่งชัยชนะ

ทันใดนั้นเอง ความหิวก็เข้าครอบงำจิตใจของเขาเพราะร่างเล็กไม่สามารถกักเก็บพลังงานในระยะยาวได้มากนัก และเขาก็เริ่มตื่นตระหนก เขาเปิดเรดาร์ของเขา ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ มองเห็นเจ้าวายร้ายบินไปรอบ ๆ โต๊ะ และตั้งศูนย์เพื่อโจมตี เขากินไปสามสิบตัว หรือมากกว่านั้นในครั้งที่สอง และรู้สึกดีขึ้นแล้ว

เฮงถลาเข้าไปใต้โต๊ะ และควบคุมตัวเองถลาลงบนลานหน้าดา ทันทีที่เท้าเล็ก ๆ ของเขาสัมผัสกับโต๊ะ เขาก็กลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง

“ขอโทษที่ใช้เวลานานมากไปครับ ป้าดา แต่ผมชอบบินมาก” เขาเอื้อมมือไปดึงโสร่งเพื่อปกปิดอย่างสุภาพเรียบร้อย

“นานแค่ไหนที่เธอคิดว่าเธออยู่บนนั้น เฮง”

“ผมไม่รู้เหมือนกัน หลายชั่วโมงเลย”

“น่าสนใจ แต่เธอใช้เวลาเพียงแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น”

“ว้าว มันดูเหมือนนานกว่านั้นนะ!”

“อาจเป็นเพราะค้างคาวไม่ได้มีชีวิตอยู่ได้นานเท่ามนุษย์ เพราะพวกมันมีชีวิตอยู่เจ็ดสิบปีในเวลาเพียงห้าปี การรับรู้เวลาของพวกเขาแทบจะแตกต่างจากของเราโดยสิ้นเชิง ในระดับที่ต่างกัน ป้าไหมอย่างเช่น สุนัขมีชีวิตเร็วกว่าเราเจ็ดเท่า ค้างคาวอาจมีชีวิตเร็วขึ้นสิบสี่เท่าก็ได้

“น่าทึ่ง เฮง น่าทึ่งมาก! เธอมาเต้นรำกับฉันไหม”

“ได้สิ ป้าดา ผมคิดว่าป้าจะเต้นรำกับผม ป้าดูมีความสุขมาก ผมคิดผิดไปหรือเปล่า”

“ไม่เลย เฮง เธอทำให้ฉันรู้สึกอ่อนกว่าวัยลงห้าสิบปี และเชื่อฉันสิ นั่นเป็นความสำเร็จที่หายาก และมีมนต์ขลัง คิดไม่ถึงว่าจะมีผลกับผู้หญิงแก่อย่างฉันขนาดนั้น! เธอทำให้ฉันอยากร้องไห้ด้วยความดีใจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สามีของฉันเสียชีวิต”

“นั่นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีครับ ป้า”

“โอ้ ดีสิ เฮง ดีแน่นอน เป็นเรื่องยากที่จะรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง เมื่อเธอได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างหลายครั้ง และเธอเพิ่งแสดงบางอย่างให้ฉันดู บางสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นในช่วงชีวิตหนึ่ง แม้แต่ตัวฉันเอง ฉันขอขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจที่ทำให้ฉันได้เห็นเธอบิน ฉันถือว่าเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ”

ด้วยความยินดีครับ ป้าดา ผมอาจจะตายได้หากไม่มีป้า ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ ผมคิดว่าป้าเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยม ใจกว้างและมีความรู้ ผมคิดว่าวรรณและเด็ก ๆ ก็คงจะรู้สึกดีเหมือนกัน แต่ถ้าไม่มีป้าให้ความช่วยเหลือ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน… ผมก็ไม่แน่ใจ

“ป้าดา ป้าจะว่าไหม ถ้าผมออกไปตอนนี้ ผมอยากจะไปเที่ยวดูรอบ ๆ ผมจะทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่นี่ แต่ผมจะมาเอาพรุ่งนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นได้”

“ได้ แน่นอน เฮง ฉันคงไม่สามารถหยุดคนอย่างเธอได้อยู่ดี ขอบคุณที่ถามนะ ฉันขอถามเธอก่อนไปได้ไหม เมื่อเธอบิน เธอมีความเป็นมนุษย์มากแค่ไหน”

“ผมไม่รู้เลยครับ ป้า แต่ผมเต้นให้ป้า แล้วป้าก็เต้นกลับ ส่วนใหญ่แล้ว ผมคิดว่า แต่ผมถูกครบงำจิตใจด้วยการเป็นค้างคาว ป้าอาจรู้สึกว่ามันน่าสะอิดสะเอียน แต่ในฐานะค้างคาว ผมเกลียดยุงและอยากจะฆ่าพวกมันให้หมด อย่างไรก็ตามวิธีเดียวที่ผมทำได้คือ กินมัน แต่มันก็รสชาติดีมาก ดังนั้นผมจึงไม่คิดแบบนั้น”

“นั่นไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ เธออาจเกลียดยุงในฐานะมนุษย์ด้วยเช่นเดียวกัน ใครจะชอบ อย่างไรก็ดี เรากินปลวก ด้วง และตั๊กแตน…”

“ใช่ โอเค แต่ไม่ใช่ยุง”

“ไม่ แต่สุนัขก็เช่นกัน และค้างคาวก็ด้วย และนั่นก็เยี่ยมมาก มีจำนวนนิดหน่อยเท่านั้นที่จะกัดเรา แต่เธอคิดตามเหตุผลเหมือนค้างคาวใช่ไหม”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันไม่เหมือนกันเช่นในห้วงอากาศกับบนพื้นดิน ผมก็ไม่แน่ใจมากนักว่าส่วนไหนของผมเป็นมนุษย์ และส่วนไหนเป็นค้างคาว ผมจำไม่ได้ ผมขอโทษ แต่ป้าจะต้องเข้าใจเพราะมันเป็นพื้นฐานของสิ่งที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ แม้ว่าผมจะยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันคืออะไรก็ตาม”

เฮงจับมือป้าของเขามาวางหน้าผากสองสามวินาที จูบมือแล้วกระโดดออกไปจากโต๊ะ เขาแสดงท่าคำนับต่อหน้าดาห่างออกไปแปดหลา จากนั้นก็หายตัวไปในยามค่ำคืน โผบินจากยุงตัวหนึ่งไปยังยุงตัวหนึ่ง แต่อยู่ในทิศทางทั่วไปของใจกลางหมู่บ้าน

เขาไม่ได้ปฏิบัติภารกิจ เพียงแค่เพลิดเพลินกับอิสระในการบิน เฮงสามารถจำบ้านและผู้คนที่นั่งโต๊ะข้างหน้าพวกเขาได้ และมีความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลของมนุษย์อยู่ประมาณครึ่งหนึ่ง ในฐานะที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในทั้งสองภาคมีการแบ่งปันระหว่างสัตว์ทั้งสองชนิด ประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ของมันเป็นค้างคาวแท้

บุคลิกในด้านค้างคาวสอนให้เขามีความสุขมากกว่าที่เขาเคยคิดว่าจะเป็นไปได้ในฐานะมนุษย์ การบินนั้นงดงาม และในสถานะการเป็นค้างคาวเช่นเดียวกับการเป็นมนุษย์ เขาไม่มีสัญชาตญาณสัตว์นักล่าเหยื่อ เขาอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารทั้งในฐานะสัตว์บินได้ และสัตว์บก

ปัญหาเดียวที่ค้างคาวเฮงไม่เข้าใจว่าเป็นปัญหาก็คือ จิตใจของเขาพลิกผันจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว และจากค้างคาวเป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้แน่ชัดว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขากลายเป็นคนเหลาะแหละโลเล

บางครั้งเขาก็อยากจะฆ่าพวกตัววายร้ายเพื่อเป้าหมายบางอย่างจากมัน และบางครั้งเขาก็คิดเกี่ยวกับวรรณว่าเธอเป็นห่วงเขาอยู่หรือไม่ บางครั้งเขาก็คิดเกี่ยวกับคำเตือนของดา แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาในสถานะค้างคาวตัวหนึ่ง

เฮงพบว่าตัวเองกำลังบินผ่านไปอย่างรวดเร็วเข้าชายคาบ้านหลังเตี้ย กินเจ้าตัววายร้าย เมื่อเขาเห็นเด็กสาวอาบน้ำอยู่ข้างใน

ความคิดแรกของเขาคือ ค้างคาว อย่างที่สองก็คือความเป็นมนุษย์ และเขาวนเวียนอยู่รอบ ๆ มองดูร่างที่อ่อนเยาว์ของเธอในสถานะค้างคาว เขาไม่คิดถึงความหิว และในสถานะมนุษย์ความคิดของเขาคือ ความงามไม่ใช่ตัณหา

ในฐานะค้างคาวความคิดส่วนใหญ่ของเขาคือ เรื่องอาหาร ความสุขในการบิน และอคติต่อยุง และสิ่งมีชีวิตในเวลากลางวันที่อาจกินเขา ความเกลียดชังอันดับแรกของเขาคือ งูต้นไม้ และแมว ตามด้วยยุง และแมลงในบ้าน เพราะรสชาติของพวกมันแย่มาก และความชอบของเขาก็คือการบิน และความสมดุลของธรรมชาติ ซึ่งเป็นบ้านที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกสรรพสิ่ง เมื่อได้บิน เขารู้สึกถึงความกลมกลืนกับธรรมชาติ โลก และทุกสิ่งที่บินได้ ยกเว้นยุงและแมลงวัน

เขาเห็นพระจันทร์เป็นเทพเจ้าของเขามากกว่าพระอาทิตย์ มันเป็นมุมมองที่ต่างประเด็นกัน และสิ่งที่ทำให้เขาหายป่วย พระอาทิตย์ คือ ความเป็นชายในเวลากลางวัน และพระจันทร์ คือ ความเป็นหญิงในเวลากลางคืน ดั่งเช่นมนุษย์และค้างคาว

ตอนที่เขาบินโฉบออกจากบ้านไป เขาจับการสนทนาเรื่องส่วนตัวได้บางอย่างซึ่งเขาเข้าใจได้ดี อย่างไรก็ตามการนินทาที่เขาอาจคิดว่าน่าสนใจในฐานะมนุษย์ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขาในฐานะค้างคาว เขาไม่ได้สนใจภรรยาของใครจะมีความสัมพันธ์กับใคร หรือลูกสาวของใครจะใจง่าย เขาไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นขี้ขโมย ผู้คนจะคิดอย่างไรกับเพื่อนบ้าน หรือรัฐบาลของพวกเขา โดยทั่วไปแล้วภารกิจของมนุษย์ดูเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญสำหรับเขา เอาเสียเลย

เขาสนใจแต่เพียงความยินดี ความสุขในการบิน และความสุขเกี่ยวกับอาหาร เขาไม่แน่ใจเรื่องเซ็กส์เลย เขาเคยเห็นค้างคาวอีกสองสามตัวบินไปมา แต่เขาก็รักษาระยะห่างเอาไว้ เนื่องจากเขาไม่แน่ใจว่าเขาจะพูดภาษาค้างคาวได้หรือไม่ และเขายังไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างตัวผู้และตัวเมียได้ และไม่ต้องการที่จะใกล้ชิดกับตัวผู้ตัวอื่นมากเกินไป เพราะกลัวว่าจะแสดงเจตคติผิดปกติไป

เขาไม่รู้ว่าเขาต้องทำยังไง ถ้าค้างคาวตัวเมียบินมาหาเขา และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าค้างคาวตัวเมียเป็นนักล่าทางเพศหรือกำลังจะเกษียณ เขามองหาเรื่องส่วนตัวของตัวเอง แต่ไม่เห็นอะไรที่เขาจำได้

‘ข้ามสะพานให้ที่ดีที่สุดเมื่อเธอมาถึง เฮง เจ้าหนู เขาคิดอย่างนั้น

เขาเคยนึกถึงแมลงเม่าตัวใหญ่ในแสงจ้าของโคมไฟบนถนนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ชิมสักที ในแบบที่คุณนึกอยากลองร้านอาหารใหม่ในเมือง แต่ก็ผลัดวันไป เขาล็อกสัญญาณเรดาร์ของเขาไว้กับผีเสื้อกลางคืนตัวใหญ่อ้วนสีน้ำตาล และบินไปหามันอย่างช้า ๆ มั่นใจว่ามันไม่สามารถหนีไปได้ แต่แสงที่จ้านั่นเป็นที่ดึงดูดใจของแมลงเม่า มันทำให้เขาปวดตา เขาจึงบินกลับเข้าไปในความมืด รอให้ความเจ็บปวดบรรเทาลงค่อยล็อกมันอีกครั้ง และเดินเข้าไปด้วยความเร็วสูง เฮงเข้าออกจากแสงไฟ พร้อมกับแมลงเม่าที่ติดอยู่ที่ฟันเขาเพียงหนึ่งหรือสองวินาที เขาเคี้ยวตัวอวบ ๆ และคายปลีกร่วงหล่นไป

เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นของโปรด เพราะรสชาติมันน่าผิดหวัง แต่มันก็พอได้ และเขาก็ต้องแปลกใจว่าแมลงเม่าแต่ละตัวมีรสชาติเหมือนกัน มันอาจจะไม่ใช่เหตุผลอย่างที่เขาคิด แต่ยุงทุกตัวไม่เหมือนกัน นั่นอาจเป็นเพราะสิ่งที่มันกิน และเขาไม่รู้ว่าแมลงเม่ากินอะไร

เฮงครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะเป็นค้างคาวตลอดไป เนื่องจากเขามีความสุขอย่างไร้ขีดจำกัดในฐานะค้างคาวมากกว่าความเป็นมนุษย์ และในฐานะมนุษย์เขาก็มีความสุขดีอยู่อย่างไรก็ตามในฐานะมนุษย์มักจะคำนึงถึงเรื่องเงินอยู่เสมอ ครอบครัวของเฮงกินอาหารแบบพอเพียง มีน้ำมัน เสื้อผ้า ทีวี ไฟฟ้า แก๊ส โทรศัพท์ และอื่น ๆ ในขณะที่ค้างคาวไม่มีอะไรเลย นอนทั้งวันและกินฟรีตลอดคืน ขณะที่บินไปรอบ ๆ ท่ามกลางแสงจันทร์สีจาง ๆ แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะทันทีที่เขาบินร่อนลง เขาจะกลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง

ความคิดที่จะกลายเป็นสัตว์ในดินแดนอันกว้างใหญ่อีกครั้ง ทำให้เขาเศร้าใจไปชั่วขณะแต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพราะเขารู้ว่าเขาจะกลายเป็นค้างคาวได้อีกครั้งเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ

ถึงตอนนี้มีเพียงปัญหาเดียวที่เขาเจอตอนเป็นค้างคาว และนั่นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญจริง ๆ คนไทยไม่สนใจเรื่องการตรงต่อเวลามากนัก แต่ค้างคาวก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเกินไปเช่นกัน! ถ้าพระจันทร์ขึ้นแสดงว่ามันเป็นเวลาเล่น แล้วถ้ามันไม่ใช่เวลานั้น มันก็เป็นเวลานอนหลับ และฝันว่าเมื่อไหร่มันจะกลับมาอีกครั้ง

เฮงนึกถึงวรรณ และหวังว่าเธอจะรู้สึกต่อสิ่งนี้เช่นเดียวกับเขา เขาต้องการที่จะกลับบ้านและบอกเธอ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นเวลาเท่าไหร่ เขาไม่รู้ว่าเธอจะยังอยู่หรือเปล่า เขารู้แค่ว่าเป็นเวลาช่วงระหว่างสามทุ่มถึงตีห้า แต่เขาก็เริ่มเดินทางกลับบ้าน และรู้สึกดีใจที่เห็นเธอนั่งหั่นผักอยู่ที่โต๊ะตามลำพัง แต่ก็ดูเหมือนค่อนข้างว้าเหว่เดียวดายทีเดียว

เขาปิดตาของเขา เปิดสัญญาณเรดาร์เคลื่อนตัวเข้าไปในแสงสว่างต่อหน้าเธอ แล้วถอยกลับเข้าไปในเงามืดเพียงไม่กี่ฟุต

“นั่นคุณใช่ไหม เฮง”

เขาเต้นเพื่อเธอ ‘ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ’ และจากนั้นถลาลงไปบนโต๊ะ

“สวัสดี ที่รัก ทำไมถึงหน้ายาวอย่างนั้น

โอ้ ฉันแค่คิดถึงเธอ”

“มันมีเสน่ห์ ฉันมั่นใจ! ทำไมความคิดถึงที่มีต่อฉัน ทำให้เธอดูเศร้าจัง”

“มันไม่ได้งี่เง่าเลย! แต่ชีวิตของเราต้องเปลี่ยนไปมากในช่วงไม่กี่วัน เราเคยมีความสุขตามธรรมดา และก็มีความมั่นคงในชีวิตครอบครัว และตอนนี้เรามี… อะไรบ้าง ความวุ่นวายใช่ไหม ฉันมีสามีครึ่งหนึ่ง และเป็นเพื่อนค้างคาวอีกครึ่งหนึ่ง จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราอีก เฮง”

“ฉันไม่รู้ที่รัก แต่ได้โปรดไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมัน เราต้องผ่านมันไปด้วยกันในฐานะครอบครัว”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status