Share

บทที่ 16

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“เจ้าหมอนี่ ชักจูงจิตใจคนเก่งใช้ได้เลย!”

เฝิงมู่หลานมองเลี่ยวหยวนและคนอื่นๆ ที่ก้มหน้าเงียบ มีความไม่พอใจเสี้ยวหนึ่งแวบผ่านคิ้วงาม

แม้คำพูดของฉู่หนิงจะทำให้นางรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่เขาจงใจกล่าวเช่นนี้เพียงเพื่อชนะใจคนกลุ่มนี้เท่านั้น

พวกเลี่ยวหยวนและคนอื่นๆ ไม่ใช่คนโง่เขลา จะต้องมองแผนของฉู่หนิงออกแน่นอน

ทว่าเสิ่นหว่านอิ๋งที่อยู่ด้านข้างกลับส่ายศีรษะเบาๆ และจับจ้องด้วยแววตาอันเปล่งประกาย

“การจะชักจูงจิตใจคนได้นั้น ต้องชนะใจคนให้ได้ก่อน!”

เสิ่นหว่านอิ๋งจ้องแผ่นหลังของฉู่หนิง บนใบหน้าปรากฏแววสนใจ “ดูเหมือนเผิงไหลจวิ้นอ๋องผู้นี้ ก็ไม่ได้แย่เหมือนที่ข้าคิดนะ”

เฝิงมู่หลานตะลึงงันทันที

ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงจะค่อยๆ หันไปมองสหายของตนเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “หว่านอิ๋ง เจ้าคงไม่ได้ชอบเจ้าหมอนี่แล้วกระมัง?”

เสิ่นหว่านอิ๋งส่ายศีรษะ พลางกล่าวเสียงเรียบ “แม้เขาจะพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่หากเก่งแต่ปากอย่างเดียว ก็ยังคงไม่สามารถปกป้องตระกูลเสิ่นของข้าได้”

แม้การกระทำเมื่อครู่ของฉู่หนิงจะทำให้นางคาดคิดไม่ถึง แต่ยังคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของนาง

นางจะไม่แต่งงานกับฉู่หนิง

และฉู่หนิงต้องเป็นฝ่ายถอนหมั้น

เฝิงมู่หลานถอนหายใจด้วยความโล่งอก

โชคดีที่หว่านอิ๋งไม่ได้หุนหันพลันแล่น ไม่เช่นนั้นวันนี้กลับจะกลายเป็นสงเคราะห์ให้ฉู่หนิงสมหวังแทน!

นึกถึงฉู่หนิง สีหน้าเฝิงมู่หลานก็เย็นชาลงโดยพลัน และเมื่อเงยหน้ามองไป

เห็นเพียงฉู่หนิงที่ถูกปิดล้อมกลับมีท่าทีสงบเยือกเย็น ไม่กลัวว่าเลี่ยวหยวนและคนอื่นๆ จะลงมือเลย

ขณะนั้นเอง เลี่ยวหยวนถอนหายใจยาวทีหนึ่ง แล้วถอยกลับไปยังตำแหน่งเมื่อครู่

ทหารคนอื่นๆ ก็สะเทือนใจเพราะคำพูดของฉู่หนิง เมื่อเห็นนายกองของตนเองถอยกลับไป หลังจากหันไปมองหน้ากันก็พากันถอยเช่นกัน

กวนอวิ๋นกับจ้าวอวี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แม้พวกเขาสองคนมีวรยุทธ์เลิศล้ำ แต่ที่นี่คือค่ายทหารของกรมกลาโหม หากปะทะกันขึ้นมาจริงๆ พวกเขาฝ่าออกไปย่อมไม่เป็นปัญหา แต่ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของฉู่หนิง

เมื่อเห็นทุกคนยอมถอยเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของฉู่หนิง ทั้งสองยิ่งเลื่อมใสในตัวฉู่หนิงแล้ว

เดิมทีคิดว่าฉู่หนิงจะใช้ฐานะองค์ชาย และพระบัญชาของฝ่าบาทมาบังคับคนกลุ่มนี้ไปแนวหน้า

แต่ฉู่หนิงไม่ได้ใช้อำนาจข่มคน อาศัยเพียงความสามารถของตนเองก็คลี่คลายวิกฤตตรงหน้าแล้ว

แต่ต่อให้คนกลุ่มนี้รู้สึกละอายใจ เกรงว่าก็ไม่กล้าไปแนวหน้าอยู่ดี

ยอมถอยตอนนี้ ไม่ได้แปลว่าคนกลุ่มนี้ยอมลงสนามรบ!

ขณะที่ทั้งสองกำลังจมอยู่กับความคิด ฉู่หนิงมองผู้คนที่ยอมถอยกลับไปพลางพยักหน้าเบาๆ สีหน้าผ่อนคลายขึ้น

“ถือว่าพวกเจ้ายังพอรู้จักอายอยู่บ้าง!”

ฉู่หนิงพลันสะบัดแขนเสื้อ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตอนนี้พี่น้องของพวกเจ้ากำลังห้ำหั่นเอาชีวิตเป็นเดิมพันที่แนวหน้า แต่พวกเจ้าจะเสพสุขอยู่ที่นี่อย่างสบายใจหรือ?

รอพวกเขาล้มตายกันหมดแล้ว พวกเจ้าคิดว่าคนต่อไปที่จะต้องลงสนามรบคือใคร?

หลังจากทุกคนตายกันหมด ต้าฉู่ของเราก็จะล่มสลาย ลูกเมียและญาติพี่น้องของพวกเจ้าจะตกเป็นทาสของผู้อื่น!

ถึงเวลานั้น เมียพวกเจ้าจะกลายเป็นเมียผู้อื่น ลูกพวกเจ้าจะเปลี่ยนแซ่ตามผู้อื่น ญาติพี่น้องพวกเจ้าจะกลายเป็นไพร่ชั้นต่ำ!

บอกข้าหน่อย นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าอยากเห็นหรือ?

“ไม่อยาก!”

เหล่าทหารพร้อมใจกันตะโกน เสียงดังกึกก้องราวฟ้าผ่า ทำเอาเสิ่นหว่านอิ๋งกับเฝิงมู่หลานที่ยืนชมเหตุการณ์อยู่ห่างๆ สะดุ้ง

เสียงอันหนักแน่นของฉู่หนิงดังขึ้น ท่ามกลางความประหลาดใจของหญิงสาวทั้งสอง “ดีมาก พวกเจ้าจงจดจำคำพูดของพวกเจ้าไว้ให้มั่น!”

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าก็คือองครักษ์ของข้า และยังคงขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการนายกองเลี่ยว กวนอวิ๋น เจ้าพาพวกเขาไปตีอาวุธที่เหมาะมือที่ร้านตีเหล็ก”

“รีบทราบ!” กวนอวิ๋นขานรับเสียงหนักแน่น ก่อนจะพาเหล่าทหารออกไปยังนอกค่าย

เฝิงมู่หลานร้อนรนแล้ว

คนเหล่านี้ล้วนเป็นทหารผู้ใต้บังคับบัญชาของบิดานาง หากไปกับฉู่หนิง บิดาของนางไม่เท่ากับกลายเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบหรือ?

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

ทันใดนั้น เฝิงมู่หลานก็กระโจนออกไปขวางทางของกวนอวิ๋น

เสิ่นหว่านอิ๋งส่ายศีรษะ ก่อนจะก้าวตามไป

เมื่อฉู่หนิงได้ยินว่ามีคนขวางทาง ก็ขมวดคิ้วพลางหมุนกาย

แต่ทันทีที่หมุนกาย ก็สบตากับเสิ่นหว่านอิ๋งพอดี

สายตาทั้งสองประสานกัน สายตาของคนหนึ่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ส่วนสายตาของอีกคนดูเฉยชาเล็กน้อย

โลกใบนี้มีสตรีรูปโฉมงดงามเพียงนี้ด้วย!

ใบหน้าอันงามเลิศคู่กับรูปร่างสูงโปร่ง ชายกระโปรงโบกพลิ้วระหว่านเดิน ทุกย่างก้าวสง่างาม ทำให้ยากจะละสายตา

สตรีผู้งดงามดั่งเทพธิดาจุติจากสวรรค์ ถึงกับบดบังสตรีผู้ไม่ได้งามน้อยหน้าที่อยู่ข้างกายจนมิด

“ฮึ่ม มองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นผู้หญิงหรือ?”

เฝิงมู่หลานสัมผัสถึงสายตาของฉู่หนิง ก็อดถลึงตาใส่ไม่ได้ ก่อนจะไปยืนขวางตรงหน้าเสิ่นหว่านอิ๋ง

เมื่อทัศนวิสัยถูกบดบัง ฉู่หนิงจึงจะละสายตา และหันไปมองสตรีที่ขวางทางแทน

เวลานี้ เลี่ยวหยวนรีบก้าวออกกระซิบเบาๆ “องค์ชาย นางคือบุตรีของผู้ช่วยเสนาบดีเฝิงขอรับ”

กล่าวจบก็หันไปมองเฝิงมู่หลานอย่างจนปัญญา “คุณหนูเฝิง ห้ามไร้มารยาทต่อองค์ชาย”

เฝิงมู่หลานขมวดคิ้ว มองฉู่หนิงพลางแค่นเสียงเยาะ “องค์ชาย? ต้าฉู่มีองค์ชายที่แย่งผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้อื่นด้วยหรือ?”

“บังอาจ!”

กวนอวิ๋นตวาดลั่น พลางควงดาบกระโจนไปขวางตรงหน้าเฝิงมู่หลาน “เจ้ากล้าไร้มารยาทต่อองค์ชายหรือ!”

เฝิงมู่หลานก็ไม่มีท่าทีเกรงกลัวเลย นางชักกระบี่ ยืนประจันหน้าทันควัน “ฮึ่ม เขาแย่งผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อข้าก่อน เขาไร้ซึ่งความเมตตาก่อน เจ้ากล้าพูดได้อย่างไรว่าข้าไร้มารยาทต่อเขา?”

“เจ้า…” กวนหยวนเป็นคนหยาบกระด้าง ถูกโต้กลับจนพูดไม่ออกในชั่วขณะ

กลับเป็นที่เสิ่นหว่านอิ๋งที่รู้ตัวว่าไม่ได้มาเพื่อสร้างปัญหา นางก้าวออกมาโค้งคำนับฉู่หนิง “เสิ่นหว่านอิ๋งขอน้อมถวายบังคมเผิงไหลจวิ้นอ๋องเพคะ”

ที่แท้นางคือเสิ่นหว่านอิ๋ง!

คู่หมั้นที่เสด็จพ่อพระราชทานแก่เขา

ฉู่หนิงเข้าใจทุกอย่างแล้ว และยังกล่าวด้วยรอยยิ้มสุภาพ “ที่แท้ท่านหญิงเสิ่นนี่เอง ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ไม่รู้จักท่านหญิง ต้องขออภัยด้วย”

ท่าทีที่อ่อนโยนและสุภาพของฉู่หนิง ทำให้เสิ่นหว่านอิ๋งสบายใจขึ้นมาก

ขอแค่เป็นคนมีเหตุผล นางก็มั่นใจว่าสามารถเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายถอนหมั้น

สิ่งที่นางกลัวที่สุดก็คืออีกฝ่ายไร้เหตุผล!

“องค์ชายกล่าวหนักเกินไปแล้ว”

เสิ่นหว่านอิ๋งกล่าวเสียงเรียบ “หว่านอิ๋งเก็บตัวอยู่แต่ในจวน องค์ชายไม่รู้จักหว่านอิ๋งก็สมควรเพคะ”

นางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อ “น้องหญิงของหม่อมฉันนิสัยมุทะลุ หากมีสิ่งใดที่ล่วงเกิน องค์ชายโปรดให้อภัยเพคะ”

ฉู่หนิงพลันยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร ข้าแย่งผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อนางจริงๆ นางโกรธก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

กวนอวิ๋น เจ้าพาพวกเขาไปที่ร้านตีเหล็กก่อน ตีอาวุธและชุดเกราะอย่างเต็มกำลัง”

จะปล่อยให้การปรากฏตัวของสตรีสองนางมาทำลายแผนการของตนไม่ได้

กวนอวิ๋นขานรับแล้วพาคนอื่นๆ เดินจากไป โดยทิ้งจ้าวอวี๋ไว้ปกป้องฉู่หนิง

เฝิงมู่หลานยังคิดจะขวาง กลับถูกเสิ่นหว่านอิ๋งคว้าแขนไว้ และเกลี้ยกล่อมเบาๆ

“นี่เป็นพระบัญชาของฝ่าบาท และองค์ชายก็ชนะใจพวกเขาด้วยความสามารถของตัวเอง เจ้ายังไปขวางอีกก็เท่ากับจงใจหาเรื่อง ฝ่าบาทจะลงโทษตระกูลเฝิงนะ!”

สีหน้าเฝิงมู่หลานเปลี่ยนเล็กน้อย

หากลงโทษนางผู้เดียว นางย่อมไม่กลัว

แต่หากลงโทษตระกูลเฝิง นางต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่ตามมา

ฉู่หนิงมองเสิ่นหว่านอิ๋งด้วยความสนใจ บนใบหน้าปรากฏแววพินิจพิจารณา

คู่หมั้นผู้นี้ มีดีใช้ได้เลย

เฝิงมู่หลานผู้นี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นสตรีประเภทหน้าอกใหญ่สมองน้อย เสิ่นหว่านอิ๋งกลับสามารถเกลี้ยกล่อมด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

หากได้แต่งงานกับสตรีเช่นนี้ จะต้องเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมแน่นอน

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฉู่หนิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าท่านหญิงเสิ่นมาหาข้ามีธุระอะไร?”

เสิ่นหว่านอิ๋งยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เฝิงมู่หลานก็ชิงกล่าวด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ก็ต้องมาถอนหมั้นกับเจ้าน่ะสิ!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (5)
goodnovel comment avatar
tep1 lisa
เลือกบทยังไงครับ
goodnovel comment avatar
Shaiyai Aekrasin
อ่านแล้วอยากอ่านต่อติดตา มทั้งเรื่อง เนื่อเรื่องอยากให้ตามอ่านต่อเรื่อยๆ
goodnovel comment avatar
นายพีรวัส รัตนพงษ์เพียร
สนุกน่าติดตาามม
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 696

    แต่ก็มีคนก้าวออกมาคัดค้านทันที “ฮึ่ม ใต้เท้าเหอดูแลกรมโยธาธิการ หากย้ายไปกรมการคลัง ใครจะรับผิดชอบงานของกรมโยธาธิการ?”“ถูกต้อง ใต้เท้าเหอไม่เหมาะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง ให้ใต้เท้าจางดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังเหมาะสมกว่า”“ใต้เท้าจางไม่เหมาะ ให้ใต้เท้าเผิงดำรงตำแหน่งเหมาะสมที่สุด”“ฝ่าบาท ในความเห็นของกระหม่อม ใต้เท้าโม่เหมาะกับตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังที่สุด”ทุกคนพากันก้าวออกมา ปกป้องผู้ที่ตนเองจงรักภักดีตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังมีความสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาต้องแย่งตำแหน่งนี้มาให้เจ้านายของตนเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปอยู่ในราชสำนัก จะตกอยู่ใต้อำนาจผู้อื่นแต่พวกเขายิ่งทะเลาะกัน รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่หนิงก็ยิ่งกว้างทะเลาะเลย ทะเลาะเยอะๆ ทะเลาะจนทำให้เสด็จพ่อรำคาญพวกเจ้า ถึงเวลานั้น ตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังก็จะเป็นของหลิวโส่วเริ่นเจ้าพวกนี้ยังคิดจะฉวยโอกาส แต่หารู้ไม่ว่าเสด็จพ่อ ถนัดเรื่องการถ่วงดุลอำนาจมากที่สุดตอนนี้พวกเจ้าแต่ละคนให้ขุนนางที่สนับสนุนตนเองออกมาร่วมวงด้วย นี่ไม่เท่ากับกำลังบอกฮ่องเต้ว่า : คนพวกนี้เป็นคนของพวกเจ้า!ด้วยนิสัยของฮ่องเต้ ไม่มีทางปล่อยให้ฝ่ายใด

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 695

    “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าใต้เท้าหลิวเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง!”ฉู่หนิงก้าวออกมาพูดแทนหลิวโส่วเริ่น “ในช่วงนี้ ขุนนางกรมการคลังขาดแคลน ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถจัดการได้ทันท่วงที ใต้เท้าหลิวเป็นคนประคับประคองกรมการคลังมาโดยตลอดดูจากใต้เท้าหลิวจัดการงานของกรมการคลังในช่วงที่ผ่านมา เขาสามารถดำรงตำแหน่งนี้ได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”การมีคนในราชสำนักย่อมทำให้ทำงานง่ายขึ้น หากสามารถควบคุมกรมการคลังที่เป็นหนึ่งในหกกรม ก็เท่ากับมีหูตาอยู่ในราชสำนักนี่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาปิงโจวในอนาคตอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น หลิวโส่วเริ่นมีพื้นเพมาจากปิงโจว และยังเคยเป็นเจ้าเมืองเมืองติ้งเซียง มีความผูกพันกับปิงโจว หลังจากกลายเป็นเสนาบดีกรมการคลัง จะต้องหาวิธีดูแลปิงโจวแน่นอนราชสำนักในอดีต ท้องพระคลังขาดแคลน กรมการคลังมีแต่ชื่อ ไม่มีอำนาจมากนักแต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว ท้องพระคลังได้รับเงินมากมายเช่นนั้น กรมการคลังในอนาคต เป็นเนื้อก้อนโตเลยทีเดียว!แต่ก็เพราะเป็นเนื้อก้อนโต องค์รัชทายาทกับองค์ชายคนอื่นๆ ก็อยากชิงดูสักตั้ง!ทันทีที่สิ้นเสียงฉู่หนิง องค์รัชทายาทก้าวออกมาคัดค้านเป็นคนแรก“น้องส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 694

    เพราะอย่างไรเสีย ฉู่หนิงก็เป็นคนทวงเงินกลับคืนมาทันทีที่สิ้นเสียง ขุนนางที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์รัชทายาทก้าวออกมาสนับสนุนทันที เมื่อองค์ชายรองและคนอื่นๆ เห็นดังนี้ก็หันไปสบตากัน จากนั้นก็พากันเห็นด้วย เวลานี้ ขุนนางคนอื่นๆ จึงจะเข้าใจเหล่าองค์ชายเห็นพ้องต้องกัน!แต่มาลองคิดดูมันก็ถูก ครั้งนี้ฉู่หนิงได้สร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ทำให้เขาเด่นเกินหน้าเกินตา ในฐานะองค์ชาย ใครก็ต้องหวั่นเกรงในเรื่องของการพระราชทานรางวัล เหล่าองค์ชายย่อมไม่อยากให้ฉู่หนิงได้เปรียบเหล่าขุนนางที่เข้าใจแล้ว ก็พากันก้าวออกมาสนับสนุน“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทพูดถูก!”“ชีวิตของฉู่อ๋องในปิงโจวลำบากมาก เมื่อก่อนราชสำนักไม่มีเงิน ได้แต่ปล่อยให้ฉู่อ๋องพึ่งพาตนเอง ตอนนี้ราชสำนักมีเงินแล้ว ก็ควรดูแลฉู่อ๋องเป็นพิเศษ!”“กระหม่อมก็รู้สึกว่าควรพระราชทานเงิน”“ขอฝ่าบาทโปรดทรงมีพระราชโองการ!”คำพูดของขุนนางบุ๋นบู๊ ทำให้หลิวโส่วเริ่นที่เป็นผู้รักษาการณ์กรมการคลังทนดูต่อไปไม่ได้แล้วเขาก้าวออกมากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ฝ่าบาท ฉู่อ๋องช่วยราชสำนักทวงเงินกลับคืนมานับร้อยล้าน ช่วยแก้ปัญหาท้องพระคลังขาดแ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 693

    วันต่อมา ยามเหมายามเช้าในเดือนห้า ท้องฟ้าสว่างจนมองเห็นชัดฉู่หนิงสวมชุดอ๋องสีม่วง ควบม้ามาถึงหน้าประตูพระราชวัง“คำนับท่านอ๋อง!”หน้าประตูพระราชวัง ขุนนางหลายคนพากันประสานมือคารวะฉู่หนิงสามารถทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ยอมอ่อนข้อเพียงลำพัง ทั่วราชวงศ์ต้าฉู่มีเพียงฉู่หนิงที่ทำได้ไม่ว่าเหล่าขุนนางจะอยู่ฝ่ายใด ล้วนชื่นชมฉู่หนิงมากฉู่หนิงกวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”ขณะที่กำลังพูด มีเสียงกีบเท้าม้า องค์ชายรองฉู่หมิงควบม้ามาถึงแล้ว“น้องสิบแปด ช่างหน้าใหญ่จริงๆ!” องค์ชายรองมองฉู่หนิงที่ถูกทุกยกยอจนแทบตัวลอย แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“พี่รองล้อเล่นแล้ว ข้าเพิ่งมาถึงเอง เป็นเพราะขุนนางทุกท่านเกรงใจเกินไปต่างหาก”“พอแล้ว รีบเข้าไปเถิด การประชุมเช้ากำลังจะเริ่มแล้ว”เมื่อกล่าวจบ องค์ชายรองพลิกกายลงจากม้า แล้วเดินตรงไปที่ประตูของพระราชวังฉู่หนิงพลันยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรมากที่หน้าประตูตำหนักจินหลวน มีองค์ชายและขุนนางมารออยู่แล้ว เมื่อเห็นองค์ชายรองกับฉู่หนิงเดินมา ก็พากันคารวะองค์รัชทายาทเพียงกวาดมองฉู่หนิงด้วยสีหน้าไร้อารม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 692

    ผู้หญิงคนนี้หนีไปได้ ไม่แน่อาจเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้าแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องเหล่านี้ จัดการคนเจ็ดคนนี้ก่อนค่อยว่ากัน“ฮึ่ม ว่ามา เหตุใดต้องลอบสังหารข้า?” ฉู่หนิงจ้องคนทั้งเจ็ดอย่างเย็นชาและถามหัวหน้าตระกูลทั้งเจ็ดเงียบทันทีเหตุใดลอบสังหารเจ้า? ในใจเจ้าไม่รู้เลยหรือ?เดิมทีปิงโจวอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลใหญ่ แต่พอเจ้าฉู่หนิงไปปิงโจว ยึดที่ดินทั้งหมดคืน ตระกูลใหญ่จะอยู่รอดได้อย่างไรไม่ฆ่าเจ้าแล้วจะฆ่าใคร?แต่พวกเขาไม่กล้าพูดคำพูดนี้ออกมา เพราะกลัวฉู่หนิงจะลงมือกับตนเอง“ไม่พูดใช่หรือไม่?”ฉู่หนิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เด็กๆ ฆ่าพวกมันให้หมด!”ทันทีที่คำสั่งดังขึ้น ก่อนคนทั้งเจ็ดจะตั้งสติได้ หร่านหมิงพลันยิ้มอย่างดุร้าย เงื้อมดาบในมือขึ้น ก็ตัดศีรษะของหัวหน้าตระกูลคนหนึ่งหลุดโดยตรง เมื่อทัพอาชาคนอื่นเห็นดังนี้ ก็พากันลงดาบในมือ พริบตาเดียว ที่เกิดเหตุมีดวงวิญญาณเพิ่มมาหกดวงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนฉุนจมูก ฉู่หนิงปิดจมูก พลางโบกมือสั่ง “เผาศพ แล้วฝังไว้ตรงนี้!”หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ทุกคนเดินทางกลับเมืองเ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 691

    ในที่สุดก็หาตัวผู้อยู่เบื้องหลังคดีลอบสังหารเจอเสียทีเป็นไปตามที่ฉู่หนิงคาดการณ์ เป็นฝีมือของแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ที่จริงเดาออกนานแล้วว่าเป็นฝีมือของคนเหล่านี้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีหลักฐานก็เท่านั้นเองตอนนี้มีการชี้ตัวของเหล่าตระกูลใหญ่ การจับกุมแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ก็เป็นไปอย่างมีความชอบธรรมและหลักฐานองค์รัชทายาทมองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของฉู่หนิง มีความไม่เต็มใจเสี้ยวหนึ่งแลบผ่านแววตาวันนี้เจ้าหมอนี่ไม่เพียงทวนเงินคลังที่ถูกยักยอกกลับคืนมา และยังหาเงินสำหรับการสร้างสุสานให้เสด็จพ่อด้วย เสด็จพ่อคงจะโปรดปรานเขามากขึ้นแน่!ไม่ได้ ปล่อยให้ฉู่หนิงทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาดองค์รัชทายาทพลันหรี่ตาลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เสด็จพ่อ ปัจจุบันน้องสิบแปดใจกล้าบ้าบิ่น จะต้องทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ เกิดความไม่พอใจต่อเขาแน่นอน นี่ไม่เป็นผลดีต่อราชวงศ์ต้าฉู่ของเรานะ เพราะวันข้างหน้ายังมีเรื่องอีกมากมายต้องพึ่งพาเหล่าตระกูลใหญ่”แต่เวลานี้ฮ่องเต้กำลังจมอยู่กับความปีติยินดีของการสร้างสุสานหลวง เมื่อได้ยินองค์รัชทายาทว่าร้ายฉู่หนิง สีพระพักตร์จึงเคร่งขรึมลงทันที“รัชทายาท เรารู้ว่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status