แชร์

บทที่ 15

ผู้เขียน: สายลมไร้กาลเวลา
“มู่หลาน ศาลาว่าการกรมกลาโหมไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าไปก็ได้!”

บนถนน เสิ่นหว่านอิ๋งที่อยู่ในรถม้าเลิกม่านขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามของนาง

แต่ในยามนี้ บนใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความจนปัญญา

สำหรับความห่วงใยของสหายสนิท นางซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

แต่หากการทำเช่นนี้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายของต้าฉู่ ก็ย่อมไม่เป็นผลดีต่อนางและตระกูลเสิ่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้นางถูกพระราชทานสมรสให้ฉู่หนิง ยิ่งไม่อยากจะก่อเรื่องในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้

สิ่งที่นางต้องทำในตอนนี้คือการทำให้ฉู่หนิงเป็นฝ่ายถอนหมั้นเอง!

เฝิงมู่หลานที่ขี่ม้านำทางอยู่ด้านหน้ายกยิ้มมุมปาก ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความองอาจฉายแววเจ้าเล่ห์ “วางใจเถอะ พวกเราไม่ได้จะไปที่ศาลาว่าการกรมกลาโหม!”

“ทหารของกรมกลาโหมประจำการอยู่ที่ค่ายทหารทางใต้ของเมือง ฉู่หนิงต้องไปที่นั่นแน่ เจ้าอยากให้เขายกเลิกการแต่งงานมิใช่หรือ อีกเดี๋ยวก็ไปพูดกับเขาตรง ๆ เลยสิ”

เสิ่นหว่านอิ๋งนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ปล่อยม่านที่เลิกขึ้นลง

เรื่องการแต่งงานนี้ จะต้องยกเลิกให้ได้

ไม่อาจยืดเยื้อ!

หากยืดเยื้อต่อไป รอจนกระทั่งงานแต่งงานเตรียมการพร้อมแล้ว นางจะไม่มีแม้แต่เหตุผลที่จะยกเลิกการแต่งงาน

แม้ว่าการไปค่ายทหารจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่เมื่อมีเฝิงมู่หลานนำทาง ก็ช่วยลดปัญหาไปได้มาก

ในฐานะบุตรสาวของรองเสนาบดีกรมกลาโหม เฝิงมู่หลานฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก ในค่ายทหารแห่งนี้มีคนรู้จักมากมาย กระทั่งไม่ต้องแจ้งให้ทราบก็สามารถเข้าไปในค่ายได้

ชายฉกรรจ์วัยกลางคนในชุดเกราะคนหนึ่งยิ้มพลางเดินเข้ามา “ไม่ทราบว่าคุณหนูเฝิงมาที่นี่ จะมาเลือกคู่ต่อสู้ประลองฝีมือหรือขอรับ?”

ปกติแล้วเฝิงมู่หลานมาที่นี่ก็เพื่อหาคนประลองยุทธ์ หัวหน้าหน่วยหลิ่วจึงคิดว่านางคงมาเหมือนเช่นเคย

แต่เฝิงมู่หลานกลับขมวดคิ้ว “หัวหน้าหน่วยหลิ่ว ฉู่หนิงอยู่ที่ไหน ข้ามาหาเขา!”

หัวหน้าหน่วยหลิ่วเหลือบมองไปทางด้านหลังของค่ายทหาร กระซิบเสียงเบา “จวิ้นอ๋องได้เรียกคนใต้บังคับบัญชาของบิดาท่านไปรวมตัวกัน บอกว่าฝ่าบาททรงย้ายคนเหล่านี้ไปแนวหน้า ตอนนี้กำลังอบรมสั่งสอนอยู่ทางนั้นขอรับ”

เฝิงมู่หลานแค่นเสียงเย็น ดวงตาองอาจคู่นั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เจ้าคนน่ารังเกียจนี่ หว่านอิ๋ง ตอนนี้พวกเราไปหาเขากัน!”

พอดีเลย หนี้ใหม่หนี้เก่าจะได้ชำระพร้อมกันทีเดียว

หญิงสาวทั้งสองมาถึงด้านหลังค่าย ก็เห็นกองทหารกองหนึ่งยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่ไกล ๆ ด้านหน้าสุดมีคนสามคนยืนหันหลังให้พวกนาง

ในบรรดาสามคนนั้น คนที่อยู่ทางซ้ายและทางขวามีรูปร่างสูงใหญ่ คนหนึ่งถือดาบยาว อีกคนหนึ่งถือหอกยาว มีเพียงคนตรงกลางเท่านั้นที่รูปร่างผอมบาง

เฝิงมู่หลานเบ้ปาก “เจ้าคนที่อยู่ตรงกลางนั่นต้องเป็นฉู่หนิงแน่ หึ คิดจะควบคุมคนของท่านพ่อข้าอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!

หว่านอิ๋ง พวกเรารอดูก่อน รอให้เขาเสียหน้า ให้เขาได้ตระหนักถึงความไร้ความสามารถของตัวเอง แล้วค่อยให้เขาเป็นฝ่ายยกเลิกการแต่งงานเองก็จะง่ายขึ้น”

คนกลุ่มนี้ติดตามบิดาของนางมานาน ไหนเลยจะยอมให้องค์ชายตัวตายตัวแทนที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมีอย่างฉู่หนิงมาควบคุม?

ในใจของเสิ่นหว่านอิ๋งสั่นไหว พยักหน้าเล็กน้อย ยอมรับคำพูดของเฝิงมู่หลานไปโดยปริยาย

นางและตระกูลเสิ่น จะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย มิเช่นนั้นต่อไปจะปักหลักอยู่ในเมืองหลวงได้ยาก

ต่อให้ต้องแต่งงาน นางก็ต้องแต่งให้กับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น

ฉู่หนิง แม้จะเป็นองค์ชาย แต่ก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยให้นางและตระกูลเสิ่นได้

เกิดมาในตระกูลเสิ่น ชะตาชีวิตนางมิอาจกำหนดเองได้ เรื่องสำคัญอย่างการแต่งงานจะผลีผลามเช่นนี้ไม่ได้

ระหว่างที่ครุ่นคิด ฉู่หนิงที่อยู่ไม่ไกลก็มองไปยังคนกว่าหกสิบคนที่รวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว บนใบหน้าเผยความพึงพอใจ

สมแล้วที่เป็นทหารชั้นยอดที่กรมกลาโหมคัดเลือกจากทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกายหรือขวัญกำลังใจล้วนเหนือกว่าทหารทั่วไปมากนัก

กวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ ฉู่หนิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ใครคือหัวหน้าหน่วย?”

ชายฉกรรจ์ผู้มีหนวดเคราเต็มใบหน้าคนหนึ่งก้าวออกมาประสานมือคารวะ “ท่านอ๋อง ข้าน้อยเลี่ยวหยวน เป็นนายกองใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าเฝิงกรมกลาโหมพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หนิงพยักหน้าเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นนายกอง คิดว่าที่นี่คงจะมีคนร้อยคนแล้วสินะ? นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าถูกเกณฑ์ให้มาเป็นผู้คุ้มกันของข้า และจะต้องเดินทางไปยังแนวหน้าในไม่ช้า!”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

ต่างก็ซุบซิบกันในทันที

“อะไรนะ พวกเราถูกเกณฑ์ตัวหรือ?”

“ยังจะต้องไปแนวหน้าอีก? นี่...นี่มันต่างอะไรกับการส่งไปตาย?”

“ข้าไม่ไป ข้าเป็นคนของกรมกลาโหม จะถูกเกณฑ์ตัวได้อย่างไร!”

“ข้าก็ไม่ไป หากท่านอ๋องต้องการหาผู้คุ้มกัน ก็ไปติดประกาศรับสมัครเอาสิ”

ทุกคนล้วนเป็นทหารชั้นยอด ทั้งยังเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่มีใครอยากจะเป็นผู้คุ้มกันของฉู่หนิง และยิ่งไม่อยากจะไปตายที่แนวหน้า

ชั่วขณะหนึ่ง เสียงคัดค้านก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย

ภาพนี้ทำให้เฝิงมู่หลานที่แอบดูอยู่ด้านหลังยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ข้าว่าแล้ว เจ้าหมอนี่ต้องเสียหน้าแน่!

คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว หากเขาไม่สามารถสยบคนพวกนี้ได้ จะต้องกลายเป็นเรื่องตลกของเมืองหลวงเป็นแน่

คนอย่างเขาเนี่ยนะ ยังคิดจะแต่งงานกับหว่านอิ๋ง ไม่ส่องกระจกดูเงาตัวเองเสียบ้าง”

ในดวงตาเต็มไปด้วยความดูแคลนฉู่หนิง

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าฉู่หนิงไม่สามารถสยบคนกลุ่มนี้ได้

แม้ว่าเสิ่นหว่านอิ๋งจะไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าผิดหวังก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น

หากฉู่หนิงผู้นี้มีโอกาสที่จะแย่งชิงบัลลังก์ได้สักนิด นางก็อาจจะพิจารณาดู

แต่ตอนนี้แม้แต่ทหารของกรมกลาโหมยังดูถูกฉู่หนิง แล้วนางจะแต่งให้กับคนแบบนี้ได้อย่างไร?

ในวินาทีนี้ เสิ่นหว่านอิ๋งยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องให้ฉู่หนิงยกเลิกการแต่งงานให้ได้!

แต่ว่า ในตอนนั้นเอง ฉู่หนิงกลับเปลี่ยนท่าทีเกียจคร้านในอดีตทิ้งไป สีหน้าที่เรียบเฉยก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“หึ คาดไม่ถึงว่าทหารชั้นยอดที่กรมกลาโหมคัดเลือกมาจากกองทัพต่าง ๆ จะเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว ข้าคงจะมองพวกเจ้าสูงไปแล้ว กวนอวิ๋น จ้าวอวี่ พวกเราไป!”

พูดจบ ฉู่หนิงก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป

แต่คำพูดนี้กลับไปกระตุ้นเลี่ยวหยวนและคนอื่น ๆ !

ในฐานะทหารชั้นยอด พวกเขาเคยถูกหยามเช่นนี้เมื่อไรกัน

สีหน้าของเลี่ยวหยวนมืดมน เขาก้าวเท้ายาว ๆ ไปขวางทางฉู่หนิงไว้ ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวพลางเอ่ยถาม

“ท่านอ๋อง พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

ฉู่หนิงจ้องเลี่ยวหยวนเขม็ง กล่าวทีละคำอย่างช้า ๆ “ข้าพูดว่า พวกเจ้าเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว!”

“พรึ่บ~” กองทัพร้อยคนโกรธจัดขึ้นมาทันที พุ่งเข้าไปล้อมฉู่หนิงทั้งสามคนไว้ตรงกลาง

กวนอวิ๋นหมุนควงดาบยาวในมือ ตวาดเสียงดังลั่น “บังอาจ กล้าดีอย่างไรมาลบหลู่ท่านอ๋อง!”

เลี่ยวหยวนจ้องฉู่หนิงเขม็ง “หากท่านอ๋องถอนคำพูดเมื่อครู่กลับไป ข้าน้อยยินดีที่จะขอขมา!”

“มิเช่นนั้น สหายของข้าน้อยกลุ่มนี้คงจะไม่ยอมแน่!”

“เหตุใดข้าต้องถอนคำพูดเมื่อครู่ด้วย?”

ฉู่หนิงแค่นเสียงเย็น แรงกดดันทั่วร่างพลันเปลี่ยนไปในทันที ราวกับจักรพรรดิผู้สูงส่งที่กำลังมองลงมายังฝูงชน

ยื่นนิ้วชี้ข้างขวาออกไป พลางชี้ไปยังทุกคน แล้วกล่าวเสียงเย็น “พวกเจ้านับรวมกันไปเลยทุกคน ล้วนเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว!

พวกเจ้าไม่อยากจะเป็นผู้คุ้มกันของข้า ก็เพียงเพราะกลัวที่จะไปแนวหน้าเท่านั้น พวกเจ้าใช้ข้ออ้างเช่นนี้เพื่อปกปิดความขี้ขลาดในใจ

เมื่อเทียบกับชาวบ้านที่มือเปล่าแล้ว พวกเจ้าน่าละอายยิ่งกว่า

ในฐานะทหารของกรมกลาโหม ได้รับการปฏิบัติที่ดีที่สุด ได้รับสวัสดิการที่คนอื่นไม่สามารถได้รับ ในยามที่ต้าฉู่กำลังคับขัน พวกเจ้าไม่เพียงไม่คิดจะตอบแทนคุณแผ่นดิน แต่กลับยังคงรับเงินเดือนของต้าฉู่อย่างไร้ยางอาย ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายวางอำนาจอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้!

ข้าแม้จะเป็นโอรสของเสด็จพ่อที่เกิดในหมู่สามัญชน แต่ก็รู้ว่าศึกครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง รู้ทั้งรู้ว่าเป็นความตายก็ยังยินดีที่จะเดินทางไปยังแนวหน้า

เมื่อเทียบกับข้า เมื่อเทียบกับเหล่าทหารที่กำลังสู้รบหลั่งเลือดอยู่ที่แนวหน้าแล้ว พวกเจ้าไม่ใช่พวกขี้ขลาดตาขาวแล้วจะเป็นอะไร?

ตอนนี้ ยังมีใครไม่ยอมรับคำพูดของข้าก็จงก้าวออกมา ข้าสามารถตัดสินใจให้เจ้าปลดประจำการกลับบ้าน ไปกอดที่ดินผืนเล็ก ๆ ของเจ้าอยู่อย่างสงบสุข!

หากใครยังมีเลือดของนักรบอยู่ ละอายใจกับคำพูดของตนเองเมื่อครู่ก็จงถอยกลับไป รอให้ข้าเตรียมการเรียบร้อยแล้วเดินทางไปยังแนวหน้าด้วยกัน เพื่อปกป้องบ้านเมือง!”

ณ สถานที่นั้น เงียบสงัดไร้เสียง

เหล่าทหารต่างพากันก้มหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจ

เมื่อเห็นฉากนี้ เสิ่นหว่านอิ๋งและเฝิงมู่หลานก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง พวกนางคาดไม่ถึงว่าองค์ชายตัวตายตัวแทนที่ใคร ๆ ก็ดูถูกผู้นี้ จะมีความมุ่งมั่นที่จะพลีชีพถึงเพียงนี้!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 100

    ฉู่หนิงถือจอกเหล้าแล้วยิ้ม “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ช่วยให้ลูกได้แต่งงานในครั้งนี้”ฮ่องเต้พยักหน้าถือจอกเหล้า “จากนี้ เจ้าต้องดีกับท่านหญิงเสิ่นให้มาก”“เสด็จพ่อวางพระทัย ลูกจะไม่ทำให้หว่านอิ๋งต้องลำบากใจ!”“ดี ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”เมื่อเห็นฉู่หนิงเปลี่ยนกระทั่งสรรพนาม ส่วนเสิ่นหว่านอิ๋งไม่แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ ฮ่องเต้หัวเราะเสียงดังยกจอกเหล้าในมือขึ้นดื่มจนหมดทว่า ในขณะที่ฉู่หนิงเตรียมดื่มคารวะฮองเฮา กลิ่นหอมโชยมาพร้อมเสียงฝีเท้าอย่างรวดเร็วต่อมา เสียงใสกังวานดังขึ้นด้านหลังเขา “ยินดีกับเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่หมั้นหมายสำเร็จแล้ว เหล้าจอกนี้ข้าขอดื่มคารวะเจ้า!”ฉู่หนิงเลิกคิ้ว แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่จ้าวเฟยเยี่ยนเป็นฝ่ายเสนอหน้า แต่ก็หันหลังพร้อมหัวเราะเสียงค่อย“นานทีองค์หญิงแห่งต้าจ้าวจะเดินทางมาต้าฉู่ เหล้าจอกนี้ ข้าดื่มหมดจอก!”พูดจบ ฉู่หนิงดื่มจนหมดในคราวเดียวจ้าวเฟยเยี่ยนมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดในคราวเดียวเช่นกันแม้จะเป็นสตรี แต่ความองอาจบนตัวนางกลับไม่แพ้ชายใดเมื่อดื่มเสร็จ จ้าวเฟยเยี่ยนหันมองเสิ่นหว่านอิ๋ง หยิบกาเหล้ารินเหล้าให้ตัวเองหนึ่งจอก พลางยิ้มแล้ว

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 99

    “ถวายบังคมเสด็จพ่อ ฮองเฮา!”ฉู่หนิงเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มรถม้าขบวนเสด็จหยุดลง ฮ่องเต้ที่สวมชุดสีเหลืองทองเป็นฝ่ายเดินลงมาก่อนฮ่องเต้เปลี่ยนจากความน่าเกรงขามในยามปกติที่สวมชุดมังกร เป็นรอยยิ้มที่มีเมตตาของบิดาต่อมา หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สวมชุดฝ่ายในสีม่วงเดินลงมาจากรถม้าหลวงอย่างเชื่องช้าแม้รูปโฉมนางจะไม่ได้งดงามมากนัก แต่บนตัวกลับมีพลังของความเป็นแม่แห่งแผ่นดินเผยออกมา!นั่นคือฮองเฮาแห่งต้าฉู่ มารดาแท้ ๆ ของรัชทายาทองค์ปัจจุบัน จูซูเหยา!เมื่อมองฉู่หนิงที่ก้มลงทำความเคารพแวบหนึ่ง ดวงตาฮองเฮามีความแปลกใจแวบผ่านช่วงเวลานี้ นางพอจะได้ยินเรื่องราวการกระทำของฉู่หนิงมาบ้าง แต่รู้ว่าฉู่หนิงกำลังจะไปเป็นตัวตายตัวแทนที่แนวหน้า ดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสนใจฉู่หนิงมากนักหากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้เรียนเชิญด้วยพระองค์เอง นางคงไม่มีทางปรากฏตัวในงานหมั้นของฉู่หนิงครั้งแรกที่เห็นฉู่หนิง มองดูใบหน้าที่ละม้ายกับฮ่องเต้อยู่บ้าง ไม่รู้เหตุใด ในใจกลับรู้สึกประหม่าว่าฉู่หนิงจะชิงบัลลังก์กับลูกชายของนางต่อมาเมื่อนึกได้ว่าฉู่หนิงกำลังจะไปแนวหน้า ความกังวลนั้นก็หายเข้าไปในกลีบเมฆขณะ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 98

    เมื่อมองดูใบหน้าของจ้าวเฟยเยี่ยนที่โกรธจนหน้าถมึงทึง เหล่าขุนนางหัวเราะเสียงดัง ต่างเยาะเย้ย“องค์ชายกล่าวถูกต้อง องค์หญิงเฟยเยี่ยนช่างเป็นคนดีเหลือเกิน”“ต้นโสมช่างให้ได้เหมาะเจาะ องค์หญิงเฟยเยี่ยน หากครั้งหน้ายังมีต้นโสมเช่นนี้โปรดส่งมาสักหลายต้น!”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า องค์ชายรับต้นโสมเอาไว้ ได้ประโยชน์ถึงสองทาง!”“สมแล้วที่เป็นต้าจ้าว มั่งคั่งร่ำรวย รู้ว่ายามนี้องค์ชายต้องการต้นโสม ถึงกับนำมามอบให้เอง ถือเป็นการช่วยเหลือกันในยามยาก!”คำพูดของเหล่าขุนนางราวกระบี่คมกริบ เชือดเฉือนใจจ้าวเฟยเยี่ยนอย่างแรงนางไม่เคยนึกไม่เคยฝัน เจ้าฉู่หนิงกลับนึกถึงเหตุผลที่ไร้ยางอายขนาดนี้ได้นางปรามาสฉู่หนิงเกินไป!จ้าวเฟยเยี่ยนแววตาเย็นเยียบ ความทรงพลังทั่วร่างล่มสลายในวินาทีนี้ ไม่มีความกำเริบเสิบสานเหมือนตอนที่เพิ่งมาถึงจวนอ๋องทว่าขณะนั้น เจ้าฉู่หนิงกลัวหัวเราะ “ทำไมองค์หญิงเฟยเยี่ยนไม่พูดซะแล้วล่ะ? หรือไม่เห็นด้วยกับคำพูดของข้า?”จ้าวเฟยเยี่ยนจ้องมองฉู่หนิงครู่หนึ่ง “นึกไม่ถึงว่าองค์ชายจะพูดจาฉะฉานเช่นนี้ กลับเป็นเฟยเยี่ยนที่ไม่รอบคอบ ทว่า วันนี้เป็นวันมหามงคลขององค์ชาย เฟยเยี่ยนไม่ขอโดดเด่นเก

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 97

    ต้นโสมสามร้อยปีหนึ่งต้นทำให้ฉู่หนิงจมสู่ห้วงความคิดทว่าขณะนั้น นอกจวนอ๋องดันมีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น ขุนนางมากมายต่างทยอยมาถึงแล้วพิธีกรที่เดิมทียืนอยู่หน้าประตูเตรียมเรียกขานสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เข้ามากระซิบข้างกายฉู่หนิง “องค์ชาย ใกล้ถึงฤกษ์ดีแล้ว เหล่าขุนนางในราชสำนักมาแล้วขอรับ”ฉู่หนิงขมวดคิ้ว เงยหน้ามองไปที่ถนน พบว่ามีขุนนางมากมายบ้างก็ขี่ม้า บ้างก็นั่งเกี้ยวกำลังมุ่งหน้ามาทางจวนอ๋องหากยังมัวร่ำไรอยู่กับจ้าวเฟยเยี่ยน รอให้ทุกคนมาถึง กลับกลายเป็นที่ขบขันของทุกคนระหว่างครุ่นคิด มุมปากจ้าวเฟยเยี่ยนยกขึ้นเล็กน้อย จนเป็นองศาที่น่าตะลึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกละสิ?เหงื่อคงเต็มแผ่นหลังสินะ!ใครใช้ให้เจ้าเป็นอริกับข้า!วันนี้ ข้าจะทำให้เจ้าอับอายขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลฮึ กล้าปฏิเสธองค์หญิงอย่างข้า ข้าจะให้เจ้าได้เห็นดีกัน!“แค่โสมต้นเดียวก็ทำให้จวิ้นอ๋องลำบากใจเพียงนี้เชียวหรือ?”จ้าวเฟยเยี่ยนขยับริมฝีปากแดงแผ่วเบา เหลือบมองร่างกายท่อนล่างของฉู่หนิง หัวเราะกล่าวว่า “หรือองค์ชายมีความลำบากที่ยากจะเอื้อยเอ่ย?”คำพูดประโยคหลัง นางเน้นย้ำเป็นพิเศษ!ฉู่หนิงเลิกคิ้ว “องค์หญิงเฟ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 96

    กลับเป็นเสิ่นหว่านอิ๋งที่มองฉู่หนิงอย่างขอโทษ จากนั้นจึงคล้องแขนมารดาตัวเองเข้าไปพร้อมกันฉู่หนิงลูบจมูกตัวเอง แล้วหัวเราะเจื่อน กลับไม่ได้ซักไซ้อะไรให้มากความ อย่างไรวันนี้เป้าหมายของเขาคือของขวัญของเหล่าองค์ชายและขุนนาง ท่าทีที่เสิ่นฮูหยินมีต่อเขาไม่ใช่เรื่องสำคัญ“ดูแลเสิ่นฮูหยินกับท่านหญิงให้ดี ข้าจะไปต้อนรับทุกคนที่หน้าประตูด้วยตนเอง!”ฉู่หนิงสั่งการเสร็จสรรพ จึงได้พากวนอวิ๋นและจ้าวอวี่สองคนเดินไปต้อนรับหน้าประตูจวนภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป แขกที่มาร่วมงานคนแรกปรากฏตัวแล้วคนผู้นั้นอยู่ในชุดทะมัดทะแมงสีน้ำเงิน ผมยาวถักเปียเป็นเส้นเล็กมากมาย ปล่อยสยายอยู่บนบ่าและแผ่นหลังดวงตาสดใสมีชีวิตชีวาคู่นั้น เข้าคู่กับใบหน้าที่มีรอยยิ้มจาง ๆ หากไม่ใช่จ้าวเฟยเยี่ยนองค์หญิงสิบแห่งต้าจ้าวจะเป็นใครได้อีก!ฉู่หนิงอึ้งไปชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาถึงเป็นคนแรกส่วนกวนอวิ๋นกับจ้าวอวี่สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เคลื่อนฝีเท้าไปข้างกายฉู่หนิง หากอีกฝ่ายกล้าก่อเรื่อง พวกเขาไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่!”“ขอแสดงความยินดีกับเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่หมั้นหมายในวันนี้ ข้ามาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าจวิ้นอ๋องคงไม่อย

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 95

    “อะไรนะ ฉู่หนิงเอาเรื่องที่เรากับฮองเฮาจะไปร่วมงานหมั้นของเขาไปเผยแพร่หรือ?”คืนนั้น ภายในตำหนักอิงอู่ของวังหลวงเสียงประหลาดใจของฮ่องเต้ดังขึ้นมาองครักษ์เงาภายในตำหนักเอ่ยด้วยความเคารพว่า “เรื่องนี้แพร่กระจายในเมืองแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทั้งหมดกับขุนนางใหญ่ได้ยินข่าวนี้ก็กำลังเปลี่ยนของขวัญที่เตรียมไว้แต่เดิมกันแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ตาเป็นประกายขึ้นมา ทำหน้าเข้าใจทันทีที่แท้ฉู่หนิงทำเพื่อของขวัญแสดงความยินดีที่คนเหล่านี้มอบให้ถึงแม้ว่าเดิมทีอยากเก็บเรื่องเข้าร่วมงานนี้ไว้อย่างเงียบ ๆ ข่มขวัญพวกคนที่อยากจะก่อความวุ่นวายในงานหมั้นเพื่อหนุนหลังฉู่หนิง แต่ในเมื่อฉู่หนิงอยากให้เอิกเกริก เช่นนั้นก็เอาให้เอิกเกริกไปเลยถึงอย่างไรของขวัญแสดงความยินดีที่ฉู่หนิงได้รับพวกนั้นก็ไม่อาจเก็บไว้ได้อยู่ดี ถูกนำไปใช้ในแนวหน้ามากกว่าครึ่งว่าไปแล้วนี่ก็เป็นเรื่องดีสำหรับต้าฉู่เหมือนกัน“ในเมื่อเรื่องแพร่ไปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังแล้ว จ้าวหมิง เจ้าให้กรมวังไปเตรียมราชรถสำหรับอีกสองวันข้างหน้า” “กระหม่อมน้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวหมิงรับคำแล้วไปเตรียมการทันทีต่อมา ฮ่องเต้ก็เผยส

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status