แชร์

บทที่ 15

ผู้เขียน: สายลมไร้กาลเวลา
“มู่หลาน ศาลาว่าการกรมกลาโหมไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าไปก็ได้!”

บนถนน เสิ่นหว่านอิ๋งที่อยู่ในรถม้าเลิกม่านขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามของนาง

แต่ในยามนี้ บนใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความจนปัญญา

สำหรับความห่วงใยของสหายสนิท นางซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

แต่หากการทำเช่นนี้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายของต้าฉู่ ก็ย่อมไม่เป็นผลดีต่อนางและตระกูลเสิ่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้นางถูกพระราชทานสมรสให้ฉู่หนิง ยิ่งไม่อยากจะก่อเรื่องในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้

สิ่งที่นางต้องทำในตอนนี้คือการทำให้ฉู่หนิงเป็นฝ่ายถอนหมั้นเอง!

เฝิงมู่หลานที่ขี่ม้านำทางอยู่ด้านหน้ายกยิ้มมุมปาก ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความองอาจฉายแววเจ้าเล่ห์ “วางใจเถอะ พวกเราไม่ได้จะไปที่ศาลาว่าการกรมกลาโหม!”

“ทหารของกรมกลาโหมประจำการอยู่ที่ค่ายทหารทางใต้ของเมือง ฉู่หนิงต้องไปที่นั่นแน่ เจ้าอยากให้เขายกเลิกการแต่งงานมิใช่หรือ อีกเดี๋ยวก็ไปพูดกับเขาตรง ๆ เลยสิ”

เสิ่นหว่านอิ๋งนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ปล่อยม่านที่เลิกขึ้นลง

เรื่องการแต่งงานนี้ จะต้องยกเลิกให้ได้

ไม่อาจยืดเยื้อ!

หากยืดเยื้อต่อไป รอจนกระทั่งงานแต่งงานเตรียมการพร้อมแล้ว นางจะไม่มีแม้แต่เหตุผลที่จะยกเลิกการแต่งงาน

แม้ว่าการไปค่ายทหารจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่เมื่อมีเฝิงมู่หลานนำทาง ก็ช่วยลดปัญหาไปได้มาก

ในฐานะบุตรสาวของรองเสนาบดีกรมกลาโหม เฝิงมู่หลานฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก ในค่ายทหารแห่งนี้มีคนรู้จักมากมาย กระทั่งไม่ต้องแจ้งให้ทราบก็สามารถเข้าไปในค่ายได้

ชายฉกรรจ์วัยกลางคนในชุดเกราะคนหนึ่งยิ้มพลางเดินเข้ามา “ไม่ทราบว่าคุณหนูเฝิงมาที่นี่ จะมาเลือกคู่ต่อสู้ประลองฝีมือหรือขอรับ?”

ปกติแล้วเฝิงมู่หลานมาที่นี่ก็เพื่อหาคนประลองยุทธ์ หัวหน้าหน่วยหลิ่วจึงคิดว่านางคงมาเหมือนเช่นเคย

แต่เฝิงมู่หลานกลับขมวดคิ้ว “หัวหน้าหน่วยหลิ่ว ฉู่หนิงอยู่ที่ไหน ข้ามาหาเขา!”

หัวหน้าหน่วยหลิ่วเหลือบมองไปทางด้านหลังของค่ายทหาร กระซิบเสียงเบา “จวิ้นอ๋องได้เรียกคนใต้บังคับบัญชาของบิดาท่านไปรวมตัวกัน บอกว่าฝ่าบาททรงย้ายคนเหล่านี้ไปแนวหน้า ตอนนี้กำลังอบรมสั่งสอนอยู่ทางนั้นขอรับ”

เฝิงมู่หลานแค่นเสียงเย็น ดวงตาองอาจคู่นั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เจ้าคนน่ารังเกียจนี่ หว่านอิ๋ง ตอนนี้พวกเราไปหาเขากัน!”

พอดีเลย หนี้ใหม่หนี้เก่าจะได้ชำระพร้อมกันทีเดียว

หญิงสาวทั้งสองมาถึงด้านหลังค่าย ก็เห็นกองทหารกองหนึ่งยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่ไกล ๆ ด้านหน้าสุดมีคนสามคนยืนหันหลังให้พวกนาง

ในบรรดาสามคนนั้น คนที่อยู่ทางซ้ายและทางขวามีรูปร่างสูงใหญ่ คนหนึ่งถือดาบยาว อีกคนหนึ่งถือหอกยาว มีเพียงคนตรงกลางเท่านั้นที่รูปร่างผอมบาง

เฝิงมู่หลานเบ้ปาก “เจ้าคนที่อยู่ตรงกลางนั่นต้องเป็นฉู่หนิงแน่ หึ คิดจะควบคุมคนของท่านพ่อข้าอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!

หว่านอิ๋ง พวกเรารอดูก่อน รอให้เขาเสียหน้า ให้เขาได้ตระหนักถึงความไร้ความสามารถของตัวเอง แล้วค่อยให้เขาเป็นฝ่ายยกเลิกการแต่งงานเองก็จะง่ายขึ้น”

คนกลุ่มนี้ติดตามบิดาของนางมานาน ไหนเลยจะยอมให้องค์ชายตัวตายตัวแทนที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมีอย่างฉู่หนิงมาควบคุม?

ในใจของเสิ่นหว่านอิ๋งสั่นไหว พยักหน้าเล็กน้อย ยอมรับคำพูดของเฝิงมู่หลานไปโดยปริยาย

นางและตระกูลเสิ่น จะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย มิเช่นนั้นต่อไปจะปักหลักอยู่ในเมืองหลวงได้ยาก

ต่อให้ต้องแต่งงาน นางก็ต้องแต่งให้กับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น

ฉู่หนิง แม้จะเป็นองค์ชาย แต่ก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยให้นางและตระกูลเสิ่นได้

เกิดมาในตระกูลเสิ่น ชะตาชีวิตนางมิอาจกำหนดเองได้ เรื่องสำคัญอย่างการแต่งงานจะผลีผลามเช่นนี้ไม่ได้

ระหว่างที่ครุ่นคิด ฉู่หนิงที่อยู่ไม่ไกลก็มองไปยังคนกว่าหกสิบคนที่รวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว บนใบหน้าเผยความพึงพอใจ

สมแล้วที่เป็นทหารชั้นยอดที่กรมกลาโหมคัดเลือกจากทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกายหรือขวัญกำลังใจล้วนเหนือกว่าทหารทั่วไปมากนัก

กวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ ฉู่หนิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ใครคือหัวหน้าหน่วย?”

ชายฉกรรจ์ผู้มีหนวดเคราเต็มใบหน้าคนหนึ่งก้าวออกมาประสานมือคารวะ “ท่านอ๋อง ข้าน้อยเลี่ยวหยวน เป็นนายกองใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าเฝิงกรมกลาโหมพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หนิงพยักหน้าเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นนายกอง คิดว่าที่นี่คงจะมีคนร้อยคนแล้วสินะ? นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าถูกเกณฑ์ให้มาเป็นผู้คุ้มกันของข้า และจะต้องเดินทางไปยังแนวหน้าในไม่ช้า!”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

ต่างก็ซุบซิบกันในทันที

“อะไรนะ พวกเราถูกเกณฑ์ตัวหรือ?”

“ยังจะต้องไปแนวหน้าอีก? นี่...นี่มันต่างอะไรกับการส่งไปตาย?”

“ข้าไม่ไป ข้าเป็นคนของกรมกลาโหม จะถูกเกณฑ์ตัวได้อย่างไร!”

“ข้าก็ไม่ไป หากท่านอ๋องต้องการหาผู้คุ้มกัน ก็ไปติดประกาศรับสมัครเอาสิ”

ทุกคนล้วนเป็นทหารชั้นยอด ทั้งยังเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่มีใครอยากจะเป็นผู้คุ้มกันของฉู่หนิง และยิ่งไม่อยากจะไปตายที่แนวหน้า

ชั่วขณะหนึ่ง เสียงคัดค้านก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย

ภาพนี้ทำให้เฝิงมู่หลานที่แอบดูอยู่ด้านหลังยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ข้าว่าแล้ว เจ้าหมอนี่ต้องเสียหน้าแน่!

คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว หากเขาไม่สามารถสยบคนพวกนี้ได้ จะต้องกลายเป็นเรื่องตลกของเมืองหลวงเป็นแน่

คนอย่างเขาเนี่ยนะ ยังคิดจะแต่งงานกับหว่านอิ๋ง ไม่ส่องกระจกดูเงาตัวเองเสียบ้าง”

ในดวงตาเต็มไปด้วยความดูแคลนฉู่หนิง

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าฉู่หนิงไม่สามารถสยบคนกลุ่มนี้ได้

แม้ว่าเสิ่นหว่านอิ๋งจะไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าผิดหวังก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น

หากฉู่หนิงผู้นี้มีโอกาสที่จะแย่งชิงบัลลังก์ได้สักนิด นางก็อาจจะพิจารณาดู

แต่ตอนนี้แม้แต่ทหารของกรมกลาโหมยังดูถูกฉู่หนิง แล้วนางจะแต่งให้กับคนแบบนี้ได้อย่างไร?

ในวินาทีนี้ เสิ่นหว่านอิ๋งยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องให้ฉู่หนิงยกเลิกการแต่งงานให้ได้!

แต่ว่า ในตอนนั้นเอง ฉู่หนิงกลับเปลี่ยนท่าทีเกียจคร้านในอดีตทิ้งไป สีหน้าที่เรียบเฉยก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“หึ คาดไม่ถึงว่าทหารชั้นยอดที่กรมกลาโหมคัดเลือกมาจากกองทัพต่าง ๆ จะเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว ข้าคงจะมองพวกเจ้าสูงไปแล้ว กวนอวิ๋น จ้าวอวี่ พวกเราไป!”

พูดจบ ฉู่หนิงก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป

แต่คำพูดนี้กลับไปกระตุ้นเลี่ยวหยวนและคนอื่น ๆ !

ในฐานะทหารชั้นยอด พวกเขาเคยถูกหยามเช่นนี้เมื่อไรกัน

สีหน้าของเลี่ยวหยวนมืดมน เขาก้าวเท้ายาว ๆ ไปขวางทางฉู่หนิงไว้ ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวพลางเอ่ยถาม

“ท่านอ๋อง พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

ฉู่หนิงจ้องเลี่ยวหยวนเขม็ง กล่าวทีละคำอย่างช้า ๆ “ข้าพูดว่า พวกเจ้าเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว!”

“พรึ่บ~” กองทัพร้อยคนโกรธจัดขึ้นมาทันที พุ่งเข้าไปล้อมฉู่หนิงทั้งสามคนไว้ตรงกลาง

กวนอวิ๋นหมุนควงดาบยาวในมือ ตวาดเสียงดังลั่น “บังอาจ กล้าดีอย่างไรมาลบหลู่ท่านอ๋อง!”

เลี่ยวหยวนจ้องฉู่หนิงเขม็ง “หากท่านอ๋องถอนคำพูดเมื่อครู่กลับไป ข้าน้อยยินดีที่จะขอขมา!”

“มิเช่นนั้น สหายของข้าน้อยกลุ่มนี้คงจะไม่ยอมแน่!”

“เหตุใดข้าต้องถอนคำพูดเมื่อครู่ด้วย?”

ฉู่หนิงแค่นเสียงเย็น แรงกดดันทั่วร่างพลันเปลี่ยนไปในทันที ราวกับจักรพรรดิผู้สูงส่งที่กำลังมองลงมายังฝูงชน

ยื่นนิ้วชี้ข้างขวาออกไป พลางชี้ไปยังทุกคน แล้วกล่าวเสียงเย็น “พวกเจ้านับรวมกันไปเลยทุกคน ล้วนเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว!

พวกเจ้าไม่อยากจะเป็นผู้คุ้มกันของข้า ก็เพียงเพราะกลัวที่จะไปแนวหน้าเท่านั้น พวกเจ้าใช้ข้ออ้างเช่นนี้เพื่อปกปิดความขี้ขลาดในใจ

เมื่อเทียบกับชาวบ้านที่มือเปล่าแล้ว พวกเจ้าน่าละอายยิ่งกว่า

ในฐานะทหารของกรมกลาโหม ได้รับการปฏิบัติที่ดีที่สุด ได้รับสวัสดิการที่คนอื่นไม่สามารถได้รับ ในยามที่ต้าฉู่กำลังคับขัน พวกเจ้าไม่เพียงไม่คิดจะตอบแทนคุณแผ่นดิน แต่กลับยังคงรับเงินเดือนของต้าฉู่อย่างไร้ยางอาย ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายวางอำนาจอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้!

ข้าแม้จะเป็นโอรสของเสด็จพ่อที่เกิดในหมู่สามัญชน แต่ก็รู้ว่าศึกครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง รู้ทั้งรู้ว่าเป็นความตายก็ยังยินดีที่จะเดินทางไปยังแนวหน้า

เมื่อเทียบกับข้า เมื่อเทียบกับเหล่าทหารที่กำลังสู้รบหลั่งเลือดอยู่ที่แนวหน้าแล้ว พวกเจ้าไม่ใช่พวกขี้ขลาดตาขาวแล้วจะเป็นอะไร?

ตอนนี้ ยังมีใครไม่ยอมรับคำพูดของข้าก็จงก้าวออกมา ข้าสามารถตัดสินใจให้เจ้าปลดประจำการกลับบ้าน ไปกอดที่ดินผืนเล็ก ๆ ของเจ้าอยู่อย่างสงบสุข!

หากใครยังมีเลือดของนักรบอยู่ ละอายใจกับคำพูดของตนเองเมื่อครู่ก็จงถอยกลับไป รอให้ข้าเตรียมการเรียบร้อยแล้วเดินทางไปยังแนวหน้าด้วยกัน เพื่อปกป้องบ้านเมือง!”

ณ สถานที่นั้น เงียบสงัดไร้เสียง

เหล่าทหารต่างพากันก้มหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจ

เมื่อเห็นฉากนี้ เสิ่นหว่านอิ๋งและเฝิงมู่หลานก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง พวกนางคาดไม่ถึงว่าองค์ชายตัวตายตัวแทนที่ใคร ๆ ก็ดูถูกผู้นี้ จะมีความมุ่งมั่นที่จะพลีชีพถึงเพียงนี้!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 350

    พอพูดจบ เฝิงมู่หลานออกจากห้องรับแขกความจริงใช่ว่านางจะไม่รู้ฐานะของตนเอง เพียงแต่เมื่อคิดว่าฉู่หนิงกำลังจะแต่งงานกับเสิ่นหว่านอิ๋ง ภายในใจนางหึงหวงอย่างมากจงใจหาข้ออ้างตามเสิ่นหว่านอิ๋งมาด้วย ก็เพื่ออยากอยู่กับฉู่หนิงให้นานขึ้นเท่านั้นแต่ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทางเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยของฉู่หนิงและเสิ่นหว่านอิ๋ง ในใจนางทรมานยิ่งกว่าไม่สู้จากมา ไม่เห็นจะได้ไม่ต้องรกตา!เสิ่นหว่านอิ๋งไม่ได้รั้งไว้ นางรู้ว่าฉู่หนิงพานางมาที่นี่ต้องมีธุระแน่นอนเป็นไปตามคาด ฉู่หนิงยิ้มแล้วเดินมาข้างกาย จับมือนางแล้วเอ่ยขึ้น “ในที่สุดก็มีเวลาสำหรับพวกเราสองคนแล้ว”เสิ่นหว่านอิ๋งเคยชินกับการถูกฉู่หนิงจับมือ ครั้งนี้จึงไม่หน้าแดง“ท่านพาข้ามา คงไม่ใช่แค่เรื่องให้ข้ารับผิดชอบงานแต่งหรอกนะ?”“ไม่ใช่แน่นอน!”ฉู่หนิงพาเสิ่นหว่านอิ๋งไปนั่งลง แล้วยิ้ม “นอกจากเรื่องงานแต่ง ทางปิงโจวก็ต้องให้เจ้าช่วย”เสิ่นหว่านอิ๋งส่ายหน้าเบาๆ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านไม่หวังดี เงื่อนไขของท่านในคืนนี้เท่ากับเปลี่ยนปิงโจวให้กลายเป็นพื้นที่ของตัวเอง อยากปกครองทางโน้นให้ดี ถ้าไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมคงไม่ได้”หยุดไปครู่หนึ่ง นา

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 349

    จวนอ๋องฉู่แสงไฟภายในห้องรับแขกกระพริบ กลิ่นชาอบอวล ทำให้จิตใจผ่อนคลายฉู่หนิงนั่งตรงตำแหน่งประธานจิบชาร้อนหนึ่งคำ ถึงได้รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นไม่น้อย อาการมึนเมาเมื่อครู่ก็ตื่นขึ้นมาบ้างย่างเข้าเดือนสิบเอ็ดแล้ว อากาศเริ่มเย็นลง ฉู่หนิงกลัวเสิ่นหว่านอิ๋งหนาว จึงอดยิ้มไม่ได้ “หว่านอิ๋ง ดื่มชาร้อนอุ่นร่างกายสักถ้วย”เสิ่นหว่านอิ๋งพยักหน้า ยกถ้วยน้ำชาดื่มหนึ่งคำใครจะไปคิดว่ายามนี้ เฝิงมู่หลานที่อยู่ข้างกันกลอกตา “ทำไม ให้แค่หว่านอิ๋งดื่มชา ไม่ให้คุณหนูอย่างข้าดื่มหรือ?”ฉู่หนิงปวดหัวไม่น้อยก้างขวางคอชิ้นโตอยู่ตรงนี้เกะกะเหลือเกิน ข้าอยากพัฒนาความสัมพันธ์กับหว่านอิ๋งอีกขั้น ก็ยังไม่มีโอกาสทว่า หากจัดการหญิงป่าเถื่อนอย่างเฝิงมู่หลานได้ไม่ดี เกรงว่าข้าคงไม่มีวันสงบสุขฉู่หนิงวางถ้วยน้ำชาลง แล้วยิ้มเจื่อน “ข้าแค่เป็นห่วงร่างกายหว่านอิ๋งจะหนาว คุณหนูเฝิงเจ้าวรยุทธ์สูงส่ง ย่อมไม่กังวลเรื่องนี้แต่ชานี่ก็เป็นชาที่ดีจริงๆ หากคุณหนูเฝิงสนใจก็ลองชิมดูสักคำ”เฝิงมู่หลานกลับทำเสียงฮึดฮัด “ข้าไม่สนใจชาของเจ้าหรอก!”มุมปากฉู่หนิงกระตุก ทำหน้าหมดคำพูดเจ้าว่าข้าไม่ให้เจ้าดื่ม พอตอนนี้ให

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 348

    เอาอีกแล้ว!โรคแคลงใจที่องค์รัชทายาทสืบทอดมาจากฮ่องเต้!หลิงเฟยเยียนสีหน้ามืดครึ้ม บนใบหน้างดงามปรากฏแววโกรธ “ฉู่หนิงเพิ่งกลับเมืองหลวง หม่อมฉันจะไปมีอะไรกับเขาได้อย่างไร?”องค์รัชทายาทชะงักถูกต้อง ฉู่หนิงเพิ่งกลับมา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเวลามาหาหลิงเฟยเยียนหรือข้าคิดมากเกินไป?องค์รัชทายาทที่หายโกรธถึงได้ปล่อยมือหลิงเฟยเยียน สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามให้ตัวเองสงบลง“ข้าวู่วามไปเอง เจ้าฉู่หนิงนั่นน่าชังยิ่งนัก ถึงขนาดโต้แย้งข้าต่อหน้าธารกำนัล!”องค์รัชทายาทมองข้อมือหลิงเฟยเยียนแวบหนึ่ง แสร้งเอ่ยอ่อนโยน “มือเจ้าไม่เป็นไรนะ?”ขณะที่พูด เขาอยากเข้าไปตรวจดูแต่ใครจะคิดหลิงเฟยเยียนถอยหลังสองก้าว เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “หากองค์รัชทายาทไม่มีเรื่องอื่น หม่อมฉันขอตัวก่อน”พูดจบก็ไม่รอองค์รัชทายาทตอบ หันหลังจากไปทันทีองค์รัชทายาทยื่นมือออกไปอยากเรียกหลิงเฟยเยียนไว้ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เมื่อครู่เขากระทำต่อนาง ก็ไม่รู้จะเริ่มเอ่ยปากอย่างไร ได้แต่ทนดูหลิงเฟยเยียนจากไปต่อหน้าต่อตาหญิงชั้นต่ำผู้นี้ ถึงขนาดกล้าชักสีหน้าใส่ข้าเชียวหรือ!ฮึ หากไม่เห็นแก่บิดาของเจ้าที่ยังมีประโยชน์ต่อข้า จะป

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 347

    ฉู่หนิงได้รับสิทธิ์ในการปกครองตนเองที่เขาอยากได้จากฮ่องเต้แล้ว จึงเตรียมจากไป แต่องค์รัชทายาทกลับหาเรื่องเหล่าขุนนางที่อยู่ตรงนี้ก็ไม่ไปแล้ว แต่ละคนล้วนกำลังรอดูละครฉากเด็ดยิ่งองค์ชายอื่นๆ ยิ่งเผยสีหน้าเพลิดเพลิน อยากให้องค์รัชทายาทลงมือกับฉู่หนิงเหลือเกินแม้จะไม่ทำให้ฉู่หนิงถึงตายทันที แต่ลดทอนอำนาจและชื่อเสียงของฉู่หนิงน่าจะได้ศึกนี้ทำให้ชื่อเสียงฉู่หนิงโด่งดัง อยู่เหนือองค์ชายทุกคน ทำให้พวกเขาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งจำเป็นต้องลดทอนชื่อเสียงของฉู่หนิง พวกเขาถึงจะผงาดขึ้นมาได้!ขณะที่ทุกคนรอดูละครฉากเด็ด ฉู่หนิงเลิกคิ้ว หันมององค์รัชทายาท“ท่านพี่องค์รัชทายาท ความจริงน้องมีเรื่องหนึ่งที่ไม่กระจ่าง ขอท่านพี่องค์รัชทายาทโปรดชี้แนะด้วย”องค์รัชทายาทแค่นหัวเราะ สองมือไพล่หลัง ทำหน้าเย่อหยิ่ง “เรื่องที่ทำให้น้องสิบแปดไม่กระจ่าง ข้าอยากรู้นัก”ฉู่หนิงชี้นิ้วไปที่หลิงเฮ่าหรานท่ามกลางเหล่าขุนนาง เอ่ยเสียงเรียบ “เสนาบดีกรมอาญาคือใต้เท้าหลิง ท่านพี่องค์รัชทายาทไม่ได้ดูแลกรมอาญา เหตุใดท่านจึงมักจะทำงานแทนกรมอาญา?”“ข้า...” องค์รัชทายาทกำลังจะอธิบายฉู่หนิงยิ้มแล้วพูดขัดขึ้น “ท่านพี่อ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 346

    ฮ่องเต้เลิกคิ้ว มององค์รัชทายาทแวบหนึ่งเรายังไม่เอ่ยปาก เจ้ารีบร้อนอะไร?องค์รัชทายาทหดคอ ชั่วขณะนั้นไม่กล้าพูดสิ่งใดนิสัยฮ่องเต้ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อครู่ยังยิ้มแย้ม แต่ปุบปับก็อาจโกรธเคือง อย่างไรระวังไว้ก่อนดีกว่าโชคดีที่ฮ่องเต้ไม่ได้จ้ององค์รัชทายาทตลอด หันมองฉู่หนิง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เงื่อนไขของเจ้า เราสามารถรับปาก”ฉู่หนิงตาลุกวาวทว่าต่อมาฮ่องเต้กลับส่ายหน้า “แต่สิบปี นานเกินไป!”หลังหยุดไปชั่วครู่ ฮ่องเต้ยื่นฝ่ามือขวาออกมา แล้วเอ่ยเชื่องช้า “เอาอย่างนี้ เราให้เวลาเจ้าห้าปี ว่าอย่างไร?”ฉู่หนิงหน้าเศร้า “ห้าปีน้อยเกินไปแล้ว เสด็จพ่อ พระองค์ก็ต่อรองโหดเกินไปแล้วกระมัง หั่นครึ่งเช่นนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”“แต่ในเมื่อเสด็จพ่อเอ่ยปาก กระหม่อมก็ต้องให้เกียรติพระองค์ เอาอย่างนี้ แปดปี แปดปีเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ทั้งสองต่อรองกันไปมาเหล่าองค์ชายและเหล่าขุนนางรอบข้างต่างตะลึงนี่เป็นเรื่องใหญ่ของบ้านเมือง ไฉนทั้งสองจึงทำตัวเหมือนแม่ค้าตลาดสดซะอย่างนั้น?ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน ฮ่องเต้เลิกคิ้ว “แปดปีหรือ? นานไปหน่อย เอาอย่างนี้ เรากับเจ้าถอยกันคนละหนึ่งก้าว เจ็ดปี

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 345

    “เงื่อนไขหรือ?”ฮ่องเต้ตะลึงเรามอบอำนาจทางทหารให้เจ้า เจ้ายังยื่นเงื่อนไขกับเราหรือ?หรืออำนาจทางทหารของต้าฉู่ตกต่ำจนถึงขั้นนี้แล้ว?“ถูกต้อง หากเสด็จพ่อยอมรับเงื่อนไขของกระหม่อมได้ กระหม่อมถึงจะกล้ารับช่วงทหารแนวหน้า ไม่อย่างนั้นกระหม่อมยอมถูกพระองค์ตำหนิก็จะทิ้งตราอาญาสิทธิ์ไว้พ่ะย่ะค่ะ!”ท่าทางของฉู่หนิงหนักแน่น ขณะกล่าว ตราอาญาสิทธิ์ในมือถูกเขาวางไว้บนโต๊ะมุมปากฮ่องเต้กระตุก ในใจไม่ค่อยสบอารมณ์องค์รัชทายาทข้างกันสังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของฮ่องเต้ จึงอดไม่ได้ต้องหรี่ตา ทั้งมีความแปลกใจแวบผ่านหากคืนนี้ไม่ให้ฉู่หนิงรับตราอาญาสิทธิ์ไป เสด็จพ่อต้องเลือกให้ข้าหรือหนึ่งในท่ามกลางองค์ชายอื่นรับตราอาญาสิทธิ์เอาไว้ ถึงยามนั้น เรื่องยุ่งยากกลับมาตกอยู่ที่ข้าไม่ได้ ต้องทำให้ฉู่หนิงรับตราอาญาสิทธิ์ไว้“เสด็จพ่อ น้องสิบแปดเพิ่งชนะศึกกลับมา อย่างไรลองฟังเงื่อนไขของเขาก่อนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”องค์รัชทายาทยิ้มอย่างประนีประนอม “หากเงื่อนไขของน้องสิบแปดมีเหตุผล ทางราชสำนักจะพิจารณาอย่างเหมาะสม”ใครก็รู้ว่าฮ่องเต้รักหน้าตา หากไม่ให้ทางลงแก่ฮ่องเต้ ฮ่องเต้คงไม่ยอมรับปากโดยง่ายองค์ชายอื่น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status