แชร์

บทที่ 15

ผู้เขียน: สายลมไร้กาลเวลา
“มู่หลาน ศาลาว่าการกรมกลาโหมไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าไปก็ได้!”

บนถนน เสิ่นหว่านอิ๋งที่อยู่ในรถม้าเลิกม่านขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามของนาง

แต่ในยามนี้ บนใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความจนปัญญา

สำหรับความห่วงใยของสหายสนิท นางซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

แต่หากการทำเช่นนี้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายของต้าฉู่ ก็ย่อมไม่เป็นผลดีต่อนางและตระกูลเสิ่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้นางถูกพระราชทานสมรสให้ฉู่หนิง ยิ่งไม่อยากจะก่อเรื่องในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้

สิ่งที่นางต้องทำในตอนนี้คือการทำให้ฉู่หนิงเป็นฝ่ายถอนหมั้นเอง!

เฝิงมู่หลานที่ขี่ม้านำทางอยู่ด้านหน้ายกยิ้มมุมปาก ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความองอาจฉายแววเจ้าเล่ห์ “วางใจเถอะ พวกเราไม่ได้จะไปที่ศาลาว่าการกรมกลาโหม!”

“ทหารของกรมกลาโหมประจำการอยู่ที่ค่ายทหารทางใต้ของเมือง ฉู่หนิงต้องไปที่นั่นแน่ เจ้าอยากให้เขายกเลิกการแต่งงานมิใช่หรือ อีกเดี๋ยวก็ไปพูดกับเขาตรง ๆ เลยสิ”

เสิ่นหว่านอิ๋งนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ปล่อยม่านที่เลิกขึ้นลง

เรื่องการแต่งงานนี้ จะต้องยกเลิกให้ได้

ไม่อาจยืดเยื้อ!

หากยืดเยื้อต่อไป รอจนกระทั่งงานแต่งงานเตรียมการพร้อมแล้ว นางจะไม่มีแม้แต่เหตุผลที่จะยกเลิกการแต่งงาน

แม้ว่าการไปค่ายทหารจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่เมื่อมีเฝิงมู่หลานนำทาง ก็ช่วยลดปัญหาไปได้มาก

ในฐานะบุตรสาวของรองเสนาบดีกรมกลาโหม เฝิงมู่หลานฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก ในค่ายทหารแห่งนี้มีคนรู้จักมากมาย กระทั่งไม่ต้องแจ้งให้ทราบก็สามารถเข้าไปในค่ายได้

ชายฉกรรจ์วัยกลางคนในชุดเกราะคนหนึ่งยิ้มพลางเดินเข้ามา “ไม่ทราบว่าคุณหนูเฝิงมาที่นี่ จะมาเลือกคู่ต่อสู้ประลองฝีมือหรือขอรับ?”

ปกติแล้วเฝิงมู่หลานมาที่นี่ก็เพื่อหาคนประลองยุทธ์ หัวหน้าหน่วยหลิ่วจึงคิดว่านางคงมาเหมือนเช่นเคย

แต่เฝิงมู่หลานกลับขมวดคิ้ว “หัวหน้าหน่วยหลิ่ว ฉู่หนิงอยู่ที่ไหน ข้ามาหาเขา!”

หัวหน้าหน่วยหลิ่วเหลือบมองไปทางด้านหลังของค่ายทหาร กระซิบเสียงเบา “จวิ้นอ๋องได้เรียกคนใต้บังคับบัญชาของบิดาท่านไปรวมตัวกัน บอกว่าฝ่าบาททรงย้ายคนเหล่านี้ไปแนวหน้า ตอนนี้กำลังอบรมสั่งสอนอยู่ทางนั้นขอรับ”

เฝิงมู่หลานแค่นเสียงเย็น ดวงตาองอาจคู่นั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เจ้าคนน่ารังเกียจนี่ หว่านอิ๋ง ตอนนี้พวกเราไปหาเขากัน!”

พอดีเลย หนี้ใหม่หนี้เก่าจะได้ชำระพร้อมกันทีเดียว

หญิงสาวทั้งสองมาถึงด้านหลังค่าย ก็เห็นกองทหารกองหนึ่งยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่ไกล ๆ ด้านหน้าสุดมีคนสามคนยืนหันหลังให้พวกนาง

ในบรรดาสามคนนั้น คนที่อยู่ทางซ้ายและทางขวามีรูปร่างสูงใหญ่ คนหนึ่งถือดาบยาว อีกคนหนึ่งถือหอกยาว มีเพียงคนตรงกลางเท่านั้นที่รูปร่างผอมบาง

เฝิงมู่หลานเบ้ปาก “เจ้าคนที่อยู่ตรงกลางนั่นต้องเป็นฉู่หนิงแน่ หึ คิดจะควบคุมคนของท่านพ่อข้าอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!

หว่านอิ๋ง พวกเรารอดูก่อน รอให้เขาเสียหน้า ให้เขาได้ตระหนักถึงความไร้ความสามารถของตัวเอง แล้วค่อยให้เขาเป็นฝ่ายยกเลิกการแต่งงานเองก็จะง่ายขึ้น”

คนกลุ่มนี้ติดตามบิดาของนางมานาน ไหนเลยจะยอมให้องค์ชายตัวตายตัวแทนที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมีอย่างฉู่หนิงมาควบคุม?

ในใจของเสิ่นหว่านอิ๋งสั่นไหว พยักหน้าเล็กน้อย ยอมรับคำพูดของเฝิงมู่หลานไปโดยปริยาย

นางและตระกูลเสิ่น จะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย มิเช่นนั้นต่อไปจะปักหลักอยู่ในเมืองหลวงได้ยาก

ต่อให้ต้องแต่งงาน นางก็ต้องแต่งให้กับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น

ฉู่หนิง แม้จะเป็นองค์ชาย แต่ก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยให้นางและตระกูลเสิ่นได้

เกิดมาในตระกูลเสิ่น ชะตาชีวิตนางมิอาจกำหนดเองได้ เรื่องสำคัญอย่างการแต่งงานจะผลีผลามเช่นนี้ไม่ได้

ระหว่างที่ครุ่นคิด ฉู่หนิงที่อยู่ไม่ไกลก็มองไปยังคนกว่าหกสิบคนที่รวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว บนใบหน้าเผยความพึงพอใจ

สมแล้วที่เป็นทหารชั้นยอดที่กรมกลาโหมคัดเลือกจากทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกายหรือขวัญกำลังใจล้วนเหนือกว่าทหารทั่วไปมากนัก

กวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ ฉู่หนิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ใครคือหัวหน้าหน่วย?”

ชายฉกรรจ์ผู้มีหนวดเคราเต็มใบหน้าคนหนึ่งก้าวออกมาประสานมือคารวะ “ท่านอ๋อง ข้าน้อยเลี่ยวหยวน เป็นนายกองใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าเฝิงกรมกลาโหมพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หนิงพยักหน้าเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นนายกอง คิดว่าที่นี่คงจะมีคนร้อยคนแล้วสินะ? นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าถูกเกณฑ์ให้มาเป็นผู้คุ้มกันของข้า และจะต้องเดินทางไปยังแนวหน้าในไม่ช้า!”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

ต่างก็ซุบซิบกันในทันที

“อะไรนะ พวกเราถูกเกณฑ์ตัวหรือ?”

“ยังจะต้องไปแนวหน้าอีก? นี่...นี่มันต่างอะไรกับการส่งไปตาย?”

“ข้าไม่ไป ข้าเป็นคนของกรมกลาโหม จะถูกเกณฑ์ตัวได้อย่างไร!”

“ข้าก็ไม่ไป หากท่านอ๋องต้องการหาผู้คุ้มกัน ก็ไปติดประกาศรับสมัครเอาสิ”

ทุกคนล้วนเป็นทหารชั้นยอด ทั้งยังเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่มีใครอยากจะเป็นผู้คุ้มกันของฉู่หนิง และยิ่งไม่อยากจะไปตายที่แนวหน้า

ชั่วขณะหนึ่ง เสียงคัดค้านก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย

ภาพนี้ทำให้เฝิงมู่หลานที่แอบดูอยู่ด้านหลังยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ข้าว่าแล้ว เจ้าหมอนี่ต้องเสียหน้าแน่!

คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว หากเขาไม่สามารถสยบคนพวกนี้ได้ จะต้องกลายเป็นเรื่องตลกของเมืองหลวงเป็นแน่

คนอย่างเขาเนี่ยนะ ยังคิดจะแต่งงานกับหว่านอิ๋ง ไม่ส่องกระจกดูเงาตัวเองเสียบ้าง”

ในดวงตาเต็มไปด้วยความดูแคลนฉู่หนิง

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าฉู่หนิงไม่สามารถสยบคนกลุ่มนี้ได้

แม้ว่าเสิ่นหว่านอิ๋งจะไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าผิดหวังก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น

หากฉู่หนิงผู้นี้มีโอกาสที่จะแย่งชิงบัลลังก์ได้สักนิด นางก็อาจจะพิจารณาดู

แต่ตอนนี้แม้แต่ทหารของกรมกลาโหมยังดูถูกฉู่หนิง แล้วนางจะแต่งให้กับคนแบบนี้ได้อย่างไร?

ในวินาทีนี้ เสิ่นหว่านอิ๋งยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องให้ฉู่หนิงยกเลิกการแต่งงานให้ได้!

แต่ว่า ในตอนนั้นเอง ฉู่หนิงกลับเปลี่ยนท่าทีเกียจคร้านในอดีตทิ้งไป สีหน้าที่เรียบเฉยก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“หึ คาดไม่ถึงว่าทหารชั้นยอดที่กรมกลาโหมคัดเลือกมาจากกองทัพต่าง ๆ จะเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว ข้าคงจะมองพวกเจ้าสูงไปแล้ว กวนอวิ๋น จ้าวอวี่ พวกเราไป!”

พูดจบ ฉู่หนิงก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป

แต่คำพูดนี้กลับไปกระตุ้นเลี่ยวหยวนและคนอื่น ๆ !

ในฐานะทหารชั้นยอด พวกเขาเคยถูกหยามเช่นนี้เมื่อไรกัน

สีหน้าของเลี่ยวหยวนมืดมน เขาก้าวเท้ายาว ๆ ไปขวางทางฉู่หนิงไว้ ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวพลางเอ่ยถาม

“ท่านอ๋อง พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

ฉู่หนิงจ้องเลี่ยวหยวนเขม็ง กล่าวทีละคำอย่างช้า ๆ “ข้าพูดว่า พวกเจ้าเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว!”

“พรึ่บ~” กองทัพร้อยคนโกรธจัดขึ้นมาทันที พุ่งเข้าไปล้อมฉู่หนิงทั้งสามคนไว้ตรงกลาง

กวนอวิ๋นหมุนควงดาบยาวในมือ ตวาดเสียงดังลั่น “บังอาจ กล้าดีอย่างไรมาลบหลู่ท่านอ๋อง!”

เลี่ยวหยวนจ้องฉู่หนิงเขม็ง “หากท่านอ๋องถอนคำพูดเมื่อครู่กลับไป ข้าน้อยยินดีที่จะขอขมา!”

“มิเช่นนั้น สหายของข้าน้อยกลุ่มนี้คงจะไม่ยอมแน่!”

“เหตุใดข้าต้องถอนคำพูดเมื่อครู่ด้วย?”

ฉู่หนิงแค่นเสียงเย็น แรงกดดันทั่วร่างพลันเปลี่ยนไปในทันที ราวกับจักรพรรดิผู้สูงส่งที่กำลังมองลงมายังฝูงชน

ยื่นนิ้วชี้ข้างขวาออกไป พลางชี้ไปยังทุกคน แล้วกล่าวเสียงเย็น “พวกเจ้านับรวมกันไปเลยทุกคน ล้วนเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว!

พวกเจ้าไม่อยากจะเป็นผู้คุ้มกันของข้า ก็เพียงเพราะกลัวที่จะไปแนวหน้าเท่านั้น พวกเจ้าใช้ข้ออ้างเช่นนี้เพื่อปกปิดความขี้ขลาดในใจ

เมื่อเทียบกับชาวบ้านที่มือเปล่าแล้ว พวกเจ้าน่าละอายยิ่งกว่า

ในฐานะทหารของกรมกลาโหม ได้รับการปฏิบัติที่ดีที่สุด ได้รับสวัสดิการที่คนอื่นไม่สามารถได้รับ ในยามที่ต้าฉู่กำลังคับขัน พวกเจ้าไม่เพียงไม่คิดจะตอบแทนคุณแผ่นดิน แต่กลับยังคงรับเงินเดือนของต้าฉู่อย่างไร้ยางอาย ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายวางอำนาจอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้!

ข้าแม้จะเป็นโอรสของเสด็จพ่อที่เกิดในหมู่สามัญชน แต่ก็รู้ว่าศึกครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง รู้ทั้งรู้ว่าเป็นความตายก็ยังยินดีที่จะเดินทางไปยังแนวหน้า

เมื่อเทียบกับข้า เมื่อเทียบกับเหล่าทหารที่กำลังสู้รบหลั่งเลือดอยู่ที่แนวหน้าแล้ว พวกเจ้าไม่ใช่พวกขี้ขลาดตาขาวแล้วจะเป็นอะไร?

ตอนนี้ ยังมีใครไม่ยอมรับคำพูดของข้าก็จงก้าวออกมา ข้าสามารถตัดสินใจให้เจ้าปลดประจำการกลับบ้าน ไปกอดที่ดินผืนเล็ก ๆ ของเจ้าอยู่อย่างสงบสุข!

หากใครยังมีเลือดของนักรบอยู่ ละอายใจกับคำพูดของตนเองเมื่อครู่ก็จงถอยกลับไป รอให้ข้าเตรียมการเรียบร้อยแล้วเดินทางไปยังแนวหน้าด้วยกัน เพื่อปกป้องบ้านเมือง!”

ณ สถานที่นั้น เงียบสงัดไร้เสียง

เหล่าทหารต่างพากันก้มหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจ

เมื่อเห็นฉากนี้ เสิ่นหว่านอิ๋งและเฝิงมู่หลานก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง พวกนางคาดไม่ถึงว่าองค์ชายตัวตายตัวแทนที่ใคร ๆ ก็ดูถูกผู้นี้ จะมีความมุ่งมั่นที่จะพลีชีพถึงเพียงนี้!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 696

    แต่ก็มีคนก้าวออกมาคัดค้านทันที “ฮึ่ม ใต้เท้าเหอดูแลกรมโยธาธิการ หากย้ายไปกรมการคลัง ใครจะรับผิดชอบงานของกรมโยธาธิการ?”“ถูกต้อง ใต้เท้าเหอไม่เหมาะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง ให้ใต้เท้าจางดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังเหมาะสมกว่า”“ใต้เท้าจางไม่เหมาะ ให้ใต้เท้าเผิงดำรงตำแหน่งเหมาะสมที่สุด”“ฝ่าบาท ในความเห็นของกระหม่อม ใต้เท้าโม่เหมาะกับตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังที่สุด”ทุกคนพากันก้าวออกมา ปกป้องผู้ที่ตนเองจงรักภักดีตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังมีความสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาต้องแย่งตำแหน่งนี้มาให้เจ้านายของตนเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปอยู่ในราชสำนัก จะตกอยู่ใต้อำนาจผู้อื่นแต่พวกเขายิ่งทะเลาะกัน รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่หนิงก็ยิ่งกว้างทะเลาะเลย ทะเลาะเยอะๆ ทะเลาะจนทำให้เสด็จพ่อรำคาญพวกเจ้า ถึงเวลานั้น ตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังก็จะเป็นของหลิวโส่วเริ่นเจ้าพวกนี้ยังคิดจะฉวยโอกาส แต่หารู้ไม่ว่าเสด็จพ่อ ถนัดเรื่องการถ่วงดุลอำนาจมากที่สุดตอนนี้พวกเจ้าแต่ละคนให้ขุนนางที่สนับสนุนตนเองออกมาร่วมวงด้วย นี่ไม่เท่ากับกำลังบอกฮ่องเต้ว่า : คนพวกนี้เป็นคนของพวกเจ้า!ด้วยนิสัยของฮ่องเต้ ไม่มีทางปล่อยให้ฝ่ายใด

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 695

    “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าใต้เท้าหลิวเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง!”ฉู่หนิงก้าวออกมาพูดแทนหลิวโส่วเริ่น “ในช่วงนี้ ขุนนางกรมการคลังขาดแคลน ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถจัดการได้ทันท่วงที ใต้เท้าหลิวเป็นคนประคับประคองกรมการคลังมาโดยตลอดดูจากใต้เท้าหลิวจัดการงานของกรมการคลังในช่วงที่ผ่านมา เขาสามารถดำรงตำแหน่งนี้ได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”การมีคนในราชสำนักย่อมทำให้ทำงานง่ายขึ้น หากสามารถควบคุมกรมการคลังที่เป็นหนึ่งในหกกรม ก็เท่ากับมีหูตาอยู่ในราชสำนักนี่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาปิงโจวในอนาคตอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น หลิวโส่วเริ่นมีพื้นเพมาจากปิงโจว และยังเคยเป็นเจ้าเมืองเมืองติ้งเซียง มีความผูกพันกับปิงโจว หลังจากกลายเป็นเสนาบดีกรมการคลัง จะต้องหาวิธีดูแลปิงโจวแน่นอนราชสำนักในอดีต ท้องพระคลังขาดแคลน กรมการคลังมีแต่ชื่อ ไม่มีอำนาจมากนักแต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว ท้องพระคลังได้รับเงินมากมายเช่นนั้น กรมการคลังในอนาคต เป็นเนื้อก้อนโตเลยทีเดียว!แต่ก็เพราะเป็นเนื้อก้อนโต องค์รัชทายาทกับองค์ชายคนอื่นๆ ก็อยากชิงดูสักตั้ง!ทันทีที่สิ้นเสียงฉู่หนิง องค์รัชทายาทก้าวออกมาคัดค้านเป็นคนแรก“น้องส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 694

    เพราะอย่างไรเสีย ฉู่หนิงก็เป็นคนทวงเงินกลับคืนมาทันทีที่สิ้นเสียง ขุนนางที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์รัชทายาทก้าวออกมาสนับสนุนทันที เมื่อองค์ชายรองและคนอื่นๆ เห็นดังนี้ก็หันไปสบตากัน จากนั้นก็พากันเห็นด้วย เวลานี้ ขุนนางคนอื่นๆ จึงจะเข้าใจเหล่าองค์ชายเห็นพ้องต้องกัน!แต่มาลองคิดดูมันก็ถูก ครั้งนี้ฉู่หนิงได้สร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ทำให้เขาเด่นเกินหน้าเกินตา ในฐานะองค์ชาย ใครก็ต้องหวั่นเกรงในเรื่องของการพระราชทานรางวัล เหล่าองค์ชายย่อมไม่อยากให้ฉู่หนิงได้เปรียบเหล่าขุนนางที่เข้าใจแล้ว ก็พากันก้าวออกมาสนับสนุน“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทพูดถูก!”“ชีวิตของฉู่อ๋องในปิงโจวลำบากมาก เมื่อก่อนราชสำนักไม่มีเงิน ได้แต่ปล่อยให้ฉู่อ๋องพึ่งพาตนเอง ตอนนี้ราชสำนักมีเงินแล้ว ก็ควรดูแลฉู่อ๋องเป็นพิเศษ!”“กระหม่อมก็รู้สึกว่าควรพระราชทานเงิน”“ขอฝ่าบาทโปรดทรงมีพระราชโองการ!”คำพูดของขุนนางบุ๋นบู๊ ทำให้หลิวโส่วเริ่นที่เป็นผู้รักษาการณ์กรมการคลังทนดูต่อไปไม่ได้แล้วเขาก้าวออกมากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ฝ่าบาท ฉู่อ๋องช่วยราชสำนักทวงเงินกลับคืนมานับร้อยล้าน ช่วยแก้ปัญหาท้องพระคลังขาดแ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 693

    วันต่อมา ยามเหมายามเช้าในเดือนห้า ท้องฟ้าสว่างจนมองเห็นชัดฉู่หนิงสวมชุดอ๋องสีม่วง ควบม้ามาถึงหน้าประตูพระราชวัง“คำนับท่านอ๋อง!”หน้าประตูพระราชวัง ขุนนางหลายคนพากันประสานมือคารวะฉู่หนิงสามารถทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ยอมอ่อนข้อเพียงลำพัง ทั่วราชวงศ์ต้าฉู่มีเพียงฉู่หนิงที่ทำได้ไม่ว่าเหล่าขุนนางจะอยู่ฝ่ายใด ล้วนชื่นชมฉู่หนิงมากฉู่หนิงกวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”ขณะที่กำลังพูด มีเสียงกีบเท้าม้า องค์ชายรองฉู่หมิงควบม้ามาถึงแล้ว“น้องสิบแปด ช่างหน้าใหญ่จริงๆ!” องค์ชายรองมองฉู่หนิงที่ถูกทุกยกยอจนแทบตัวลอย แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“พี่รองล้อเล่นแล้ว ข้าเพิ่งมาถึงเอง เป็นเพราะขุนนางทุกท่านเกรงใจเกินไปต่างหาก”“พอแล้ว รีบเข้าไปเถิด การประชุมเช้ากำลังจะเริ่มแล้ว”เมื่อกล่าวจบ องค์ชายรองพลิกกายลงจากม้า แล้วเดินตรงไปที่ประตูของพระราชวังฉู่หนิงพลันยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรมากที่หน้าประตูตำหนักจินหลวน มีองค์ชายและขุนนางมารออยู่แล้ว เมื่อเห็นองค์ชายรองกับฉู่หนิงเดินมา ก็พากันคารวะองค์รัชทายาทเพียงกวาดมองฉู่หนิงด้วยสีหน้าไร้อารม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 692

    ผู้หญิงคนนี้หนีไปได้ ไม่แน่อาจเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้าแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องเหล่านี้ จัดการคนเจ็ดคนนี้ก่อนค่อยว่ากัน“ฮึ่ม ว่ามา เหตุใดต้องลอบสังหารข้า?” ฉู่หนิงจ้องคนทั้งเจ็ดอย่างเย็นชาและถามหัวหน้าตระกูลทั้งเจ็ดเงียบทันทีเหตุใดลอบสังหารเจ้า? ในใจเจ้าไม่รู้เลยหรือ?เดิมทีปิงโจวอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลใหญ่ แต่พอเจ้าฉู่หนิงไปปิงโจว ยึดที่ดินทั้งหมดคืน ตระกูลใหญ่จะอยู่รอดได้อย่างไรไม่ฆ่าเจ้าแล้วจะฆ่าใคร?แต่พวกเขาไม่กล้าพูดคำพูดนี้ออกมา เพราะกลัวฉู่หนิงจะลงมือกับตนเอง“ไม่พูดใช่หรือไม่?”ฉู่หนิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เด็กๆ ฆ่าพวกมันให้หมด!”ทันทีที่คำสั่งดังขึ้น ก่อนคนทั้งเจ็ดจะตั้งสติได้ หร่านหมิงพลันยิ้มอย่างดุร้าย เงื้อมดาบในมือขึ้น ก็ตัดศีรษะของหัวหน้าตระกูลคนหนึ่งหลุดโดยตรง เมื่อทัพอาชาคนอื่นเห็นดังนี้ ก็พากันลงดาบในมือ พริบตาเดียว ที่เกิดเหตุมีดวงวิญญาณเพิ่มมาหกดวงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนฉุนจมูก ฉู่หนิงปิดจมูก พลางโบกมือสั่ง “เผาศพ แล้วฝังไว้ตรงนี้!”หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ทุกคนเดินทางกลับเมืองเ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 691

    ในที่สุดก็หาตัวผู้อยู่เบื้องหลังคดีลอบสังหารเจอเสียทีเป็นไปตามที่ฉู่หนิงคาดการณ์ เป็นฝีมือของแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ที่จริงเดาออกนานแล้วว่าเป็นฝีมือของคนเหล่านี้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีหลักฐานก็เท่านั้นเองตอนนี้มีการชี้ตัวของเหล่าตระกูลใหญ่ การจับกุมแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ก็เป็นไปอย่างมีความชอบธรรมและหลักฐานองค์รัชทายาทมองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของฉู่หนิง มีความไม่เต็มใจเสี้ยวหนึ่งแลบผ่านแววตาวันนี้เจ้าหมอนี่ไม่เพียงทวนเงินคลังที่ถูกยักยอกกลับคืนมา และยังหาเงินสำหรับการสร้างสุสานให้เสด็จพ่อด้วย เสด็จพ่อคงจะโปรดปรานเขามากขึ้นแน่!ไม่ได้ ปล่อยให้ฉู่หนิงทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาดองค์รัชทายาทพลันหรี่ตาลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เสด็จพ่อ ปัจจุบันน้องสิบแปดใจกล้าบ้าบิ่น จะต้องทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ เกิดความไม่พอใจต่อเขาแน่นอน นี่ไม่เป็นผลดีต่อราชวงศ์ต้าฉู่ของเรานะ เพราะวันข้างหน้ายังมีเรื่องอีกมากมายต้องพึ่งพาเหล่าตระกูลใหญ่”แต่เวลานี้ฮ่องเต้กำลังจมอยู่กับความปีติยินดีของการสร้างสุสานหลวง เมื่อได้ยินองค์รัชทายาทว่าร้ายฉู่หนิง สีพระพักตร์จึงเคร่งขรึมลงทันที“รัชทายาท เรารู้ว่า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status