“แล้วมันอยู่นี่ได้จั๋งไต๋” คำแพงถาม
“ข้ามาได้ พวกนี้ก็มาได้เหมือนกันนั่นล่ะ” ดิสมัสพูด อาวุธของทุกคนไม่อาจทำอันตรายรีพีเนียวได้ ทำให้มันยิ่งคลั่งกว่าเดิม คำแพงเหวี่ยงหินไปโดนที่เข้าแก้วหูของมัน ทำให้ร้องอย่างเจ็บปวด
“คำแพง ไอ้ผิวหนังบาง ๆ นั่นเล่นงานมันตรงนั้นเลย เดี๋ยวข้าล่อมันให้ อรอลโต้ออกมา” ดิสมัสเรียกเจ้านกแสกออกมา มันบินไปโจมตีเจ้า รีพีเนียว และส่งเสียงร้องทำให้เจ้ารีพีเนียวสับสนและเป็นโอกาสของ คำแพงแล้วนางเหวี่ยงหินไปโดนเข้าที่แก้วหูของมันอีกที เจ้ารีพีเนียวร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด อรอลโต้โจมตีซ้ำอีกครั้งหนึ่ง คำแพงเหวี่ยงหินไปโดนซ้ำ คราวนี้รีพีเนียวล้มลงไป ดิสมัสใช้จังหวะนี้แทงดาบเข้าที่แก้วหูของมันทำให้มันตายคาที่
“อ้ายมัด จัดการมันได้” คำแพงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ใช่เจ้าทำได้”
คำแพงตื่นเต้นดีใจมาก วิ่งไปบอกนายฮ้อยคำแหง
“อีพ่อได้เบ่งบ่ ข่อยจัดการมันได้”
“แม่นเจ้าเก่งคัก ๆ คำแพง”
ดิสมัสมองไปที่ร่างรีพีเนียว เบต้าหันมาถามเขาว่า
“มันคงไม่ใช่ใครที่เจ้ารู้จักหรอกนะ”
“ไม่ใช่หรอก” ดิสมัสพูด
รีพีเนียว คือ เอลฟ์ที่ฝึกมนตร์ดำหรือวิชาหมอผีแล้วเกิดวิชาย้อนเข้าตัว เลยกลายเป็นสัตว์ประหลาดแบบนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเอลฟ์รานุนระวังมาก ไม่ให้เกิดขึ้น เมื่อกลายเป็นแบบนี้ จะเสียสติและเป็นเหมือนกับสัตว์ที่ไร้ความคิด
“เจ้านี่คงจะหลงอยู่ดินแดนมานานแล้วมั้ง และก็ไม่ได้ควบคุมพลังเอาไว้เลยทำให้เป็นแบบนี้”
เช้าวันต่อมา ทัพควายได้เคลื่อนทัพไปที่หมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นเหมือนกับจุดพักผ่อนของเหล่าพ่อค้าที่จะไปขายสินค้ายังที่ต่าง ๆ จึงมีชื่อเรียก หมู่บ้าน ดงเงิน ที่นี่เป็นดงเงินสมชื่อ เพราะเนื่องจากเป็นจุดแวะพักจึงมีการขายสินค้ามากมาย นอกจากมนุษย์แล้วเหล่าอมนุษย์ อย่าง กินนร คนธรรพ์ หรือเผ่าอื่น ๆ ก็จะมาเปิดร้านขายของด้วย เมื่อเข้ามาถึงดิสมัสรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก เพราะเขาเพิ่งเคยเห็นเผ่าอื่น ๆ นอกจากมนุษย์ในโลกนี้ แต่เขาไม่เห็นมีเผ่าไหนเลยที่จะเหมือนกับเขา เขายังเห็นบางจำพวกมีหน้าตาน่ากลัวมีเขี้ยวออกมาจากปากด้วย ดูไปดูมาเหมือนกับยักษ์เสก ไปร่งรีบบอกว่า
“พวกอสูรติ มีหลายชนิดเลย บ่ต้องไปมีเรื่องอีหยังกับพวกนั้น เพราะถ้าพวกมันอยู่ในเมืองแบบนี้ได้ แสดงว่าบ่มีอันตรายดอก”
“หมู่เฮามื้อนี้พักผ่อนกันตามสบายเด้อ ตะเวนขึ้น เฮาจะเคลื่อนทัพควยกันต่อเดอร์” นายฮ้อยคำแหงประกาศ ทุกคนได้ยินก็รู้สึกเหมือนกับมีน้ำทิพย์ชโลมใจกันเลยทีเดียว รีบไปหาความสนุกตามแบบที่ตนเองชอบ ดิสมัสไม่รู้จะไปไหน เขาเห็นคำแพงเดินเล่นในตลาด ดิสมัสเห็นว่า พวกอมนุษย์ที่เห็นมากสุด จะเป็นพวกคนธรรพ์ซึ่งดูภายนอกจะแทบไม่ต่างกับมนุษย์เท่าไหร่ เว้นแต่สีผิวผิดกับมนุษย์ บางคนผิวเป็นทองเหมือนเอาทองมาทาตัว บางตนก็มีผิวสีขาวเหมือนงาช้าง และส่วนมากหากอยู่ใกล้จะได้กลิ่นหอมเหมือนกับดอกไม้อีกด้วย และมักทำอาชีพเกี่ยวกับงานศิลป์อย่างร้องเพลง หรือทำเครื่องประดับ
คำแพงไปเห็นกำไลเงินวงหนึ่งทำเป็นรูปงูกินหางตัวเอง แม้คนอื่นจะดูว่ามันด฿น่ากลัว แต่คำแพงเห็นแล้วกลับชอบมัน แต่ว่าราคาของมันนี่สิแพงพอสมควร เธอเลยกำลังจะตัดใจ ดิสมัสเห็นเข้าพอดีเลยหยิบขึ้นมาและจ่ายเงินซื้อให้เด็กสาว
“อีหยังนี่”
“ก็เจ้าอยากได้ไม่ใช่เหรอ”
“บ่เป็นหยังดอก”
“ข้าซื้อมาแล้ว อย่าปฎิเสธข้าเลย” ดิสมัสพูด คำแพงเลยรับมาสวมและมองเขาอย่างอาย ๆ ทั้งสองเห็น คนธรรพ์ครอบครัวหนึ่ง เป็นพ่อลูกกัน คนพ่อนั้นดีดพิณ คนเป็นคนลูกคอยร่ายร่ำ และมีนกประหลาดตัวหนึ่ง มันร่างเป็นนก แต่มีหัวเป็นคน มันคือนกอรหัน ร้องเพลง
“แย่แล้วไอ้พวกเวรตะไลมาอีกแล้ว” เสียงคนธรรพ์ตนหนึ่งพูดขึ้นมา
พวกเวรตะไลมานั้นเป็นอมนุษย์กลุ่มใหญ่ สมาชิกในแก๊งนั้น มีตัวเป็นคน หัวเป็นไก่ และเท้าเป็นไก่ มันคือ อสูรเยีย แต่หัวหน้าของมันนั้นเป็นตัวเป็นคน หัวเป็นอสูรแต่มีขาเหมือนกับไก่ ไม่มีปีกมันคือ อสูรนกเทศ มันมีชื่อ พศุตณ์ พวกมันร่วมกับอสุรเยีย เพื่อรีดไถ่เงินจากพวกอมนุษย์ที่มาขายของที่นี่ เนื่องจากอมนุษย์ที่มาขายของที่นี่นั้นไม่ได้มีพลังอะไรมากมาย บางตนที่นี่เรียกมีพลังในระดับมนุษย์ธรรมดาด้วยซ้ำ อย่างครอบครัวที่คำแพงกำลังดูการแสดงอยู่ก็อยู่ในระดับนั้น
“เฮ้ย ! ไอ้แก่ มาแสดงที่นี่ได้วะ” เจ้าพศุตณ์พูด คนธรรพ์เฒ่าตกใจมากรีบบอกว่า
“โธ่นาย ข้าเองก็ทำหากินนะ เห็นใจกันบ้างสิ”
“อยากแสดงก็จ่ายมาสิวะโวย อมนุษย์ที่คิดจะหากินที่นี่ ต้องจ่ายข้าทุกรายโวย” พศุตณ์พูดเสียงดังลั่น เพื่อให้ทุกคนได้ยิน และมันสั่งให้สมุนไปแย่งเงินในกระป๋องมา ลูกสาวรีบไปแย่งคืนมา แต่ถูกตบกระเด็น
“วันนี้ยังไม่พอค่าอาหารเลยนะ เมตตาพวกเราเถอะ” ลูกสาวพูด
“ไม่ได้โวยเสียการปกครองหมด ถ้าไม่เงินก็....” พศุตณ์มองสาวคนธรรพ์ด้วยสายตาหื่นกระหาย คนเป็นพ่อรู้ทันทีว่ามันต้องการอะไร
“อย่าแม้แต่จะ คิดแตะต้องลูกสาวข้านะ”
“กล้าดีน่ะไอ้แก่ พวกเอ็งไปจับตัวลูก ไอ้แก่นี่มาเลย” พวกอสุรเยีย เข้ามาหมายจะจับตัว แต่หินก้อนหนึ่งลอยมาโดนหนึ่งในพวกมันเข้าที่หน้าเต็ม ๆ
“ใครเสือกวะ” พศุตณ์ตะโกนถาม คำแพงเดินออกไปอย่างไม่เกรงกลัว
“ข่อยเอง ซุ่มเจ้าเป็นคนชั่ว รังแกผู้อื่น” คำแพงพูด
“ปากดีเหลือเกินนะ นังหนู ดีล่ะพวกเจ้าไปสั่งสอนมันหน่อยสิ” พวกอสุรเยียเดินเข้าไปทันที คำเพงเหวี่ยงหินใส่ แต่คราวนี้พวกมันหลบและกำลังจะมาประชิดตัวคำแพงแล้ว แต่ว่า คำพูนวิ่งมาถีบเจ้าอสูรเยียเข้าที่กลางหลังเต็ม ๆ
“ไผคิดทำร้ายน้องหล้าข่อย ข้ามศพข่อยไปก่อน”
เบต้าเห็นพวกอสูรไก่กำลังจะไปเล่นงานสองพี่น้อง นางเลยถาม ดิสมัสว่า
คราวนี้ทำให้เจ้าออร์คเริ่มมีแผลและมึนงงแล้ว คำพูนกับคำแพงมองหน้ากระโดดใส่เข่าเข้าที่หน้าของออร์คนั้นเต็ม ๆ สองแรงทำให้มันล้มลงไป คำพูนเอามีดออกมาแทงมันเข้าที่คอเลือดไหลพุ่งออกมาราวกับน้ำ มันวิ่งไปด้วยความเจ็บปวด คำแพงเหวี่ยงหินไปโดนมันซ้ำเข้าที่หัว คราวนี้ทำให้ล้มลงไปได้ สองพี่น้องมองหน้ากัน และตัดสินใจกลับไปหาพ่อนายฮ้อยคำแหงดวลดาบกับซีดาน ส่วนนายไปร่งต่อสู้กับล็องกี ซึ่งเชิงดาบของทั้งสองพอ ๆ กัน แต่ไม่ว่าจะเสกอะไรมา ก็โดนทำลายไปหมด จนในที่สุดไปร่งก็ตัดสินใจ ร่ายมนตร์บทหนึ่ง นายฮ้อยคำแหงได้ยินก็ตะโกนห้าม“อย่าเฮ็ดจั๋งซัน”แต่สายไปแล้ว ไปร่งร่ายมนตร์แล้ว เหล่าหุ่นพยนต์มารวมอยู่ที่ร่างของเขากลายเป็นเสื้อเกราะ ไปร่งเข้าต่อสู้ทันที คราวนี้เขาต้านพลังของล็องกีได้หมด และเข้าประชิดตัวและชกล็องกีกระเด็น มันรู้สึกเจ็บ ไปร่งยังคงออกหมัดไปไม่หยุด ล็องกีเหวี่ยงคถาไปทันทีโดนร่างของไปร่ง เขากระเด็น “ให้ตายสิไม่ได้สู้ระยะประชิดนานแล้วนะเนี่ย แต่ว่า ข้าก็ไม่ชอบอยู่ดี ลมหายใจมังกร”ไฟถูกยิงออกมาจากคถาของมัน เมื่อโดนร่างของไปร่ง ความเจ็บปวดแผ่เข้ามา แต่ไปร่งยังพยายามเข้าไปต่อสู้ แต่ว่าไฟยิ
ดิสมัสต้องเหวี่ยงหินและใช้กะโหลกเพลิง ยิงสกัดพวกมันเ แต่พวกมันยังคงวิ่งเข้ามา ไม่หยุด ดิสมัสเลยเอาไม้แหลมที่เขาเหลาเอาไว้ ร่ายคำสาปเคลือบเอาไว้ ขว้างไป มันปักเข้าที่ร่างของพวกออร์คทำให้มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่แค่ไม้จะทำอะไรพวกมันได้ มีตัวหนึ่งเขามาประชิดตัวเขาได้ และกำลังจะเอาดาบฟันหมายจะฟันให้ขาดสองท่อน แต่บากีร่ากระโดดตะครุบร่างของเจ้าออร์คตนนั้นเอาไว้ ดาบหลุดจากมือของมัน ดิสมัสได้โอกาสแล้ว รีบคว้าดาบเล่มนั้นเอามาเป็นอาวุธของตัวเอง เขาฟาดฟันมันอย่างชำนาญ ทำให้สังหารออร์คไปได้หลายตัว เขาดูดาบเล่มนี้ชัด ๆ แม้มันจะดูเก่า แต่เขาก็จำได้ว่าเป็นฝีมือการตีดาบของพวกโดวาฟ ! “อย่าให้ใช่เลย”ดิสมัสพูด พวกออร์ดที่เหลือกำลังจะเข้ามารุมเขา ดิสมัสเลยร่ายคาถา “จงรวบรวม แขน ขา และวิญญาณเพื่อรับใช้ข้า ลุกขึ้นมา !”เมื่อคาถาจบศพของพวกออร์คก็ระเบิดกลายเป็นโครงกระดูกยืนอยู่ตรงหน้า พวกออร์คเห็นแล้วก็รู้สึกกลัว“ไม่ได้ทำแบบนี้มานานแล้วนะ ชีวิตสงบ ๆ คงไม่ใช่สำหรับข้า ฆ่ามัน” พวกโครงกระดูกเข้าต่อสู้กับพวกออร์คที่เหลือทันที นายฮ้อยคำแหง มาถึงก็ต้องตกตะลึง ที่น
“ลงน้ำโลด อ้ายมัด” คำแพงร้องบอก ดิสมัสรีบทำตาม หลังจากจัดการมดแดงได้แล้ว เขาก็ขึ้นมาจากน้ำ ทุกคนมองดิสมัสแปลก ๆ เบต้าพยายามกลั้นขำ “มีอะไรเหรอ” “อ้ายก็ลองเบ่งแขนเจ้าของดิ” คำแพงพูดขึ้นมา ดิสมัสมองดูเขาตกใจมาก มันมีจุดแดง ๆ เต็มไปหมดหมด และเขาคล้ำหน้าตัวเองรู้เลยว่าต้องมีจุดแดง ๆ เหมือนกัน ยิ่งเขาเป็นคนผิวขาวสีซีดแล้วจุดพวกนี้ยิ่งชัดเข้าไปอีก เขาทั้งเจ็บทั้งอาย และทั้งขำในเวลาเดียวกัน นี่อาจเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ได้ที่ไม่ได้สวมเกราะเลยทำให้มีแผลมากขนาดนี้ เบต้าเลยบินมารักษาให้กับเขา แต่ดิสมัสไม่ได้รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงไปแหย่ไข่มดแดงกับทุกคนต่อ วันนี้ ดิสมัสได้ทั้งปลาและไข่มดแดงจำนวนมาก และยังได้ลองกินไข่มดแดงเป็นครั้งแรกด้วย รส ชาตของมันทั้งมันทั้งเปรี้ยว แต่ก็ถูกปากเขาเหมือนกัน การมาหาอาหารกันเป็นกลุ่มใหญ่แบบนี้ทำให้เขานึกถึงตอนไปเก็บเสบียง แต่มันต่างกันมากเพราะว่า ตอนไปเก็บเสบียงนั้นไม่สนุกแบบนี้ ไม่ได้มีเสียงหัวเราะแบบนี้ บางครั้งมันก็แลกมาด้วยน้ำตาของเจ้าของอาหารที่ถูกบังคับให้ส่งเสบียงให้ด้วยซ้ำ ดิสมัสเดินออกจากวงข้า
“ครับข้ากลับมาแล้ว”เย็นวันนั้น ดิสมัสจัดการถอดเกราะออกและมองมัน เขารู้สึกว่ามันช่างหนักเหลือเกินเขาไม่อยากจะสวมมันอีกแล้ว “อ้ายมัด” เสียงของคำแพงดังขึ้นมา ดิสมัสหันมองนางแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ” “อีแม่ให้มาชวนเจ้าไปกินข้าวด้วยกันหน่ำ” ซึ่งเขาก็ไม่ปฎิเสธมาตามคำเชิญ แถมยังเอาเนื้อเค็มติดมือมาด้วย ซึ่งคำแพงเห็นแล้วก็บอกว่า “เจ้าเก็บไว้กินผู้เดียวเถอะ บ่ฮู้ว่าทนกินเข้าไปได้ไง” ดิสมัสเลยพยักหน้าแล้วพูดว่า “มื้อหน้าข้าจะจับตัวอะไรไปให้แม่เจ้าปรุงก็แล้วกันนะ” ดิสมัสพูด และเดินตามคำแพงไป คำแพงแอบมองดิสมัส ตั้งแต่ที่เขาไปช่วยชีวิตนาง นางก็รู้สึกกับเขาในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าปลอดภัยตลอดเวลาที่เขาอยู่ “ถึงแล้วนะ” ดิสมัสพูด ทำให้นางหลุดจากภวังค์และรีบเดินนำเข้าไปในบ้าน คราวนี้อาหาร มี ลาบ ต้มแซ่บ ไก่ย่าง เป็นอาหารหลักแม้จะเป็นอาหารง่าย ๆ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันน่ากินมาก “กินได้แล้ว บักมัดบ่ต้องเกรงใจเด้อ” นายฮ้อยคำแหงพูด ดิสมัสกินอาหาร มันรสชาติดีมากจนเขาพูดขึ้นมา
“เอ็งชื่ออะไรวะ” คนในสนามพูด “คำพูน จากโนนต้นติ้ว แต่ข่อยขอใช้ชื่อ คำพูน ลูกคำแหง” เขาตอบ อีกฝ่ายหยักหน้า แล้วพูดว่า “มีเงินเดิมพันมั้ย ถ้ามีก็ขึ้นชกได้”คำพูนเอาเงินออกมาพบว่ามันน้อยเกินไป “โอยแค่นี้เองเหรอไม่พอ ไปหามาอีก ถ้าไม่มีก็ไปให้พ้น ๆ เลย” คำพูนรู้สึกเสียดาย จะไปขอเงินจากนายฮ้อยคำแหงก็คงจะไม่ได้ ดิสมัสเห็นเข้าพอดีเลยเอาเงินมาวางให้ “อ้ายมัด” “อย่าชกแพ้ล่ะ ถ้าแพ้นี่ข้าหมดตัวเลยนะ” ดิสมัสพูดขึ้นมา คำพูนเลยตอบว่า “ไว้ใจข่อยได้ ข่อยสิต้องชนะ” คู่ต่อสู้ของคำพูนนั้นเป็นนักมวยร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม ดูแล้วตัวใหญ่กว่าคำพูนพอสมควร เขาชื่อว่า เด่นธรณี ศิษย์พระกาฬ ส่วนคำพูน นั้นใช้ชื่อว่า คำพูน ลูกคำแหง เสียงปี่ดังขึ้น ทั้งสองออกท่าร่ายรำทำให้ ดิสมัสงงมาก “มวยสยาม สิต้องไหว้ครูบาอาจารย์ก่อนชก เป็นการแสดงความเคารพครูมวย และยังเป็นการอบอุ่นร่างกายอีกหน่ำ” คำแพงอธิบาย ดิสมัสพยักหน้ารับรู้ “ชกกันหนึ่งกะลาจมน้ำใครลุกไม่ขึ้นก่อนเป็นฝ่ายแพ้” เสียงกรรมการประกาศและเอากะลาลงไปในน้
“จังสั้นเจ้าเฮ็ดเลยคำพูน ข่อยสิล่อมันเอง”ห้าวเสกมนตร์ ใส่ร่างของโตเว็น มันเลยมาสนใจเขาแทน สองพี่น้องช่วยกันจับดาบหอก และวิ่งไปและแทงเข้าไปที่รูก้นของโตเว็น มันร้องด้วยความเจ็บปวดและล้มลงไปแบบไม่เป็นท่า ทั้งสองกดจนมิดด้าม เจ้าโตเว็นตายคาที่ ดิสมัสมองอย่างรู้สึกสมเพชเวทนา เขาไม่คิดเลยเอลฟ์จะต้องมาตายทุเรศแบนี้ จริงอยู่เจ้านี่อาจไม่ใช่เอลฟ์เผ่าเดียวกับเขา แต่ก็เป็นเอลฟ์เหมือนกันจริงเห็นแบบนี้ก็คงจะอดที่จะหดหู่ไม่ได้ เขาเลยกระชากดาบหอกออกมา และดิสมัสเรียกอุมปากลับไป “ชาร์ล็อต” เขาเรียกแมงมุมยักษ์ออกมา ให้มันพ่นใยคลุมร่างของโตเว็นเพื่อกันไม่ให้มีอะไรมากินศพ และเอาดาบหอกปักข้าง ๆ เขาหันไปบอกกับคนดงว่า “อยากจะทำอะไรกับร่างของมันก็ทำไปซะนะ ข้าทำได้แค่นี้” เมื่อเจ้าหัวหน้าตาย พวกคนดงก็มองทุกคนอย่างหวาดกลัว ดิสมัสเดินนำไป พวกเขารีบหลีกทางให้ มีบางคนคิดจะเล่นงานเขาแต่ก็ชะงักไปเพราะว่าเกิดคิดได้สู้ไปก็เหมือนฆ่าตัวเปล่า ๆ “เฮดหยังต้องเฮดศพให้มันหน่ำ” คำแพงถามขึ้นมา “เขาตายแล้วนะ ข้าไม่อยากให้เขากลายเป็นเหยื่อแร้งกาหรอก อีกอย่างเขาก็ต่อสู้อย่างสมศัก