Share

บทที่ 1119

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หวังเยว่จางนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือ ยกขาข้างหนึ่งแล้ววางข้อศอกพาดเข่า เขามองทั้งสองด้วยความสงสัย "เจ้าเหนื่อยมากหรือ? เจ้าดูเหมือนไม่มีแรงเหลือเลย กลับมาก็ไม่กินอะไรก่อนสักหน่อย?"

เซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีหันหน้าไปอีกทางอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ และแต่ละคนก็กระแอมไอ

หลังจากเซี่ยหลูโม่ไอสักสองสามครั้งก็พูดว่า "กินเสร็จแล้ว เหนื่อยมาก ปวดเมื่อย...เมื่อย ใช่ ปวดเมื่อยทั้งคืนแล้วก็เข้าวังอีก กลับมาก็อาบน้ำ ก็เลยเหนื่อย เหนื่อยมากเลย”

หวังเยว่จางขมวดคิ้วมองศิษย์น้อง เกิดอะไรขึ้น? ศิษย์น้องตัวน้อยคนนี้กลายเป็นคนติดอ่างแล้วหรือ?

“นี่ ศิษย์พี่ห้า กินข้าวหรือยัง” ซ่งซีซีถามโดยเลี่ยงสายตาแปลกๆ ของเขา

จู่ๆ หวังเยว่จางก็เกิดความสนใจขึ้นมาว่า "ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ข้ากินข้าวไปสามมื้อแล้ว จะว่าแล้ว เกี๊ยวที่แม่นมเหลียงทำก็อร่อย อร่อยกว่าของดีจากภูเขาและทะเลเสียอีก"

“ใช่ มันอร่อยมาก” ซ่งซีซีพยักหน้าแล้วมองวัตถุคล้ายปืนในมือ “นี่คือปืนไฟหรือ?”

“ถูกต้อง ของเล่นที่อาจารย์ทำขึ้น บอกว่าให้ข้าส่งมาให้ศิษย์น้อง ให้ศิษย์น้องมอบให้ฝ่ายการทหารดู ว่าสามารถผลิตได้หรือไม่”

จู่ๆ ดวงตาของเซี่ยหลูโม่ก็ถูกดึงดูดขึ้นมา ปืน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1120

    มองดูพวกเขาหนึ่งคนสองคนตกตะลึงจนลูกตาแทบหลุดออกมา หวังเยว่จางกลับรู้สึกว่ามันก็เป็นเช่นนั้นถึงเช่นไรอยู่ที่ภูเขาเหม่ยชานก็ได้พบเห็นไม่น้อย แล้วก็ถูกทำลายไม่น้อย ทุกวันนี้สำหรับของสิ่งนี้เขาไม่ได้มีความประหลาดใจใดๆ อาจารย์บอกว่ามันมีประโยชน์กับศิษย์น้องสาวเล็กศิษย์น้องชายเล็ก ค้นคว้าของสิ่งนี้เสร็จแล้ว ก็สามารถรักษาชีวิตพวกเขาได้ เช่นนั้นเขาจึงเอามาส่งใเซี่ยหลูโม่ต้องการทดสอบด้วยตัวเอง หวังเยว่จางย่อมต้องเต็มใจสอนเขาครั้งนี้ ไม่เข้าเป้า แต่กลับถูกก้อนหินที่อยู่ห่างออกไปสามสิบจั้งอย่างน้อยยี่สิบจั้ง กล้องเล็งสำหรับเขาแล้วค่อนข้างไร้ประโยชน์ เพราะทักษะธนูของเขาดี สายตาไม่เลว ดังนั้นจึงไม่ได้ใช้กล้องเล็ง ลั่นไกอาวุธปืนออกไปโดยตรงท่ามกลางตาของมวลชนจ้องมอง ยิงพลาดไป ตกลงไปที่บนพื้นหญ้าด้านข้างที่อยู่ห่างจากก้อนหินประมาณหนึ่งจั้งแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคให้เซี่ยหลูโม่ดีใจ เนื่องจาก นี่คือห้าสิบจั้ง ห้าสิบจั้งเชียว!นี่แสดงถึงสิ่งใด? แสดงว่าหากศัตรูทั่วไปอยู่ห่างไปห้าสิบจั้ง เขาสามารถเล็งที่หัวยิงทีเดียวหลังความดีใจ เขาพบว่ามีปัญหาหนึ่ง หลังจากยิงกระสุนดินปืนในกระบอกหมดแล้ว ไม่เหลือแล้ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1121

    แต่หลี่เต๋อฮวยคิดได้ถึงปัญหาหนึ่ง ไม่อาจส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย เนื่องจากปืนหกตานี้ยังไม่เคยผ่านการทดสอบ แม้เป่ยหมิงอ๋องบอกว่าเคยทดสอบแล้ว แต่การทดสอบครั้งเดียวไม่แม่นยำ ต้องทดสอบหลายครั้ง ต้องยืนยันมีความอันตรายในการระเบิดน้อยจึงสามารถเอาเข้ากองทัพได้หลี่เต๋อฮวยทำเหมือนกำลังฝัน ระมัดระวัง ลูบแล้วลูบอีก “ไม่ต้องจุดชนวน นี่เป็นความสะดวกอย่างมาก สามารถตั้งค่ายธนูวิเศษ ค่ายซุ่มโจมตี มีอาวุธวิเศษนี้แล้ว พวกเรายังต้องกลัวสิ่งใด?”เขาทั้งลูบ ทั้งกอด ทั้งห้องได้ทั้งหัวเราะ “พูดประโยคไม่น่าฟัง คนในครอบครัวข้าผู้นั้นเมื่ออยู่ต่อหน้ามันก็นับว่าเป็นนางสนมแล้ว เหตุใดไม่รับนางสนมล่ะ? เห็นข้ากลัวคนผู้นั้นในครอบครัวหรือ? ไม่ ในใจข้ายังมีตำแหน่งหนึ่งว่างเปล่ามาตลอด ก็คือตำแหน่งสำหรับภรรยาเอกของข้า”เซี่ยหลูโม่หัวเราะออกมา “นี่คือภรรยาเอก เช่นนั้นปืนสิบตาเล่า? ปืนใหญ่เล่า?”“อะไรนะ?” หลี่เต๋อฮวยริมฝีปากสั่น “เจ้าพูดอะไรปืนใหญ่? เป็นปืนใหญ่เป่ยถังหรือ?”เซี่ยหลูโม่ทำเหมือนศิษย์พี่ห้าหยิบสมุดออกมาอย่างไม่รีบร้อน “ถ้าหาก ล้วนอยู่ที่นี่แล้ว ดูก่อนเถอะ”หลี่เต๋อฮวยแทบจะไปแย่งเอามา สายตาละโมบพลิกหน้าแล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1122

    จักรพรรดิซูชิงตื่นเต้น ไม่ได้คำนึงถึงผลลัพธ์บรรพบุรุษของเหรินหยางอวิ๋นคือเหรินปิ่งยี่เคยเป็นอี๋ซิ่งอ๋อง แต่หลังการรับช่วงต่อ ส่วนตำแหน่งอ๋องที่ตั้งขึ้นอย่างลวกๆ แต่สามารถสร้างความดีประกาศต่อใต้หล้าได้ตอนนี้ปืนหกตายังไม่ได้ผลิตออกมาจำนวนมาก ค่ายทหารวิเศษยังไม่ได้จัดตั้ง ห้ามแต่งตั้งตำแหน่งอ๋องตอนนี้เด็ดขาด มิฉะนั้นสายตาคนไม่น้อยจ้องมองภูเขาเหม่ยชานแล้ว“ถูกต้อง พูดถูกต้อง ยังไม่ต้องแต่งตั้ง ไม่รีบร้อน ไม่รีบร้อน” จักรพรรดิซูชิงดวงตาเป็นประกาย นี่เป็นดวงตาที่สว่างไสวที่สุด ตั้งแต่เซี่ยหลูโม่เห็นมาหลังเขาครองราชจักรพรรดิซิงชูอยากเห็นพลานุภาพของปืนหกตาด้วยสายตาตัวเอง จึงเรียกองครักษ์ซวนเท่ปิดล้อมตำหนักเย็น ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามาตำหนักเย็นใหญ่มาก ตอนนี้ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ที่นี่ ตอนที่จักรพรรดิองค์ก่อนเสียชีวิต ก็มีเมตตา ผู้หญิงในตำหนักเย็นทั้งหมดถูกย้ายไปยังสำนักแม่ชีเมื่อจักรพรรดิซิงชูได้เห็นปืนหกตาเกือบเจาะทะลุกำแพงตำหนักเย็น เขาตกตะลึงอย่างยิ่ง“สามารถใช้ลูกเหล็กได้หรือไม่?” จักรพรรดิซูซิงถามหลี่เต๋อฮวยกล่าว “สามารถใช้ได้ แต่คิดว่าพวกเรายังไม่ได้รู้จักกับพลานุภาพที่ใหญ่ที่สุ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1123

    หลายวันนี้ ตามถนนและตรอกซอกซอยล้วนพูดถึงเรื่องครอบครัวอ๋องเยี่ยน ไม่มีใครพูดถึงแม่นางตระกูลเสิ่นเลยสักประโยคลูกศิษย์ของเสิ่นว่านจือไม่ได้กินเจ ไม่มีใครกล้าวิจารณ์เสิ่นว่านจือ ภายในเรื่องนี้ เพราะเสิ่นว่านจือและนางเสิ่นเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ถูกคนแอบพูดถึง พวกเขาก็จะไปด่าถึงที่เป็นพี่น้องแบบใด? พ่อแม่ห่างกัน เป็นลูกพี่ลูกน้อง อีกทั้งยังเป็นลูกพี่ลูกน้องที่แต่งงานออกไป เช่นนั้นก็เป็นคนของตระกูลสามีแล้ว เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเสิ่น? เกี่ยวข้องอันใดกับเสิ่นว่านจือ?เรื่องของปากภูเขาตะวันตก เจ้าสิบเอ็ดฝางก็ส่งคนไปตรวจสอบชัดเจนแล้ว ยืนยันว่าตอนนั้นมีคนเห็นคนหลายคนปล้นแม่นางคนเดียว แม่นางผู้นั้นสติไม่ชัดเจนมีชาวบ้านถือจอบออกมาช่วยเหลือ แต่พวกเขาเห็นหน้าตาสตรีผู้นั้นไม่ชัดเจน เพราะท้องฟ้ามืดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นน่าจะต่อสู้ขัดขืน ผมเผ้ายุ่งเหยิง จึงทำให้ไม่เห็นใบหน้าไม่เห็นใบหน้า เจ้าสิบเอ็ดฝางก็วางใจแล้วแต่จวนอ๋องเยี่ยน นับว่าได้รับความโกรธเคืองจากชาวบ้าน จักรพรรดิทรงออกคำสั่งเป็นการส่วนตัว เห็นนิสัยชั่วร้าย ดุด่าผู้มีอำนาจ ระบายความโกรธภายในใจชาวบ้าน ขณะเดียวกันก็ชื่นชมความปรีชาของฝ่าบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1124

    อู๋เซี่ยงเห็นว่าเขาไปจากเมืองหลวงไม่ได้ หลังจากครุ่นคิดอยู่สองสามวัน จึงพูดกับอ๋องเยี่ยนว่า "ตอนนี้ท่านอ๋องต้องพักฟื้น ไม่สามารถกลับไปที่เยี่ยนโจว แต่ก็จากเยี่ยนโจวมานานแล้ว อ๋องฮวยกุมอำนาจอยู่ที่เยี่ยนโจวตลอด เกรงว่าจะเป็นนกพิราบเข้าครองรังนกกางเขน ข้าจำเป็นต้องกลับไปที่เยี่ยนโจวก่อน”หลังจากที่อ๋องเยี่ยนตกตะลึง เขาก็โกรธเล็กน้อย "ตอนนี้เจ้าทิ้งข้ากลับไปที่เยี่ยนโจว? แล้วปัญหาเละเทะนี่ เจ้าจะให้ข้าเก็บกวาดมันอย่างไร?"อู๋เซี่ยงรู้ว่าเขาจะโกรธ ดังนั้นจึงอธิบายให้เขาฟังด้วยความอดทนว่า "ท่านอ๋อง ตอนนี้ไม่ว่าท่านจะทำอย่างไรก็ล้วนแต่ต้องเจอกับปัญหาเละเทะนี้ แต่ท่านอยู่พักฟื้น พวกชาวบ้านเอาไปพูดกันสองสามวันก็จะไม่พูดอีก มิสู้ก็อยู่ที่เมืองหลวงมันทั้งแบบนี้ กระหม่อมจะกลับไปหารือกับอ๋องฮวยว่าก้าวต่อไปเราจะเดินกันต่ออย่างไร เพราะตอนนี้นักรบสิ้นหวังของเรากว่าครึ่งล้วนตกอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว จำเป็นต้องวางแผนกันใหม่ อีกอย่างมอบเยี่ยนโจวให้อ๋องฮวยดูแล พระองค์ทรงวางใจจริงๆ?”อ๋องเยี่ยนไม่วางใจ แต่เขาก็ไม่อยากเผชิญกับปัญหาเละเทะนี้เพียงลำพัง จึงดูโกรธเล็กน้อยอู๋เซี่ยงจึงได้แต่พูดว่า "ตอนนี้ พร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1125

    จ้านเป่ยว่างนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน เดิมทีคิดว่าเขาจะร้องไห้ออกมาแล้ว แต่ดวงตากลับไม่มีน้ำตาสักหยด แค่นั่งซึมกระทืออยู่นานเซี่ยหรูหลิงไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงยื่นกาเหล้าให้เขากาหนึ่ง เขาดื่มมันทั้งหมดในครั้งเดียว แล้วก็เมาล้มพับไปเขาไม่ได้ส่งจ้านเป่ยว่างกลับไปเช่นกัน แต่ให้เขาค้างอยู่ที่เรือนพักคืนหนึ่งเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากตื่นขึ้นมา ก็ได้ยินจากพ่อบ้านว่าเขากลับไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่างแล้วหลังจากนั้นเขาก็ยังมาที่นี่อีกหลายครั้ง เอาจริงๆ ทั้งคู่ไม่ค่อยจะได้พูดอะไรกัน ก็แค่หาเพื่อนดื่มเซี่ยหรูหลิงรู้ว่าภรรยาของเขากลับไปที่บ้านของพ่อแม่นางแล้ว บอกว่าต้องการจะหย่ากับเขาหลังจากที่เขาดื่มจนเมาไม่ได้สติ เขายังเปิดเผยเรื่องบางเรื่องออกมา บอกว่าเขารู้ความลับเกี่ยวกับภรรยาของเขา ความลับนี้เป็นเหมือนเข็มที่ฝังอยู่ในหัวใจของเขา ยากที่จะถอนมันออกไป แต่กับคนเช่นเขา จะถอนออกไปหรือไม่นั้นล้วนไม่สำคัญ ยังใช้ชีวิตต่อไปได้เพียงแต่ว่านางไม่ต้องการที่จะหันหลังกลับแล้วเซี่ยหรูหลิงถามเขาว่าความลับนั้นคืออะไร เขาไม่พูด เพียงแค่ยิ้มขมขื่นและส่ายหัว "พูดมามีแต่จะทำร้ายนาง ถ้าน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1126

    ซ่งซีซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "ข้าจำได้ว่าเซียนเกอเอ๋อร์ของเจ้าเรียนเก่งไม่เลว ทำไมถึงอยากให้เขามาเรียนวรยุทธกับข้าเล่า? ฮูหยิน ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นอาจารย์ที่ดีได้อย่างไร แถมอีกหน่อยเขายังต้องขึ้นรับสืบทอดตำแหน่งเจวี๋ย ให้เขาอ่านเขียนแล้วสอบเข้ารับราชการมิใช่ทางออกที่ดีที่สุดหรือ?”ซ่งซีซีไม่อยากรับศิษย์ นางมีตำแหน่งอยู่กับตัว จึงไม่สามารถสอนศิษย์อย่างเต็มที่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียนเกอเอ๋อร์อายุยังน้อย เด็กอายุสิบกว่าปี นอกจากต้องสอนศิลปะการต่อสู้ ยังต้องสอนเขาว่าจะเป็นคนดีได้อย่างไร ชี้นำให้เขามีทัศนคติต่อชีวิตที่ถูกต้องต่างจากจือจือ ลูกศิษย์ของนางหลายคนมีอายุมากกว่านาง แถมแต่ละคนก็มีหน้าที่การงานเป็นของตัวเองแล้ว“สืบทอดตำแหน่งเจวี๋ย?” นางจียิ้มอย่างขมขื่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “พระชายา ตำแหน่งเจวี๋ยนี้ยังไม่ทราบชัดว่าจะสามารถรักษาไว้ได้หรือไม่ กระทั่งเป็นเผือกร้อนก้อนหนึ่ง…ข้าไม่ใช่ว่าจะขอให้ท่านรับเขาเป็นศิษย์ให้ได้ แค่ท่านหาคนมาสอนเขาแค่นั้นก็พอแล้ว ข้าแค่หวังว่าเขาจะสามารถเรียนรู้วิธีปกป้องตัวเอง เผื่อว่าวันหนึ่ง เขาเกิดเรื่องขึ้น อย่างน้อยก็ยังมีร่างกายที่แข็งแก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1127

    เมื่อนางพาเซียนเกอเอ๋อร์มาในวันรุ่งขึ้น นางก็แจ้งว่าเบี้ยหวัดรายปีของกุ้นเอ๋อร์อยู่ที่สามร้อยตำลึงกุ้นเอ๋อร์ชอบเงิน แต่เขารู้ว่าเขาไม่คุ้มกับเงินที่จ่าย เขาจึงรีบปฏิเสธไปว่า "ไม่ต้อง ปีละหกสิบตำลึงก็ถือว่าเยอะแล้ว สามร้อยตำลึง ข้ารับแล้วไม่สบายใจ"ไม่ว่านางจีจะพูดอย่างไร เขาก็ปฏิเสธที่จะรับเงินสามร้อยตำลึง และยืนกรานรับเพียงหกสิบตำลึงต่อปีก็เพียงพอแล้วนางจีมองไปที่ซ่งซีซีอย่างขอความช่วยเหลือ และหวังว่านางจะช่วยพูดซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "หกสิบตำลึงก็หกสิบตำลึงเถอะ ฟังที่อาจารย์เมิ่งพูด ไม่ว่าจะเป็นหกสิบตำลึงหรือสามร้อยตำลึง คำสอนนั้นก็เหมือนกัน นี่จะช่วยให้เขาไม่ต้องรู้สึกมีภาระมากด้วย"พระชายาเอ่ยปากพูดมาเช่นนี้แล้ว นางจีจึงทำได้เพียงเอ่ยขอบคุณอย่างสุดซึ้งไปจะอ่านเขียนก็ดี ฝึกวรยุทธก็ช่าง ขอแค่ให้ได้เรียนรู้ทักษะ ไม่สำคัญว่านางจะใช้เงินไปเท่าไหร่ตราบเท่าที่มันยังอยู่ในขอบเขตที่นางสามารถรับไหว กุ้นเอ๋อร์คิดว่าเงินห้าตำลึงต่อเดือนก็ถือว่าเยอะแล้ว ชาวบ้านทั่วไป ในปีหนึ่งอาจจะใช้เงินไม่ถึงห้าตำลึงด้วยซ้ำยิ่งไปกว่านั้น เขาเพียงแค่ชี้แนะ ไม่ได้สอนอย่างสุดกำลัง เพราะท้ายที่สุดแล้ว

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status