Share

บทที่ 1459

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หลี่ลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ซ่งซีซีตอบเช่นนี้ เขานิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะอดชื่นชมไม่ได้ สามีของนางหายตัวไปในแนวหน้า แต่นางยังสามารถสงบนิ่งและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีเหตุผล

หากจะส่งกองกำลังเสริมไป ตอนนี้มีเพียงสามทางเลือก ให้มู่ฉงกุยนำทัพไป ไม่ก็ด่านเฉิงหลิง หรือไม่ก็ให้เจ้าสิบเอ็ดฝางนำกองกำลังเมืองหลวงไป

แต่ปัญหาคือ ทุกกองกำลังอยู่ห่างไกลเกินไป น้ำไกลดับไฟใกล้ไม่ได้ ขณะนี้ศึกไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่ของหนานเจียงอีกต่อไป แต่เกิดขึ้นที่เทือกเขาอาตามู เป้าหมายของกองกำลังเสริมจึงมีเพียงการรักษาหนานเจียงเอาไว้เท่านั้น

จักรพรรดิ์ซูชิงทรงฟังความคิดเห็นของทุกคน แต่ไม่ได้มีพระบัญชาใดๆ เพียงตรัสว่าให้รอดูก่อน

เห็นได้ชัดว่า พระองค์จะไม่ส่งกำลังเสริมไป

ยามค่ำคืน เจ้าสิบเอ็ดฝางพาภรรยาหยานหรูอวี้มาเยี่ยมซ่งซีซี

เขาคิดว่าพระชายาอ๋องย่อมต้องเป็นกังวลอยู่ จึงพาภรรยามาเพื่อช่วยวิเคราะห์สถานการณ์เพิ่มเติม เพื่อให้นางคลายใจ

เขากล่าวว่า “ศึกครั้งนี้คงจะสู้กันลำบากขึ้นกว่าเดิม แต่จุดประสงค์หลักของเราคือสังหารแม่ทัพฝ่ายศัตรูให้ได้มากที่สุด เพื่อทำลายกำลังหลักของพวกมัน การที่แม่ทัพใหญ่เลื
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
สุรีย์ทิพย์ ทองศรี
เผด็จศึกเร็วเถอะ ซ่งซีซีรอท่านอ๋องอยู่
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1460

    ภูเขาปี่เซียะนั้นแท้จริงแล้วไม่มีชื่อมาก่อน เซี่ยหลูโม่เป็นผู้ตั้งชื่อมันขึ้นหลังจากเข้ายึดครอง เหตุผลหนึ่งคือ ภูมิประเทศของมันคล้ายกับปี่เซียะตัวหนึ่งที่นั่งอยู่บนยอดเขา อีกเหตุผลหนึ่งคือ หากสามารถยึดพื้นที่นี้ได้ ศัตรูที่เข้ามาจะไม่มีทางหนีออกไปได้ แม้แต่เสบียงก็ยากที่จะส่งเข้ามาถึง ดังนั้น อาหารที่พวกเขากินยังคงเป็นเนื้อแห้งที่พกติดตัวมา หากกระหายน้ำ ก็ต้องขุดหิมะมาต้มดื่ม ข้อได้เปรียบของที่นี่คือ สามด้านเป็นหน้าผาสูงชัน ทำให้ศัตรูไม่สามารถสำรวจความเคลื่อนไหวได้ จุดที่พวกเขาประจำการอยู่มี แนวกำบังธรรมชาติ แม้จะก่อไฟก็ไม่มีใครมองเห็น แน่นอนว่าการจุดไฟขนาดใหญ่เพื่อให้ความอบอุ่นย่อมเป็นไปไม่ได้ ความยากลำบากที่สุดจึงไม่ใช่ความหิว แต่เป็นความหนาวเย็นในยามค่ำคืน โชคดีที่ตอนกลางวันยังมีแสงแดดช่วยให้ความอบอุ่นบ้าง จึงไม่ต้องทนหนาวทั้งสิบสองชั่วยาม “แม่ทัพใหญ่ ยามค่ำคืนแล้ว ดื่มน้ำร้อนสักหน่อยแล้วพักเถิด” รองแม่ทัพเฉินเว่ยเดินเข้ามายื่นถ้วยน้ำร้อนให้ นี่เป็นน้ำที่เพิ่งต้มได้ อบอุ่นจนทำให้หัวใจคนรู้สึกคลายหนาว เซี่ยหลูโม่เอนตัวพิงต้นไม้ใหญ่ ถอดถุงมือออก รับน้ำร้อนมาแต่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1461

    ศึกครั้งนี้ดุเดือดราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เลือดสด ศพ อวัยวะขาดวิ่น และเสียงร้องโหยหวน ก้องไปทั่วเขาหมอกขาว มัจจุราชมาพร้อมกับแสงตะวัน ภูเขาหมอกขาวทั้งลูกถูกย้อมด้วยสีทองอ่อนของแสงอรุณ เซี่ยหลูโม่ควบม้าตะลุยเข้ามา เปล่งเสียงสั่งให้พวกมันยอมแพ้ และส่งตัววิกเตอร์มา แต่วิกเตอร์ก็แผดเสียงกลับมาเช่นกัน “พวกชาวซางเจ้าเล่ห์! หากเราวางอาวุธ ก็มีเพียงความตายรออยู่ ฆ่าฝ่าออกไปยังมีโอกาสรอดบ้าง!” แต่พวกเขาจะฝ่าออกไปได้อย่างไร? กองทัพซางมีอาวุธที่ทรงพลัง ปืนหกลำกล้อง สามารถสังหารศัตรูจากระยะไกล พวกมันไม่อาจต่อกรได้เลย เหล่าทหารรอบกายวิกเตอร์ล้มลงทีละคน จมกองเลือด วิกเตอร์ชูดาบขึ้น เล็งไปยังเซี่ยหลูโม่ที่บังคับม้ารุกคืบเข้ามา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งความพ่ายแพ้ ความตาย และความสิ้นหวัง ก่อนหน้าที่เป่ยหมิงอ๋องจะเข้าสู่สมรภูมิหนานเจียง เขาเคยเป็นผู้เปี่ยมด้วยเกียรติยศ ครอบครัวของเขาก็เจริญรุ่งเรืองเพราะเขา เขาเป็นวีรบุรุษของแคว้นซา ผู้คนในแคว้นเคารพยกย่องเขาเหนือสิ่งอื่นใด ทุกสิ่งที่เขาเคยได้รับมาจากหนานเจียง และบัดนี้ ทุกสิ่งของเขาก็ถูกหนานเจียงพรากไป เขาม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1462

    เสนาบดีมู่มีคำพูดอยู่บนริมฝีปาก แต่สุดท้ายก็กลืนมันลงไป เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาลังเล จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงจับพระทัยของเขาได้ จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสด้วยรอยแย้มพระโอษฐ์ “เป่ยหมิงอ๋องมีผลงานในการกู้คืนหนานเจียง อีกทั้งยังขับไล่ทัพแคว้นซา คลี่คลายวิกฤตของแผ่นดินซางได้ ถือเป็นความดีความชอบอันใหญ่หลวง ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็สมควรได้โอกาสแสดงฝีมือเช่นกัน ข้าเชื่อว่าเสด็จน้องเองก็คงเต็มใจจะให้โอกาสพวกเขา การเป็นแม่ทัพ ต้องรู้จักใช้คนให้เหมาะสม” เสนาบดีมู่รับคำ “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อพิจารณาโดยละเอียด การให้เป่ยหมิงอ๋องกลับเมืองหลวงโดยเร็วก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แม้หากให้เขาเป็นตัวแทนเจรจาสงบศึก จะสามารถเรียกร้องผลประโยชน์และค่าปรับจากแคว้นซาได้มากขึ้น แต่โรคภัยของจักรพรรดิ์ไม่รู้ว่าจะทรุดลงเมื่อใด เมืองหลวงยังจำเป็นต้องมีเป่ยหมิงอ๋องประจำอยู่เพื่อรักษาเสถียรภาพ หลังจากเสนาบดีมู่ถวายบังคมลาออกไป จักรพรรดิ์ซูชิงทรงเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตรัสกับอู๋ต้าปั้นว่า “ข้าเองก็หวังให้พวกเขาได้พบกันโดยเร็ว อย่างไรเสียก็จากกันไปหลายวันแล้ว” อู๋ต้าปั้นหลุบตาลง “ฝ่าบาททรงเมตตายิ่ง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1463

    จักรพรรดิ์ซูชิงเงยพระพักตร์มองเขา ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ ถูกสายลมหนาวและความโหดร้ายของสนามรบที่หนานเจียงขัดเกลาจนดูทรุดโทรมลง พระอุระคล้ายมีบางสิ่งอัดแน่นอยู่ รู้สึกอึดอัดจนหายใจลำบาก พระองค์ทรงรู้ดีว่าสงครามครั้งนี้ยากลำบากเพียงใด ทั้งความหนาวเย็นและความอดอยาก ล้วนเป็นสิ่งที่กัดกินจิตใจมนุษย์ แต่พวกเขาก็ยังฝ่าฟันมาได้ และคว้าชัยชนะอย่างงดงาม แต่ขณะที่เขากำลังเสี่ยงชีวิตอยู่แนวหน้า พระองค์กลับมีใจอื่นต่อซ่งซีซี จักรพรรดิ์ซูชิงรู้สึกผิด แต่สิ่งที่มาพร้อมกับความรู้สึกผิดก็คือความหวาดระแวง มันเหมือนตรึงแน่นอยู่ในพระทัย ไม่อาจสลัดออกไปได้ สิ่งนี้ทำให้พระองค์รู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง พระองค์เหมือนถูกพันธนาการด้วยความขัดแย้งในพระทัยเองอยู่เสมอ ในขณะที่รู้สึกสงสารและห่วงใยเขา แต่สิ่งที่ตรัสออกมากลับแฝงด้วยความรู้สึกอิจฉาและขุ่นเคือง "ศึกครั้งนี้ เกรงว่าทั้งขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊คงต้องยอมรับเจ้าแล้ว กระแสของประชาชนและความนิยมล้วนอยู่ที่เจ้า การลักลอบไปยังสนามรบของเจ้าครั้งนี้ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย...แต่เจ้าชนะ" ตรัสจบ พระองค์ก็แย้มพระโอษฐ์ "แน่นอน ข้าภูมิใจในตัวเจ้า" เมื่อได้ยินคำ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1464

    พวกเขาเพิ่งกลับมาถึงจวน ก็ได้ยินเสียงประทัดดังขึ้นกึกก้อง ทุกคนต่างกรูกันออกมา รายล้อมเซี่ยหลูโม่ ก่อนจะพาเขาเข้าไปข้างใน แม้แต่ลุงฟูและแม่นมฮวงจากจวนเสนาบดีกั๋วกงก็มา รุ่ยเอ่อร์ก็ถูกพาตัวออกจากวังมาด้วย เซี่ยหลูโม่ใช้สองแขนยกรุ่ยเอ่อร์ขึ้น วางให้นั่งบนไหล่ของเขา จากนั้นก็เดินเข้าไปในโถงกลางอย่างองอาจ รุ่ยเอ่อร์ดีใจจนแทบบ้า สองมือจับหน้าผากของเขาไว้ รอยยิ้มกว้างจนเกือบถึงหลังหู ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อเขา เมื่อเข้ามาในโถงกลาง เซี่ยหลูโม่จึงวางรุ่ยเอ่อร์ลง ก่อนจะถามเรื่องการเรียนของเขา ได้ยินว่าตอนนี้รุ่ยเอ่อร์เป็นคู่เรียนในวัง ได้รับคำชมจากไทเฮาและไทฟู่ เซี่ยหลูโม่ยกนิ้วโป้งให้หลายครั้ง ชื่นชมที่เขาขยันและพยายามอย่างมาก รุ่ยเอ่อร์เหลือบมองซ่งซีซี ดูมีท่าทางขวยเขินอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความสุข ซ่งซีซีมีรอยยิ้มพร่างพราวอยู่บนใบหน้า แต่ในดวงตากลับเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา สนมฮุ่ยไทเฟยเดิมทีตั้งใจรอให้ลูกชายมาคารวะและถวายบังคมในวัง แต่สุดท้ายก็ทนรอไม่ไหว ต้องออกมาพบหน้าเขาด้วยตนเอง เมื่อเห็นว่าเขาผอมลงมากเช่นนี้ หัวใจก็ปวดร้าว อาหารถูกยกขึ้นมาอย่างมากมาย สนมฮุ่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1465

    เมื่อเข้ามาในห้องด้านใน ม่านถูกปล่อยลง หมอมหัศจรรย์ดันก็กล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึมทันที "ห้ามมีความสัมพันธ์ทางกาย ห้ามเหลวไหล รู้หรือไม่?" ใบหูของเซี่ยหลูโม่แดงก่ำ กล่าวเสียงเบา "เรื่องนี้...ไม่น่าร้ายแรงถึงเพียงนั้น" ทว่าหมอมหัศจรรย์ดันยังคงเคร่งขรึม สีหน้าปฏิเสธข้อโต้แย้งใดๆ "ต้องห้ามโดยเด็ดขาด" หัวใจของซ่งซีซีพลันหนักอึ้งขึ้นมา นางรู้ว่าสถานการณ์อาจร้ายแรงยิ่งกว่าที่ตนคาดคิดไว้ หมอมหัศจรรย์ดันกล่าวต่อ "ด้านนอกมีคนมากมาย ต่างก็พูดกันไปต่างๆ นานา ข้าไม่แน่ใจว่าจะมีใครที่เชื่อถือไม่ได้หรือไม่ จึงไม่ได้บอกอะไรมากนัก อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี อีกทั้งร่างกายของเจ้าผ่านพ้นความเจ็บป่วยครั้งใหญ่ ความหนาวเย็นแทรกซึมเข้าสู่ห้าตับหกไส้ ส่งผลเสียอย่างมหาศาล หากมิใช่เพราะพลังภายในของเจ้ายังค้ำจุนไว้ เกรงว่าเจ้าคงไม่อาจรอดจากโรคร้ายนี้ แต่เพราะเจ้าไม่ควรใช้พลังภายใน ทว่ากลับต้องฝืนใช้จนได้ ทำให้พลังชีวิตของเจ้าเสียหายอย่างหนัก พลังภายในของเจ้าก็แทบจะหมดสิ้น หากเจ้าไม่บำรุงรักษาให้ดี วิชายุทธ์ทั้งร่างนี้คงสูญสิ้นไป อายุขัยของเจ้าก็อาจถูกลดทอนลง นี่ข้ากล่าวให้ง่ายเข้าไว้แล้วนะ" "ร้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1466

    หลังจากจัดการบาดแผลเรียบร้อยแล้ว ซ่งซีซีเป็นผู้ไปส่งหมอมหัศจรรย์ดันและศิษย์ของเขาด้วยตนเอง ระหว่างทาง หมอมหัศจรรย์ดันยังคงกำชับเบาๆ "จดจำไว้ให้ดี ห้ามใช้พลังภายในอีกเป็นอันขาด การต่อสู้ก็ไม่ได้ เขาบาดเจ็บที่ตันเถียน เดิมทีก็ฝืนใช้พลังภายในไปแล้ว ยังฝืนเดินทางกลับมาอย่างเร่งรีบทั้งที่บาดแผลยังไม่หายดี ตอนที่ข้าจับชีพจรให้ เขายังพยายามฝืนกักลมปราณปกป้องร่างกาย นี่เป็นเรื่องที่อันตรายถึงชีวิตจริงๆ ตอนนี้เขาเปราะบางราวกับเปลือกไข่ หากมีใครคิดปองร้ายเขาเวลานี้ คงเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง ดังนั้นต้องระมัดระวังให้ถึงที่สุด เข้าใจหรือไม่?" "อีกอย่าง เรื่องของเขา ยิ่งมีคนน้อยคนรู้ยิ่งดี สถานการณ์เช่นนี้ จิตใจมนุษย์ไว้ใจไม่ได้ที่สุด" ซ่งซีซีรู้ดีว่าท่านลุงดันเป็นคนรอบคอบ คำเตือนของเขาก็เพื่อตัวนางและสามี จะไม่ซาบซึ้งได้อย่างไร นางจึงรีบรับคำและให้คำมั่น ภายในจวน อาจารย์หยูสั่งให้ทุกคนแยกย้ายออกไป เพื่อให้ท่านอ๋องได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลังจากที่เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย และต้องรบในหิมะและความหนาวเย็นเป็นเวลานาน จนต้องดื่มน้ำหิมะทำให้กระเพาะและม้ามได้รับความเสียหาย เขาจำเป็นต้องพักผ่อนแล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1467

    เซี่ยหลูโม่กุมมือของซ่งซีซีไว้แน่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าไม่มีวันยอมรับพระชายารองหรืออนุภรรยา ข้าไม่มีใจให้ผู้ใดนอกจากเจ้า เจ้าต้องเชื่อใจข้าเสมอ" ซ่งซีซีจ้องมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน "แน่นอนว่าข้าย่อมเชื่อ มิฉะนั้นข้าคงไม่ปฏิเสธเรื่องนี้โดยเด็ดขาด" เขาดึงนางเข้ามาโอบกอด ทั้งสองพิงพาอิงแอบกัน ความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อกันทำให้พวกเขามั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อเรื่องราวใดๆ "อาการป่วยของฮ่องเต้ ได้ให้หมอมหัศจรรย์ดันตรวจหรือไม่?" เซี่ยหลูโม่ถาม ซ่งซีซีส่ายหน้าเบาๆ ในอ้อมแขนของเขา "ไม่เคย ฮ่องเต้ไม่เอ่ยปากเอง ย่อมไม่มีใครกล้ากล่าวแนะนำ ไทเฮาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้" เซี่ยหลูโม่ถอนหายใจเบาๆ "เขาดูแก่ลงไปสิบปี ตอนที่ข้าพบเขาครั้งแรก ข้ายังตกใจไม่น้อย" ซ่งซีซีพบจักรพรรดิซูชิงเป็นครั้งคราว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขาดูแก่ลงขนาดนั้น แต่ก็แน่นอนว่าเขาซูบซีดและอิดโรยไปมาก ดวงตาก็ขุ่นมัวลง ซ่งซีซีกล่าว "เจ้ากรมทั้งหกและข้าไม่มีใครแนะนำหมอมหัศจรรย์ดัน เพราะตอนที่เขาเสด็จออกจากวังมาที่จวนอ๋อง ได้กล่าวไว้ว่าจะไปหาหมอมหัศจรรย์ดันโดยส่วนตัว ดังนั้นเจ้ากรมทั้งหกจึงไม่คิดแนะนำซ้ำ แต่ที่ข้าแปลก

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1614

    สนมฮุ่ยไทเฟยย่อมมีฐานะมั่นคงเช่นนี้ หลายปีมานี้ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย รายรับกลับมากไม่น้อยเบี้ยหวัดจากในวัง ของกำนัลจากทุกบ้าน อีกทั้งบรรดาลูกหลานที่โตแล้วต่างก็สามารถตัดสินใจเองได้ บรรดาผู้ที่กตัญญูต่อท่านมีไม่น้อย โดยเฉพาะเสิ่นว่านจื่อ ยิ่งกตัญญูไม่ยั้งมือสำหรับหลานสาวคนเดียวนี้ ท่านไม่มีสิ่งใดที่เสียดายเลย คำพูดที่มักติดปากคือ เมื่อท่านสิ้นไป สมบัติทั้งปวงย่อมตกเป็นของหลานสาวบัดนี้เมื่อแม่ลูกสองคนไปถึงที่อยู่ของท่าน ท่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่เซี่ยเจิงจะไปภูเขาเหม่ยชานฝึกวรยุทธ์อีกครา"ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นดีเห็นงาม เพียงแต่การไปนานถึงเพียงนั้น ปีหนึ่งกลับมาได้ไม่กี่ครั้ง อนาคตยังบอกว่าจะออกไปผจญภัยอีก เด็กหญิงน้อยๆ เช่นนี้ จะไปฝ่าโลกภายนอกได้อย่างไร? ข้าขัดท่านพ่อของเจ้าไม่ไหว เขาเป็นคนไม่เข้าใจโลก พูดอะไรก็ไม่เคยพูดให้เข้าใจได้ ข้าก็ไม่มีทาง""ท่านยาย หลานไม่ใช่เด็กสาวบอบบางหรอกเจ้าค่ะ ท่านลองดูหมัดของหลานเถิด" เซี่ยเจิงชูหมัดขึ้น โบกไปมาอยู่ตรงหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย กล่าวอย่างภาคภูมิว่า "หมัดนี้ของหลาน แม้แต่หมูป่ายังต้องสลบเหมือด"สนมฮุ่ยไทเฟยทอดถอนใจ "บุตรีบ้านอื่น มือเอา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1613

    สองสามีภรรยาเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกอบอุ่นในใจ โดยเฉพาะซ่งซีซี ที่แต่เดิมรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนั้นเป็นการถูกบังคับ แต่ใครจะคาดคิดว่าจะได้พบกับความสุขเช่นวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดานักทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทางประตู ยังไม่ทันเห็นหน้าชัด ก็โผเข้ากอดเซี่ยหลูโม่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี "ท่านพ่อ ของขวัญพิธีปักปิ่นที่ท่านมอบให้ข้านั้น ข้าชอบมากนัก ขอบคุณท่านพ่อ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ยังคงซุกซนเช่นเดิมหรือ? โตเป็นสาวแล้ว ต้องสุขุมให้มากหน่อย"แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น ทว่าดวงตากลับเปี่ยมด้วยความเอ็นดู มือช่วยจัดปิ่นที่นางสวมในพิธีปักปิ่นให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยต่อว่า "เครื่องประดับหัวทับทิมแดงนั่นเจ้าไม่ชอบหรือ? ท่านแม่ของเจ้าตั้งใจเลือกให้นัก""ชอบเจ้าค่ะ ชอบทุกอย่างเลย" เซี่ยเจิงยิ้มจนตาหยี รักทุกสิ่งที่พ่อแม่มอบให้เซี่ยหลูโม่มองรอยยิ้มของบุตรสาวแล้วพลันรู้สึกเคลิ้มใจบุตรสาวยิ่งโต ยิ่งเหมือนซ่งซีซี ในวันแรกที่พบซ่งซีซีที่ภูเขาเหม่ยชาน นางก็ยิ้มเช่นนี้แต่หลังจากนั้น นางก็แทบไม่เคยยิ้มแบบนี้อีก ต่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status