Share

สตรีขี่ม้าออกศึก
สตรีขี่ม้าออกศึก
Автор: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย

บทที่ 1

Aвтор: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ในเรือนเหวินซี โคมไฟที่อยู่หน้าทางเดินส่องภาพกระดาษตัดบนโครงตาข่ายหน้าต่าง และสะท้อนมันลงบนผนังบ้านราวกับสัตว์ขนาดยักษ์อย่างไรอย่างนั้น

ซ่งซีซีนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่มีพนักพิง ประสานมือไว้ข้างหน้า ร่างเพรียวบางห่อด้วยเสื้อผ้าเรียบๆ นางมองไปที่คนอยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นสามีที่เพิ่งต่างงานของนาง ซึ่งนางรอคอยมานานหนึ่งปี

ชุดเกราะทหารที่ดูค่อนข้างเก่าของจ้านเป่ยว่างยังไม่ได้ถอด และเขาดูสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีความรู้สึกขอโทษแฝงไว้ "ซีซี ได้ออกพระราชกฤษฎีกาให้สมรสกันแล้ว ยี่ฝางจะต้องแต่งเข้ามาอย่างแน่นอน"

ซ่งซีซีประสานมือไว้หน้าลำตัว ดวงตาของนางมืดมัว นางถามอย่างสงสัย "ไทโฮ่วเคยกล่าวไว้ว่าแม่ทัพยี่ฝางเป็นแบบอย่างสำหรับผู้หญิงในใต้หล้า นางยอมที่จะเป็นอนุภรรยาหรือ? "

ดวงตาที่หนักอึ้งของจ้านเป่ยว่างฉายแววความไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย "ไม่ ไม่ใช่อนุภรรยา นางเป็นภรรยาเท่าเทียม ไม่ต่างจากเจ้า"

ซ่งซีซียังคงนิ่งเฉยและพูดว่า "ท่านแม่ทัพรู้ดีว่าภรรยาเท่าเทียมแค่ฟังดูดีเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วนางก็เป็นอนุภรรยาอยู่ดี"

จ้านเป่ยว่างขมวดคิ้ว "จะอนุอะไรกัน นางกับข้ามีใจให้กันในสนามรบและตกหลุมรักกัน อีกอย่างเราพระราชทานสมรสโดยอาศัยความสำเร็จทางการออกศึกของเรา การแต่งงานครั้งนี้เราใช้ชีวิตแลกมา อันที่จริงข้าไม่ต้องการขอความคิดเห็นจากเจ้า"

ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยที่มุมริมฝีปากของนาง "ตกหลุมรักกันงั้นเหรอ ท่านเคยพูดอะไรกับข้าก่อนออกศึก ท่านยังจำได้หรือไม่"

ปีที่แล้ว ในคืนวันแต่งงานของพวกเขา เขาได้นำกำลังเสริมออกศึก ก่อนเดินทาง เขาได้เอาผ้าคลุมหัวมงคลของนางออก และสัญญากับนางว่า "ข้า จ้านเป่ยว่างจะรักซีซีเพียงคนเดียวในชีวิตนี้ ย่อมไม่แต่งอนุเด็ดขาด!"

จ้านเป่ยว่างรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย และเบือนหน้าหนี "คำพูดแบบนี้ก็ลืมไปซะ ยามเวลาแต่งงานกับเจ้าข้ายังไม่รู้เรื่องความรักเท่าไร ข้าแค่คิดว่าเจ้าเหมาะสมที่จะเป็นภรรยาของข้า จนกระทั่งที่ข้าได้พบกับยี่ฝาง"

เขาพูดถึงคนรักในใจของเขา คิ้วของเขาก็ดูอ่อนโยน และมีความรักใคร่แอบแฝงอยู่ในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็หันไปหาซ่งซีซี "นางแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่ข้าเคยพบมา ข้ารักนางมาก และหวังว่าซีซีเติมเต็มความปรารถนาของข้า"

ซ่งซีซีเหมือนกับกลืนแมลงวันเข้าคอ นางรู้สึกอยากคลื่นไส้มาก แต่ก็ยังถามอย่างไม่ยอมว่า "ท่านพ่อกับท่านแม่เห็นด้วยหรือไม่?"

"พวกเขาเห็นพ้องกัน นี่คือพระราชทานสมรสที่ฝ่าบาทมอบให้ อีกอย่างยี่ฝางเป็นคนตรงไปตรงมาและน่ารัก เมื่อกี้นางเพิ่งไปเยี่ยมท่านแม่มา"

พวกเขาเห็นพ้องกันงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า น่าขันจริงๆ ความทุ่มเททั้งหมดในปีนี้ที่นางทำให้มันเสียเปล่าเลยเหรอ

ซ่งซีซีเลิกคิ้ว "นางอยู่ในจวนหรือ?"

เมื่อจ้านเป่ยว่างพูดถึงยี่ฝาง น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนมากเสมอ "นางกำลังพูดคุยกับท่านแม่อยู่ นางกล่อมให้ท่านแม่มีความสุขมาก ขนาดอาการของท่านแม่ก็ดีขึ้นไม่น้อยเลย"

"ดีขึ้นไม่น้อย?" ซ่งซีซีอธิบายไม่ถูกว่ายามนี้นางมีความรู้สึกอย่างไร "ตอนที่ท่านไปออกศึก อาการของนางก็ร้ายแรงมาก เป็นข้าที่ตามหาหมอมหัศจรรย์ดันมารักษานาง กลางวัน ข้าต้องจัดการกับเรื่องต่างๆ ในจวน เมื่อถึงกลางดึกข้าต้องไปดูแลนาง ข้ากินนอนกับนางด้วยกัน อาการของนางถึงดีขึ้นสักหน่อย"

นางไม่ได้ขอให้อีกฝ่ายชื่นชม นางแค่เล่าเรื่องเฉยๆ ประโยคง่ายๆ ประโยคนั้น มันเป็นการทุ่มเททั้งหมดของนางในปีที่ผ่านมา

"แต่บัดนี้ได้พบกับยี่ฝาง นางก็ดีขึ้นกว่าเดิมมากขึ้น" จ้านเป่ยว่างกล่าวด้วยสายตาจริงใจ "ข้ารู้ว่าเจ้าน้อยใจ แต่โปรดพิจารณาสถานการณ์โดยรวมและช่วยเติมเต็มความปรารถนาของข้ากับยี่ฝางด้วย"

ซ่งซีซีกระตุกมุมปากของนาง และดูเหมือนจะมีน้ำตาในดวงตา แต่หากมองดีๆ มันเป็นแสงบ่งบอกความมุ่งมั่น "งั้นได้โปรดเชิญแม่ทัพยี่เข้ามาพบข้า ข้ามีเรื่องอยากถามนางต่อหน้า"

จ้านเป่ยว่างปฏิเสธเด็ดขาด "ไม่ต้องถามอะไรกับนางเลย ซีซี นางแตกต่างจากผู้หญิงที่เจ้ารู้จัก นางเป็นแม่ทัพหญิง นางไม่สนใจเรื่องราวการแย่งชิงอำนาจในจวนหลังมาก นางคงไม่ต้องการพบเจ้า"

ซ่งซีซีถามกลับ "ผู้หญิงที่ข้ารู้จักเป็นแบบไหนกัน? หรือว่าในสายตาของท่าน ข้าเป็นคนแบบไหนกัน ท่านคงลืมไปแล้วว่าข้าก็เป็นลูกสาวของแม่ทัพจากจวนโหวด้วย ท่านพ่อและท่านพี่ชายหกคนของข้า สามปีที่แล้วเสียชีวิตในสนามรบเขตหนานเจียง…"

“นั่นมันพวกเขา” จ้านเป่ยว่างขัดจังหวะนาง "แต่ถึงยังไงแล้ว เจ้าเป็นสตรีที่บอบบางซึ่งแค่เหมาะที่จะเลี้ยงดูไว้ในจวนหรือในบ้านเท่านั้น ยี่ฝางดูหมิ่นสตรีแบบนี้ และนางก็ตรงไปตรงมา เป็นคนไม่ชอบคิดเล็กคิดน้อย ข้ากลัวว่าเมื่อนางพบเจ้า นางอาจจะพูดอะไรที่ทำให้เจ้าไม่พอใจได้ เหตุใดเจ้าต้องทำให้ตัวเองอับอายด้วยเล่า"

ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้น มีไฝใต้ตาของนางดูงามพอดี เสียงของนางยังคงอ่อนโยน "ไม่เป็นไร หากนางพูดอะไรที่ไม่น่าฟัง ข้าก็ถือซะว่าไม่ได้ยินก็ได้ โดยคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม และทำความเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปเป็นแนวทางปฏิบัติขั้นพื้นฐานที่สุดของฮูหยินทุกท่านอยู่แล้ว ท่านแม่ทัพจะไม่เชื่อใจข้าหรือ"
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Комментарии (78)
goodnovel comment avatar
Jureerat
เนื้อเรื้องดีคะ เพิ่งเริ่มอ่าน
goodnovel comment avatar
Chayaporn Soawapawong
อ่านต่อที่ไหน
goodnovel comment avatar
annalisa boyce
hmmmm hmmmmmmmmmm
ПРОСМОТР ВСЕХ КОММЕНТАРИЕВ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1663

    เนื่องจากเสิ่นว่านจือกับพวกพักอยู่ที่จวน ฮูหยินซ่งจึงไม่ได้ลงโทษลูกสาวหนักนัก ยอมให้นางพาเหล่าสหายออกไปเที่ยวชมเมืองหลวงปีนี้ พอใกล้ถึงสิ้นปี ทุกบ้านต่างก็ออกมาจับจ่ายของปีใหม่ ม้าศึกตัวหนึ่งวิ่งตรงจากประตูเมืองเข้าสู่เขตพระราชวัง พลทหารป่าวร้องเสียงดังลั่น“ข่าวดี! เป่ยหมิงอ๋องยึดหนานเจียงคืนได้แล้ว! เป่ยหมิงอ๋องยึดหนานเจียงคืนได้แล้ว!”ซ่งซีซีอุ้มม้วนผ้าไหมสองพับ ยืนอยู่หน้าร้านผ้า ได้ยินเสียงร้องตะโกนกับหูตัวเองนางจำได้ว่าหลังจากศิษย์น้องออกไปรบที่หนานเจียง ก็ตีเมืองได้อย่างต่อเนื่องสิบกว่าหัวเมือง ทว่าติดพันอยู่ที่เมืองอีลี่และซีเมิ่งอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งซีจิงเข้ามาแทรกแซง สถานการณ์จึงล่าช้าตามลำดับเวลา ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายน่าจะยังรบกันอยู่ เหตุใดยึดคืนได้หมดแล้ว?นางเชื่อว่าเขาจะชนะ และจะยึดหนานเจียงกลับคืนมาได้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้จริงดังคาด หากไม่มีซีจิงเข้ามาแทรกแซง การยึดหนานเจียงคืนก็เป็นไปอย่างราบรื่นนางกลับไปแจ้งข่าวให้มารดาทราบ พร้อมจัดสำรับสุราอาหารเซ่นไหว้บิดาและพี่ชาย การยึดหนานเจียงครั้งนี้ ก็มีบุญคุณของพวกเขาร่วมอยู่ด้วย พวกเขาเคยถ่ายทอดประสบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1662

    กลับถึงชายแดนเฉิงหลิง จ้านเป่ยว่างก็มีไข้สูง ตั้งแต่ระหว่างทางเขาก็แทบจะฝืนตัวไม่ไหว ความเจ็บปวดกัดกินจิตใจเขาจนถึงขั้นยามรู้สึกตัวก็ยังร้องขอให้หมั่นโถวใช้มีดปลิดชีพเสีย จะได้ไม่ต้องทนทรมานอีกหมอทหารเข้ามารับช่วงรักษา ล้างแผล ขูดเนื้อเน่าออก แน่นอนว่าเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะทนไหวอีกครั้งต่อจากนั้นเขาก็ซมไปหลายวัน กินได้แค่น้ำข้าวเล็กน้อย ร่างกายซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัดศพของยี่ฝางไม่ได้ส่งกลับเมืองหลวง แต่ถูกฝังไว้ที่ชายแดนเฉิงหลิง เรื่องคุณความดีหรือความผิดของนาง ผู้บัญชาการเซียวจะเป็นผู้เขียนกราบทูลฝ่าบาทซีจิงในที่สุดก็ถอยทัพไป เพราะไร้ซึ่งเสบียงสนับสนุน กองทัพที่ซูลันซือนำมาก็ถึงจะอยากรบ ก็รบต่อไม่ได้ตามรายงานของสายสืบ ซูลันจีก็กลับเข้ากองทัพแล้ว เดิมทีเขาทราบว่าองค์รัชทายาทซีจิงเสด็จมาชายแดน ระหว่างทางที่มุ่งไปตามหา กลับถูกซุ่มโจมตีจนบาดเจ็บ ซูลันซือจึงฉวยโอกาสลงมือและนี่ก็เป็นแผนของพรรคพวกซูลันซือมาแต่แรก หากไม่มีแผนรองรับอย่างแน่นหนา พวกเขาคงไม่ส่งกำลังพลมายังชายแดนเฉิงหลิงมากเพียงนี้ รวมถึงลักลอบส่งเสบียงสนับสนุนด้วยในครานี้ ซูลันซือบุกโจมตีอย่างรุนแรง ละเมิดดินแดนแค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1661

    ยี่ฝางบาดเจ็บสาหัส ขณะกุ้นเอ่อร์แบกนางอยู่ก็รู้สึกได้ว่านางแทบสิ้นลม พูดได้เพียงประโยคขาดห้วงอย่างยากเย็น “ช่วย…ข้า ข้าไม่อยากตาย…”เมื่อพวกเขากลับถึงกระท่อมร้าง ก็เร่งช่วยห้ามเลือดให้จ้านเป่ยว่างก่อน เพราะเขายังมีโอกาสรอดชีวิตทว่าสภาพของยี่ฝางนั้นย่ำแย่ เลือดไหลมากเกินไป แถมยังบาดเจ็บถึงอวัยวะภายใน การฝืนมาถึงตอนนี้นับเป็นปาฏิหาริย์ในดวงตานางเต็มไปด้วยแววสิ้นหวัง มือข้างหนึ่งยังคงพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายยึดแขนเสื้อของซ่งซีซีไว้แน่น ปากอยากจะร้องขอให้ช่วย ทว่ากลับไม่มีเสียงเอื้อนเอ่ย มีเพียงเลือดที่ไหลทะลักจากปากดวงตานางพร่าเลือนแล้ว แต่ยังคงพยายามมองหาใครบางคน ทุกคนต่างนึกว่านางกำลังมองหาจ้านเป่ยว่าง ทว่าในตอนนั้นหมั่นโถวกำลังช่วยจ้านเป่ยว่างห้ามเลือด เย็บบาดแผล และกดจุดบนบ่าซ้ายเพื่อไม่ให้เลือดไหลออกอีกซ่งซีซีตรวจดูบาดแผลของนาง พร้อมทั้งใช้ผงห้ามเลือด ทว่าก็ไร้ผลในที่สุดดวงตานางก็จับโฟกัสได้ มองไปที่เสิ่นว่านจือ ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและไม่ยินยอม ทว่าลมหายใจรวยรินจนเอ่ยคำใดไม่ออกซ่งซีซีรู้ว่านางอยากจะพูดอะไร จึงกล่าวขึ้นว่า “ข้าเคยบอกแล้ว ไม่มีใครมาช่วย มีเพียงพวกเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1660

    เฉินเฉินกับหมั่นโถวพาพวกเขาออกไปได้แล้ว ก็กลับมาช่วยซ่งซีซีหลบหนียี่ฝางหามิได้อยากมีชีวิต อยู่ดีๆ ยังจะลอบกลับมา หากไม่เกรงว่านางจะทำให้ซ่งซีซีหลบหนีไม่สำเร็จ พวกเขาก็คงไม่ย้อนกลับมาจ้านเป่ยว่างแบกยี่ฝางไว้ พลางวิ่งสะเปะสะปะดั่งแมลงวันไร้หัว ไร้ซึ่งท่วงท่าในการต่อสู้ ยี่ฝางร่วงลงกับพื้น ยังไม่ทันตั้งหลักดี ดาบของทหารก็ฟันลงมาที่ขาของนางเสียงกรีดร้องโหยหวนสะท้านทั่วฟ้าเหนือคลังเสบียง จ้านเป่ยว่างที่รับมืออย่างยากลำบากหันกลับไปมอง เพียงแวบเดียวใบหน้าก็ซีดเผือด ยี่ฝางถูกฟันเข้าที่ขาซ้าย เลือดทะลักไม่หยุด“พี่จ้าน ช่วยข้าด้วย…” ยี่ฝางร้องเรียกเสียงแหลม หน้าซีดขาวจนไร้สีเลือด ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บหรือเพราะกลัว ทั้งร่างสั่นระริกทหารเหล่านั้นดูท่าจะตั้งใจไว้ชีวิต จึงไม่ลงมือฆ่านางทันทีดาบเล่มหนึ่งจ่ออยู่ที่ลำคอของนาง มีคนลากนางลุกขึ้น ทหารที่โกรธเกรี้ยวพูดอะไรบางอย่างไม่ชัดถ้อย ก่อนจะมีคนถือเชือกเข้ามาจะมัดตัวนางในยามนั้นเอง พลทหารคนหนึ่งนำเหล่าทหารไม่กี่นายเดินตรงเข้ามา ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม แม้จะดูอ่อนล้าเพราะเดินทางมาไกล แต่ก็ยังไม่อาจบดบังอากัปกิริยาอันสูงศักดิ์ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1659

    ซ่งซีซีเห็นว่าทุกคนล้วนหลบหนีออกไปได้แล้ว จึงรอให้เพลิงลุกไหม้อีกครู่ ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาบินไปยังคลังเสบียงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไปร่วมดับไฟ แต่คลังเสบียงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง จึงยังมีทหารเฝ้าอยู่สิบกว่าคน พวกเขาเห็นซ่งซีซีในคราบชาวเขาก็จะเข้ามาตรวจสอบซ่งซีซีรีบยกถังน้ำมันขึ้น ร้องตะโกนเป็นภาษาซีจิงว่า “ดับไฟ ดับไฟ…”นางร้องตะโกนพลางวิ่งไปยังกองเพลิงด้านตะวันออก ทำทีว่ากำลังจะไปช่วยดับไฟขณะเดียวกัน ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงต่างก็รีบมาช่วยดับไฟ ซ่งซีซีที่วิ่งนำหน้ากลุ่มจึงดูไม่ผิดสังเกตนักบริเวณเพลิงไหม้วุ่นวายไปหมด บ้างใช้ผ้าหนาโบกดับไฟ บ้างหิ้วถังตักน้ำ บ้างใช้พลั่วตักทราย เรียกว่าทุกวิถีทางถูกนำมาใช้แต่เมื่อไม้ติดไฟแล้ว เพลิงก็รุนแรงเกินไป หากจะสกัดไม่ให้ไฟลามไปยังคลังเสบียง คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักซ่งซีซีถือถังน้ำมันวิ่งวนอยู่รอบหนึ่ง แล้วฉวยจังหวะหลบพวกทหาร แอบเข้าไปในคลังเสบียงข้าวสารถูกบรรจุใส่กระสอบป่านวางซ้อนกันจนเต็มเกือบล้นคลัง เห็นได้ชัดว่าซูลันซือตั้งใจจะบุกตีด่านเฉิงหลิงให้แตกซ่งซีซีสาดน้ำมันใส่ แล้วจุดไฟโยนไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง มีคนตะโกนว่า “

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1658

    ยี่ฝางไม่กล้ารับคำของซ่งซีซี ได้แต่กลืนความไม่พอใจลงคอ แล้วหันไปพูดกับจ้านเป่ยว่างว่า “พี่จ้าน ข้าไปกับท่านก็แล้วกัน”จ้านเป่ยว่างเหลือบตามองซ่งซีซีแวบหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย แล้วกล่าวว่า “เราฟังคำสั่งก็พอ จะได้ผลงานหรือไม่ก็ไม่สำคัญ สำคัญคือต้องทำภารกิจให้สำเร็จ แล้วกลับไปให้รอด”เขาย่อมไม่เชื่อว่าซ่งซีซีจะเข้าไปในคลังเสบียงเพียงคนเดียว เพราะเมื่อไม้รอบคลังถูกจุดไฟเผา คลังเสบียงย่อมกลายเป็นสถานที่อันตรายที่สุด แล้วยังจะต้องจุดไฟข้างในอีก ท่ามกลางเปลวเพลิง นางจะหนีออกมาได้อย่างไร?ฉะนั้นเขาคาดว่า ขณะที่พวกเขากำลังจุดไฟอยู่ด้านนอก ก็ต้องมีคนที่แอบซ่อนตัวอยู่ในคลังเสบียงจุดไฟไว้แล้ว ซ่งซีซีเพียงแค่ทำทีเป็นคนลงมือเท่านั้นแรกเริ่ม จ้านเป่ยว่างรู้สึกไม่ยุติธรรมในใจนัก ยิ่งรู้สึกว่าระบบขุนนางเป็นสิ่งน่าเศร้า ตระกูลขุนนางใหญ่ผลัดกันส่งต่ออำนาจ รุ่นแล้วรุ่นเล่า ขอเพียงบรรพชนมีผลงาน ก็สามารถไต่เต้าขึ้นไปได้โดยง่าย หรือมีโอกาสสร้างชื่อเสียง สืบทอดเกียรติภูมิของตระกูลต่อไปแต่คิดอีกที บิดาของเขาเองก็ไม่มีความสามารถนัก หากไม่ใช่เพราะท่านปู่มีผลงานในสนามรบ บิดาก็คงไม่ได้เป็นขุนนางด้วยซ้ำ อย่าว่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status