Share

บทที่ 387

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ทันใดนั้นดวงตาของเสิ่นว่านจือกลับเต็มไปด้วยน้ำตา นางพิงไหล่ของซ่งซีซี และสะอื้นว่า "ข้าเคยคิดอย่างไรมาก่อนล่ะ ข้าหวังว่านักวิชาการคนนั้นจะปฏิบัติต่อนางอย่างไม่ดีและนางจะเสียใจ จากนั้นหลังจากนักวิชาการคนนั้นได้ทนทุกข์ทรมานในโลกนี้แล้ว ก็รู้สึกเสียใจด้วย พวกเขากลายเป็นศัตรูกันและสาปแช่งกัน"

ซ่งซีซีลูบไหล่ของนาง "เจ้าไม่ใช่คนเลวทรามขนาดนั้น"

"ข้าคิดแบบนี้จริงๆ ข้าเลวทราม แต่แค่เจ้าไม่รู้" ดวงตาของเสิ่นว่านจือว่างเปล่า "ตอนนี้นอกจากข้าแล้ว คนที่บ้านล้วนไม่ชอบพวกเขา แม้แต่คนใช้เก่าในจวน ก็ยังแอบด่าพวกเขาว่าเป็นคนนำโชคร้ายให้ที่บ้าน"

"แล้วทำไมพวกเขาถึงกลับมาล่ะ"

เสิ่นว่านจือกล่าวว่า "สุขภาพของท่านย่าแย่ลง ท่านอาข้าเลลยอยากกลับไปพบนางสักครั้ง บางทีอาจจะคิดถึงคนในครอบครัว เลยเช่าบ้านพักแถวบ้าน วันเว้นวันก็จะมาคุกเข่าที่หน้าประตู โดยคิดว่าพอเวลาผ่านไปนานๆ แล้ว ท่านย่าจะยอมพบนางสักครั้ง ทว่าท่านปู่ท่านย่าจะยอมเจอนางได้ยังไง ยิ่งไม่มีทางให้นางเหยียบเข้าไปประตูตระกูลเสิ่นแม้แต่ก้าวเดียว ไม่เช่นนั้นมันจะยากที่จะสงบสติอารมณ์โกรธของคนอื่นๆ ในตระกูล"

ซ่งซีซีคิดว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ สตรีของตระกูลเสิ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Tiwapon Prasertsarn
มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทำไมข้างจึงไม่รู้
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 388

    เนื่องจากการแต่งงานของซ่งซีซี เสิ่นว่านจือจึงกลับบ้านครั้งหนึ่งเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวของนาง และสถาบันชื่อเยียนมอบของขวัญงานแต่งงานเป็นสินเดิมให้ซ่งซีซีแม้ว่าเป็นเรื่องเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทว่าหากอ๋องเยี่ยนไปสู่ขอ ต้องเดินทางจากเยี่ยนโจวไปตระกูลเสิ่นที่เมืองเจียงหนาน ตามระยะทาง งั้นก็คือเวลาไม่นานหลังจากที่นางกลับจากตระกูลเสิ่นไปยังสถาบันชื่อเยียนนี่ อ๋องเยี่ยนก็ไปขอนางแต่งงานเหรอ?ส่วนตระกูลเสิ่นส่งคนไปจัดสินเดิมให้ซีซี ก็น่าจะเป็นเวลาหลังจากที่นางกลับสถาบันชื่อเยียนไม่กี่วันก็ไปเมืองหลวงจิงแล้ว ดังนั้นตอนรวมตัวกับคนของตระกูลเสิ่นที่เมืองหลวงนั้น พวกเขาน่าจะยังไม่รู้เรื่องนี้เสิ่นว่านจือระเบิดอารมณ์ทันที "อ๋องเยี่ยนนี่ไม่รู้จักละอายใจบ้างหรือไง เขาอยุเท่าไรแล้ว ยังกล้ามาสู่ขอข้า จดหมายหย่าส่งมาตอนไหน อาจไม่แน่เขาไปสู่ขอก่อนแล้วค่อยส่งจดหมายหย่ามา ไอ้แก่ไม่ตายนี่ ข้าจะฆ่าเขา"อาจเป็นเพราะเอาแต่พูดถึงอ๋องเยี่ยนๆ พระชายาอ๋องเยี่ยนจึงหลั่งน้ำตา และดวงตาที่หมองคล้ำของนางก็เพ่งความสนใจไปที่ซ่งซีซีอย่างตั้งใจในที่สุดนางจำได้แล้วนางร้องไห้ออกมาด้วยการสะอื้น และร้องไห้อย่างหนักในทันท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 389

    ด้วยกลัวว่านางจะรู้สึกกระวนกระวายใจอีกครั้ง ชิงเชวี่ยจึงฝังเข็นให้นางอีกครั้ง และให้นางนอนหลับสบายก่อน จากนั้นจึงสั่งยาบรรเทาอาการ ซึ่งต้องกินในช่วงเวลาสองวันนี้เสิ่นว่านจืออ่านจดหมายหย่านั้น แล้วทุบโต๊ะให้พังแล้วด้วยแม่นางจากสำนักแม่ชีชิงมู่มาส่งอาหารเจให้ ชิงเชวี่ยสั่งให้คนไปรับมา และไปกินที่ลานด้านข้างได้รู้จากชิงเชวี่ยว่าเจ้าอาวาสสำนักแม่ชีชิงมู่เป็นคนใจดีและเห็นใจกับพระชายาอ๋องเยี่ยนมากส่วนแม่ชีคนอื่นๆ จะไม่มารบกวนนาง และของกินของใช้ไม่ได้ขาดแคลนนาง เพียงแต่กินเนื้อสัตว์ไม่ได้"ด้วยร่างกายของท่านป้า แม้แต่แกงเนื้อสัตว์ยังไม่ได้กิน มันจะได้ยังไง" ซ่งซีซีถามอย่างเป็นกังวล"แม้ว่าจะให้นางกิน นางก็กินไม่ลง" ชิงเชวี่ยส่ายหัว นางสวมเสื้อผ้าหยาบ คลึมเสื้อกันหนาวหนาๆ เอาไว้ "เดิมทีอยู่จวนอ๋องก็ไม่ค่อยได้กินแกงแล้ว แม้แต่ดมกลิ่นเนื้อสัตว์ก็ไม่ไหว นางเพื่อเรื่องบางเรื่อง ได้กินเจมานานแล้ว"ข่าวที่นางได้ยินมาจากชิงเชวี่ย เหมือนกับที่เสิ่นว่านจือบอกนาง เกือบทั้งหมดท่านป้ามีลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวสองคน ลูกชายไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของนาง เลี้ยงดูเขามาอย่างดีแต่ตอนนี้ก็แค่เป็นคนธรรมดา ไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 390

    ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นแล้วถามชิงเชวี่ยว่า "อาการป่วยของท่านป้าข้ายังมีวิธีอื่นไหม สามารถชวนอาจารย์ของเจ้ามาด้วยได้ไหม"ชิงเชวี่ยกล่าวว่า"อาจารย์เคยมามานานแล้ว แต่แค่ไม่ได้บอกคุณหนู อาจารย์บอกว่า นางก็แค่อยู่แบบฆ่าเวลา ไม่รู้จะอยู่ต่ออีกนานแค่ไหน หากหยุดกินยา คงภายในวันสองวันแหละ"ซ่งซีซีเงยหน้าขึ้นมาทันที "หยุดกินยาไม่ได้"ชิงเชวี่ยพูดอย่างจนใจ "แม้ว่าไม่ได้หยุด ถึงสามารถผ่านสิ้นนี้นี้ได้ ก็อาจจะไม่รอดถึงวันที่สิบห้าเดือนหน้าหรอก"ซ่งซีซีหลั่งน้ำตาออกมา นางไม่รู้จริงๆ ว่าท่านป้าของนางจะป่วยหนักขนาดนี้ และหมอมหัศจรรย์ดันก็ไม่ได้บอกนาง หงเชวี่ยมักจะอยากพูดอะไรแต่ก็เงียบตลอด นางน่าจะเดาได้นานแล้ว"ตอนนี้เรากำลังฝังเข็นให้ เพื่อให้นางเจ็บปวดน้อยลง อย่างน้อยเมื่อถึงวันนั้นจริงๆ นางก็จะไม่ได้จากไปอย่างเจ็บปวดมาก" ชิงเชวี่ยปลอบใจนางแบบนี้ในฐานะแพทย์ นางเคยเห็นผู้ป่วยจำนวนมากเสียชีวิต แต่สำหรับพระชายาอ๋องเยี่ยน นางก็รู้สึกเสียใจมากรู้สึกทุกข์ใจมากกว่าคนๆ หนึ่งต้องโชคร้ายขนาดไหนที่ถูกสามีและลูกสาวตนเองรังเกียจและทอดทิ้ง ครอบครัวพ่อแม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ อยู่สถานที่ห่างไกลมาก ในฤดูหนาวจัดเช่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 391

    "ฮิฮิ ข้าอยากจะแอบบุกเข้าไปในจวนอ๋อง และฆ่าอ๋องเยี่ยนให้จบๆ ไปเลย" เสิ่นว่านจือพูดคนนี้ออกมาหลังจากพลิกตัวไปมาหลายรอบ"อย่าโง่ไปเลย ทำร้ายเชื้อพระวงศ์เจ้าอยากให้ทั้งครอบครัวของเจ้าตายเป็นเพื่อนเจ้าหรือไง" ซ่งซีซีหันไปมองนาง "เจ้ากังวลว่าครอบครัวของเจ้าจะยอมรับการแต่งงานครั้งนี้?"เสิ่นว่านจือวางมือไว้ด้านหลังศีรษะ "ข้าไม่รู้ แต่ท่านพ่อย่อมไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน ท่านปู่มักจะตามใจข้าอยู่เสมอ ดังนั้นข้าเชื่อว่าเขาจะไม่เห็นด้วยเช่นกัน แต่ตระกูลเสิ่นต้องการมีโอกาสเกี่ยวดองกับตระกูลชั้นสูงสักครั้งเพื่อกู้ชื่อเสียงกลับมา ก็กลัวว่าคนในตระกูลอื่นๆ จะให้ความกดดันจนบีบบังคับให้ท่านพ่อและท่านปู่ต้องยอมรับการแต่งงานนี้""ต่อให้ตอบตกลงแล้ว เจ้าก็จะไม่แต่งอยู่ดี""ใช่ ข้าจะไม่แต่ง" น้ำเสียงของเสิ่นว่านจือเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ "แต่ในเมื่อตอบตกลงการแต่งงานนี้ ถ้าข้าไม่แต่ง ก็ต้องมีสตรีอื่นในตระกูลที่ต้องมาแต่งแทน จะให้คนอื่นมาเสียสละเพื่อข้า ข้าทำไม่ลงคอ โดยเฉพาะเป็นพี่น้องในตระกูลของข้าด้วย"นางกังวลใจมาก และอยากกลับบ้านของตระกูลเสิ่นนทีเลย"เจ้าจะกลับไหม" ซ่งซีซีถาม"อยากกลับ แต่ข้าจะไม่กล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 392

    ในช่วงสิบห้าวันนี้ ฮ่องเต้จะเสด็จไปศาลเจ้าจี้เทียนด้วยตนเองและจะไปที่ประตูเมืองเพื่อรับชมดอกไม้ไฟพร้อมกับประชาชนกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนจำเป็นต้องเตรียมการตั้งแต่เนิ่นๆ และเร่งงานให้กระทรวงโยธาธิการสร้างเวทีสูงด้านนอกหอคอยเพื่อให้ฮ่องเต้และบุคคลสำคัญของราชสำนักได้ชมดอกไม้ไฟหลังจากเยี่ยมพระชายาอ๋องเยี่ยนแล้ว ซ่งซีซีก็คุยกับเขาที่กระท่อมด้านนอกกุ้นเอ๋อร์พักอยู่ที่นี่มาหนึ่งคืน แต่ชุดเครื่องนอนก็ถูดจัดอย่างระเบียบเรียบร้อย แม้ว่าโต๊ะและเก้าอี้จะเก่า แต่ก็ถูกทำความสะอาดอย่างสะอาดเลยซ่งซีซีเล่าสถานการณ์ของจวนอ๋องเยี่ยนให้เขาฟัง และเมื่อได้ยินว่าอ๋องเยี่ยนจะหย่ากับพระชายา เซี่ยหลูโม่ก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน"นี่ก็เหลวไหลเกินไป ไร้บุตรชาย ขี้อิจฉา มีข้อใดที่จะทำให้คนนอกยอมเชื่อล่ะ?""ยังยังก็หาข้อกล่าวหาให้คนเชื่อถือได้ เช่นโรคร้ายแรง" ซ่งซีซีระงับความอึดอัดใจในใจ และไม่สามารถระบายออกมาได้สักที"ยังอยากแต่งงานกับเสิ่นว่านจือ เสด็จอาคิดอะไรอยู่?" เซี่ยหลูโม่ขมวดคิ้ว และเขาเป็นคนเฉลียวฉลาดมาโดยตลอด เรื่องบางเรื่องแค่ใช้สมองคิดสักหน่อยก็เข้าใจในทันที แ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 393

    พระชายาอ๋องเยี่ยนคว้าข้อมือของนางอย่างแรง แล้วมองออกไปข้างนอก นางหายใจแรงแต่ก็พยายามให้เสียงเบาลง "ฟังป้านะ เขาไม่ใช่คนดีอะไร เขาสมรู้ร่วมคิดกับองค์หญิงใหญ่"ซ่งซีซีตระหนก "อะไรนะ"นางรีบให้ทุกคนออกไป และขอให้เสิ่นว่านจือเฝ้าประตู"ท่านป้า ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร"ศีรษะของพระชายาอ๋องเยี่ยนนอนลง และเสียงของนางก็เต็มไปด้วยความกลัวและความเยือกเย็น "ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เขาได้คัดเลือกทหารและซื้อม้าในเมืองเยี่ยนโจวอย่างลับๆ โดยใช้เงินขององค์หญิงใหญ่และชายารองจิน และพวกทหารกับม้าเหล่านี้ถูกซ่อนไว้ในอำเภอหยง"ซ่งซีซีรู้จักอำเภอหยง นั่นเป็นดินที่ฮ่องเต้พระราชทานแก่องค์หญิงใหญ่ และเป็นสินเดิมที่จักรพรรดิองค์ก่อนพระราชทานนาง"อย่าไปมีเรื่องกับเขา อย่าเป็นศัตรูกับเขา เขาไม่ง่ายอย่างที่คนนอกคิด" ลมหายใจของพระชายาอ๋องเยี่ยนเบาลง บางทีอาจจะเป็นเพราะพบกับความลับนี้ นางกลัวเหลือเกิน"ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาสร้างเรื่องรักใคร่อนุภรรยาและทอดทิ้งภรรยาเอก เจ้าคิดว่าเขารักใคร่ชายารองจินจริงๆ หรือ? มันเป็นเพียงการสร้างชื่อเสียงที่ไม่ดีเพื่อลวงตาฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็เท่านั้น"เมื่อได้ยินอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 394

    เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวง ก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้วปีใหม่เป็นเทศกาลที่มีความสุขที่สุดและเป็นวันที่รอคอยมากที่สุดแห่งปีสำหรับประชาชน ตามท้องถนนและตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริง ทุกครัวเรือนได้ติดคำอวยพรกลอนคู่ไว้ที่ผนัง กำลังเตรียมจะจุดประทัดเพื่อปัดเป่าสัตว์ร้ายปีใหม่ในวันแห่งครอบครัวอย่างมีความสุขของทุกคนนั้น ท่านป้าก็สิ้นลมอย่างเงียบๆ การตายของนาง ไม่แม้แต่มีผลใดๆ ต่อจวนอ๋องเยี่ยนเลยเพราะท่านอ๋องเยี่ยนพาครอบครัวของเขามาถึงเมืองหลวงแล้ว บางทีอ๋องเยี่ยนอาจยังไม่รู้เรื่องก็ได้ทันทีที่ซ่งซีซีเข้าบ้าน นางก็ได้ยินว่าครอบครัวของอ๋องเยี่ยนมาเยี่ยม สนมฮุ่ยไทเฟยกำลังต้อนรับพวกเขาอยู่ทันทีที่เสิ่นว่านจือมอบแส้ม้าให้ผู้คนดูแลม้า ก็ได้ยินข่าวนี้ นางกำหมัดแน่น อยากจะวิ่งเข้าไปข้างในเพื่อซัดอ๋องเยี่ยนยกใหญ่อย่างรุนแรงเซี่ยหลูโม่ขมวดคิ้ว "ตอนที่ข้าออกจากจวนนั้น พวกเขายังไม่ถึงเมืองหลวง เห็นๆ อยู่ว่าเพิ่งถึงเมืองหลวง แทนที่จะเข้าวังเพื่อไปเข้าเฝ้าไทเฮา กลับมาจวนเป่ยหมิงอ๋องเพื่อเยี่ยมหลานชายอย่างข้า ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเสด็จอาของข้าคนนี้ต่ำเกินไปในอดีตสินะ"ซ่งซีซีทำหน้าไร้อารมณ์

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 395

    ทันทีที่คำว่าสำนักแม่ชีชิงมู่ออกมา สีหน้าของสมาชิกทั้งเจ็ดคนในครอบครัวอ๋องเยี่ยนก็เปลี่ยนไปในทันทีทันที่ที่คุณชายใหญ่เซี่ยหรูหลิงกำลังจะนั่งลง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ถามว่า "สำนักแม่ชีชิงมู่ งั้นท่านพี่รู้ไหมว่าอาการของเสด็จแม่ของข้าเป็นยังไงบ้าง""ไม่ยังไง!" ซ่งซีซีมองไปที่เซี่ยหรูหลิง "ถ้าเจ้าห่วงใยนาง ทำไมไม่ไปเยี่ยมเองล่ะ"เซี่ยหรูหลิงเหลือบมองอ๋องเยี่ยนแวบหนึ่ง อ๋องเยี่ยนมีสีหน้าเย็นชา แต่ไม่ได้พูดอะไร"น้อง...น้องอยู่ในสถานบันศึกษา ไม่มีเวลาไป" เขาตอบอย่างตะกุกตะกัก"จริงเหรอ? มีคนมากมายในจวนอ๋องเยี่ยนต่างก็ไม่มีเวลาเหรอ แค่ส่งสาวใช้เพียงสองคนไปรับใช้ ถ้าไม่ใช่เพราะจวี๋ชุนและชิงเชวี่ยที่เป็นลูกศิษย์ของหมอมหัศจรรย์ดันอยู่ด้วย นางจะมีชีวิตอยู่ในสำนักแม่ชีชิงมู่ได้กี่วันกัน?"เดิมทีเสี้ยวจู่อวี้หยินก็ดูถูกพี่สะใภ้ที่เคยหย่ามาก่อนอยู่แล้ว เมื่อได้ยินนางพูดแบบนี้ ก็ทำหน้าไม่พอใจ "ข้ากลับไม่รู้ว่าพี่สะใภ้ของข้ามีงานอดิเรกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านสินะ"ดวงตาของซ่งซีซีราวกับมีดคมฟันที่ใบหน้าของเสี้ยนจู่อวี้หยิน "ข้าก็ไม่รู้ว่ามีลูกสาวที่อกตัญญูเช่นนี้ในโลกนี้""เจ้า!" ดวงตาของเสี้ยนจู่

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1614

    สนมฮุ่ยไทเฟยย่อมมีฐานะมั่นคงเช่นนี้ หลายปีมานี้ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย รายรับกลับมากไม่น้อยเบี้ยหวัดจากในวัง ของกำนัลจากทุกบ้าน อีกทั้งบรรดาลูกหลานที่โตแล้วต่างก็สามารถตัดสินใจเองได้ บรรดาผู้ที่กตัญญูต่อท่านมีไม่น้อย โดยเฉพาะเสิ่นว่านจื่อ ยิ่งกตัญญูไม่ยั้งมือสำหรับหลานสาวคนเดียวนี้ ท่านไม่มีสิ่งใดที่เสียดายเลย คำพูดที่มักติดปากคือ เมื่อท่านสิ้นไป สมบัติทั้งปวงย่อมตกเป็นของหลานสาวบัดนี้เมื่อแม่ลูกสองคนไปถึงที่อยู่ของท่าน ท่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่เซี่ยเจิงจะไปภูเขาเหม่ยชานฝึกวรยุทธ์อีกครา"ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นดีเห็นงาม เพียงแต่การไปนานถึงเพียงนั้น ปีหนึ่งกลับมาได้ไม่กี่ครั้ง อนาคตยังบอกว่าจะออกไปผจญภัยอีก เด็กหญิงน้อยๆ เช่นนี้ จะไปฝ่าโลกภายนอกได้อย่างไร? ข้าขัดท่านพ่อของเจ้าไม่ไหว เขาเป็นคนไม่เข้าใจโลก พูดอะไรก็ไม่เคยพูดให้เข้าใจได้ ข้าก็ไม่มีทาง""ท่านยาย หลานไม่ใช่เด็กสาวบอบบางหรอกเจ้าค่ะ ท่านลองดูหมัดของหลานเถิด" เซี่ยเจิงชูหมัดขึ้น โบกไปมาอยู่ตรงหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย กล่าวอย่างภาคภูมิว่า "หมัดนี้ของหลาน แม้แต่หมูป่ายังต้องสลบเหมือด"สนมฮุ่ยไทเฟยทอดถอนใจ "บุตรีบ้านอื่น มือเอา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1613

    สองสามีภรรยาเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกอบอุ่นในใจ โดยเฉพาะซ่งซีซี ที่แต่เดิมรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนั้นเป็นการถูกบังคับ แต่ใครจะคาดคิดว่าจะได้พบกับความสุขเช่นวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดานักทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทางประตู ยังไม่ทันเห็นหน้าชัด ก็โผเข้ากอดเซี่ยหลูโม่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี "ท่านพ่อ ของขวัญพิธีปักปิ่นที่ท่านมอบให้ข้านั้น ข้าชอบมากนัก ขอบคุณท่านพ่อ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ยังคงซุกซนเช่นเดิมหรือ? โตเป็นสาวแล้ว ต้องสุขุมให้มากหน่อย"แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น ทว่าดวงตากลับเปี่ยมด้วยความเอ็นดู มือช่วยจัดปิ่นที่นางสวมในพิธีปักปิ่นให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยต่อว่า "เครื่องประดับหัวทับทิมแดงนั่นเจ้าไม่ชอบหรือ? ท่านแม่ของเจ้าตั้งใจเลือกให้นัก""ชอบเจ้าค่ะ ชอบทุกอย่างเลย" เซี่ยเจิงยิ้มจนตาหยี รักทุกสิ่งที่พ่อแม่มอบให้เซี่ยหลูโม่มองรอยยิ้มของบุตรสาวแล้วพลันรู้สึกเคลิ้มใจบุตรสาวยิ่งโต ยิ่งเหมือนซ่งซีซี ในวันแรกที่พบซ่งซีซีที่ภูเขาเหม่ยชาน นางก็ยิ้มเช่นนี้แต่หลังจากนั้น นางก็แทบไม่เคยยิ้มแบบนี้อีก ต่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status