“ไม่เป็นอันใดมากก็ดีแล้ว ต่อจากนี้เจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีๆ อย่าไปเดินใกล้น้ำอีก เข้าใจไหม” หลินฮูหยินเอ่ยออกมาอย่างมีเมตตา
“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ลูกขอขอบพระคุณในความกรุณาของท่านพ่อกับแม่ใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ” อมิตาในร่างหลินซูเหมยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
หลินฮูหยินไม่เคยถือสาหาความกับเด็กสาวเพราะนางป่วยมาตั้งแต่เด็กๆ การที่นางไม่ได้ไปคารวะตนเองที่เรือนใหญ่ในทุกๆ เช้าก็เป็นเพราะนางป่วยกระออดกระแอดมาตั้งแต่เกิด นับได้ว่าเป็นบุตรีในจวนที่มีชะตาชีวิตน่าสงสารที่สุด
“เช่นนั้น เจ้าพักผ่อนเถอะเหมยเอ๋อ พ่อกับแม่ใหญ่กลับเรือนก่อนล่ะ หากรู้สึกไม่ดีหรือไม่สบายตรงไหนเจ้าให้คนไปตามท่านหมอหวงมาดูอาการลูกห้าด้วยนะซูฉี” เจ้ากรมการกลาโหมบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่จะหันไปสั่งอนุภรรยาของตน
“เจ้าค่ะท่านพี่” อนุซูฉีตอบสามีก่อนที่เธอจะคำนับส่งเขาและหลินฮูหยิน
“พี่กลับเรือนก่อนหนา หากเจ้ารู้สึกดีขึ้นก็ไปหาพี่ที่เรือนได้ อีกไม่นานพี่ก็จะออกเรือนแล้ว”
คุณหนูรองบอกน้องสาวต่างมารดา อมิตาดูพี่สาวผู้นี้น่าจะเป็นคนดีมีเมตตากับหลินซูเหมยอีกคน เธอจึงยิ้มออกมาแล้วตอบกลับไปอย่างนอบน้อม แต่น่าเสียดายที่อีกไม่นานพี่สาวผู้นี้กำลังจะแต่งงานออกเรือนไปกับบุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมยุติธรรม
“เจ้าค่ะพี่หญิงรอง รอน้องรู้สึกดีขึ้น น้องจะไปหาท่านพี่ที่เรือนนะเจ้าคะ” หลินเยว่หรูส่งยิ้มให้กับน้องสาวก่อนที่นางจะเดินกลับเรือนตามท่านพ่อและหลินฮูหยินไป
“ท่านแม่… ลูกอยากอาบน้ำเจ้าค่ะ”
เสียงที่เริ่มมีชีวิตชีวาของคนตัวเล็กเอ่ยดังออกมา อมิตาต้องทำให้ร่างกายนี้สดชื่น จากนั้นเธอจะเริ่มต้นออกกำลังด้วยวิธีการง่ายๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตในชาติภพนี้ ศิลปะป้องกันตัวจากชาติภพก่อน เธอจะค่อยๆ
“อ้าว… เสี่ยวเอ๋อ ไปเตรียมน้ำใส่ถังให้คุณหนูเจ้าอาบเร็วเข้า” อนุซูฉีรีบสั่งเด็กรับใช้ของบุตรสาว
“เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย” เสี่ยวเอ๋อเอ่ยออกมาก่อนที่จะรีบเดินออกไปจากห้องนอนของคุณหนูห้าของนาง แล้วรีบไปเตรียมน้ำใส่ถังมาให้นางอาบทันที
“ท่านแม่…. ท่านไม่ต้องเป็นห่วงลูกหรอกนะเจ้าคะ ลูกอาบน้ำสักหน่อยก็คงจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว”
เมื่อบุตรสาวเอ่ยเช่นนั้นออกมาพร้อมกับหน้าตาที่ดูแจ่มใสมากขึ้นกว่าเดิมอนุซูฉีจึงกลับไปนั่งเย็บผ้าตามเดิม แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปสั่งให้เสี่ยวเอ๋อดูแลคุณหนูห้าของนางให้ดีๆ
“คุณหนู… น้ำเตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเอ๋อรีบเข้ามาช่วยประคองร่างบางแล้วพาคุณหนูสาวไปแช่น้ำอยู่ในถังที่เตรียมไว้ อมิตานั่งแช่น้ำหลับตาพริ้ม น้ำอุ่นในถังทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
‘ชีวิตใหม่ของหลินซูเหมยเริ่มต้นขึ้นแล้ว ใครเคยทำอะไรกับเธอไว้ ฉันจะเอาคืนให้เธออย่างแน่นอน’
อมิตาคิดในใจ จากนี้ไป ณ ที่แห่งนี้ ภพภูมินี้จะมีเพียงหลินซูเหมย หรือ คุณหนูห้าผู้แข็งแกร่งเท่านั้น จะไม่มีหลินซูเหมยผู้อ่อนแอเช่นในอดีตอีกแล้ว
หลังจากอาบน้ำเสร็จร่างบางที่สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว นางจึงร่ำร้องจะออกไปเดินออกกำลังที่สวนดอกไม้ในจวน สวนที่หลินซูเหมยในอดีตถูกลอบทำร้ายจนเสียชีวิต
“น้องห้า… นี่เจ้าลุกขึ้นเดินได้แล้วหรือนี่”
หลินจินหรูหรือคุณหนูสี่เอ่ยถามขึ้นมาขณะเดินมาที่สวนดอกไม้และบังเอิญได้พบกับคนที่นางไม่อยากพบหน้าอีกตลอดกาล
‘เหตุใดเจ้าถึงดวงแข็งนัก เจ้าน่าจะตายไปตั้งแต่วันแรกที่จมน้ำไปแล้วด้วยซ้ำ’
หลินจินหรูได้แต่คิดอยู่ภายในใจของนาง สายตาของนางก็จ้องไปตามเรือนร่างผอมบางของบุคคลเบื้องหน้าอย่างรู้สึกขัดใจ ใจของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เพราะน้องสาวต่างมารดาของนางผู้นี้อ่อนแอ จึงดึงดูดความสนใจจากท่านพ่อ แม่ใหญ่ หรือแม้แต่พวกพี่ๆ ไปจากนางเสียหมด
หลินซูเหมยเงยหน้าจากดอกไม้ตรงหน้าขึ้นไปมอง ภาพในอดีตก็ไหลเวียนมาให้นางได้รับรู้ว่า หลินจินหรูหรือพี่สี่ของนางผู้นี้นั้นไม่ใช่คนที่น่าคบหรือควรจะคบหา และนางก็เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดในยามนี้ เสี่ยวเอ๋อรีบเข้าไปขวางไม่ให้อีกฝ่ายได้เข้าใกล้คุณหนูห้าของนาง มือบางของหลินซูเหมยจับแขนของเด็กรับใช้ข้างกายเอาไว้เพื่อห้ามปราม ตอนนี้นางไม่มีอะไรจะต้องเกรงกลัวอีกแล้ว
“เจ้าค่ะ… พอกินข้าว อาบน้ำได้ น้องก็รู้สึกมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาเลยเจ้าค่ะ นี่พี่หญิงสี่มาเดินเล่นหรือเจ้าคะ” นางตอบออกมาก่อนที่จะเอ่ยถามกลับไป
“ข้าอยู่ในเรือนรู้สึกเบื่อๆ เลยอยากออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่สวนดอกไม้แห่งนี้บ้าง ว่าแต่เหตุใดเจ้าถึงตกลงไปในน้ำได้ล่ะ” หลินจินหรูตอบแล้วจึงแกล้งเอ่ยถามอีกฝ่ายออกมาเพราะอยากรู้ว่านางจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน
“น้องก็จำไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ เท่าที่จำได้น้องน่าจะเดินไปดูลูกแมวน้อยที่อยู่ริมสระ จากนั้นน้องคงเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่างจึงทำให้พลัดตกสระไป” หลินซูเหมยตอบไปอย่างต้องการหยั่งเชิง หากนางพูดว่านางรู้ว่ามีคนลอบทำร้ายนาง คนทำผิดก็ได้รู้ตัวเสียก่อน งานนี้ก็คงจะหมดความเพลิดเพลินไปเสีย
ส่วนคนฟังถึงกับถอนหายใจออกมาแล้วหันไปมองหน้าสาวรับใช้คนสนิทของตนทั้งสองอย่างสบายใจ หลินซูเหมยที่แอบมองอยู่รู้สึกรับรู้ได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเธอในอดีตนั้นอาจจะมีพี่สาวต่างมารดาผู้นี้อยู่เบื้องหลัง
“อ้อ… อย่างนั้นหรอกเหรอ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวกลับเรือนก่อน อากาศเย็นลงแล้วหนา เจ้ายิ่งป่วยง่ายอยู่ กลับเข้าเรือนเจ้าเถิดประเดี๋ยวจะไม่สบายอีก” หลินจินหรูเอ่ยขอตัว ก่อนที่จะบอกกับน้องสาวต่างมารดาราวกับว่านางนั้นหวังดีต่อนาง
“เจ้าค่ะ… อีกประเดี๋ยวน้องจะกลับเข้าเรือนเจ้าค่ะ ขอสูดอากาศอีกสักหน่อย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลินจินหรูพร้อมสาวใช้อีกสองนางจึงเดินออกจากสวนดอกไม้แห่งนี้ไปด้วยความโล่งใจ อย่างน้อยหลินซูเหมยก็จำเรื่องราวก่อนหน้าที่จะตกน้ำไม่ได้ เพียงเท่านี้โอกาสที่พวกนางจะได้เอาคืนอีกครั้งก็ยังมี
ดวงตากลมมองตามพี่สาวต่างมารดากับสองสาวใช้ที่เดินตามนางไปติดๆ ด้วยสายตาที่วาวโรจน์ พรางคิดในใจว่า ‘อีกไม่นานข้าจะเอาคืน… ท่านพี่สี่ เจ้าคงคิดว่าเจ้าฉลาดนักล่ะสิ เตรียมตัวเอาไว้ได้เลยต่อจากนี้ไปเจ้าจะเจอเรื่องสนุกแน่นอนหึๆ’
ริมฝีปากบางแสยะยิ้มออกมา เสี่ยวเอ๋อนั้นมองไม่เห็นทั้งแววตาและรอยยิ้มของคุณหนูของนาง เพราะนางเองก็มองตามคุณหนูสี่และสองสาวรับใช้ของคุณหนูสี่ไปด้วยแววตาสงสัยอยู่ไม่น้อย นางแอบคิดว่าเรื่องที่คุณหนูสามตกน้ำไม่น่าจะเป็นการพลัดตกลงไปเอง เรื่องนี้อาจจะมีคนที่อยู่เบื้องหลัง
หลังรับประทานอาหารเย็นร่วมกันเสร็จ อนุซูฉีจึงเอ่ยขอตัวกลับเรือนก่อน นางเจียมตัวและรู้ดีว่าที่นี่มิใช่ที่ของนาง หลินซูเหมย แม่ทัพฟางเซี่ยหมินและบุตรชายที่กำลังจะติดตามมารดาของนางไปนอนค้างที่เรือนก็ต้องชะงักเท้าเมื่อหลินจินหรู หรือพี่สี่ร้องเรียกนางเอาไว้ หลินซูเหมยจึงบอกให้มารดาพาหลานและท่านแม่ทัพกลับไปเรือนก่อนแล้วนางจะตามไป มีเพียงมู่หลันที่ต้องอยู่กับนายหญิงเพื่อคอยดูแลนาง“พี่ขอคุยกับเจ้าสักประเดี๋ยว”หลินซูเหมยจึงบอกให้มู่หลันหลบไปให้ห่างๆ เพราะเท่าที่ดูพี่หญิงสี่ผู้นี้คงจะมีเรื่องสำคัญอยากที่จะคุยกับนาง เมื่อสาวรับใช้ของทั้งสองเดินหลบไปยืนอยู่ไกลๆแล้ว สตรีทั้งสองจึงยืนประจันหน้ากันอยู่ตามลำพัง แววตาที่เคยอิจฉาริษยาของพี่สาวผู้นี้ดูเปลี่ยนไป“ที่ผ่านมาพี่ขออภัยต่อเจ้าด้วย ตอนนั้นพี่อาจจะยังเด็กจึงยังตีความหมายของคำว่ารักไม่เข้าใจ ตอนนั้นพี่เข้าใจว่าท่านพ่อรักเจ้า ท่านพี่หญิงรองเอ็นดูเจ้า พี่เข้าใจว่าเจ้าแย่งความรักจากพวกเขาไป แต่พอพี่เสียท่านแม่ไป พี่ถึงได้รู้ว่าความอิจฉาริษยาที่พี่มีต่อเจ้าในอดีตทำให้ท่านแม่ของพี่ต้องมาทำผิดเพื่อพี่จนมีจุด
หลังจากงานแต่งงานของฟางเซี่ยฉินผ่านพ้นไป ฟางเซี่ยหมินจึงพาภรรยาและบุตรชายไปพักที่จวนสกุลหลินต่อ เพราะตอนที่เดินทางมานั้นยังไม่ได้แวะคารวะบิดามารดาของภรรยาเลย ด้วยภาระหน้าที่ตำแหน่งแม่ทัพที่ต้องแบกรับจึงมิอาจสามารถกลับมาเยี่ยมทั้งสองครอบครัวได้บ่อยๆ เมื่อคำนับลาใต้เท้าฟางกับฟางฮูหยินแล้ว รถม้าของจวนแม่ทัพทิศเหนือจึงมุ่งหน้าไปยังจวนสกุลหลินณ ยามนี้ที่ด้านหน้าจวนมีรถม้าจากจวนสกุลโจวและรถม้าจากจวนสกุลซื่อมาจอดอยู่ก่อนหน้าแล้ว เมื่อสองสามีภรรยาพร้อมกับลูกชายตัวน้อยเดินทางมาถึงจึงได้พบกับพี่สาวทั้งสองนางของหลินซูเหมย แม้แรกๆ หลินจินหรูจะรู้สึกไม่ดีที่ได้พบเจอน้องห้าที่มิได้พบเจอกันมานาน แต่นางก็เริ่มที่จะปล่อยวางเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมิได้ติดใจเอาความเรื่องราวในอดีตแต่อย่างใด“คารวะท่านพ่อตา ท่านแม่ยายขอรับ”“คารวะท่านพ่อท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ” สองสามีภรรยาที่เพิ่งเดินทางมาถึงเข้าไปคำนับผู้ใหญ่ทั้งสอง“ตามสบายเขยห้า เหมยเอ๋อร์ นั่นใช่เหวินเอ๋อร์ใช่หรือไม่"ใต้เท้าหลินยิ้มแย้มก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นเด็กชายตัวน้อยที่ยืนเขินอ
“จ้านเอ๋อร์ ดูน้องด้วยนะลูก” สะใภ้ใหญ่เอ่ยขึ้นบ้าง“เพิ่งจะขวบกว่าๆ แต่ซนนักเจ้าค่ะ” หลินซูเหมยเอ่ยออกมาพลางยกน้ำชาขึ้นมาจิบ เสี่ยวเอ๋อมิได้ติดตามนางมาด้วยเพราะว่ากำลังตั้งครรภ์ นางจึงให้มู่หลันติดตามนางกับแม่นมฉวนที่กลับมาอยู่ที่จวนแม่ทัพเช่นเดิม“สายเลือดนักรบแรงกล้า เจ้าคงต้องทำใจแล้วล่ะน้องสะใภ้สาม” พี่สะใภ้รองขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม“นั่นน่ะสิเจ้าคะ พวกบ่าวในเรือนช่วยกันวิ่งตามจับแทบจะไม่ทัน” หลินซูเหมยเห็นด้วย บุตรชายของนางผู้นี้ช่างมีพลังเยอะเหลือล้น เขาวิ่งเล่นจนบ่าวในเรือนพากันเหน็ดเหนื่อยที่ต้องคอยวิ่งตามระแวดระวังความปลอดภัยให้กับคุณชายน้อยสตรีทั้งสามนั่งพูดคุยกันขณะที่สายตาก็จ้องมองบุตรของพวกตนไปด้วย ฟางเซี่ยฉินที่เตรียมตัวจะออกเรือนในวันพรุ่งนี้เดินเข้ามาหาพี่สะใภ้ทั้งสามกับหลานๆ ที่สวนดอกไม้แห่งนี้ นางตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก จึงอยากจะมาขอคำปรึกษาพี่สะใภ้ซึ่งล้วนแต่เป็นสตรีด้วยกันทั้งสาม“คารวะพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้สามเจ้าค่ะ” เจ้าของเรือนร่างงามคำนับสตรีทั้งสามที่กำล
ในขณะที่ท่านแม่ทัพอดหลับอดนอนเพื่อดูแลภรรยาที่นอนหลับไปสามวันสามคืน นิ้วมือของเจ้าของร่างอวบอิ่มก็เริ่มขยับจนคนที่กุมเอาไว้รู้สึกไปด้วย เขาลุกขึ้นก่อนที่จะเรียกท่านหมอที่เขาเชิญให้อยู่ดูอาการให้ภรรยาของเขาตั้งแต่วันแรกที่นางสลบไป“ท่านหมอ… ฮูหยินของข้านางรู้สึกตัวแล้ว รีบมาตรวจดูอาการของนางเร็วเข้า”ท่านหมอชุนรีบเข้ามาในห้องนอนของท่านแม่ทัพ ก่อนที่จะลงมือจับชีพจรของฮูหยิน เป็นปกติ นางรอดพ้นเงื้อมมือของมัจจุราชมาได้แล้ว“รายงานท่านแม่ทัพ อาการของนายหญิงตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วขอรับ นางปลอดภัยแล้วขอรับ” หมอหลวงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี ท่านแม่ทัพรีบปรี่เข้าไปหาภรรยาก่อนที่จะจับมือนางมากุมเอาไว้“น้องหญิง… ตื่นเถิด พี่กับลูกรอเจ้านานแล้วนะ แม่นมฉวน พาเหวินเอ๋อร์มาหาข้าทีเถิด ข้าจะให้เขาได้ปลุกแม่ของเขา ให้นางตื่นขึ้นมาให้นมเขาเองเสียที”แม่นมฉวนน้ำตาคลอเมื่อรู้ว่านายหญิงปลอดภัยแล้ว นางรีบอุ้มคุณชายน้อยมาส่งให้กับคุณชายสาม เขารับร่างเล็กที่นอนมองหน้าเขาตาแป๋วมาอุ้มเอาไว้พลางนำมือของภรรยามาวางไว้บนมือของลูกน
หมอตำแยจัดการทำความสะอาดและดูแลแผลให้กับนาง พร้อมกับพาคุณชายน้อยมารับน้ำนมจากถันงามของฮูหยิน ทารกน้อยดูดกลืนน้ำนมจากเต้างามของมารดา หลินซูเหมยสลบไปแล้วจึงมิได้รับรู้ว่าบุตรชายตัวน้อยของนางนั้นหน้าตาน่ารักน่าชังขนาดไหน“ท่านแม่ทัพ ได้คุณชายน้อยเจ้าค่ะ"มู่หลันออกมารายงาน แม่นมฉวนอุ้มทารกน้อยในห่อผ้าออกมาหลังจากที่คุณชายน้อยดูดนมจากอกของนายหญิงจนอิ่มแล้ว“ลูกพ่อ…” เขารับมาอุ้มก่อนที่จะกดจมูกโด่งลงบนหน้าผากเล็กของบุตรชาย“คุณชายสาม ตั้งชื่อคุณชายน้อยไว้หรือยังเจ้าคะ” แม่นมฉวนเอ่ยถามคุณชายของตนยิ้มๆ“ฟางเซี่ยเหวิน เขามีชื่อว่า ฟางเซี่ยเหวิน” คนที่ได้เป็นพ่อหมาดๆ ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“แล้วฮูหยินล่ะ นางเป็นเช่นไรบ้าง” เขาไม่ลืมที่จะเอ่ยถามถึงภรรยา“ฮูหยินสลบไปหลังจากคลอดคุณชายน้อยเจ้าค่ะ อาจจะเพราะความอ่อนเพลีย นางจึงยังไม่รู้สึกตัว” หมอตำแยที่เดินออกจากห้องนอนที่เพิ่งทำคลอดให้กับคุณชายน้อยตอบออกมา“สลบเช่นนั้นหรือ นี่เป็นเรื่องปกติหรือไม่”
ความสุขเกิดขึ้นหลังจากสงครามสงบ หนึ่งเดือนให้หลังตงหลงกับเสี่ยวเอ๋อก็ได้แต่งงานกัน แต่ทว่าทั้งสองก็ยังคงอยู่รับใช้ท่านแม่ทัพและนายหญิงใหญ่ที่จวนแม่ทัพทิศเหนือไม่ได้พากันย้ายออกไปไหน แม่นมฉวน แม่นมของแม่ทัพฟางเซี่ยหมินได้เดินทางมาคอยดูแลนายหญิงที่จวนแม่ทัพที่เมืองหนานถิงหลังจากอายุครรภ์ของนายหญิงใหญ่เริ่มมากขึ้น เพราะสาวรับใช้ที่อยู่ที่จวนแห่งนี้มีแต่สาวแรกรุ่นกับคนที่มิเคยผ่านการดูแลเด็กมาก่อน“นายหญิง… ช้าๆ หน่อยเจ้าค่ะ” แม่นมฉวนที่พยุงเรือนร่างอวบอิ่มของนายหญิงเอ่ยออกมา“โถ่…แม่นมฉวน ข้ามิเป็นอันใดหรอกนะ นี่เพิ่งจะห้าเดือนเอง ยังอีกนาน” ฮูหยินแม่ทัพยิ้มก่อนที่จะเอ่ยออกมาเมื่อเห็นแม่นมของสามีแสดงอาการห่วงใยจนเกินเหตุ“ถึงแบบนั้นก็เถอะเจ้าค่ะ นายหญิงต้องดูแลตัวเองดีๆ นะเจ้าคะ ท่านแม่ทัพท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” แม่นมฉวนเอ่ยออกมาประคองนายหญิงไปนั่งที่เก้าอี้ตัวยาวที่อยู่ริมหน้าต่าง“นายหญิงหิวหรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวเอ๋อเอ่ยถามนายหญิงออกมา“อืม… อยากกินขนมกุ้ยฮวา” น้ำเสียง