บทที่ 5 คนของคุณเจต 2/3
บัวบูชายังยิ้มได้ไม่เท่าไหร่คนตรงหน้าก็หาเรื่องมาให้เธอยิ้มไม่ออกเสียแล้ว
"หายดีรึยัง เห็นว่าป่วย"
"ดีขึ้นมากแล้วค่ะ"
"งั้นคืนนี้ก็ขึ้นไปที่ห้องฉันด้วย"
เจ้าของใบหน้าคมเข้มทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ไม่รอฟังด้วยซ้ำว่าบัวบูชาจะตอบว่าอะไร และเธอจะตอบอะไรได้อีกนอกเสียจาก
"ค่ะ"
บัวบูชาถูกเรียกตัวให้ขึ้นมายังห้องของเจตนิพัทธ์ทุกคืน เขาตักตวงความสุขจากร่างกายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะเรียกคืนให้คุ้มกับหนี้ทุกบาททุกสตางค์ที่พ่อเธอได้หยิบยืมไปอย่างไรอย่างนั้น
แต่อย่างน้อยเขาก็เริ่มใจดีกับบัวบูชาบ้าง หลังจากที่เห็นร่องรอยฟันของตัวเองตามร่างกายบัวบูชา อีกฝ่ายก็อ่อนโยนกับเธอขึ้นมานิดหน่อย หมายถึงไม่ได้หนักมือขบกัดเธอเช่นค่ำคืนแรก แต่เรื่องที่เขารังแกจนเธอหมดเรี่ยวหมดแรงคาเตียงทุกค่ำคืนยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
และวันที่บัวบูชาเฝ้ารอคอยก็มาถึง เธออาบน้ำแต่งตัวในชุดเรียบร้อย ผมยาวหยักศกเล็กน้อยถูกรวบไว้เป็นหางม้า เผยให้เห็นกรอบหน้าหวานชัดเจนขึ้น และใบหน้าที่ทุกวันไม่ค่อยได้แต่งแต้มเท่าไหร่ ก็ถูกเติมแต่งบาง ๆ พอให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง เพราะวันนี้เป็นแรกที่เธอจะได้เริ่มทำงานยังสำนักงานของไร่จิตรลดา
“มินฝากสอนงานบัวบูชาหน่อยนะ เน้นที่บัญชีเป็นหลัก แล้วก็ช่วงนี้ผมให้มาเป็นผู้ช่วยของคุณไปก่อนก็แล้วกัน”
“ค่ะ คุณเจต” มินตราพยักหน้ารับรู้คำสั่งจากเจ้านาย ก่อนที่เธอจะหันมายิ้มให้กับหญิงสาวหน้าตาน่ารักซึ่งยืนอยู่ข้างกายเจตนิพัทธ์
บัวบูชายกมือไหว้ทักทายอีกฝ่าย เพราะดูก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้อายุมากกว่าเธอหลายปีทีเดียว ซึ่งมินตราก็รับไหว้พร้อมรอยยิ้มใจดี
“งั้นน้องบัวเอาเอกสารตรงนี้ไปดูทำความเข้าใจก่อนนะ เดี๋ยวพี่หางานให้ทำ”
“ได้ค่ะพี่มิน” หญิงสาวตอบรับด้วยท่าทีกระตือรือร้น ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ว่างข้าง ๆ มินตรา
เจตนิพัทธ์ยังไม่เข้าไปที่ห้องทำงานของเขา เขายืนมองท่าทีของบัวบูชาอยู่อีกสักพัก ก่อนจะยกมุมปากขึ้นมา อยากจะรู้เหมือนกันว่านอกจากงานบนเตียงแล้วผู้หญิงคนนี้ทำอะไรได้ดีอีกบ้าง
บัวบูชาทั้งหัวไวในการเรียนรู้งานและยังกระตือรือร้นตลอดเวลา ซึ่งมันทำให้มินตราพอใจกับพนักงานใหม่คนนี้ไม่น้อย จึงทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันได้ไว
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงเลขาของพ่อเลี้ยงเจตนิพัทธ์ก็พาน้องใหม่มาทานข้าวพร้อมกันที่โรงอาหาร การมาของบัวบูชาทำให้พนักงานคนอื่นให้ความสนใจไม่น้อย ซึ่งมินตราก็รับหน้าที่แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักว่าบัวบูชาเป็นพนักงานบัญชีคนใหม่
ในระหว่างที่คนตัวเล็กกำลังทานข้าวกับมินตราอยู่นั้น ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาวจัดคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา ฟังจากคำทักทายของมินตราแล้วก็ทำให้บัวบูชาเดาได้ว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นหมอ
พร้อมพงษ์เป็นสัตวแพทย์ที่มาดูแลแม่โคนมในฟาร์มโคนม ที่เพิ่งเปิดใหม่ของเพื่อนสนิทอย่างเจตนิพัทธ์
“หมอ ทานข้าวด้วยกันสิคะ อาหารวันนี้แม่ครัวทำอร่อยมาก” มินตราเอ่ยทักคนมาใหม่ด้วยท่าทางสนิทสนม
“ผมก็ได้กลิ่นหอมลอยมาแต่ไกล จนต้องรีบมานี่แหละครับคุณมิน”
หลังได้รับข้าวสัตวแพทย์หนุ่มก็ถือจานเดินกลับมานั่งร่วมโต๊ะกับมินตรา ก่อนจะต้องตกตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งนั่งข้างกับมินตรา ยิ่งเธอยิ้มคล้ายจะทักทายกัน หัวใจของหนุ่มโสดก็แทบเด้งกระดอนออกมาจากอก
“ผมพงษ์ครับ เป็นสัตวแพทย์ประจำฟาร์มโคนมครับ” พร้อมพงษ์รีบแนะนำตัวเพราะอยากรู้จักหญิงสาวตรงหน้าใจจะขาดอยู่แล้ว
“เอ่อ บัวค่ะ เป็นพนักงานคนใหม่ของที่นี่ค่ะ”
สัตวแพทย์หนุ่มยังจ้องมองใบหน้าหวาน เรียกได้ว่าบัวบูชาเป็นผู้หญิงที่ตรงตามสเปคของเขาเลยก็ว่าได้ น่ารัก ดูอ่อนหวาน ไม่คิดไม่ฝันว่าความโสดที่หวงแหนมานานหลายปี แต่พอได้มาเจอหน้าบัวบูชาแค่ไม่กี่นาทีพร้อมพงษ์กลับอยากจะลาขาดจากวงการโสดนี้เสียแล้ว
ท่าทางของสัตวแพทย์หนุ่มทำให้มินตราที่มองอยู่อมยิ้มออกมา เธอไม่ใช่สาวน้อยเพิ่งผ่านโลกสักหน่อย เรื่องแค่นี้แค่ดูสายตาก็รู้แล้วว่าสัตวแพทย์สุดหล่อของไร่กำลังอยู่ในอาการตกหลุมรัก
หลังจากที่ทานข้าวเที่ยงเสร็จ บัวบูชาก็กลับมายังสำนักงาน เธอทำงานต่อตามที่ได้รับมอบหมายมาจากมินตรา และเมื่อไม่เห็นเจตนิพัทธ์อยู่ในห้องทำงานก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย เมื่อเช้าเธอแอบเห็นว่าเขามักจะมองมาราวกับจะจับผิด ซึ่งมันทำให้เธอเกร็งไปหมดทั้งตัว กลัวว่าจะทำอะไรไม่ถูกใจเขาขึ้นมา
บัวบูชาพอจะได้ยินจากมินตรามาบ้างเรื่องการทำงานของเจตนิพัทธ์ ถึงได้รู้ว่าวัน ๆ หนึ่งเขาทำงานอะไรบ้าง ไม่ได้มีเพียงงานที่สำนักงานเท่านั้น แต่ยังต้องไปที่ไร่ คุมคนงาน ไหนจะรีสอร์ตกับคาเฟ่อีก
ยิ่งนึกตามบัวบูชาก็ยิ่งแปลกใจ ว่าเขาทำงานหนักขนาดนี้ ทำไมถึงยังมีแรงเหลือกลับไปรังแกเธอทุกคืนได้อีก ทว่าเมื่อได้เผลอปล่อยตัวให้คิดถึงเรื่องราวอันร้อนแรงยามค่ำคืนที่ได้ใช้ร่วมกัน บัวบูชาก็หน้าแดงขึ้นมาเสียอย่างนั้น จนทำให้มินตราต้องเอ่ยถามอย่างสงสัย
"ร้อนเหรอบัว ให้พี่ปรับแอร์ไหม"
"ก็ร้อนนิดหน่อยค่ะ" บัวบูชาได้แต่พยักหน้าตามน้ำไป ก่อนจะรีบสะบัดหน้าไล่ภาพบนเตียงเหล่านั้นออกจากความคิดของตัวเอง
ชีวิตที่ผ่านมาของบัวบูชาก็นับว่าไม่ได้แตกต่างอะไรเลยในแต่ละวัน กลางวันทำงานยังสำนักงาน ตกกลางคืนเธอก็ต้องมาทำหน้าที่นางบำเรอให้แก่พ่อเลี้ยงหนุ่มของไร่จิตรลดาเช่นเคย
ร่างขาวเนียนโยกคลอนไปตามแรงกระแทกกระทั้นของคนด้านบน ผมยาวสวยสยายไปกับผิวเตียงที่บัดนี้ยับยู่ยี่ไปหมด เพราะบัวบูชาจิกทึ้งมันครั้งแล้วครั้งเล่า
“อะ คุณเจตเบาหน่อยได้ไหมคะ” บัวบูชารู้ว่าเขาไม่ชอบคำนี้ และเธอก็ไม่ได้ใช้มันมานานแล้วเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้บทรักของเจตนิพัทธ์มันเริ่มอ่อนโยนขึ้นมาก แต่วันนี้เขากลับมาเป็นคนเดิมเหมือนกับค่ำคืนแรกอีกครั้ง ทั้งรุนแรง ทั้งดุดันและสร้างร่องรอยตีตราไปทั่วทั้งร่างกายของเธอ
บทที่ 20 ผู้หญิงเนรคุณ 2/2"พี่เจต" บัวบูชาเรียกชื่ออีกฝ่ายทั้งน้ำตา หัวใจยังสั่นไหวรุนแรงด้วยความกลัว"เป็นอะไรรึเปล่าบัว เจ็บตรงไหนไหม""เจ็บท้องค่ะ" เธอบอกเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวดจากแรงบีบรัดที่เกิดขึ้นตรงช่วงหน้าท้อง เม็ดเหงื่อเริ่มผุดพรายตามกรอบหน้าหวานมากขึ้นเรื่อย ๆอรรถพลไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าลูกสาวและหลานของตนจะเป็นอย่างไรบ้าง เขารีบก้มเก็บกระเป๋าเงินและถุงกำมะหยี่สีแดงคล้ายถุงใส่ทองขึ้นมาจากพื้นก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไป ทว่ายังไม่ทันได้วิ่งหนีไปไกลเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลก็เข้ามารวบตัวอีกฝ่ายไว้ได้ทันท่วงทีเจตนิพัทธ์ไม่ได้สนใจความวุ่นวายรอบข้าง สิ่งเดียวที่เขาสนใจตอนนี้คือความปลอดภัยของลูกและเมียเท่านั้น เจ้าของร่างสูงโปร่งรีบอุ้มคนท้องกลับเข้าไปด้านในโรงพยาบาลและตามหมอให้มาดูอาการอย่างร้อนใจเขากลัวจนแทบบ้าว่าบัวบูชาและลูกจะเป็นอะไรรึเปล่า และเอาแต่โทษตัวเองซ้ำ ๆ ที่ทิ้งเธอไว้เพียงลำพังจนเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นแบบนี้ถ้าหากเขามาไม่ทัน บัวบูชากับลูกจะเป็นอย่างไรบ้าง หากเป็นแบบนั้นเขาคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่"ทั้งแม่และเด็กปลอดภัยดีค่ะ น่าจะเกิดจากอาการวิตกกังวลขอ
บทที่ 20 ผู้หญิงเนรคุณ 1/2ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเจตนิพัทธ์ก็ยังรู้สึกตื่นเต้น และตื้นตันใจทุกครั้งที่ได้เห็นภาพอัลตราซาวด์ของเจ้าลูกชาย ในขณะที่มือยังกอบกุมมือแม่ของลูกไว้ ทว่าดวงตาคู่คมกลับเอาแต่จ้องหน้าจอแสดงผลของคุณหมอแทบไม่กระพริบ เสียงเต้นของหัวใจลูกดังชัดเจนในสองหูคนเป็นพ่อ อีกแค่ไม่กี่สัปดาห์เด็กที่เขาเห็นผ่านจอตรงหน้านี้ก็จะลืมตาดูโลกแล้ว ยิ่งคิดหัวใจคนเป็นพ่อยิ่งโลดแล่นอย่างดีใจเขาพาบัวบูชามาพบคุณหมอด้วยตัวเองทุกครั้ง แม้ช่วงไตรมาสสุดท้ายหมอจะนัดว่าที่คุณแม่บ่อยแทบทุกสัปดาห์แต่คนที่ยุ่งมากอย่างพ่อเลี้ยงเจตก็ไม่เคยให้บัวบูชาต้องมาเพียงลำพังเลยแม้แต่ครั้งเดียว"เจ้าตัวเล็กแข็งแรงดีมากค่ะคุณพ่อคุณแม่ แต่ว่าช่วงนี้ต้องควบคุมเรื่องน้ำตาลหน่อยนะคะ"ว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ตั้งใจฟังสิ่งที่คุณหมอแนะนำกันอย่างดี พูดคุยกับคุณหมอเสร็จก็พากันออกมารอรับยาบำรุงด้านนอก"เหนื่อยไหม" เขาถามหลังประคองคนท้องโตมานั่งยังที่นั่งรอรับยา"นิดหน่อยค่ะ""ดื่มน้ำก่อน" เจตนิพัทธ์ยื่นขวดน้ำเย็น ๆ ที่เสียบหลอดให้เรียบร้อยไปให้คุณแม่ที่ตอนนี้ดูอวบอิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่ถึงอย่างนั้นในสายตาของเขาบัวบู
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 4/4เดิมทีบัวบูชาก็เล่านิทานให้ลูกในท้องฟังอยู่บ่อยครั้ง เพราะศึกษามาว่าการเล่านิทานให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้องมันช่วยกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูก และยังทำให้ลูกจดจำเสียงของพ่อและแม่ได้ด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าเจตนิพัทธ์เองก็จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย ตอนที่เขาชวนเธอไปซื้อหนังสือเมื่อช่วงบ่ายก็เอาแต่พูดไม่หยุดว่าอยากอ่านเรื่องอะไรให้ลูกฟังบ้าง แถมยังซื้อกลับมาจนแทบทำเป็นชั้นหนังสือได้เลยเสียงเล่านิทานยังติด ๆ ขัด ๆ เพราะเพิ่งจะเคยเล่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นเจตนิพัทธ์ก็ยังตั้งใจเล่าต่อไปและบอกตัวเองตลอดว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องเล่าให้ดีกว่านี้ให้ได้ และเมื่อนิทานจบลงว่าที่คุณพ่อถึงได้รู้ว่าคนบนเตียงนอนหลับสนิทไปแล้ว"ไม่ใช่ว่าน่าเบื่อจนหลับหรอกใช่ไหม" เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบากับตัวเอง ก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่มให้คนบนเตียง วันนี้เขายังจับจองพื้นข้างเตียงของบัวบูชาเป็นที่หลับนอนเช่นเคยเจตนิพัทธ์นั่งมองหน้าคนหลับสลับกับหน้าท้องที่มีลูกของเราอยู่ในนั้นนานจนเริ่มง่วง แต่ก่อนจะนอนเขาก็อยากจะสัมผัสเนื้อตัวแม่ของลูกนิด ๆ หน่อย ๆ ให้พอชุ่มชื่นหัวใจบ้าง ใบห
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 3/4"แล้วต่อจากนี้บัวมีสิทธิ์ไหมคะ สิทธิ์ที่จะอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคุณเจตให้มากขึ้น"ใบหน้าคมเข้มระบายยิ้มกว้าง ดวงตาคล้ายมีประกายระยิบระยับอยู่ด้านในนั้น เขาก้าวเข้าไปใกล้คนท้องขึ้นอีกหน่อยก่อนจะเอื้อมไปจับมือของเธอไว้"ได้สิ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับพี่บัวถามได้เลยนะ ถามได้ตลอดเวลา อยากรู้ตอนไหนก็ถามออกมาได้เลยพี่พร้อมจะบอกทุกเรื่อง" เขาไม่รู้ว่ารอยยิ้มของตัวเองตอนนี้เรียกว่ายิ้มจนแก้มแทบปริได้ไหม รู้แค่เพียงดีใจเหลือเกินที่คนตรงหน้าอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาให้มากขึ้นบัวบูชาไม่รู้ว่าเธอคิดผิดหรือถูกที่พูดออกไปแบบนั้น เพราะมันทำให้เจตนิพัทธ์ยิ้มกว้างอย่างที่เธอชอบ เธอชอบมองเขายิ้มและหัวเราะที่สุด และตอนนี้รอยยิ้มของเขาก็ทำเอาหัวใจเธอสั่นไหวรุนแรงเหลือเกิน"คือ...เอ่อ" อยู่ ๆ เธอก็คล้ายคนสมองเบลอไปชั่วขณะคิดอะไรไม่ออกเพียงเพราะรอยยิ้มของผู้ชายคนหนึ่ง "บัวว่าบัวหิวแล้วค่ะ""กับข้าวเสร็จหมดแล้ว บัวไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลย เดี๋ยวพี่ยกไปให้"เธอเพียงพยักหน้ารับก่อนจะเดินหน้าร้อนออกมาจากจุดที่ยืนอยู่ และไม่รู้เลยว่าตอนนี้บนใบหน้ากำลังมีรอยยิ้มแห่งความดีใจประด
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 2/4คนท้องรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสายของวัน อาการแพ้ท้องดีขึ้นมากกว่าช่วงเช้า ว่าที่คุณแม่ที่หน้าท้องเริ่มนูนเด่นค่อย ๆ ขยับตัวลุกจากเตียง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอน และเพราะมีเสียงดังมาจากในห้องครัวเธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดู ซึ่งก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นคนที่อยู่ในครัวไม่ใช่ป้าชื่น แต่เป็นเจ้าของร่างสูงโปร่ง อีกทั้งเจตนิพัทธ์ตอนนี้ยังอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนอีกด้วย"คุณเจตทำอะไรอยู่คะ""ตื่นแล้วเหรอ" เขาหันมายิ้มกว้างให้คนท้อง ก่อนจะรีบล้างไม้ล้างมือแล้วก้าวเดินเข้าไปหาเธอ ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนเมื่อเช้า เพราะบัวบูชาเริ่มเหม็นกลิ่นตัวพ่อของลูกอีกแล้ว"อย่าเข้ามาใกล้เกินค่ะ" เธอรีบยกมือขึ้นห้ามเขาไว้ ซึ่งเจตนิพัทธ์ก็ยอมถอยห่างแต่โดยดี"ยังคลื่นไส้อยากอ้วกอยู่อีกไหม""ห่างเท่านี้ก็ไม่ค่อยได้กลิ่นแล้วค่ะ ว่าแต่ป้าชื่นล่ะคะ" ดวงตาคู่สวยมองหาคนที่อยู่ดูแลเธอมาเกือบจะสองเดือน ปกติทุกเช้าหลังตื่นนอนบัวบูชามักจะเห็นป้าขื่นคลุกตัวอยู่แต่ในห้องครัวนี่นา"พี่ให้แกกลับไปแล้ว เพราะต่อจากนี้พี่จะเป็นคนดูแลเธอกับลูกเอง อีกอย่าง...ก็ถือเป็นการซ้อมอยู่ด้วยกันแบบพ่อแม
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 1/4คนที่เพิ่งจะได้นอนช่วงเช้ามืดเพราะมัวแต่หาข้อมูลในการดูแลคนท้องสะดุ้งตัวตื่นทันที เมื่อได้ยินเสียงคนอ้วกดังมาจากในห้องน้ำ เจตนิพัทธ์รีบลุกทั้งในสภาพที่ใบหน้ายังงัวเงียและผมเผ้าไม่ได้จัดทรง เขาเดินตรงไปหน้าห้องน้ำโดยไม่ลืมหยิบขวดน้ำเปล่าไปให้คนท้องใช้ล้างคอว่าที่คุณแม่อ้วกจนแทบไม่มีอะไรให้อ้วกออกมาอีกแล้ว บัวบูชาไม่มีแรงพอจะยืนด้วยซ้ำจึงต้องนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นห้องน้ำก่อน ทว่าก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ ๆ ร่างกายก็ถูกช้อนอุ้มขึ้น"จะทำอะไรคะ""พาไปนอนที่เตียง เป็นแบบนี้ทุกเช้าเลยเหรอ" ร่างสูงถามขณะอุ้มว่าที่คุณแม่กลับมานอนพักยังเตียงนอน เขาวางเธอลงอย่างเบามือ ก่อนจะจัดการนำหมอนมารองแผ่นหลังเพื่อให้คนท้องนั่งได้อย่างสบายขึ้น"บัวแพ้ท้องช้า เพิ่งจะมาแพ้หนักก็ตอนที่เข้าเดือนที่สี่ค่ะ ช่วงเช้าก็จะแพ้ท้องหนักกว่าช่วงอื่น ๆ สาย ๆ หน่อยอาการก็จะดีขึ้นเองค่ะ""รอแป๊บนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำขิงกับขนมมาให้ เห็นเขาบอกว่ามันช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้""ใครบอกคะ" บัวบูชาเอียงคอสงสัย และก็ได้รับเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมาจากใบหน้าคมเข้ม"ในเน็ตน่ะ"เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง