พ่อของเธอเป็นหนี้นับล้าน และครั้งนี้คือครั้งสุดท้ายที่เธอจะตอบแทนหนี้บุญคุณที่ให้เธอลืมตาเกิดมา ระหว่างเธอและเขา สถานะเธอคือเมียขัดดอก เป็นได้เพียงนางบำเรอ พอครบสัญญาเธอก็จะได้เลือกทางเดินของตัวเองสักที
view moreบทที่ 1 ข้อเสนอล้างหนี้ 1/2
"รู้ไหมฉันเกลียดอะไรที่สุด" คำถามดังมาจากหญิงวัยกลางคนรูปร่างอวบซึ่งนั่งราวกับนางพญาอยู่บนเก้าอี้ไม้ ข้างกายมีชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำสองคนประกบซ้ายและขวา "พวกที่สัญญาว่าจะคืนเงินแต่ไม่ยอมคืนสักทียังไงล่ะ" "ผมขอโทษจริง ๆ ครับคุณนาย ผมผิดไปแล้ว" คนที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ร่างกายสะบักสะบอมจากการถูกรุมกระทืบรีบยกมือไหว้ขอโอกาสจากเจ้าหนี้ ทว่าบทสนทนาก็ถูกขัดจังหวะจากเสียงของผู้มาใหม่เสียก่อน "นี่มันเรื่องอะไรกันคะ" บัวบูชา ถามออกไปทั้งที่ยังหอบเหนื่อย เมื่อครู่ภรรยาใหม่ของพ่อรีบร้อนไปตามเธอซึ่งอาศัยอยู่บ้านของตาและยาย อีกฝ่ายร้อนรนบอกให้บัวบูชารีบมาหาพ่อที่บ้าน และเอาแต่พูดว่า พ่อเธอจะโดนพวกมันตีตายอยู่แล้ว ถึงแม้จะเติบโตมาได้เพราะตาและยายช่วยเลี้ยงดู แต่ด้วยความเป็นลูกบัวบูชาก็ยังมีจิตใจเป็นห่วงพ่อที่ไม่เคยเหลียวแลตนอยู่บ้าง "ทำไมถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกันหนักแบบนี้ด้วยคะคุณ" หญิงสาวถามขณะเข้าไปประคองร่างผู้เป็นพ่อ ที่แทบจะนั่งยังไม่ไหวด้วยซ้ำ "เพราะว่าพ่อเธอเป็นหนี้แต่ไม่ยอมใช้ไงสาวน้อย ผลัดมาเป็นปี บาทเดียวก็ไม่เคยคืนให้ฉัน" คุณนายจิตรลดา เอ่ยตอบหญิงสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูใจดีกว่าตอนที่พูดกับลูกหนี้มากนัก สายตาก็ลอบสำรวจตามเนื้อตัวและใบหน้าของบัวบูชา ก่อนจะยกยิ้มพึงพอใจขึ้นมา "จริงเหรอพ่อ พ่อไปเป็นหนี้เขาเท่าไหร่ แล้วทำไมไม่คืนเขาล่ะ" บัวบูชาหันมาเอาความกับคนเป็นพ่อ "กูจะเอาที่ไหนมาคืน เสียจนหมดตัวทุกวันแบบนี้" คำตอบของคนเป็นพ่อถึงกับทำเอาบัวบูชาถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เธอรู้ว่าพ่อติดพนันหนักแค่ไหน ก่อนหน้าที่ตากับยายยังมีชีวิตอยู่พ่อก็มักจะโผล่หน้าไปหาแค่ตอนที่ต้องการเงินก็เท่านั้น "เป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ก็บอกลูกสาวไปสิ" คุณนายจิตรลดาเร่งเร้า เพราะเธอเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างมาทวงหนี้แค่กับ อรรถพล คนเดียวเท่านั้น ยังมีลูกหนี้สันดานเสียอีกมากที่ต้องเจอคนจริงอย่างคุณนายจิตรดา "นะ...หนึ่งล้าน" อรรถพลเสียงสั่นตอนบอกยอดหนี้รวมดอกเบี้ยทั้งหมดให้ลูกสาวฟัง "หนึ่งล้าน! ทำไมพ่อไปกู้เงินคนอื่นเยอะแยะแบบนั้นล่ะ แล้วจะเอาที่ไหนมาคืน" ในขณะที่บัวบูชาเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดกับจำนวนหนี้สินที่ผู้เป็นพ่อก่อ คนเป็นพ่อกลับรีบเข้ามาจับมือเธอและส่งยิ้มให้อย่างมีเลศนัย "มันมีวิธีอยู่ ใจเย็น ๆ นะบัว คุณนายเขายื่นข้อเสนอดี ๆ ให้พ่อเมื่อกี้เอง แต่แกต้องช่วยพ่อนะบัว ถ้าแกไม่ช่วยพ่อต้องตายแน่ ๆ" "ขะ ข้อเสนออะไร" อยู่ ๆ บัวบูชาก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และหัวใจดวงน้อยก็ต้องตกไปอยู่แทบเท้าเมื่อได้ฟังข้อเสนอจากปากคนเป็นพ่อ "ให้แกไปเป็นเมียลูกคุณนายแค่ครึ่งปี ครึ่งปีเองบัว แค่นั้นคุณนายก็จะยกหนี้ให้พ่อทั้งหมดเลย" บัวบูชานิ่งค้างไปราวกับช็อกจนพูดไม่ออก หรือไม่ก็อาจเพราะความเสียใจมากก็เป็นได้ คนเป็นพ่อพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย และไม่เห็นความรู้สึกผิดบนสีหน้าเลยสักนิดยามที่บอกให้เธอเอาตัวเองไปใช้หนี้แทน "แค่ครึ่งปีเองนะบัวนะ" "พ่อพูดออกมาได้ยังไงกัน" น้ำสีใสร่วงหล่นอาบแก้มเนียน เธอรู้สึกผิดหวังในตัวคนเป็นพ่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า "บัวไม่ทำ บัวไม่ได้เป็นคนไปกู้เงินใครมาสักหน่อย" "ฉันเป็นพ่อแกนะ แกไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณที่ฉันให้แกเกิดมาบ้างเลยรึไงนังบัว!" "พอได้แล้ว" คุณนายจิตรลดาสั่งขึ้นอย่างทรงอำนาจ ทำเอาอรรถพลถึงกลับหดคอหนี ยอมเงียบปากเงียบคำทันที เจ้าหนี้ร่างอวบลุกจากที่นั่งก่อนจะเดินมายอบตัวลงข้างสาวน้อยที่สะอื้นไม่หยุด "หนูไม่ทำไม่ได้เหรอคะ ขอเวลาให้หนูสักหน่อยนะคะคุณนาย หนูจะรีบหางานแล้วหาเงินมาใช้หนี้ให้พ่อ หนูไหว้ละค่ะคุณนาย" บัวบูชายกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างขอความเห็นใจ ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา "ความจริงฉันเองก็ไม่ได้อยากบังคับฝืนใจใคร แต่ฉันค่อนข้างถูกใจหนูบัวนะเลยยื่นข้อเสนอแบบนี้ให้ อย่ากลัวไปเลย ไปกับฉันหนูไม่ลำบากหรอก มีที่นอนดี ๆ ให้ มีข้าวให้กินทุกมื้อ หรือถ้าหนูอยากใช้สิ่งที่เรียนมาทำงาน ฉันก็จะหางานให้ทำไปด้วยระหว่างนั้น อีกอย่างลูกชายฉันไม่ใช่คนขี้เหร่อะไร แค่หนูบัวทำให้เขาพอใจตลอดหกเดือนหลังจากนี้ ชีวิตหนูกับพ่อก็จะเป็นอิสระ หนี้สินหนึ่งล้านของพ่อหนูจะกลายเป็นโมฆะทันที" คนอายุมากเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงใจดี พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เด็กสาว "ทำเพื่อพ่อสักครั้งเถอะนะบัว" คนเป็นพ่อคลานเข่าเข้ามาจับแขนเธอไว้อีกครั้ง บัวบูชาหันมองพ่อทั้งที่ตาแดงก่ำจากการร้องไห้ พ่อขอให้เธอทำเพื่อพ่อสักครั้ง แล้วพ่อล่ะเคยทำอะไรเพื่อเธอบ้าง หากถามออกไปก็คงได้คำตอบเช่นเคย คือ เป็นคนทำให้เธอเกิดมายังไงเล่า และมันก็มักจะเป็นคำที่เธอเถียงไม่ออก เพราะเธอเองก็ยังอยากใช้ชีวิต อยากทำงานตามสายงานที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมา และมีความฝันที่อยากทำ บัวบูชาอยากเก็บเงินไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่เคยได้ไปมาก่อนในชีวิต มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างจริง ๆ ที่เธอยังอยากจะทำ "ตกลงค่ะหนูจะทำ" ดวงตากลมยังจ้องมองใบหน้าพ่อที่ยกยิ้มพอใจในคำตอบของเธอ แต่ฝ่ามือกลับแกะมือพ่อออกจากแขนแล้วผลักให้ออกห่าง "ถือว่าบุญคุณต่าง ๆ ของเราสองพ่อลูกหมดลงที่ตรงนี้ ต่อไปบัวไม่มีพ่อ และพ่อก็ไม่มีลูกชื่อบัวอีก พ่อจะด่าว่าบัวอกตัญญูยังไงก็เชิญ แต่บัวคิดว่าสิ่งที่บัวยอมทำเพื่อพ่อครั้งนี้มันทดแทนกับที่พ่อทำให้บัวได้เกิดมาแล้ว" "บัว" คนเป็นพ่อเริ่มใจคอไม่ดีเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูราบเรียบของลูกสาว "หลังจากนี้พ่อจะได้มีชีวิตใหม่ไม่ต้องติดหนี้ล้นตัว หวังว่าพ่อจะได้สติขึ้นมาบ้างแล้วตั้งใจใช้ชีวิตให้ดี เพราะต่อไปบัวจะไม่ช่วยอะไรพ่ออีกแล้ว ถือว่าครั้งนี้คือครั้งสุดท้ายที่บัวจะช่วยพ่อ"บทที่ 20 ผู้หญิงเนรคุณ 2/2"พี่เจต" บัวบูชาเรียกชื่ออีกฝ่ายทั้งน้ำตา หัวใจยังสั่นไหวรุนแรงด้วยความกลัว"เป็นอะไรรึเปล่าบัว เจ็บตรงไหนไหม""เจ็บท้องค่ะ" เธอบอกเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวดจากแรงบีบรัดที่เกิดขึ้นตรงช่วงหน้าท้อง เม็ดเหงื่อเริ่มผุดพรายตามกรอบหน้าหวานมากขึ้นเรื่อย ๆอรรถพลไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าลูกสาวและหลานของตนจะเป็นอย่างไรบ้าง เขารีบก้มเก็บกระเป๋าเงินและถุงกำมะหยี่สีแดงคล้ายถุงใส่ทองขึ้นมาจากพื้นก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไป ทว่ายังไม่ทันได้วิ่งหนีไปไกลเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลก็เข้ามารวบตัวอีกฝ่ายไว้ได้ทันท่วงทีเจตนิพัทธ์ไม่ได้สนใจความวุ่นวายรอบข้าง สิ่งเดียวที่เขาสนใจตอนนี้คือความปลอดภัยของลูกและเมียเท่านั้น เจ้าของร่างสูงโปร่งรีบอุ้มคนท้องกลับเข้าไปด้านในโรงพยาบาลและตามหมอให้มาดูอาการอย่างร้อนใจเขากลัวจนแทบบ้าว่าบัวบูชาและลูกจะเป็นอะไรรึเปล่า และเอาแต่โทษตัวเองซ้ำ ๆ ที่ทิ้งเธอไว้เพียงลำพังจนเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นแบบนี้ถ้าหากเขามาไม่ทัน บัวบูชากับลูกจะเป็นอย่างไรบ้าง หากเป็นแบบนั้นเขาคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่"ทั้งแม่และเด็กปลอดภัยดีค่ะ น่าจะเกิดจากอาการวิตกกังวลขอ
บทที่ 20 ผู้หญิงเนรคุณ 1/2ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเจตนิพัทธ์ก็ยังรู้สึกตื่นเต้น และตื้นตันใจทุกครั้งที่ได้เห็นภาพอัลตราซาวด์ของเจ้าลูกชาย ในขณะที่มือยังกอบกุมมือแม่ของลูกไว้ ทว่าดวงตาคู่คมกลับเอาแต่จ้องหน้าจอแสดงผลของคุณหมอแทบไม่กระพริบ เสียงเต้นของหัวใจลูกดังชัดเจนในสองหูคนเป็นพ่อ อีกแค่ไม่กี่สัปดาห์เด็กที่เขาเห็นผ่านจอตรงหน้านี้ก็จะลืมตาดูโลกแล้ว ยิ่งคิดหัวใจคนเป็นพ่อยิ่งโลดแล่นอย่างดีใจเขาพาบัวบูชามาพบคุณหมอด้วยตัวเองทุกครั้ง แม้ช่วงไตรมาสสุดท้ายหมอจะนัดว่าที่คุณแม่บ่อยแทบทุกสัปดาห์แต่คนที่ยุ่งมากอย่างพ่อเลี้ยงเจตก็ไม่เคยให้บัวบูชาต้องมาเพียงลำพังเลยแม้แต่ครั้งเดียว"เจ้าตัวเล็กแข็งแรงดีมากค่ะคุณพ่อคุณแม่ แต่ว่าช่วงนี้ต้องควบคุมเรื่องน้ำตาลหน่อยนะคะ"ว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ตั้งใจฟังสิ่งที่คุณหมอแนะนำกันอย่างดี พูดคุยกับคุณหมอเสร็จก็พากันออกมารอรับยาบำรุงด้านนอก"เหนื่อยไหม" เขาถามหลังประคองคนท้องโตมานั่งยังที่นั่งรอรับยา"นิดหน่อยค่ะ""ดื่มน้ำก่อน" เจตนิพัทธ์ยื่นขวดน้ำเย็น ๆ ที่เสียบหลอดให้เรียบร้อยไปให้คุณแม่ที่ตอนนี้ดูอวบอิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่ถึงอย่างนั้นในสายตาของเขาบัวบู
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 4/4เดิมทีบัวบูชาก็เล่านิทานให้ลูกในท้องฟังอยู่บ่อยครั้ง เพราะศึกษามาว่าการเล่านิทานให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้องมันช่วยกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูก และยังทำให้ลูกจดจำเสียงของพ่อและแม่ได้ด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าเจตนิพัทธ์เองก็จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย ตอนที่เขาชวนเธอไปซื้อหนังสือเมื่อช่วงบ่ายก็เอาแต่พูดไม่หยุดว่าอยากอ่านเรื่องอะไรให้ลูกฟังบ้าง แถมยังซื้อกลับมาจนแทบทำเป็นชั้นหนังสือได้เลยเสียงเล่านิทานยังติด ๆ ขัด ๆ เพราะเพิ่งจะเคยเล่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นเจตนิพัทธ์ก็ยังตั้งใจเล่าต่อไปและบอกตัวเองตลอดว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องเล่าให้ดีกว่านี้ให้ได้ และเมื่อนิทานจบลงว่าที่คุณพ่อถึงได้รู้ว่าคนบนเตียงนอนหลับสนิทไปแล้ว"ไม่ใช่ว่าน่าเบื่อจนหลับหรอกใช่ไหม" เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบากับตัวเอง ก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่มให้คนบนเตียง วันนี้เขายังจับจองพื้นข้างเตียงของบัวบูชาเป็นที่หลับนอนเช่นเคยเจตนิพัทธ์นั่งมองหน้าคนหลับสลับกับหน้าท้องที่มีลูกของเราอยู่ในนั้นนานจนเริ่มง่วง แต่ก่อนจะนอนเขาก็อยากจะสัมผัสเนื้อตัวแม่ของลูกนิด ๆ หน่อย ๆ ให้พอชุ่มชื่นหัวใจบ้าง ใบห
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 3/4"แล้วต่อจากนี้บัวมีสิทธิ์ไหมคะ สิทธิ์ที่จะอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคุณเจตให้มากขึ้น"ใบหน้าคมเข้มระบายยิ้มกว้าง ดวงตาคล้ายมีประกายระยิบระยับอยู่ด้านในนั้น เขาก้าวเข้าไปใกล้คนท้องขึ้นอีกหน่อยก่อนจะเอื้อมไปจับมือของเธอไว้"ได้สิ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับพี่บัวถามได้เลยนะ ถามได้ตลอดเวลา อยากรู้ตอนไหนก็ถามออกมาได้เลยพี่พร้อมจะบอกทุกเรื่อง" เขาไม่รู้ว่ารอยยิ้มของตัวเองตอนนี้เรียกว่ายิ้มจนแก้มแทบปริได้ไหม รู้แค่เพียงดีใจเหลือเกินที่คนตรงหน้าอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาให้มากขึ้นบัวบูชาไม่รู้ว่าเธอคิดผิดหรือถูกที่พูดออกไปแบบนั้น เพราะมันทำให้เจตนิพัทธ์ยิ้มกว้างอย่างที่เธอชอบ เธอชอบมองเขายิ้มและหัวเราะที่สุด และตอนนี้รอยยิ้มของเขาก็ทำเอาหัวใจเธอสั่นไหวรุนแรงเหลือเกิน"คือ...เอ่อ" อยู่ ๆ เธอก็คล้ายคนสมองเบลอไปชั่วขณะคิดอะไรไม่ออกเพียงเพราะรอยยิ้มของผู้ชายคนหนึ่ง "บัวว่าบัวหิวแล้วค่ะ""กับข้าวเสร็จหมดแล้ว บัวไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลย เดี๋ยวพี่ยกไปให้"เธอเพียงพยักหน้ารับก่อนจะเดินหน้าร้อนออกมาจากจุดที่ยืนอยู่ และไม่รู้เลยว่าตอนนี้บนใบหน้ากำลังมีรอยยิ้มแห่งความดีใจประด
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 2/4คนท้องรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสายของวัน อาการแพ้ท้องดีขึ้นมากกว่าช่วงเช้า ว่าที่คุณแม่ที่หน้าท้องเริ่มนูนเด่นค่อย ๆ ขยับตัวลุกจากเตียง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอน และเพราะมีเสียงดังมาจากในห้องครัวเธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดู ซึ่งก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นคนที่อยู่ในครัวไม่ใช่ป้าชื่น แต่เป็นเจ้าของร่างสูงโปร่ง อีกทั้งเจตนิพัทธ์ตอนนี้ยังอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนอีกด้วย"คุณเจตทำอะไรอยู่คะ""ตื่นแล้วเหรอ" เขาหันมายิ้มกว้างให้คนท้อง ก่อนจะรีบล้างไม้ล้างมือแล้วก้าวเดินเข้าไปหาเธอ ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนเมื่อเช้า เพราะบัวบูชาเริ่มเหม็นกลิ่นตัวพ่อของลูกอีกแล้ว"อย่าเข้ามาใกล้เกินค่ะ" เธอรีบยกมือขึ้นห้ามเขาไว้ ซึ่งเจตนิพัทธ์ก็ยอมถอยห่างแต่โดยดี"ยังคลื่นไส้อยากอ้วกอยู่อีกไหม""ห่างเท่านี้ก็ไม่ค่อยได้กลิ่นแล้วค่ะ ว่าแต่ป้าชื่นล่ะคะ" ดวงตาคู่สวยมองหาคนที่อยู่ดูแลเธอมาเกือบจะสองเดือน ปกติทุกเช้าหลังตื่นนอนบัวบูชามักจะเห็นป้าขื่นคลุกตัวอยู่แต่ในห้องครัวนี่นา"พี่ให้แกกลับไปแล้ว เพราะต่อจากนี้พี่จะเป็นคนดูแลเธอกับลูกเอง อีกอย่าง...ก็ถือเป็นการซ้อมอยู่ด้วยกันแบบพ่อแม
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 1/4คนที่เพิ่งจะได้นอนช่วงเช้ามืดเพราะมัวแต่หาข้อมูลในการดูแลคนท้องสะดุ้งตัวตื่นทันที เมื่อได้ยินเสียงคนอ้วกดังมาจากในห้องน้ำ เจตนิพัทธ์รีบลุกทั้งในสภาพที่ใบหน้ายังงัวเงียและผมเผ้าไม่ได้จัดทรง เขาเดินตรงไปหน้าห้องน้ำโดยไม่ลืมหยิบขวดน้ำเปล่าไปให้คนท้องใช้ล้างคอว่าที่คุณแม่อ้วกจนแทบไม่มีอะไรให้อ้วกออกมาอีกแล้ว บัวบูชาไม่มีแรงพอจะยืนด้วยซ้ำจึงต้องนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นห้องน้ำก่อน ทว่าก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ ๆ ร่างกายก็ถูกช้อนอุ้มขึ้น"จะทำอะไรคะ""พาไปนอนที่เตียง เป็นแบบนี้ทุกเช้าเลยเหรอ" ร่างสูงถามขณะอุ้มว่าที่คุณแม่กลับมานอนพักยังเตียงนอน เขาวางเธอลงอย่างเบามือ ก่อนจะจัดการนำหมอนมารองแผ่นหลังเพื่อให้คนท้องนั่งได้อย่างสบายขึ้น"บัวแพ้ท้องช้า เพิ่งจะมาแพ้หนักก็ตอนที่เข้าเดือนที่สี่ค่ะ ช่วงเช้าก็จะแพ้ท้องหนักกว่าช่วงอื่น ๆ สาย ๆ หน่อยอาการก็จะดีขึ้นเองค่ะ""รอแป๊บนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำขิงกับขนมมาให้ เห็นเขาบอกว่ามันช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้""ใครบอกคะ" บัวบูชาเอียงคอสงสัย และก็ได้รับเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมาจากใบหน้าคมเข้ม"ในเน็ตน่ะ"เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง
บทที่ 18 ขอโอกาส 3/3"ไหนว่าให้โอกาสเรื่องลูกไง ในท้องก็ลูกพี่นะ พี่ก็อยากจะดูแลเหมือนกัน"บัวบูชาถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ สุดท้ายเธอก็ยอมใจอ่อนให้เขาตามเคย"งั้นก็แล้วแต่คุณเจตค่ะ เดี๋ยวบัวไปหาผ้าปูกับหมอนมาให้""ไม่เป็นไร ๆ" ร่างสูงโปร่งรีบมาขวางคนท้องไว้ เขาจะไปใช้งานคนท้องลงได้อย่างไรกัน "เดี๋ยวพี่ไปหาเอง แต่อย่าล็อกห้องนะ ถ้าเธอล็อกห้องคืนนี้พี่จะพังประตูเข้ามาจริง ๆ ด้วย""เอาแต่ใจที่สุด"เธอบ่นเขาอย่างไม่จริงจังนัก และมันก็เรียกเสียงหัวเราะของเจตนิพัทธ์ได้ ปกติเธอเคยบ่นเขาที่ไหนกัน พอได้มาฟังและเห็นกับตาก็เป็นภาพที่แปลกไม่น้อย แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก"เพราะเป็นห่วงต่างหาก""อยากทำอะไรก็เชิญค่ะ บัวไม่สนใจคุณแล้ว บัวง่วง" คนท้องที่ตาแทบปิดพูดตัดบท ก่อนจะหมุนปลายเท้าไปทางเตียงนอน"โอเค ๆ ป่ะ ไปนอนกัน" คนฉวยโอกาสเก่งรีบเข้าไปประคองเอวของบัวบูชาและพาเดินกลับไปที่เตียง เมื่อเธอล้มตัวนอนก็ช่วยดึงผ้าห่มมาห่มให้ทว่าเขายังไม่ยอมออกไปหาผ้าและหมอนอย่างที่พูดไว้ก่อนหน้า ร่างสูงโปร่งนั่งลงข้าง ๆ เตียงคนท้อง คราแรกสายตาก็จ้องมองใบหน้าหวานอยู่อย่างนั้นจนบัวบูชาต้อ
บทที่ 18 ขอโอกาส 2/3กลายเป็นบัวบูชาเสียเองที่ต้องหลบสายตาไปก่อน บางทีที่คนพูดไว้ว่าคนที่รู้สึกมากกว่ามักจะแพ้ในเรื่องความรักเสมอ อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ เพราะเพียงแค่เขาพูดถ้อยคำที่ดูหวานซึ้งและจริงใจออกมา หัวใจของบัวบูชาก็คล้ายจะโอนอ่อนตามไปได้ง่าย ๆ"ตอนนี้บัวคงให้โอกาสคุณได้แค่เรื่องลูกค่ะ เพราะยังไงคุณเจตก็เป็นพ่อของแก ส่วนเรื่องของเรา บัว คือ บัวยังไม่แน่ใจ และต้องบอกตามตรงว่าบัวยังไม่เชื่อใจคุณเจตค่ะ"เธอรู้ว่าคนเราเปลี่ยนกันได้ แต่ก็ยากจะเชื่อได้อย่างสนิทใจในตอนนี้ว่าคนตรงหน้าจะยอมเปลี่ยนตัวเองจริง ๆ เกิดเขาแค่ดีกับเธอแค่วันนี้พรุ่งนี้ วันมะรืนกลับไปเป็นคนใจร้ายเช่นเดิมล่ะใบหน้าหล่อระบายยิ้มอ่อนโยนออกมา เขาเข้าใจดีเรื่องที่บัวบูชาบอกว่ายังไม่เชื่อใจ ก็เขาเคยใจร้ายกับเธอตั้งมากมายขนาดนั้น ใครจะไปยอมเชื่อได้ง่าย ๆ ล่ะ แต่อย่างน้อยการที่เธอไม่ปฏิเสธเสียงแข็งกลับมาก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว ไม่สิ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากต่างหาก เพราะบัวบูชาให้โอกาสเขาเรื่องลูกแล้ว"ในเมื่อเธอยังไม่แน่ใจ ก็ขอโอกาสให้ฉันได้พิสูจน์ความจริงใจให้เห็นนะ" เขายังไม่ยอมปล่อยมือนุ่มไป ยังใช้นิ้วหัวแม
บทที่ 18 ขอโอกาส 1/3เจตนิพัทธ์อาบน้ำใหม่อีกรอบ หรือจะเรียกให้ถูกคงเป็นสามรอบมากกว่า รอบแรกเขาขัดตัวแล้วล้างออก จากนั้นก็ดมเช็กดูแม้จะหอมกลิ่นสบู่แล้วก็ตาม แต่ก็กลัวคนท้องจะยังเหม็นอีกจึงได้อาบซ้ำไปอีกสองรอบ อาบน้ำเสร็จจนคิดว่าตัวหอมก็รีบเดินออกมาตามหาคนที่เขาอยากพูดคุยด้วยมากที่สุดในตอนนี้ เมื่อเห็นว่าบัวบูชากำลังยืนดื่มนมอยู่ในห้องครัวก็รีบก้าวไปหา ทว่าดูเหมือนไอ้อาการแปลก ๆ ที่เรียกว่า 'เหม็นผัว' มันจะร้องเตือนคนท้องก่อนเจตนิพัทธ์จะได้เข้าใกล้เสียอีก ใบหน้าหวานจึงดูเหมือนพะอืดพะอมขึ้นมา ซึ่งอาการเหล่านั้นมันก็อยู่ในสายตาคู่คมตลอด เขาจึงต้องถอยออกมายืนในระยะที่ไม่ใกล้บัวบูชามากจนเกินไป"ยังเหม็นอยู่เหรอ""ก็ถ้าอยู่ห่าง ๆ ก็ไม่ได้กลิ่นแล้วค่ะ" "แต่ฉันอาบน้ำใหม่แล้วนะ""บัวไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าทำไมถึงยังเหม็นอยู่ แต่บัวไม่ได้แกล้งคุณนะคะ" คนท้องเริ่มมีสีหน้าคล้ายหงุดหงิดขึ้นมาดื้อ ๆ ทั้งที่เขายังไม่ได้พูดหรือกล่าวหาว่าเธอแกล้งเลยสักคำตอนนี้บัวบูชาเริ่มรู้สึกแล้วว่าการพูดคุยกับเจตนิพัทธ์ทำให้เธออารมณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก อาการไม่ต่างจากที่ป้าชื่นว่าไว้เลย ยิ่งใกล้ยิ่งเหม็นและยิ่งอาร
Mga Comments