Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 14 นี่เป็นค่าตอบแทนของเจ้า

Share

บทที่ 14 นี่เป็นค่าตอบแทนของเจ้า

Author: ม่อเยี่ยน
เดินเลี้ยวไปสองครั้ง เธอก็มาถึงถนนยาวหน้าตำหนักฉงหวู่

ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้จะเดินมาไม่หลงทาง ดูท่าเดินถูกทางก็มีข้อดีเหมือนกัน

พอเดินมาถึงปากทาง อินชิงเสวียนก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย และกังวลเรื่องผลได้ผลเสียขึ้นมา

หน้าประตูตำหนักฉงหวู่

เงาสูงโปร่งกำลังยืนมือไพล่หลังอยู่ข้างทาง

แสงจันทร์ยามค่ำคืนยิ่งทำให้เงาของเขายืดยาวมากขึ้น

ผู้นี้ก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เย่จิ่งอวี้

เขามองไปไกล และคิ้วขมวดเล็กน้อย

พลางคิดใจในว่าควรพบกับบ่าวคนนี้รึไม่

บางทีอาจเป็นเพราะบ่าวคนนี้ไม่รู้จักตนเอง จึงทำให้เย่จิ่งอวี้มีความรู้สึกแปลกใหม่ หรือบางทีอาจเป็นเพราะการที่เขาไม่หวั่นฟ้ากลัวดิน กล้าทำการค้าขายซึ่งๆ หน้าตัวเองก็ได้

แต่ท้ายที่สุด เขาก็เลือกกันผู้ติดตามออก และมาที่นี่คนเดียว

เขามองดูพระจันทร์อีกครั้ง ตอนนี้เวลาสามทุ่มแล้ว

ในดวงตาของเย่จิ่งอวี้ได้ปะปนแววหงุดหงิดเล็กน้อย

เจ้าสุนัขรับใช้ ใจกล้าจริงๆ ที่ปล่อยให้เขารอนานขนาดนี้

ขณะที่กำลังจะหันหลังเข้าตำหนักฉงหวู่ ก็ได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ว่า "ท่านพี่ทหาร ใช่เจ้าไหม?"

เย่จิ่งอวี้หันกลับมา ก็เห็นอินชิงเสวียนที่กำลังหลบๆ ซ่อนๆ ทำท่าเหมือนโจรในทันที

อินชิงเสวียนเองก็มองเห็นหน้าเขาในทันทีเช่นกัน แล้วก็อดดีใจไม่ได้

เขามาจริงๆ ด้วย

เธอจึงรีบวิ่งเหยาะๆ ไปหา "เป็นอย่างไรบ้าง? ของขายไปแล้วหรือยัง?"

เมื่อมองดูดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มคู่นั้น เย่จิ่งอวี้ก็ปั้นหน้าขรึมและพยักหน้า

อินชิงเสวียนจึงยื่นแขนแบบและมือออกทันที

"ได้เอาเงินมาไหม?"

เย่จิ่งอวี้ส่งเสียงในลำคอ แล้วหยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมา

อินชิงเสวียนรีบรับเอาไว้ทันที แล้วยกขึ้นส่องดูด้วยแสงจันทร์

เงินหนึ่งพันสองร้อยตำลึงของจริง

ขุนแม่ กำไรในพระราชวังมันดีจริงๆ

อินชิงเสวียนตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด เธอหยิบตั๋วเงินออกมาใบหนึ่ง แล้วยัดไปให้เย่จิ่งอวี้ด้วยใบหน้าร่าเริง

"ท่านพี่ทหารลำบากแล้ว นี่เป็นค่าตอบแทนของเจ้า เราร่วมมือกันต่อนะ"

เมื่อมองดูมือขาวเนียนเล็กๆ ที่ยื่นมาแตะตรงอกของตนเอง เย่จิ่งอวี้ก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจ แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่เขามองลงไป อินชิงเสวียนก็ชักมือกลับไปแล้ว

จากนั้นเธอก็หยิบแป้งพัพบีบีออกมาสามตลับ

"ท่านพี่ทหาร สามชิ้นนี้ก็ชิ้นละสองร้อยตำลึงเช่นกัน ที่มากกว่านั้นเป็นของเจ้า สรรพคุณของมันคือ.."

อินชิงเสวียนดึงมือของเย่จิ่งอวี้มา เธอทาแป้งให้เขา พร้อมกับพูดถึงสรรพคุณของแป้งพัพบีบีไม่หยุด

เมื่อมองหลังมือที่ขาวและเนียนหลังจากทาแป้ง เย่จิ่งอวี้ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย

เจ้าขันทีหนุ่มน้อยคนนั้นไปได้ของดีๆ เหล่านี้มาจากที่ไหนกัน?

อินชิงเสวียนพูดบรรยายอยู่ราวสิบนาที ในที่สุดก็พูดจบเสียที และเมื่อเงยหน้าขึ้นประสบเข้ากับเย่จิ่งอวี้ที่หรี่ดวงตาเรียวยาวลงมาจับจ้องตนเองอยู่ เธอก็ตกใจ และรีบปล่อยมือเขาออก

"ท่านพี่ทหาร ข้าล่วงเกินเจ้าหรือเปล่า?"

ยังไม่ทันที่เย่จิ่งอวี้จะเปิดปากพูด อินชิงเสวียนก็ถามต่อว่า "เจ้าเป็นขุนนางสินะ ผู้บัญชาทหารรักษาพระองค์?"

เย่จิ่งอวี้ไม่พูด ดวงตานิ่งลึกดั่งทะเล จนยากที่จะคาดเดาความคิดของเขาได้

อินชิงเสวียนยิ้มแห้งๆ "เป็นรองผู้บัญชาก็ไม่แย่เช่นกัน เจ้ายังหนุ่ม อนาคตยังมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง เพียงแต่มันคงไม่ดีนักที่เจ้ามักปั้นหน้าบึ้งตึง เป็นคนต้องยิ้มบ่อยๆ ยิ้มแล้วจะได้โชคดี"

เมื่อเห็นว่าเขากำลังอ้าปากพูดแบบไม่มีที่สิ้นสุด เย่จิ่งอวี้ก็ขมวดคิ้ว

"น่ารำคาญ"

อินชิงเสวียนรีบหุบปากทันที

ทั้งสองคนยืนเงียบไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก็ชวนให้รู้สึกอึดอัด

อินชิงเสวียนไอกระแอมแล้วพูดว่า "งั้น...ข้าไปก่อนล่ะ เราพบกันใหม่สามวันให้หลังเช่นเดิม?"

เธอเดินไปสองก้าวก็หันกลับมาถามอีกว่า "เจ้าออกนอกวังได้ไหม?"

เย่จิ่งอวี้เหล่ตามอง "มีอะไร?"

อินชิงเสวียนพูดด้วยความเคอะเขินว่า "ข้าอยากให้เจ้าช่วยซื้อเนื้อมาให้หน่อย"

คะแนนสะสมเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว ไม่สามารถเอาไปใช้แลกซื้อเนื้ออีกแล้ว

เย่จิ่งอวี้เลิกคิ้วขึ้น "หอฉงฮวาของพวกเจ้าไม่มีเนื้อให้กิน?"

เกร็ดความรู้ที่ได้รู้มาจากอวิ๋นฉ่าย ทำให้อินชิงเสวียนรู้ว่าที่ๆ มีชื่อเรียกว่าหอล้วนแต่เป็นที่อยู่ของเจ้านายที่ไม่เป็นที่โปรดปราน เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสารว่า "เจ้านายของพวกข้าไม่ได้รับความโปรดปราน จะไปเอาเนื้อมาจากที่ไหน ท่านพี่ทหารถ้าเจ้าออกไปได้ ครั้งหน้าก็ช่วยซื้อเนื้อเข้ามาให้ข้าสักหน่อยเถอะ"

เย่จิ่งอวี้ไม่ได้พูดตอบ อินชิงเสวียนจึงถือว่าเขารับปากแล้ว

เธอโบกไม้โบกมือด้วยความดีใจ "ท่านพี่ทหาร อีกสามวันพบกันใหม่"

อินชิงเสวียนเดินหลงทางอีกแล้ว และเย่จิ่งอวี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ตะโกนออกไปว่า "เลี้ยวขวา"

"ขอบคุณ"

เพราะตื่นเต้นมากเกินไป ทำให้อินชิงเสวียนลืมทิศทางซ้ายขวา

พอมาถึงหน้ารูกำแพงเธอก็มองไปรอบๆ ก่อน แล้วจึงรีบคลานกลับเข้าไป

อวิ๋นฉ่ายยังไม่นอน และกำลังรออยู่ตรงรูกำแพง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รีบเข้าไปพยุงเธอขึ้นมา

"พระสนม เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?"

"สำเร็จ"

อินชิงเสวียนหยิบหยิบตั๋วเงินออกมาจากในเสื้อ

เมื่อเห็นกองกระดาษที่ด้านบนเขียนว่าหนึ่งร้อยตำลึงทุกแผ่น อวิ๋นฉ่ายก็ดีใจจนกระโดดไปมา

"นึกไม่ถึงว่าพระสนมจะขายมันออกไปได้จริงๆ และยังขายได้เยอะขนาดนี้ด้วย พระสนม พระองค์สุดยอดไปเลยเพคะ"

ยายหลี่เพิ่งกล่อมเจ้าหมาน้อยหลับไป เมื่อได้ยินดังนั้นก็วิ่งออกมาด้วย

เมื่อจ้องมองไปที่ตั๋วเงินเหล่านี้ ก็ดีใจจะเสียงสั่นเช่นกัน

"นึกไม่ถึงว่าพระสนมจะหาช่องทางได้จริงๆ ทีนี้แผนการออกจากวังของเรานับว่ามีความหวังจริงๆ แล้ว"

อินชิงเสวียนพยักหน้า

"ใช่แล้ว พวกเราต้องเก็บเงินก่อน แล้วค่อยๆ สร้างเครือข่าย ขอเพียงเราจ่ายเงินให้มากพอ การออกจากวังก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร"

"ใช่แล่วเพคะ"

ทั้งสามคนจับมือกันแน่น ต่างก็มองเห็นความเปรมปรีดิ์ภายในดวงตาของอีกฝ่าย

ตอนนี้แม้แต่อาหารก็ไม่ให้พวกเธอแล้ว ก็หมายความว่าวังเย็นแห่งนี้ไม่มีคนดูแลแล้ว

หากไม่มีคำสั่งจากฮ่องเต้ ประตูวังก็เปิดออกไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

นี่ก็คือเหตุผลที่อินชิงเสวียนกล้าวางใจมากขนาดนี้

ขอเพียงพวกนางไม่หลุดฐานะของตัวเองออกไป คนที่ช่วยพวกนางก็จะไม่เดือดร้อนด้วย

อย่างไรเสียก็เป็นนางกำนัลที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้อยู่แล้ว อย่าว่าแต่หนีเลย ต่อให้ตายสักสองสามคน พวกขันทีข้ารับใช้ภายในก็มีปัญญาบิดพริ้วไปได้

สิ่งที่ควรคิดตอนนี้ก็คือ จะทำอย่างไรถึงจะสามารถรู้จักกับคนเหล่านี้ และทหารคนนั้นจะยอมพาตนเองไปรู้จักหรือไม่

หมอนั่นดูเหมือนจะเย่อหยิ่งพอสมควร เหมือนไม่ค่อยเห็นใครอยู่ในสายตา

เมื่อนึกถึงดวงตานิ่งลึกราวกับบ่อน้ำลึกคู่นั้น อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าเดาใจเขาไม่ถูก

เจอกันครั้งหน้า ควรต้องกระชับความสัมพันธ์กับเขาหน่อย ให้ค่าตอบแทนเยอะหน่อย จะมีใครไม่รับเอาไว้บ้าง

เมื่อตัดสินใจแล้ว อินชิงเสวียนก็ไปเฝ้าพระอินทร์ต่อ

วันรุ่งขึ้น

เธอเข้าไปดูสถานการณ์ในช่องว่าง

แตงโมงเริ่มติดผลแล้ว เมื่อมองดูผลอ่อนแตงโมสีเขียว อินชิงเสวียนก็อดดีใจไม่ได้ นี่คงจะเป็นความปิติยินดีในฤดูเก็บเกี่ยวละมั้ง

หลังจากที่เดินสำรวจรอบๆ ช่องว่างแล้ว และไม่พบที่ๆ สามารถสะสมคะแนนเพิ่มได้ คงมีแต่ต้องลองกระตุ้นที่น้ำพุวิญญาณดูสักครั้ง

หลังอาบน้ำ อินชิงเสวียนก็ออกไป

เจ้าหมาน้อยตื่นแล้ว เมื่อเห็นอินชิงเสวียนเขาก็กางมือออกทันที และส่งเสียงอู้อี้เรียกเธอ

ยายหลี่ยิ้มและพูดว่า "องค์ชายน้อยอยากให้พระสนมอุ้มเพคะ"

อินชิงเสวียนลังเลชั่วขณะแล้วถามว่า "จะทำให้เขาเจ็บหรือเปล่า?"

ยายหลี่คิดว่าอินชิงเสวียนไม่ชอบเด็ก แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกโล่งใจ เธอมองดูเจ้าหมาน้อยด้วยความรักความเอ็นดู และพูดว่า "ไม่เจ็บเพคะ องค์ชายน้อยของเราเนื้อแน่นมากๆ แทบจะตามเด็กอายุหนึ่งขวบทันแล้วเพคะ"

อินชิงเสวียนรับเด็กน้อยมาด้วยความรู้สึกกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย เธอรู้สึกเพียงว่าในอ้อมกอดนั้นนุ่มนิ่มมาก เหมือนกับลูกชิิ้นเลย แล้วยังมีกลิ่มหอมนมด้วย

เธอจึงหอมไปที่แก้มกลมๆ ของเขาฟอดหนึ่งอย่างอดไม่ได้

เจ้าหมาน้อยก็หัวเราะคิกๆ ขึ้นมาทันที จากนั้นก็ออกแรงเหวี่งศรีษะน้อยๆ ทันใดนั้นก็กัดไปที่แก้มของอินชิงเสวียน ทันทีที่สัมผัสกับผิว เขาก็ออกแรงดูดดุนทันที

อินชิงเสวียนโดนดูดจนรู้สึกจั๊กจี๋ จึงหันไปตะโกนพูดกับข้างนอกทันทีว่า "อวิ๋นฉ่าย ชงนมมาให้เจ้าหมาน้อยเร็ว"

ทันทีที่พูดจบ ก็มีหินก้อนหนึ่งถูกโยนเข้ามาจากข้างนอก
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status