Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 6 เลี้ยงลูกไว้ทวงบัลลังก์

Share

บทที่ 6 เลี้ยงลูกไว้ทวงบัลลังก์

Author: ม่อเยี่ยน
อวิ๋นฉ่ายหัวร้อนขึ้นมาทันที ลุกขึ้นแล้วพูดว่า "ไป๋เสวี่ย ทำไมเจ้ามาที่นี่อีกแล้ว เจ้าแย่งเนื้อของพระสนมไม่ได้นะ"

เมื่อมองดูไป๋เสวี่ยที่กำลังเคี้ยวเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย อินชิงเสวียนรู้สึกไร้คำจะบรรยายเอามากๆ

เจ้าสุนัขตัวนี้จมูกไวเกินไปแล้ว

"มันจะกินก็ให้มันกินเถอะ เรายังมีเนื้ออีกตั้งเยอะ"

อวิ๋นฉ่ายรีบปิดฝาหม้อทันที ป้องกันไป๋เสวี่ยกระโดดขึ้นมาแย่งอีก

กลิ่นเนื้อหอมยั่วยวน ทำให้ไป๋เสวี่ยร้อนใจจนเดินวนเป็นวงกลม มันตัดสินใจนั่งลง แล้วเอามือประกบชิดกันเป็นท่าไหว้อินชิงเสวียน

อินชิงเสวียนคีบเนื้อให้มันอีกชิ้นหนึ่ง หัวเราะพลางดุว่าไปด้วย "เจ้าตัวแสบ เจ้านายของเจ้าขาดเหลือสิ่งใดกัน เจ้าถึงต้องมาแย่งกินกับพวกข้า"

อวิ๋นฉ่ายกินไปด้วย และพูดอ้ำอึ้งไปด้วยว่า "ต้องเป็นเพราะเนื้อที่ฝ่าบาทให้ไม่หอมเท่าของพวเราแน่ๆ เลย พระสนม มันอร่อยมากจริงๆ โรตีก็อร่อยเพคะ"

เมื่อเห็นยัยหนูยิ้มจนตาหยี อินชิงเสวียนก็อารมณ์ดีมาก

"วันหลังพวกเราจะกินของอร่อยทุกวันเลย"

ทั้งสามคนกินด้วยตวามไวปานพายุ พริบตาเดียวเนื้อที่ต้มไว้ในหม้อเหลือเพียงไม่มากแล้ว ไป๋เสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็พลอยได้ลาภปากไปน้อยเช่นกัน มันดีใจจนส่งเสียงเห่าร้อง

เจ้าสุนัขนั้นน่ารักน่าเอ็นดูมาก เพียงแต่พอคิดถึงเจ้านายใจร้ายของมัน อินชิงเสวียนก็รู้สึกหงุดหงิด

เธอก้มลงไปหยิบไม้ฟืนที่ไฟดับไปแล้วขึ้นมาหนึ่งอัน แล้วจับไป๋เสวี่ยมาวาดคิ้วโค้งๆ เส้นหนาทึบ จมูกโตๆ เหมือนกับตัวตลกและแก้มกลมๆ ดำๆ สองข้างให้มัน

ได้ยินว่าเจ้าคนแซ่เย่รักสุนัขดุจชีวิต ถ้าเห็นว่ามีคนรังแกสุนัขของเขาแบบนี้ จะต้องโมโหแทบบ้าแน่ๆ

หลังจินตนาการท่าทางโมโหสุดขีดของเขา อินชิงเสวียนก็รู้สึกสะใจขึ้นมาทันที

ส่วนไป๋เสวี่ยคิดว่าอินชิงเสวียนกำลังเล่นกับมัน มันกระดิกหางไปมาไม่หยุด ขี้เถ้าตรงเตาก็ถูกหางของมันช่วยปัดจนสะอาด

"กลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นใหม่"

หลังวาดเสร็จ อินชิงเสวียนก็ใช้มือตบไปที่หัวมันเบาๆ

ไป๋เสวี่ยดีใจและวิ่งมุดออกไปทันที

อวิ๋นฉ่ายหวั่นใจ "พระสนม ฝ่าบาทจะไม่รู้ใช่ไหมว่าพระองค์เป็นคนวาด"

"ไม่หรอก เขาคงจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่ามีข้าอยู่"

เวลาผ่านมาหนึ่งปีแล้ว ถ้าผู้ชายเฮงซวยคนนั้นยังคิดถึงเจ้าของร่างเดิม ก็คงจะส่งคนมาดูเธอบ้าง ต่อให้ไม่ปล่อยเธอออกไปจากวังเย็น ก็น่าจะถามถึงความเป็นอยู่ของเธอ แต่ตอนนี้แม้แต่อาหารบูดเน่าก็ไม่มีให้ แสดงว่าเขาตัดใจทิ้งเจ้าของร่างเดิมมานานแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็อดรู้สึกแค้นใจไม่ได้

หากเธอออกจากวังได้จริงๆ เธอจะเลี้ยงลูกให้โต แล้วให้ลูกก่อกบฎ ฆ่าฮ่องเต้ชาติชั่ว เพื่อแก้แค้นให้เจ้าของร่างเดิม

ถูกต้อง ต้องทำแบบนี้แหละ!

ว่าแล้วอินชิงเสวียนก็ลุกขึ้นร่ายรำไม้มวยครู่หนึ่ง แล้วเริ่มด้วยการยืนบนเก้าอี้ที่ขาหักไปข้างหนึ่ง

"พระสนม พระองค์ช้าๆ หน่อย ยังอยู่ในเดือนนะเพคะ"

อวิ๋นฉ่ายรีบเข้าไปพยุงเธอไว้

"ไม่เป็นไร"

อินชิงเสวียนรู้สึกว่าตัวเองสบายดี ไม่มีความรู้สึกอ่อนเพลียเหมือนคนที่อยู่ในเดือนเลย

เธอหันไปหาอวิ๋นฉ่าย "ข้างนอกวังเย็นมีทหารเฝ้าอยู่ไหม?"

อวิ๋นฉ่ายพยักหน้า "มีสองคน เป็นพี่น้องกัน ชื่อหวังต้าหวู่กับหวังเอ้อร์หวู่เพคะ"

อินชิงเสวียนถามอีกว่า "พวกเขาเป็นคนยังไง"

อวิ๋นฉ่ายคิดแล้วพูดว่า "น่าจะพอใช้ได้กระมัง บ่าวก็ไม่ได้รู้จักกับพวกเขานัก"

"เช่นนั้นเจ้าไปทำความรู้จักกับพวกเขาอีกหน่อย ข้ามีสิ่งของอยากให้พวกเขาเอาไปขาย ทุกอย่างข้าจะเอาแค่หนึ่งร้อยตำลึง ที่ขายได้มากกว่านั้นก็ให้พวกเขาไป"

อินชิงเสวียนถือชายกระโปรงแล้วเดินเข้าไปในบ้าน

อวิ๋นฉ่ายเดินตามหลังเธอไป ถามด้วยความตะลึง "พระสนม บ่าวไม่ได้ฟังผิดใช่ไหมเพคะ สิ่งใดกันหรือที่สามารถขายได้ตั้งหนึ่งร้อยตำลึง?"

อินชิงเสวียนเปิดม่าน แล้วหยิบกระจกและน้ำหอมออกมา

"ของพวกนี้"

อวิ๋นฉ่ายส่งเสียงด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง

"นี่คืออะไรหรือ กระจกหรือเพคะ ภาพที่สะท้อนชัดมากเลย"

อินชิงเสวียนคุ้นเคยกับท่าทางขาดประสบการณ์ของอวิ๋นฉ่ายแล้ว พยักหน้าและพูดว่า "นี่คือกระจกและน้ำหอม"

เธอเปิดฝาขวดน้ำหอมแบบลูกกลิ้งออก แล้วทาไปบนแขนของอวิ๋นฉ่าย ทันใดนั้นกลิ่นหอมของน้ำหอม็ฟุ้งกระจายไปทั่ว

อวิ๋นฉ่ายออกแรงสูดหายใจ "หอมจังเลย มันหอมกว่าแป้งหอมเสียอีกเพคะ"

อินชิงเสวียนมองบน แป้งหอมรึจะสู้กับไฮเทคของศตวรรษที่ยี่สิบได้

ยายหลี่ก็เดินเข้ามาด้วย อินชิงเสวียนก็ทาน้ำหอมให้เขาด้วยเช่นกัน

แต่ยายหลี่กลับจ้องที่ขวดสีมุกที่ใส่น้ำหอมนั้นไม่วางตา และพูดด้วยความตื่นเต้นว่า "ลำพังแค่ขวดแก้วที่สีสันระยิบระยับนี้ก็เรียกราคาได้หนึ่งร้อยตำลึงแล้ว"

"จริงหรือ?"

อินชิงเสวียนทำท่าไม่อยากเชื่อ ดูท่าราคาร้อยตำลึงเธอยังขายถูกไปด้วยซ้ำ

"ช่างเถอะ ชิ้นละหนึ่งร้อยตำลึงแล้วกัน พวกเราต้องหาเงินให้เร็วที่สุด ถ้าสองพี่น้องตระกูลหวังสามารถปิดปากเงียบได้ ต่อไปทุกคนก็จะมีเงิน"

อวิ๋นฉ่ายก็รู้สึกตื่นเต้นด้วย "ได้เลย บ่าวจะลองไปคุยดูเดี๋ยวนี้"

"ให้ข้าไปแทนดีกว่า" ยายหลี่รั้งอวิ๋นฉ่ายไว้ แล้วหันไปคำนับอินชิงเสวียน

"พระสนม บ่าวขอแนะนำว่าไม่ควรให้พวกเขาจำนวนมากๆ ในครั้งคราเดียว ต้องให้พวกเขาได้ลิ้มรสความหวานก่อนเล็กน้อย วันหลังจะได้ช่วยพวกเราขายอย่างเต็มที่"

อินชิงเสวียนก็คิดว่ามีเหตุผล ของเหล่านี้เธอแลกมาด้วยคะแนนสะสม ถ้าเกิดถูกโกงไป เธอจะไปเอาเรื่องกับใคร

เธอพยักหน้า "ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะให้พวกเขาอย่างละสองชิ้น ทางที่ดีที่สุดคือพวกเขาเอาไปขายนอกวัง จะได้ไม่เป็นที่สะดุดตา"

"บ่าวทราบแล้วเพคะ"

ยายหลี่รับน้ำหอมและกระจกมาแล้วก็เดินไปที่ประตูวังเย็น

ห้องหนังสือ

เย่จิ่งอวี้กำลังอ่านฎีกาด้วยหน้าตาตึงเครียด

ฎีกาในช่วงนี้ล้วนเป็นเรื่องเดียวกันหมด นั่นคือให้เขาแต่งตั้งมเหสี หรือไม่เลือกหลับนอนกับหญิงงาม เพื่อเลือกสนมให้ได้ในเร็ววัน

ภัยพิบัติทั่วทั้งแผ่นดิน ตาแก่พวกนี้มองไม่เห็น กลับเอาแต่จับจ้องที่เรื่องหลังบ้านของเขา

พวกสารเลว สมควรตายจริงๆ!

เขาอ่านฎีกาต่ออีกสิบกว่าฉบับ ซึ่งล้วนเป็นเนื้อหาเดียวกันทั้งหมด เย่จิ่งอวี้รู้สึกโมโหจนปาฎีกาลงพื้น

ขันทีเด็กสองคนรีบก้มหัวลงทันที ไม่กล้าแม่แต่จะหายใจเสียงดัง

ทว่าเพิ่งเห็นเงาสีขาวๆ รำไร เจ้าตัวขนหนาปุกปุยก็กระโจนเข้าไปหาเขา

เย่จิ่งอวี้ยื่นแขนไปกอดไป๋เสวี่ย กลับได้มือที่เปื้อนสีดำมาแทน

และเมื่อมองดูคิ้วหนาๆ บนตาสองข้างของไป๋เสวี่ย กับแก้มสีดำสนิทของมัน เขาก็พูดด้วยความโมโห "บังอาจนัก ใครช่างกล้าดีวาดเขียนหน้าไป๋เสวี่ยเช่นนี้"

ขันทีเด็กทั้งสองคนตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้นทันที

"ฝ่าบาทโปรดเย็นพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ"

ไป๋เสวี่ยยังคงกระโจนใส่เขาด้วยความดีใจ ราวกับกำลังรอให้เย่จิ่งอวี้พูดชมมัน

ชุดสีขาวพระจันทร์ของเขาถูกไป๋เสวี่ยถูไปมาจนเลอะไปหมด ยิ่งทำให้เย่จิ่งอวี้โมโหมากขึ้น เขายกมือผลักไป๋เสวี่ยออกไป

"พามันไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้"

"พ่ะย่ะค่ะ"

ขันทีเด็กทั้งสองรีบจับไป๋เสวี่ยเอาไว้ แล้วพยายามอุ้มมันออกไป

ส่วนขันทีอาวุโส หลี่เต๋อฝู ได้ถือเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาแล้ว

เขาพูดด้วยความหวาดหวั่น "ฝ่าบาทโปรดทรงเย็นพระทัย อาจจะเป็นหญิงงามคนหนึ่งคนใดที่ไม่รู้ความเล่นกับไป๋เสวี่ยจนเกินเหตุก็ได้พ่ะย่ะค่ะ"

เย่จิ่งอวี้ใช้มือกระชากชุดออก ดวงตาเยือกเย็นประดุจน้ำแข็ง

"ไปตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นใคร โทษโบยห้าสิบครั้งไม่มียกเว้น และห้ามย่ำก้าวเข้าวังอีกตลอดชีวิต"

เขาเหล่มองไปที่เสื้อผ้าบนมือของหลี่เต๋อฝู พูดด้วยเสียงต่ำว่า "ไปเอาชุดรบของข้ามา"

เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนศรีษะของหลี่เต๋อฝูในทันที ฝ่าบาทจะไปที่ตำหนักฉงหวู่อีกแล้วงั้นหรือ ทหารที่เป็นคู่ซ้อมต้องเจ็บตัวอีกแล้ว...

ตอนนี้ข่าวที่ไป๋เสวี่ยถูกกลั่นแกล้งได้แพร่ออกไปแล้ว ทุกคนในวังหลังต่างก็พากันหวาดหวั่น

แต่ก็รู้สึกสงสัยด้วยเช่นกัน

ไป๋เสวี่ยไม่เคยไปเข้าใกล้กับหญิงงามเหล่านี้ ใครกันแน่ที่ใจกล้าบ้าบิ่นไปแตะต้องมัน
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status