Share

บทที่ 7 ช่องทางหาเงิน

ทุกคนต่างก็รู้ว่าเย่จิ่งอวี้รักสุนัขตัวนี้ เหล่าหญิงงามที่เพิ่งเข้าวังต่างก็พยายามเอาอกเอาใจมันเพื่อให้เป็นที่โปรดปราน แต่ไม่ว่าพวกเธอจะใช้วิธีอะไรหลองล่อไป๋เสวี่ย เจ้าสุนัขกลับไม่ยอมใกล้ชิดพวกเธอเลย

และเพราะไป๋เสวี่ยมีขนาดตัวใหญ่มาก พวกเธจึงไม่กล้าเข้าใกล้มันมากเช่นกัน เพราะกลัวจะโดนมันกัด คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าวาดเขียนบนหน้ามันแบบนี้ หากเป็นฝีมือของหญิงงาม เธอต้องตายแน่

คนจำนวนไม่น้อยกำลังรอดูเรื่องสนุก

ซึ่งรวมถึงหลานสาวแท้ๆ ของไทเฮา ลู่จิ้งเสียน ด้วย

ซึ่งตอนนี้เธอถูกแต่งตั้งเป็นเสียนเฟย(สนมผู้พร้อมด้วยคุณธรรมปัญญา)แล้ว

แม้ว่าเธอไม่เคยถูกเย่จิ่งอวี้โปรดปราน แต่ในบรรดาหญิงงามที่มีอยู่เต็มพระราชวังแห่งนี้ เธอก็คือบุปผาที่โดดเด่นที่สุด มีทั้งฐานะและอำนาจ จึงเป็นบุคคลที่เหล่าหญิงงามแย่งกันประจบประแจง

เมื่อได้ข่าวเรื่องนี้ ลู่จิ้งเสียนก็หัวเราะด้วยความเยาะเย้ย

"ใครหน้าไหนกันที่ไม่ลืมหูลืมตากล้าสบประมาทไป๋เสวี่ยเช่นนี้ คิดจริงๆ หรือว่าทำเช่นนี้แล้วจะสามารถดึงดูดความสนใจของฝ่าบาทได้ ฝันไปเถอะ"

ชุ่ยจู๋ที่กำลังนวดขาพูดทันทีว่า "นั่นสิเพคะ ฝ่าบาทออกคำสั่งแล้วว่าหากจับคนๆ นั้นได้จะโบยห้าสิบครั้ง และไล่ออกจากวังด้วย"

ลู่จิ้งเสียนกินของหวานชิ้นหนึ่ง แล้วเอนตัวพิงหมอนในท่าสบายอีกครั้ง และพูดด้วยน้ำเสียงปนอิจฉาว่า "ปกติแล้วคนนอกจะเข้าใกล้ไป๋เสวี่ยเป็นเรื่องยาก แม้แต่ข้าจะเข้าไปใกล้ มันก็ยังขู่ ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงยอมให้ใครทำอะไรก็ได้"

ชุ่ยจู๋พูดขึ้นทันทีว่า "อีกฝ่ายต้องใช้วิธีการอะไรบางอย่างแน่ๆ อย่ามองว่าหญิงงามเหล่านั้นว่านอนสอนง่าย แต่ละคนแอบซ่อนความคิดไม่ซื่อไว้ทั้งนั้นเพคะ"

ลู่จิ้งเสียนหัวเราะในลำคอ

"อย่างพวกนางจะมีปัญญาสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาได้ แต่ถ้าใครกล้าเสนอหน้า ข้าจะสั่งสอนเสียให้เข็ด"

ชุ่ยจู๋รีบพูดสมทบต่อ "มีพระสนมของเราอยู่ ต่อให้พวกนางจะใจกล้าแค่ไหน ก็ไม่กล้าทำอะไรหรอกเพคะ"

ลู่จิ้งเสียนยิ้มอย่างได้ใจ แล้วหรี่ตาลง

ในระหว่างที่ภายในวังหลัต่างวิพากษ์วิจารณ์​ไปต่างๆ​ นานา อินชิงเสวียนกลับกำลังปลูกพืชอยู่ในช่องว่าง

คะแนนต้องเก็บสะสม พืชผลก็เป็นเงินเช่นกัน

ครั้งนี้เธอพบว่าช่างว่างมีเพาะปลูกอัตโนมัติเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตัวเลือก ขณะเดียวกันก็ต้องแลกด้วย 10 คะแนน

อินชิงเสวียนลังเลอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเธอกัดฟันเลือกแลกเปลี่ยน

อย่างไรเสียพืชผลก็เติบโตเร็ว แค่ 10 คะแนนคงไม่เป็นไร

ของที่ขายในร้านค้าถือว่าไม่แพงมาก หลังจากที่แลกซื้อเมล็ดของมะเขือยาว พริกและแตงโมแล้ว ยังมีคะแนนเหลืออีก 69 คะแนน ซึ่งพอให้เธอใช้ไปได้อีกหลายวัน

หนึ่งนาทีต่อมา อินชิงเสวียนได้รับการแจ้งเตือนการเพาะเมล็ด เธอต้องนับถือในความยิ่งใหญ่ของระบบอีกครั้ง จากนั้นเธอก็เลือกรดน้ำด้วยน้ำพุวิญญาณอีก ทว่าครั้งนี้เมล็ดกลับไม่ได้แตกใบเติบโตเป็นต้น แต่เป็นต้นกล้าที่โผล่ออกมาแทน

อินชิงเสวียนอดที่จะรู้สึกเซ็งไม่ได้ ดูท่าทางหลังผ่านช่วงมือใหม่ไปแล้ว ภารกิจก็เริ่มเพิ่มความยากมากขึ้น

ยังดีที่ยังเป็นต้นกล้า ซึ่งก็ยังเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็โตเร็วกว่าเมื่อเทียบกับปลูกข้างนอก

หลังจากที่ปลอบใจตัวเองไปแล้ว เธอก็เข้าไปซื้อนมผงจากช่องว่างมาเพิ่มอีกสองถุง

เลี้ยงเจ้าหมาน้อยไม่ต่างกับเลี้ยงสิงโตคาบทอง* ทุกวันตื่นเป็นกิน เพียงแค่วันเดียว นมผงก็หมดไปหนึ่งส่วนสามถุงแล้ว

ตอนที่ออกจากช่องว่าง อินชิงเสวียนเอาแตงกวาและมะเขือเทศออกมาด้วยส่วนหนึ่ง เธอพบว่าผักเหล่านี้ยังคงสดใหม่เหมือนกับตอนที่เก็บใหม่ๆ ไม่เหี่ยวแห้งเลยสักนิด ดูท่าช่องว่างยังมีฟังก์ชันการเก็บรักษาความสดใหม่ด้วย

เธอส่งผักตให้อวิ๋นฉ่ายต่อแล้ว ก็บอกให้เธอแช่น้ำเย็นไว้ ค่อยเอามากินเวลาที่รู้สึกร้อนๆ ตอนเที่ยงวัน ก่อนที่แตงโมจะออกผลให้กิน ก็กินแทนผลไม้ไปก่อนแล้วกัน

อวิ๋นฉ่ายรับมาด้วยความดีใจ ขณะนั้นเอง ยายหลี่ก็กลับมาแล้ว

อินชิงเสวียนถามขึ้นทันที "เป็นอย่างไรบ้าง?"

ยายหลี่พยักหน้ารัวๆ ด้วยความตื่นเต้น

"พวกเขารับปากจะช่วยพวกเราขาย บ่าวกำชับพวกเขาเป็นพิเศษว่าให้ไปขายนอกวัง เพราะเป็นของที่พบเจอน้อย เชื่อว่าต้องขายออกไปได้อย่างรวดเร็วแน่นอนเพคะ"

ใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของอินชิงเสวียนก็รู้สึกโล่งขึ้นมา

ขอเพียงสองพี่น้องนี้ไม่โง่ ก็น่าจะรู้ว่านี่เป็นช่องทางหาเงิน

"งั้นก็ดี สองวันนี้เจ้าก็คอยถามดูด้วย"

"บ่าวทราบแล้วเพคะ"

ยายหลี่เพิ่งพูดจบ เจ้าหมาน้อยก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมา

อวิ๋นฉ่ายรีบวิ่งเข้าไปชงนม ส่วนยายหลี่ไปอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นมา

อินชิงเสวียนมองดูครู่หนึ่ง เธอรู้สึกแค่ว่าเด็กคนนี้ดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ไม่น้อย ท่าทางนุ่มนิ่ม กำปั้นเนื้อแน่นๆ คู่น้อยออกแรงกำแน่น คิ้วบางๆ ขมวดเข้าหากัน

อินชิงเสวียนอดใจไม่ได้ เธอยื่นมือไปจิ้มที่แก้มกลมๆ ของเขา

เจ้าหมาน้อยก็หยุดร้องทันที ศรีษะน้อยๆ ค่อยๆ หันมา ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองอินชิงเสวียน

ยายหลี่พูดด้วยความประหลาดใจ "ว่ากันว่าทารกต้องครบเจ็ดวันถึงจะมองเห็นชัดเจน แต่องค์ชายน้อยของเราเหมือนจะมองเห็นคนแล้วเพคะ"

"จริงหรือ?"

อินชิงเสวียนใช้มือเขี่ยเล่นตรงคางน้อยๆ ของเขาต่อ

เจ้าหมาน้อยราวกับรู้ว่าอินชิงเสวียนกำลังหยอกเขาเล่น ปากน้อยๆ ก็เผยอขึ้น แล้วหัวเราะคิกๆ ขึ้นมาทันที

ดวงตาสีดำเพ่งมองจนกลมโต ราวกับฝังอัญมณีสีดำไว้สองเม็ด ดูมีชีวิตชีวามาก

อินชิงเสวียนรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เธอจึงจับกำปั้นเล็ๆ ของเขาไว้ แล้วโยกไปมาอย่างเบามือ

เจ้าหมาน้อยกางมือออกและจับนิ้วของอินชิงเสวียนไว้ทันที ปากก็ร้องอู้อี้ๆ ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่

"เจ้ากำลังพูดว่าอะไร? อยากดื่มนมแล้วหรือ?"

อินชิงเสวียนอยากดึงนิ้วออก แต่เจ้าหมาน้อยกลับกำแน่นไม่ยอมปล่อย นึกไม่ถึงว่ามือน้อยๆ จะแรงเยอะขนาดนี้

เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นผลของน้ำพุวิญญาณ?

ไม่รู้ว่าถ้าใช้น้ำพุวิญญาณชงนมให้เจ้าหมาน้อยดื่มตลอดจะมีผลอย่างไรบ้าง ดีไม่ดีโตไปแล้วอาจจะต่อยเจ้าฮ่องเต้สารเลวนั่นร่วงในหมัดเดียวก็ได้

เมื่อจินตนาการถึงภาพลูกชายต่อพ่อ อินชิงเสวียนก็กระตุกยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกสะใจ

"พระสนม นมมาแล้ว องค์ชายน้อยคงหิวแย่แล้วแน่เลยเพคะ"

อวิ๋นฉ่ายถือขวดนมในมือ วิ่งเหยาะๆ เข้ามาในห้อง อินชิงเสวียนรับมาแล้วอังที่หนังตาเพื่อทดสอบอุณหภูมิ

วิธีนี้เธอก็เรียนรู้มาจากพี่สะใภ้ เห็นว่าทดสอบอุณหภูมิได้แม่นมาก ไม่รู้ว่ามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ แต่ก็ทำตามแล้วกัน

พอเจ้าหมาน้อยมองเห็นขวดนม ตาก็สว่างขึ้นมาในทันที แต่ดื่มนมยังไม่ทันหมดขวด ก็อ้าปากหวอนอนต่อไปเสียแล้ว

อินชิงเสวียนยื่นมือไปดึงขวดนมออกมา ปากน้อยๆ ก็เริ่มขยับมุบมิบทันที อินชิงเสวียนมองดูแล้วสนุก จึงใส่กลับเข้าไป

ยายหลี่อดพูดไม่ได้ว่า "พระสนมแกล้งทารกเช่นนี้ไม่ได้เพคะ จะทำให้มีลมในท้องได้ เราไม่มีหมอหลวง ถ้าเกิดทารกไม่สบายขึ้นมา จะทรมานมากๆ นะเพคะ"

อินชิงเสวียนตกใจ และเลิกแกล้ง แม้ว่าในร้านค้าจะมียาขาย แต่ส่วนมากก็เป็นยาของผู้ใหญ่ เด็กเล็กแค่นี้เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องให้กินยาอะไร

เผลอแปปเดียวก็ผ่านไปสามวันแล้ว

ตอนเช้าตรู่อินชิงเสวียนเข้าไปดูสถานการณ์ในช่องว่าง ก็พบว่าต้นกล้าเพิ่งจะสูงขึ้น ยังไม่ออกดอกเลย

แล้วหันมาดูคะแนนสะสม 65 คะแนนในมือ เธออดเศร้าใจไม่ได้ แต่ก็ตัดสินใจแลกซื้อเนื้อมาก้อนหนึ่ง

เธอเป็นสิ่งมีชีวิตกินเนื้อ ถ้าไม่มีเนื้อเธอก็ไม่มีความสุข

หวังแค่สองพี่น้องนั้นจะขายแลกเงินมาได้ ถึงตอนนั้นก็จะสามารถซื้อเนื้อจากนอกวัง ส่วนคะแนนพวกนี้ยังต้องเก็บเอาไว้แลกซื้ออย่างอื่น

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตึ่งดังมาจากข้างนอก เหมือนมีอะไรบางอย่างตกกระทบลงมา

ยายหลี่อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ "นี่เป็นสัญญาณที่ตกลงไว้กับพี่น้องตระกูลหวัง ต้องมีข่าวคราวแล้วแน่ๆ เลยเพคะ"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status