Share

บทที่ 7 ช่องทางหาเงิน

Author: ม่อเยี่ยน
ทุกคนต่างก็รู้ว่าเย่จิ่งอวี้รักสุนัขตัวนี้ เหล่าหญิงงามที่เพิ่งเข้าวังต่างก็พยายามเอาอกเอาใจมันเพื่อให้เป็นที่โปรดปราน แต่ไม่ว่าพวกเธอจะใช้วิธีอะไรหลองล่อไป๋เสวี่ย เจ้าสุนัขกลับไม่ยอมใกล้ชิดพวกเธอเลย

และเพราะไป๋เสวี่ยมีขนาดตัวใหญ่มาก พวกเธจึงไม่กล้าเข้าใกล้มันมากเช่นกัน เพราะกลัวจะโดนมันกัด คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าวาดเขียนบนหน้ามันแบบนี้ หากเป็นฝีมือของหญิงงาม เธอต้องตายแน่

คนจำนวนไม่น้อยกำลังรอดูเรื่องสนุก

ซึ่งรวมถึงหลานสาวแท้ๆ ของไทเฮา ลู่จิ้งเสียน ด้วย

ซึ่งตอนนี้เธอถูกแต่งตั้งเป็นเสียนเฟย(สนมผู้พร้อมด้วยคุณธรรมปัญญา)แล้ว

แม้ว่าเธอไม่เคยถูกเย่จิ่งอวี้โปรดปราน แต่ในบรรดาหญิงงามที่มีอยู่เต็มพระราชวังแห่งนี้ เธอก็คือบุปผาที่โดดเด่นที่สุด มีทั้งฐานะและอำนาจ จึงเป็นบุคคลที่เหล่าหญิงงามแย่งกันประจบประแจง

เมื่อได้ข่าวเรื่องนี้ ลู่จิ้งเสียนก็หัวเราะด้วยความเยาะเย้ย

"ใครหน้าไหนกันที่ไม่ลืมหูลืมตากล้าสบประมาทไป๋เสวี่ยเช่นนี้ คิดจริงๆ หรือว่าทำเช่นนี้แล้วจะสามารถดึงดูดความสนใจของฝ่าบาทได้ ฝันไปเถอะ"

ชุ่ยจู๋ที่กำลังนวดขาพูดทันทีว่า "นั่นสิเพคะ ฝ่าบาทออกคำสั่งแล้วว่าหากจับคนๆ นั้นได้จะโบยห้าสิบครั้ง และไล่ออกจากวังด้วย"

ลู่จิ้งเสียนกินของหวานชิ้นหนึ่ง แล้วเอนตัวพิงหมอนในท่าสบายอีกครั้ง และพูดด้วยน้ำเสียงปนอิจฉาว่า "ปกติแล้วคนนอกจะเข้าใกล้ไป๋เสวี่ยเป็นเรื่องยาก แม้แต่ข้าจะเข้าไปใกล้ มันก็ยังขู่ ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงยอมให้ใครทำอะไรก็ได้"

ชุ่ยจู๋พูดขึ้นทันทีว่า "อีกฝ่ายต้องใช้วิธีการอะไรบางอย่างแน่ๆ อย่ามองว่าหญิงงามเหล่านั้นว่านอนสอนง่าย แต่ละคนแอบซ่อนความคิดไม่ซื่อไว้ทั้งนั้นเพคะ"

ลู่จิ้งเสียนหัวเราะในลำคอ

"อย่างพวกนางจะมีปัญญาสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาได้ แต่ถ้าใครกล้าเสนอหน้า ข้าจะสั่งสอนเสียให้เข็ด"

ชุ่ยจู๋รีบพูดสมทบต่อ "มีพระสนมของเราอยู่ ต่อให้พวกนางจะใจกล้าแค่ไหน ก็ไม่กล้าทำอะไรหรอกเพคะ"

ลู่จิ้งเสียนยิ้มอย่างได้ใจ แล้วหรี่ตาลง

ในระหว่างที่ภายในวังหลัต่างวิพากษ์วิจารณ์​ไปต่างๆ​ นานา อินชิงเสวียนกลับกำลังปลูกพืชอยู่ในช่องว่าง

คะแนนต้องเก็บสะสม พืชผลก็เป็นเงินเช่นกัน

ครั้งนี้เธอพบว่าช่างว่างมีเพาะปลูกอัตโนมัติเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตัวเลือก ขณะเดียวกันก็ต้องแลกด้วย 10 คะแนน

อินชิงเสวียนลังเลอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเธอกัดฟันเลือกแลกเปลี่ยน

อย่างไรเสียพืชผลก็เติบโตเร็ว แค่ 10 คะแนนคงไม่เป็นไร

ของที่ขายในร้านค้าถือว่าไม่แพงมาก หลังจากที่แลกซื้อเมล็ดของมะเขือยาว พริกและแตงโมแล้ว ยังมีคะแนนเหลืออีก 69 คะแนน ซึ่งพอให้เธอใช้ไปได้อีกหลายวัน

หนึ่งนาทีต่อมา อินชิงเสวียนได้รับการแจ้งเตือนการเพาะเมล็ด เธอต้องนับถือในความยิ่งใหญ่ของระบบอีกครั้ง จากนั้นเธอก็เลือกรดน้ำด้วยน้ำพุวิญญาณอีก ทว่าครั้งนี้เมล็ดกลับไม่ได้แตกใบเติบโตเป็นต้น แต่เป็นต้นกล้าที่โผล่ออกมาแทน

อินชิงเสวียนอดที่จะรู้สึกเซ็งไม่ได้ ดูท่าทางหลังผ่านช่วงมือใหม่ไปแล้ว ภารกิจก็เริ่มเพิ่มความยากมากขึ้น

ยังดีที่ยังเป็นต้นกล้า ซึ่งก็ยังเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็โตเร็วกว่าเมื่อเทียบกับปลูกข้างนอก

หลังจากที่ปลอบใจตัวเองไปแล้ว เธอก็เข้าไปซื้อนมผงจากช่องว่างมาเพิ่มอีกสองถุง

เลี้ยงเจ้าหมาน้อยไม่ต่างกับเลี้ยงสิงโตคาบทอง* ทุกวันตื่นเป็นกิน เพียงแค่วันเดียว นมผงก็หมดไปหนึ่งส่วนสามถุงแล้ว

ตอนที่ออกจากช่องว่าง อินชิงเสวียนเอาแตงกวาและมะเขือเทศออกมาด้วยส่วนหนึ่ง เธอพบว่าผักเหล่านี้ยังคงสดใหม่เหมือนกับตอนที่เก็บใหม่ๆ ไม่เหี่ยวแห้งเลยสักนิด ดูท่าช่องว่างยังมีฟังก์ชันการเก็บรักษาความสดใหม่ด้วย

เธอส่งผักตให้อวิ๋นฉ่ายต่อแล้ว ก็บอกให้เธอแช่น้ำเย็นไว้ ค่อยเอามากินเวลาที่รู้สึกร้อนๆ ตอนเที่ยงวัน ก่อนที่แตงโมจะออกผลให้กิน ก็กินแทนผลไม้ไปก่อนแล้วกัน

อวิ๋นฉ่ายรับมาด้วยความดีใจ ขณะนั้นเอง ยายหลี่ก็กลับมาแล้ว

อินชิงเสวียนถามขึ้นทันที "เป็นอย่างไรบ้าง?"

ยายหลี่พยักหน้ารัวๆ ด้วยความตื่นเต้น

"พวกเขารับปากจะช่วยพวกเราขาย บ่าวกำชับพวกเขาเป็นพิเศษว่าให้ไปขายนอกวัง เพราะเป็นของที่พบเจอน้อย เชื่อว่าต้องขายออกไปได้อย่างรวดเร็วแน่นอนเพคะ"

ใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของอินชิงเสวียนก็รู้สึกโล่งขึ้นมา

ขอเพียงสองพี่น้องนี้ไม่โง่ ก็น่าจะรู้ว่านี่เป็นช่องทางหาเงิน

"งั้นก็ดี สองวันนี้เจ้าก็คอยถามดูด้วย"

"บ่าวทราบแล้วเพคะ"

ยายหลี่เพิ่งพูดจบ เจ้าหมาน้อยก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมา

อวิ๋นฉ่ายรีบวิ่งเข้าไปชงนม ส่วนยายหลี่ไปอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นมา

อินชิงเสวียนมองดูครู่หนึ่ง เธอรู้สึกแค่ว่าเด็กคนนี้ดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ไม่น้อย ท่าทางนุ่มนิ่ม กำปั้นเนื้อแน่นๆ คู่น้อยออกแรงกำแน่น คิ้วบางๆ ขมวดเข้าหากัน

อินชิงเสวียนอดใจไม่ได้ เธอยื่นมือไปจิ้มที่แก้มกลมๆ ของเขา

เจ้าหมาน้อยก็หยุดร้องทันที ศรีษะน้อยๆ ค่อยๆ หันมา ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองอินชิงเสวียน

ยายหลี่พูดด้วยความประหลาดใจ "ว่ากันว่าทารกต้องครบเจ็ดวันถึงจะมองเห็นชัดเจน แต่องค์ชายน้อยของเราเหมือนจะมองเห็นคนแล้วเพคะ"

"จริงหรือ?"

อินชิงเสวียนใช้มือเขี่ยเล่นตรงคางน้อยๆ ของเขาต่อ

เจ้าหมาน้อยราวกับรู้ว่าอินชิงเสวียนกำลังหยอกเขาเล่น ปากน้อยๆ ก็เผยอขึ้น แล้วหัวเราะคิกๆ ขึ้นมาทันที

ดวงตาสีดำเพ่งมองจนกลมโต ราวกับฝังอัญมณีสีดำไว้สองเม็ด ดูมีชีวิตชีวามาก

อินชิงเสวียนรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เธอจึงจับกำปั้นเล็ๆ ของเขาไว้ แล้วโยกไปมาอย่างเบามือ

เจ้าหมาน้อยกางมือออกและจับนิ้วของอินชิงเสวียนไว้ทันที ปากก็ร้องอู้อี้ๆ ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่

"เจ้ากำลังพูดว่าอะไร? อยากดื่มนมแล้วหรือ?"

อินชิงเสวียนอยากดึงนิ้วออก แต่เจ้าหมาน้อยกลับกำแน่นไม่ยอมปล่อย นึกไม่ถึงว่ามือน้อยๆ จะแรงเยอะขนาดนี้

เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นผลของน้ำพุวิญญาณ?

ไม่รู้ว่าถ้าใช้น้ำพุวิญญาณชงนมให้เจ้าหมาน้อยดื่มตลอดจะมีผลอย่างไรบ้าง ดีไม่ดีโตไปแล้วอาจจะต่อยเจ้าฮ่องเต้สารเลวนั่นร่วงในหมัดเดียวก็ได้

เมื่อจินตนาการถึงภาพลูกชายต่อพ่อ อินชิงเสวียนก็กระตุกยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกสะใจ

"พระสนม นมมาแล้ว องค์ชายน้อยคงหิวแย่แล้วแน่เลยเพคะ"

อวิ๋นฉ่ายถือขวดนมในมือ วิ่งเหยาะๆ เข้ามาในห้อง อินชิงเสวียนรับมาแล้วอังที่หนังตาเพื่อทดสอบอุณหภูมิ

วิธีนี้เธอก็เรียนรู้มาจากพี่สะใภ้ เห็นว่าทดสอบอุณหภูมิได้แม่นมาก ไม่รู้ว่ามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ แต่ก็ทำตามแล้วกัน

พอเจ้าหมาน้อยมองเห็นขวดนม ตาก็สว่างขึ้นมาในทันที แต่ดื่มนมยังไม่ทันหมดขวด ก็อ้าปากหวอนอนต่อไปเสียแล้ว

อินชิงเสวียนยื่นมือไปดึงขวดนมออกมา ปากน้อยๆ ก็เริ่มขยับมุบมิบทันที อินชิงเสวียนมองดูแล้วสนุก จึงใส่กลับเข้าไป

ยายหลี่อดพูดไม่ได้ว่า "พระสนมแกล้งทารกเช่นนี้ไม่ได้เพคะ จะทำให้มีลมในท้องได้ เราไม่มีหมอหลวง ถ้าเกิดทารกไม่สบายขึ้นมา จะทรมานมากๆ นะเพคะ"

อินชิงเสวียนตกใจ และเลิกแกล้ง แม้ว่าในร้านค้าจะมียาขาย แต่ส่วนมากก็เป็นยาของผู้ใหญ่ เด็กเล็กแค่นี้เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องให้กินยาอะไร

เผลอแปปเดียวก็ผ่านไปสามวันแล้ว

ตอนเช้าตรู่อินชิงเสวียนเข้าไปดูสถานการณ์ในช่องว่าง ก็พบว่าต้นกล้าเพิ่งจะสูงขึ้น ยังไม่ออกดอกเลย

แล้วหันมาดูคะแนนสะสม 65 คะแนนในมือ เธออดเศร้าใจไม่ได้ แต่ก็ตัดสินใจแลกซื้อเนื้อมาก้อนหนึ่ง

เธอเป็นสิ่งมีชีวิตกินเนื้อ ถ้าไม่มีเนื้อเธอก็ไม่มีความสุข

หวังแค่สองพี่น้องนั้นจะขายแลกเงินมาได้ ถึงตอนนั้นก็จะสามารถซื้อเนื้อจากนอกวัง ส่วนคะแนนพวกนี้ยังต้องเก็บเอาไว้แลกซื้ออย่างอื่น

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตึ่งดังมาจากข้างนอก เหมือนมีอะไรบางอย่างตกกระทบลงมา

ยายหลี่อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ "นี่เป็นสัญญาณที่ตกลงไว้กับพี่น้องตระกูลหวัง ต้องมีข่าวคราวแล้วแน่ๆ เลยเพคะ"
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Aera Park
ขอให้ขายของได้เงินเยอะ ๆ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status