อุษณีย์นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาดวงตากำลังมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หญิงสาววัยกลางคนสลัดคราบแม่ค้าขายขนมออกวันนี้เธอแต่งตัวด้วยชุดที่ดูดีเพื่อรอเวลาให้อดีตคนรักติดต่อกลับมาหลังจากเธอลงรูปถ่ายให้เขาได้รู้ว่าเธอยังมีตัวตน
ครืด ครืด โทรศัพท์เครื่องเก่าส่งเสียงแผดร้องแม้จะยังใช้ได้แต่มันก็ผ่านการใช้มาอย่างยาวนาน หญิงสาววัยกลางคนนั่งนิ่งเธอนับหนึ่งถึงสิบอยู่ภายในใจก่อนจะยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายก่อนอดีตพนักงานต้อนรับของสายการบินชื่อดังจะกรอกน้ำเสียงเรียบนิ่งให้ปลายสายได้ยิน "ฮัลโหล" "โอ้ว ที่รัก เดซี่คุณจริง ๆ ด้วย"น้ำเสียงดีใจของอีกฝ่ายลอยผ่านสายโทรศัพท์ โรเบิร์ต เลียม แทบจะเก็บความดีใจเอาไว้ไม่ไหวเมื่อเขาสามารถติดต่อคนรักได้ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ เขาพยายามเก็บเสียงสะอื้นไม่ให้เธอได้ยิน ความตื่นเต้นดีใจมันจุกอก "เดซี่ คุณสบายดีหรือเปล่า ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนผมคิดถึงคุณเหลือเกินที่รัก" "..."หญิงสาวเงียบคำพูดในก่อนหน้านี้ถูกกลืนหายเมื่อเธอได้ยินเสียงของชายคนรัก "ที่รัก ผมคิดถึงคุณเหลือเกินตั้งแต่คุณหนีไปไม่มีวันไหนที่ผมจะกินอิ่มแล้วหลับตานอนได้" "..." "คุณอยู่ที่ไหนเดซี่ ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้ที่รัก" "ฉะ..."ก้อนแข็ง ๆ ถูกกลืนลงคอด้วยความยากลำบากมันยากที่เธอจะเปล่งเสียงพูดออกมาในตอนนี้ "ฉะ...ฉันกับลูกอยู่ที่เมืองไทย"ราวกับว่ามีเคลื่อนน้ำแข็งลูกใหญ่แช่นิ่งให้โรเบิร์ตไม่สามารถขยับได้เมื่อเขาได้ยินคนรักพูดออกมาแบบนั้น "ละ...ลูกอย่างนั้นเหรอ" "ใช่ ลูกสาวของเรา เธอชื่อ มิลาน ลูกสาวของฉันกับคุณ"หัวใจที่แห้งเหี่ยวมานานหลายปีบัดนี้น้ำได้มีน้ำทิพย์แห่งสวรรค์ไหลมาเติมเต็มให้หัวใจโรเบิร์ตให้กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง "เงียบทำไม ไม่ดีใจเหรอที่รู้ว่าฉันกับลูกยังมีชีวิตอยู่" "ดีใจสิ ผมดีใจมากที่สุดเลยที่รัก นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ผมมีลูกแล้ว" "ใช่ คุณไม่ได้ฝันไปหรอก"ถ้าหากไม่เกิดเรื่องวันนั้นป่านนี้ครอบครัวของเราคงจะได้อยู่พร้อมกันสามคนพ่อแม่ลูก "คุณอยู่ที่เมืองไทยใช่ไหมที่รัก โอเค เดี๋ยวผมจะรีบบินไปหา คุณอย่าพึ่งพาลูกหนีผมไปไหนอีกนะเดซี่"ตั้งแต่เธอหนีไปจากเขา สภาพหัวใจและร่างกายมันไม่ต่างอะไรจากตายทั้งเป็น แม้เขาจะสั่งลูกน้องให้ออกตามหาแต่ก็ไร้วี่แวว ถ้าเธอไม่ลงรูปเมื่อเย็นวานบนโซเชียลเขาก็ไม่มีทางรู้ แม่เดซี่นี้ร้ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้ปิดช่องทางการติดต่อเก่า ๆ ไม่ให้เขาได้รับรู้ "เดซี่ คุณได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า" "ค่ะ ฉันได้ยิน" "คุณกับลูกรอผมก่อนนะ ผมจะรีบบินไปหาคุณกับลูก" "ค่ะ ฉันจะรอ" ติ๊ด เธอกดวางสายเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ความรู้สึกตอนนี้มันสับสนตีรวนไปหมดไม่รู้จะแสดงอาการยังไงออกมาดี "พรุ่งนี้แล้วสินะ"ระยะเวลาในการเดินทางจากอิตาลีมาเมืองไทยก็ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง แต่มันคงเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับคนที่มีสายการบินส่วนตัวเป็นของตัวเอง ครืด ครืด โทรศัพท์เครื่องเก่ามาสายเรียกเข้าอีกครั้ง ครั้งแรกอุษณีย์คิดว่าคนรักเก่านั้นโทรเข้ามา แต่กลับไม่ใช่เมื่อเบอร์ของปลายสายโชว์ชื่อของอาจารย์ที่ปรึกษาประจำห้องของลูกสาว "สวัสดีค่ะ" "คุณอุษณีย์คะ หนูมิลานแย่แล้วค่ะ"หัวใจของคนเป็นแม่กระตุกวูบเมื่อได้ยินคำพูดของอาจารย์ที่ปรึกษาเช่นนั้น ความหวั่นใจแทรกเข้ามาตรงกลางอก อุษณีย์รีบคว้ากระเป๋าวิ่งออกจากบ้านไปด้วยความรวดเร็ว น้ำตาของคนเป็นแม่ซึมไหลเมื่อรู้ว่าลูกสาวของตัวเองในตอนนี้อยู่โรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บอย่างสาหัส "มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงคะ ทำไมลูกสาวของฉันถึงได้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้"อุษณีย์โวยวายอยู่ในห้องพักฟื้น สภาพของลูกสาวในตอนนี้มันเกินกว่าที่ผู้ให้กำเนิดอย่างเธอจะรับไหว เธอเลี้ยงของเธอมาไม่เคยทุบตีให้ลูกเจ็บช้ำตามร่างกายแล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ "ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คงต้องให้หนูมิลานฟื้นขึ้นมาก่อนถึงจะสอบถามได้"อุษณีย์เม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเสียใจปนคับแค้นแม้อยากจะร้องไห้แต่ตอนนี้เธอต้องเข้มแข็งให้มากที่สุด ลูกกำลังเจ็บเธอจะอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด "ทางโรงเรียนของเราต้องกราบขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น" "..." "ทางโรงเรียนจะเร่งหาสาเหตุและคนทำมาลงโทษให้เร็วที่สุด คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลเลยนะคะ" "ใครเป็นคนไปเจอลูกสาวของฉันคะ" "คะ"อุษณีย์ตวัดสายตาไม่พอใจไปมองหน้าอาจารย์ที่ปรึกษาจนอีกฝ่ายหน้าสลดลง "นักการภารโรงเข้าไปเจอน้องหนูมิลานนอนสลบอยู่ในห้องน้ำค่ะ จึงรีบโทรตามดิฉันให้พามาส่งที่โรงพยาบาล" ปึง ประตูห้องพักฟื้นถูกเปิดออกก่อนจะมีร่างสูงใหญ่ของคุณหมอวัยกลางคนเดินเข้ามาตรวจดูอาการของคนไข้ "สวัสดีครับ คุณเป็นญาติของคนไข้รายนี้ใช่ไหมครับ" "ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของมิลานเอง" "เท่าที่หมอตรวจดูสมองไม่ได้รับความกระทบกระเทือนนะครับ ส่วนบาดแผลตามร่างกายเกิดจากรอยขีดข่วนและไหนจะรอยฝ่ามือบนใบหน้านั้นอีก เดี๋ยวหมอจะให้ยาลดปวดและจะเข้ามาดูอาการเป็นระยะนะครับ" "..." "อาการบวมบนใบหน้าคงต้องรักษาอีกสามถึงสี่วันเลยนะครับว่าจะดีขึ้น เอ่อคุณแม่ครับไม่ทราบว่าคุณแม่จะต้องการแจ้งความกับทางตำรวจหรือเปล่าครับ" "คะ" "ไม่แจ้งค่ะ"ทั้งคุณหมอและอุษณีย์ต่างหันไปมองหน้าอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นสายตาเดียว "ต้องแจ้งความใช่ไหมคะคุณหมอ" "ครับ เพราะจากที่หมอตรวจดูอาการแล้วคนไข้ผ่านการถูกทำร้ายมาอย่างสาหัส มุมปากทั้งสองข้างแตกเป็นผล ตามร่างกายและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและเหตุการณ์ยังเกิดภายในรั้วโรงเรียนอีกด้วย แบบนี้น่าจะหาตัวคนก่อเหตุได้ไม่ยาก" "ค่ะ ไว้ดิฉันจะเก็บไว้ไปพิจารณาดูก่อนนะคะ ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดคืออยากให้ลูกสาวของดิฉันหาย" "ถ้าหากญาติของคนไข้ต้องการเอกสารหลักฐานเพิ่มสามารถไปขอได้ที่หมอเลยนะครับ" "ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"หมอเจ้าของไข้เดินออกไปทิ้งให้บรรยากาศภายในห้องพักฟื้นอึมครึมไม่สู้ดี "ฉันต้องการภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวภายในโรงเรียนค่ะ" "คือว่า ถ้าหากคุณแม่ต้องการภาพจากกล้องวงจรปิดต้องได้รับการอนุมัติจากผู้อำนวยการของโรงเรียนก่อนค่ะ"คุณครูที่ปรึกษาตอบอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่นาทีก่อนที่อุษณีย์จะเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ส่งข้อความกับคลิปวิดีโอมาแล้วว่าใครเป็นคนทำให้เด็กสาวผู้โชคร้ายบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ และเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นบุตรสาวของคนที่มีอำนาจและมีบุญคุณต่อโรงเรียน "คุณแม่คะ คุณครูคิดว่าคุณแม่อย่าไปแจ้งความเลยนะคะ อย่าทำให้เรื่องทะเลาะวิวาทเล็ก ๆ ของเด็กนักเรียนกลายเป็นเรื่องใหญ่"คุณครูที่ปรึกษาเปิดกระเป๋าก่อนจะล้วงเอาซอกสีขาวซึ่งมีเงินอยู่ในนั้นจำนวนหนึ่งยื่นให้อุษณีย์ "ถือซะว่าเป็นค่ารักษาและค่าทำขวัญให้กับหนูมิลานนะคะ" "..." "ถ้าหากคุณแม่แจ้งความไปมันอาจจะทำให้เกิดผลเสียต่ออนาคตของหนูมิลานได้นะคะ"อุษณีย์ยืนฟังด้วยความใจเย็น เธอไม่คิดจะยื่นมือออกไปรับและไม่มีความคิดที่จะรับเงินก้อนนี้ จนคุณครูที่ปรึกษาต้องวางเอาไว้บนเตียงคนไข้ "อย่าทำเรื่องเล็กให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ อีกไม่กี่วันใบเกรดก็จะออกแล้ว นักเรียนก็ใกล้จะเรียนจบกันแล้วทุกคน" "..." "เห็นแก่อนาคตของเด็กเถอะนะคะ"คุณครูที่ปรึกษาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินจากไปแม้เธอจะรู้สึกเห็นใจผู้ถูกกระทำแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ทางโรงเรียนไม่มีอำนาจมากพอเพราะถ้าหากทางโรงเรียนยื่นมือเข้าไปช่วยเงินสนับสนุนในปีต่อ ๆ ไปก็คงไม่มีเหลือ"ฉันขอเลียมันนะ""อะ...อื้อ"เสียงครางในลำคอเล็กดังขึ้นเมื่อปลายลิ้นแตะลงบนเนื้อสาวผ่านผิวผ้าบางของกางเกงในสีขาว ใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อมีเหงื่อซึมไหลลมหายใจเริ่มหนักหน่วง ตรงช่วงล้างกำลังมีปลายลิ้นร้ายของชายหนุ่มปาดซ้ายเลียขวาเรียกน้ำหวานให้ซึมไหลออกมา"อ๊าส์ ซี๊ด""หวานมากเลยมิลาน"เขาเอ่ยชมก่อนจะก้มลงไปจัดการกับเนินเนื้อของเธอต่อ มิลานน้ำตาคลอเธอยืนขาสั่นเกร็ง ยิ่งเขาเร่งตวัดปลายลิ้นถี่มากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เธออ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่ไหว"ราเชนทร์ อ๊าส์ เบาหน่อย อื้อ หยุดก่อน"เธอรีบเอ่ยปรามเมื่อรู้สึกว่าเหมือนตัวเองจะปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างออกมาแต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่คิดจะหยุด ราเชนทร์ใช้นิ้วสากของตัวเองเกี่ยวขอบกางเกงในตัวบางให้มาอยู่ตรงกลางกลีบอูม กลีบขาวสีขาวสวยทั้งสองฝั่งรัดกางเกงในตัวบางดันทรงให้เม็ดสวยเด้งขึ้นมาล่อตาล่อใจซึ่งมันเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะอดใจไหวได้เม็ดสวยสีชมพูแนบไปกับกางเกงในสีขาวตัวบางจนเห็นเป็นรูปทรงสวย ราเชนทร์ฉวยโอกาสในตอนที่เธอเผลอโน้มหน้าเข้าไปฉกชิมความหอมหวานจากติ่งสวยของเธอจนมิลานดิ้นพล่านแผล็บ แผล็บ แผล็บ"อ๊าย ราเชนทร์ ฉันทนไม่ไหวแล้ว อื้อ""ก็ไม่ต้องทน ปล่
"พ่อกับแม่ไปก่อนนะ แล้วก็อย่าลืมเรื่องหลานนะพ่อกับแม่แก่แล้วอยากอยู่บ้านเลี้ยงหลานมากกว่า"มิลานเขินอายจนหน้าแดงเมื่อมารดาทั้งของเธอและทั้งของชายหนุ่มพูดแบบนั้นออกมา แม้ว่าพวกท่านทั้งสี่จะเดินออกไปจากห้องหอของเธอในคืนนี้ได้สักพักแล้วแต่มิลานก็ยังคงเขินอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสามีหมาด ๆ ของตัวเธอพรึ่บ"อุ๊ย"มิลานร้องอุทานเมื่อฝ่ามือใหญ่ของสามีอย่างราเชนทร์แตะลงบนท่อนแขนเปลือย "เป็นอะไรเหรอ""ปะ...เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไร"เธอตอบชายหนุ่มออกไปด้วยน้ำเสียงซึ่งไม่ค่อยจะมั่นคงสักเท่าไหร่ สายตาเหลือบมองไปยังท่อนแขนซึ่งยังมีฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มสัมผัสอยู่"ไม่ได้เป็นอะไรแล้วทำไมตัวสั่นล่ะ หรือว่าเธอกลัว""กะ...ก็""ถ้าเธอกลัว ฉันจะรอให้ถึงวันที่เธอพร้อมก็ได้นะ"เพราะเขาเองก็ไม่อยากฝืนน้ำใจของเธอเหมือนกันแม้ว่าคืนนี้มันจะเป็นคืนสำคัญระหว่างเขาและเธอ"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ"มิลานรีบหันตัวใช้ฝ่ามือคว้าท่อนแขนของชายหนุ่มเอาไว้เมื่อเขาดึงฝ่ามือออกจากท่อนแขนของเธอชายหนุ่มหันมามองหน้าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายปล่อยให้เธอเดินเข้ามาสวมกอดโดยไม่คิดจะผลักเธอออกไปเพราะเรื่องแบบนี้เขาเข้าใจมันดี"คือฉันแค่กลั
'จับมือแล้วเดินกันไปด้วยกันนะ'คำคำนี้พวกเขาทั้งสองมักจะบอกต่างฝ่ายเอาไว้เสมอยามเมื่อต้องเจอเรื่องที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งเรื่องเหล่านั้นมันก็จะเกิดขึ้นในชีวิตซึ่งมันเป็นเรื่องปกติสำหรับคู่ของใครหลาย ๆ คนซึ่งหนึ่งในนั้นมันก็เป็นคู่ของเขาแต่ไม่ว่าทั้งสองจะเจอปัญหาอะไรต่างฝ่ายต่างก็ไม่คิดจะเดินหันหลังหนีให้พวกเขาทั้งสองจะใช้เวลาในการปรับความเข้าใจเพราะว่าการทำแบบนี้มันดีกว่าการเดินหนีปัญหาแล้วปล่อยให้คนรักคิดหนักไปต่าง ๆ นานา การเดินหนีปัญหาแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายต้องมานั่งจมอยู่กับความคิดมันไม่ใช่ทางเลือกของทั้งสองคน ทั้งราเชนทร์และมิลานจับมือครองรักกันมายาวนานจนถึงสี่ปีตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับทั้งสอง คู่รักแห่งปีไม่เคยมีข่าวเสียหายเพราะต่างฝ่ายต่างให้ความสำคัญและยึดมั่นกับคนรักมากกว่าใคร วันรับปริญญาคือวันส่งท้ายการใช้ชีวิตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยที่ราเชนทร์ได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับแฟนสาวของเขา"แต่งงานกับเชนทร์นะ"น้ำตาของคนถูกขอแต่งงานอย่างมิลานแทบจะไหลทะลักอวดโชว์กลางสายตานับกว่าร้อยชีวิต มิลานทั้งรู้สึกเขินอายและอยากจะร้องไห้ในเวลาเดียวกัน เธอไม่ทั
ความรู้สึกของทั้งสองตลอดระยะเวลาหลายปีถูกปลดปล่อยมันออกมา ภาพที่ทั้งสองเคยคิดอยู่ในหัวตอนนี้มันได้เป็นจริงเสียแล้ว การคบหาของมิลานและราเชนทร์เป็นที่รับรู้ของทั้งสองครอบครัว เพราะหลังจากราเชนทร์จัดเซอร์ไพรส์มอบเกียร์วิศวะให้กับมิลานในเย็นวันนั้นรุ่งเช้าเขาก็พาเธอเข้าไปพบพ่อแม่ที่บ้านหลังใหญ่เรียกว่าการเปิดตัวคนรักของลูกชายในครั้งนี้ทำเอาคุณสุชาดาและคุณหญิงเพียงเพ็ญแทบจะตั้งตัวรับไม่ทัน'นี่มิลานครับ เธอเป็นแฟนของผม''...''เธอคือคนที่ผมเลือกแล้ว'ราเชนทร์มองตาผู้เป็นบิดา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาก้าวขาเข้ามาเหยียบในบ้านหลังนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นซึ่งมันก็ผ่านมานานหลานเดือนบรรยากาศการของพบหน้าบิดามารดาของแฟนหนุ่มแม้มันจะดูผิดแปลกแต่มิลานก็สัมผัสได้ว่าท่านทั้งสองไม่ได้นึกรังเกียจเธอ และบางครั้งเธอก็แอบเห็นแววตาของท่านสุชาดาแอบมองบุตรชายอยู่บ่อยครั้งเหมือนกับว่ามีเรื่องบางอย่างอยากจะพูดด้วย'ขนมฝีมือคุณน้าอร่อยจังเลยนะคะ ไม่ทราบว่าขนมแบบนี้เขาทำกันยังไงเหรอคะ หนูอยากลองทำบ้างเผื่อวันว่าง ๆ จะได้ทำให้ราเชนทร์ได้ทาน''หนูอยากทำเหรอจ๊ะ''ค่ะ หนูอยากทำ'มารดาของราเชนทร์ยิ้มออกมาก่อนท่านจะ
"ทำไมรีบกลับจังเลยล่ะคะไม่อยู่กับหนูก่อนเหรอ"น้ำเสียงออดอ้อนของมิลานดังขึ้นเมื่อรถตู้คันหรูเคลื่อนตัวมาจอดยังสนามบิน ร่างเล็กของมิลานเข้าไปกอดบิดามารดาด้วยความคิดถึงอีกครั้งวันนี้ตลอดทั้งวันเธอได้ใช้เวลาอยู่กับท่านทั้งสองส่วนแฟนหนุ่มอย่างราเชนทร์ได้เดินทางกลับคอนโดเพื่อกลับไปเตรียมตัวสำหรับการประชุมรับน้องในวันนี้"เอาไว้พ่อเคลียร์เรื่องงานเสร็จเมื่อไหร่พ่อกับแม่จะรีบเดินทางมาหาหนูนะลูก""จริงนะคะ""จริงสิ แต่ถ้าลูกอยากจะเดินทางไปหาพ่อกับแม่ที่นั่นก็ได้นะพ่อจะได้ส่งเครื่องบินมารับ"โรเบิร์ตโอบกอดบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความรัก "แม่กับพ่อต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะลูกเข้าใจไหม""ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ""จ้ะลูกรัก"บุตรสาวเพียงคนเดียวโบกมือลาทั้งสอง มิลานมองร่างของบิดาและมารดาเดินเคียงคู่ขึ้นไปบนเครื่องบินส่วนตัว รถตู้คันหรูเครื่องตัวออกมาจากตรงนั้นอย่างเชื่องช้า หลังจากฝ่าฟันรถติดในช่วงเวลาเย็นมาได้ทำให้มิลานรู้สึกเหนื่อยอยู่ไม่น้อย ร่างเล็กล้มตัวนอนลงบนโซฟาตัวยาวด้วยความเหนื่อยล้าแต่ทว่าวันนี้กลับเป็นวันที่เธอมีความสุขมากที่สุดเลยก็ว่าได้'พ่อกับแม่อนุญาตให้ลูกทั้งส
หนึ่งชั่วต่อมารถตู้คันหรูสองคันเคลื่อนตัวเข้ามาจอดยังบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่สาวใช้ที่เห็นว่ามีรถคันใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดก็รีบวิ่งไปบอกผู้เป็นเจ้านายแตกต่างกับสีหน้าของคนในรถ"นี่มันอะไรกันเหรอคะ คุณพ่อพาหนูมาที่นี่ทำไม"บ้านหลังใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยก้าวขาเข้ามาเหยียบที่นี่และตอนนี้เธอก็ได้กลับมาเหยียบอีกครั้งพร้อมกับบิดาและมารดาของเธอ"คุณพ่อคะ""พ่อก็แค่จะทำเรื่องทุกอย่างให้มันจบ"ฝ่ามือสากกุมแก้มข้าวของลูกสาว รอยแผลจากเรื่องเมื่อวานยังคงเป็นรอยอยู่บนใบหน้าของมิลาน"ไม่ต้องกลัวอะไรนะลูก พ่อจะคอยปกป้องหนูเองจะไม่มีใครมาทำร้ายลูกสาวของพ่อได้อีก""คุณพ่อคิดจะทำอะไรคะ"โรเบิร์ตไม่ตอบเขาหันมองออกไปนอกตัวรถเห็นร่างของชายหญิงวัยกลางคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู"เราลงจากรถกันเถอะค่ะ"ครืดประตูรถตู้คันหรูถูกเปิดออกด้วยฝีมือของบอดีการ์ดก่อนร่างของอุษณีกับสามีจะก้าวขาเดินลงมาจากรถด้วยท่าทีสง่างามดั่งคนมีเงิน"สวัสดีครับคุณโรเบิร์ตคุณหญิงเป็นเกียรติอย่างมากที่คุณโรเบิร์ตเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง"เกริกพลอดีตนักธุรกิจชื่อดังและภรรยาอย่างคุณหญิงประภาพรซึ่งตอนนี้ตำแหน่งคุณหญิงได้ถูกปลดออกไปเป็นที่เ