⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆
อีกไม่นานนักหรอก สารินจะโดนเธอต่อยอีกครั้ง
จนเที่ยงแล้ว แต่พอนึกไปถึงเรื่องเมื่อเช้าก็ยังฉุนไม่หาย เป็นบ้าอะไรของเขาถึงอาจหาญมาพูดจาเช่นนั้นกับเธอ ที่ยอมให้จูบก็เพราะไม่มีเงินมากพอจะไถ่ตัวเรไร และเธอก็เค็มยิ่งกว่าเกลือสมุทร แต่ไม่ได้คิดจะสานสัมพันธ์ไปถึงความเป็นคู่ผัวตัวเมียอะไรกับเขา
อยากเป็นผัว...พูดมาได้ไม่อายฟ้าดิน
ระหว่างนั่งทานข้าวอยู่ในร้าน เนื้อนมไข่ก็มีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง
คุณหนูเมลฟี่: รวมพลหนึ่งทุ่มตรงนะคะสาวๆคุณหนูเมลฟี่: เรามีภารกิจสำคัญต้องทำ
อ่านข้อความของเพื่อนสนิทแล้วก็หนักใจขึ้นมาทันที
หนึ่งทุ่ม...เธอมีนัดแล้ว
คุณหนูเนสต์: ไก่และหมูพริกไทยดำอย่างละหนึ่งนะจ๊ะ
คุณหนูเมลฟี่: แล้วนางนั่นล่ะ
คุณหนูพุดจีบ: เหม็นขี้หน้าเจ้าของร้าน ไม่ไป
คุณหนูเมลฟี่: ทำไม จะไปกกพี่เสือใหญ่ (ของฉัน) เรอะคุณหนูเมลฟี่: ความร่านนี้ท่านได้แต่ใดมาพิลลาแทบกรี๊ด แค่เห็นเธอซ้อนท้ายสาริน เพื่อนยังด่ากันขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าเธอจูบไถ่ตัวเรไร ไม่โดนนางมัทรีขึ้นป้ายไวนิลด่าว่าเป็นอีตัวทั่วกำแพงแสนเลยหรือ
คุณหนูพุดจีบ: หมูพริกไทยดำ เฟรนช์ฟรายส์เยอะๆ
คุณหนูเมลฟี่: ก็แค่นี้อะค่ะ อ้อ คืนนี้เตรียมคำตอบไปให้ดีๆ นะคะ
คุณหนูเมลฟี่: เพราะฉันเล่นหล่อนแน่นางหมวยงามเมือง
พิลลาเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย ร้านนี้ทำอาหารถูกปากจึงสั่งทานเป็นประจำในช่วงเที่ยง แต่วันนี้ค่อนข้างเซ็ง ทานไป ก็เผลอทำหน้าเหมือนไม่อร่อยเสียเต็มประดา
พัวพันกับสารินได้ยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่เธออารมณ์ไม่ดีไปนับครั้งไม่ถ้วน
นิ้วเรียวแตะไปที่เมสเซนเจอร์ ชื่อที่อยู่บนสุดนั้นอยู่มาตั้งแต่เมื่อคืนยันตอนนี้
Pudjeeb Philla: คืนนี้อาจจะไปช้าหน่อย ติดนัดเมลฟี่กับเนสต์
Pudjeeb Philla: หรือจะให้เข้าไปตอนเย็น?ไม่ถึงหนึ่งนาทีที่ข้อความถูกส่งไป จุดสามจุดก็วิ่งทางแชตฝั่งซ้าย
Sarin Asawakamol: คนดีของพี่นัดเพื่อนไว้กี่โมงครับ
Pudjeeb Philla: ขนลุก
Sarin Asawakamol: ทำไมคะ เสียวจนขนลุก?Sarin Asawakamol: คุยกับพี่แค่นี้ก็มีอารมณ์เหรอPudjeeb Philla: อือ อารมณ์อยากกระทืบคนน่ะ
Sarin Asawakamol: 555Pudjeeb Philla: ไม่ต้องมาขำ พี่มันน่าโมโหจริงๆPudjeeb Philla: นัดหนึ่งทุ่ม แต่กว่าจะได้แยกย้ายก็สามแหละ ปกติก็คุยกันนาน
Pudjeeb Philla: แต่จะรีบให้ จะได้รีบกลับบ้าน
เขาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ กลับชวนคุยเรื่องอื่นแทน
Sarin Asawakamol: คนเก่งเฝ้าร้านอยู่เหรอคะ
Pudjeeb Philla: อือ
เมื่อเห็นว่าสารินไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอจึงหันมาจัดการกับอาหารเที่ยงของตนต่อ แต่ทันทีที่ทานเสร็จและเข้าไปบ้วนปากในห้องน้ำ พอออกมาก็เจอกับคนที่อ่านไม่ตอบนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เธอเพิ่งจากมา
พิลลาเท้าเอวมอง “ที่ถามเพราะจะมา?”
ชายหนุ่มหมุนเก้าอี้จนร่างกำยำหันมาทางเธอ “แสนรู้มาก พันธุ์อะไรคะเนี่ย”
“พันธุ์อะไรก็ได้ กัดเสือตายอะ อย่ามาเก่งแถวนี้แล้วกัน” ชายหนุ่มเพียงแค่นหัวเราะ “ออกไปได้แล้ว มาแย่งที่นั่งคนอื่นเพื่อ”
สารินลอยหน้าลอยตา ลากสายตาไปยังพื้นด้านล่างที่มีหมอนและผ้าห่มตั้งไว้ที่พื้น ก่อนเคลื่อนไปมองเจ้าของร้าน
เธอเข้าใจได้ทันที “นอนกลางวัน”
สำหรับร้านถ่ายเอกสารและเครื่องเขียนนั้น งานไม่ได้ยุ่งทั้งวัน ช่วงบ่ายที่ไม่มีลูกค้า บ่อยครั้งเธอก็ใช้มันไปกับการงีบ จะให้นั่งหลังขดหลังแข็งบนเก้าอี้ทั้งวันก็คงไม่ได้ คนเราย่อมต้องเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อความสบายของร่างกาย ผนวกกับไม่มีใครมาคอยสั่งว่าให้ทำอะไร เจ้าของร้านอย่างเธอมีสิทธิ์ที่จะทำตามใจได้
แต่เขาไม่
“เด็ก”
บุกรุกไม่พอ ยังมาค่อนขอดกันอีก
“เด็กนอนได้อย่างเดียวหรือไง ใครง่วงก็นอนได้ทั้งนั้นแหละ” ว่าพลางสาวเท้าไปหยุดอยู่ด้านหลัง ยื่นมือออกไปจับพนักพิงแล้วออกแรงดันเบาๆ “ลุก”
สารินยังคงนั่งที่เดิม เพราะแรงของเธอทำอะไรเขาไม่ได้ รอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนหน้าคมสัน
“อย่าให้มันมากมาย พี่ชักจะล้ำเส้นจีบเกินไปแล้วนะ”
เก้าอี้ถูกหมุนไปหาเจ้าของร้าน วงแขนแกร่งตวัดรอบเอวบอบบางพลางออกแรงดึง จนร่างระหงเสียหลักลงมานั่งบนตักของชายหนุ่ม ใบหน้าคร้ามคมอยู่ชิดหน้านวลสวย ลมหายใจร้อนๆ รดรินข้างพวงแก้มสีระเรื่อ
ออกปากส่งเสียงเย้าแหย่ร่างแน่งน้อยในวงแขน “เก้าอี้มันนั่งสองคนได้ค่ะน้องพุดจีบ ดูสิ”
พิลลาดีดตัวออกจากตักแกร่ง หมุนตัวมายืนเท้าเอวพร้อมใช้มืออีกข้างชี้หน้าอย่างคาดโทษ “นี่มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลง อย่ามามือไว”
เขาไม่ต่อล้อต่อเถียง ยันปลายเท้าไปบนพื้นแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับที่พิลลาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างกัน แต่ยิ่งเธอถอยหนี เขาก็ยิ่งรุกล้ำเข้ามา จนกระทั่งแผ่นหลังชนเข้ากับผนัง ถึงได้เปิดปากพูดเรียกสติ
“เป็นบ้าอะไรนัก ออกไป”
สิ่งที่สารินเลือกทำคือการทิ้งตัวนั่งลงที่พื้น พิลลาจึงผละออกจากตรงนั้น ร่างกำยำล้มตัวลงนอนจนหัวถึงหมอน ตาคมจดจ้องร่างระหงไม่วางตา
“ง่วง”
“...”
“จีบบอกใครง่วงก็นอนได้ พี่ก็ต้องนอนได้สิ ถูกไหม”
หนังหน้าของเขาคงทำมาจากซีเมนต์แน่ๆ เลย
“บ่ายสามต้องไปรับตัวเรไรที่เพื่อน”
เธอเพียงมองผู้พูดด้วยสายตาที่เรียบสนิท ทว่าเจือไปด้วยคลื่นความไม่สบอารมณ์ที่เขาถือวิสาสะมายุ่มย่ามในพื้นที่ส่วนตัว
“พุดจีบขา”
“...”
“ปลุกพี่ด้วยนะคะ”
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “อีนม” มือที่ตั้งท่าจะคว้าผ้าขนหนูเป็นอันชะงัก ก่อนหันกลับมาเลิกคิ้วใส่มัทรี “หล่อนได้กับพี่เสือใหญ่ยัง” ลมหายใจของพิลลาสะดุดกึก นัยน์ตาเบิกโต ภาพความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผุดมาอย่างกับมีใครไปตั้งโปรแกรมไว้ สัมผัสนั้นคล้ายว่ายังติดอยู่ที่มือ ทำให้พิลลาแข็งทื่อไปทั้งตัว กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็เป็นนาที “ยัง ไม่ใช่ ใช่นั่นแหละ แต่หมายถึงว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน จะได้กับเขาได้ไง” สองเสียงประสานกัน “เหรอ / เหรอ” “ใช่ ฉันเคยโกหกอะไรพวกหล่อนหรือ-” “เยอะแยะ” “แต่เรื่องนี้พูดจริง” พิลลายืนยันหนักแน่น หลังได้ผ้าขนหนูมาไว้ในมือ เธอก็โพล่งขึ้นเพื่อตัดบท “ไปอาบน้ำละ” บรรยากาศในร้าน PEEK A BEER เป็นอย่างที่เคยเป็น มีเสียงเพลงจากนักร้องที่เคล้าไปกับเบียร์เย็นๆ เหล้าที่แสนบาดคอ และกับแกล้มที่ขาดไม่ได้ ช่วงหัวค่ำมักเป็นเช่นนี้ แต่พอดึกเข้าหน่อย ผีเสื้อราตรีก็ออกโรง และพวกเธอสามคนไม่เคยแผ่ว “ใครพอจะทราบข่าวบ้างว่าช่วงนี้ยายฟายมันตีกับใคร” ประโยคนั้นเรียกสายตาของสองสาวต่างขั้วได้เป็นอย่างดี ‘ยายฟาย’ ของมัทรีคืออรอนงค์ เพราะเป็นคู่ปรับกันมานาน เห็นว่าชื่อฝ้าย เลยเปล
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “ช่วยไอ้เสือกำพร้าแม่ตัวนี้หน่อยได้ไหมครับ” ร่างระหงบนตักแกร่งอาศัยจังหวะนี้ในการพุ่งตัวไปหาชายหนุ่ม แตะริมฝีปากไปที่ปากหยักติดคล้ำ แล้วจึงผละออกมาก่อนที่สารินจะทันตั้งตัว นอกจากริมฝีปาก ร่างแน่งน้อยก็ผละออกจากตักแกร่งในเวลาถัดมา “สอง” เธอหอบหายใจราวกับเพิ่งวิ่งมาราธอนมาก็ไม่ปาน “สองครั้งแล้ว เหลืออีกแค่แปดครั้ง” นัยน์ตาคมจ้องมองไปยังผู้พูด ยกมุมปากขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้ม เสียงแค่นหัวเราะดังขึ้น “อ้อ เมื่อกี้เรียกจูบ?” “ก็ใช่ ของวันนี้ถือว่าเรียบร้อยแล้ว” “ไม่เอาน่า ใครมันจูบกันแบบนี้ เด็กน้อยมาก โคตรรับไม่ได้” “รับไม่ได้ก็เรื่องของพี่ จีบจะกลับบ้านแล้ว” “พุดจีบ” เสียงเข้มๆ เอ่ยเรียกชื่อของเธอ สีหน้าและแววตาไร้แววล้อเล่น ทำให้เธอคาดเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ได้ พิลลาจึงค่อยๆ ก้าวเท้าถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่าง “มานี่” “ไม่ จะกลับบ้าน” “มา” สารินยันกายลุกขึ้นยืน พร้อมกับที่ก้าวเท้ามาทางนี้ “แบบนี้มันไม่เรียกว่าจูบ อย่ามาโกง” พิลลาไม่อยู่ฟัง รีบสับเท้าวิ่งออกจากบ้าน ก่อนตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์แล้วบิดสุดแรงเกิด เธอไม่เคยหมดท่าขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกแพ้ย่อยยับจนม
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ บ้านทั้งหลังมืดสนิท พิลลาจึงเปิดไฟจนพอมีแสงสว่าง คงจะเป็นอย่างที่เด็กวัยรุ่นหน้าบ้านบอก สารินอยู่หลังบ้าน และเธอก็ไม่ได้พกมือถือติดตัวมาด้วย หากต้องเดินออกไปเรียกอย่างไรก็คงต้องเจอกับคนที่อยู่ด้านหลัง จึงหวังว่าความเปลี่ยนไปในบ้านจะเรียกสายตาของเขาได้ ไฟในบ้านเปิดเอง เจ้าของบ้านจะไม่สงสัยแล้วเข้ามาดูหน่อยหรือ แต่ผ่านมาห้านาทีเห็นจะได้ ก็ไม่มีใครเดินเข้ามาด้านใน และวันนี้เธอก็ไม่ได้ว่างมารอเขานานๆ ด้วย เพราะอยากกลับให้ถึงบ้านก่อนที่สองสาวจะมาถึง ไม่อย่างนั้นต้องปั้นน้ำเป็นตัวอีกเช่นเคย พิลลาเดินไปที่ประตู แนบหูไปกับบานไม้เพื่อฟังความเคลื่อนไหวรอบนอก ที่ก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกวัยรุ่นที่มารวมตัวกัน บางครั้งก็มีเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูดังเข้าโสตประสาท ร่างระหงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ยื่นมือไปแตะที่ลูกบิดแล้วออกแรงหมุนช้าๆ จนมันถูกเปิดในที่สุด ไม่รู้ว่ากี่สายตากันแน่ที่มองมา แต่เธอตวัดตาไปมองเพียงสารินคนเดียว อย่างน้อยการมองแค่เขาก็ลดความอายลงไปได้มากโข “มีธุระจะคุยด้วยค่ะ” ว่าจบก็ปิดประตูลงทันที ก่อนสับเท้าเดินไปนั่งที่โซฟาทั้งใบหน้าบึ้งตึง เธอโกรธตัวเองที่เลือก
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ Pudjeeb Philla: พี่ลืมของไว้ที่ร้าน เธอกำลังจะถ่ายรูปกระเป๋าสตางค์ส่งไปให้ หลังเปิดดูแล้วพบสารพัดบัตร รวมถึงบัตรประชาชนที่มีหน้าเขาแปะหราไว้ พร้อมกับชื่อ ‘สาริน อัศวกมล’ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลัลนารีบต่อสายหามัทรีอย่างเร่งด่วน ทว่าข้อความของเขาก็ถูกส่งเข้ามาเสียก่อน Sarin Asawakamol: หัวใจ?? จากตั้งใจจะถ่ายรูป เธอก็เปลี่ยนมาโต้ตอบกับเขาแทน เห็นแล้วคันไม้คันมืออยากหยุมหัวคน Pudjeeb Philla: ใช่จ้า กำลังจะเอาไปต้มให้หมากิน Sarin Asawakamol: หมาในปากหรือเปล่าครับ Sarin Asawakamol: เลี้ยงดีจังเลยนะ ถึงว่า ขยันทำงานเหลือเกิน Pudjeeb Philla: อ๋อค่ะ คนที่จีบเพิ่งยกพวกไปรุมกระทืบก็พูดแบบนี้แหละ Sarin Asawakamol: อยากโดนจังSarin Asawakamol: โคตรอยาก เธอด่าเขาในใจ แต่ไม่พิมพ์ด่าให้เรื่องยืดยาว เลือกที่จะตัดบทด้วยการส่งรูปกระเป๋าสตางค์ไปให้ Pudjeeb Philla: จะให้เอาไปให้หรือจะมาเอาเอง Pudjeeb Philla: ร้านปิดห้าโมง ถ้ามาก็อย่าเกินนี้ แต่ถ้ารอจีบเอาไปให้ก็ค่ำๆ Pudjeeb Philla: แต่ของพี่นั่นแหละ มีบัตรประชาชน ส่วนเงินไม่ได้นับ แต่ไม่ได้ยุ่งอะไร ถ้าหายก็ไม่เกี่ยวกับจีบ
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ สารินกลับไปแล้ว หลังจากนั่งๆ นอนๆ อยู่หลังโต๊ะทำงานของเธออยู่หลายชั่วโมง ที่จริงเขายังไม่คิดจะกลับ ถ้าไม่ติดที่เธอไล่ตะเพิดเพราะลัลนากำลังจะมาที่ร้าน เพื่อนสนิทเดินมาทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ “คืนนี้ออกไหม” “ถ้าหล่อนกับเมลฟี่ไป ฉันก็ไป” “เป็นไร” พิลลาหันไปมุ่นคิ้วใส่เพื่อน “เห็นทำหน้าเซ็งๆ” เป็นอย่างที่ลัลนาว่า เธอเซ็งมากๆ ที่คนอย่างสารินเข้ามาข้องเกี่ยวกับชีวิต ยิ่งเขาพยายามล้ำเส้นที่ตกลงกันไว้ ไม่ยอมให้มันหยุดที่การจูบ แต่คิดจะจีบ เธอก็เกิดอาการอึดอัดคับแน่นในใจ ครั้นจะให้จ่ายเงินก็มีไม่พอ กว่าจะได้แต่ละบาทนั้นไม่ใช่ง่ายๆ ยิ่งต้องจำนำข้าวของสำคัญหรือเลือกหยิบยืมเพื่อนสนิท เธอทำไม่ได้ เนื้อนมไข่คบกันได้นานเพราะไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง ไม่มีใครเคยยืมเงินกันให้ต้องผิดใจ ไม่ร่วมธุรกิจกันในหมู่เพื่อน ทานข้าวก็หารเท่า ดื่มเหล้าไม่เคยเอาเปรียบ มาครั้งนี้เธอก็ไม่มีความกล้ามากพอจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเพื่อน แม้จะรู้ว่าเพื่อนต้องช่วย แต่มันจะเป็นปมในใจว่าครั้งหนึ่งเธอเคยหยิบยืมเงินคนสนิท แค่ยอมให้ไอ้หน้าวัวจูบไม่กี่ครั้ง เปลืองตัวแค่นี้ สบาย ก็ถ้ามันทำแค่นั้น เธอค
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ ‘ป๋า’ เดินออกไปจากร้าน ควบมอเตอร์ไซค์ไปทางร้านน้ำ พิลลามองจนลับสายตาก่อนส่ายหัวน้อยๆ ป๋าอะไรกัน คนที่ขายนกทอดตลาดทั้งๆ ที่เพิ่งเลยกำหนดมาวันเดียวน่ะ หรือจะขอผ่อนก็แสนจะเรื่องมาก สารินมันเค็มยิ่งกว่าน้ำทะเลเสียอีก ช่วงเที่ยงๆ แบบนี้ ร้านน้ำของปาริฉัตรมีลูกค้าหนาตาทีเดียว หนึ่งในนั้นคืออรอนงค์ บ้านของอรอนงค์ประกอบกิจการซัก อบ รีด ตั้งแต่เขาย้ายมาดูแลตาที่นี่ ก็ได้บ้านนี้ในการจัดการส่วนของเสื้อผ้าอาภรณ์ ไม่ต้องลำบากซักตากเองให้เหนื่อย หลังจากตาถึงแก่กรรม เขาก็ไม่คิดจะย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัวที่กรุงเทพฯ เพราะหลงรักกำแพงแสนเสียแล้ว นอกจากส่งเสื้อผ้าซักกับบ้านของอรอนงค์ สาวเจ้ายังอาสาเข้ามาดูแลความสะอาดของบ้านทุกสัปดาห์อีกด้วย เขามีหน้าที่จ่าย และก็ยินดีจ่าย เพราะเธอทำมันได้ดีไร้ที่ติ “ไปไงมาไงเนี่ยพี่เสือใหญ่” สารินระบายยิ้มให้แม่ค้าร้านน้ำ “มาซื้อน้ำน่ะ” “แหม อยากลัดคิวให้สุดหล่อจริงๆ แต่เดี๋ยวโดนคนอื่นเขม่นเอา เพราะงั้นนั่งรอก่อนนะ” เขาเลือกที่จะนั่งโต๊ะเดียวกับอรอนงค์และกีรติ ซึ่งเป็นสองสาวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี “มาซื้อน้ำเหรอพี่” ชายหนุ่มพยักหน้าเป็