Home / มาเฟีย / สยบแค้นมาเฟียร้าย / ตอนที่ 3 กรงทองของมาเฟีย

Share

ตอนที่ 3 กรงทองของมาเฟีย

last update Huling Na-update: 2025-07-10 21:19:26

หลังจากค่ำคืนที่แสนเลวร้ายในงานประมูล ซูหลิง ถูกพาตัวมายังเพนท์เฮาส์สุดหรูใจกลางมหานคร สิ่งปลูกสร้างระฟ้าที่ทิ่มแทงท้องฟ้าเบื้องบนราวกับจะเสียดทะลุเมฆหมอก ตัวตึกสูงเสียดฟ้าถูกตกแต่งด้วยกระจกสีดำทมิฬสะท้อนแสงไฟระยิบระยับของเมืองยามราตรี มันเป็นเพนท์เฮาส์ที่กว้างขวางโออ่าจนน่าตกใจ ทุกตารางนิ้วถูกประดับประดาด้วยงานศิลปะล้ำค่า ของตกแต่งราคาแพงระยับ และเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษจากต่างประเทศ พื้นหินอ่อนมันวาวสะท้อนเงาของโคมไฟคริสตัลระยิบระยับ ฝาผนังประดับด้วยภาพวาดของจิตรกรชื่อดังระดับโลก หน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานเผยให้เห็นทิวทัศน์ของเมืองทั้งเมืองที่สว่างไสวราวกับดวงดาวบนผืนผ้ากำมะหยี่สีดำ

แต่ความงดงามเหล่านี้กลับไม่สามารถบดบังความรู้สึกอึดอัดและโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจซูหลิงได้เลย นี่ไม่ใช่บ้าน แต่มันคือกรงทองที่งดงามที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น เธอถูกกักขังอยู่ในนั้นโดยไร้อิสรภาพใดๆ ซูหลิงไม่เห็นหน้าของ หลงเฟย อีกเลยหลังจากที่เขาประมูลเธอได้เมื่อคืน เขาสั่งให้คนของเขาพาเธอมาที่นี่ และทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง เหมือนเธอเป็นเพียงสมบัติชิ้นใหม่ที่เขาสามารถโยนทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้

ทันทีที่เข้ามาในเพนท์เฮาส์ ลูกน้องของหลงเฟยก็พาเธอไปที่ห้องนอนหลัก มันเป็นห้องที่กว้างขวางไม่ต่างจากห้องสวีทในโรงแรมห้าดาว เตียงขนาดคิงไซส์ที่บุด้วยผ้าไหมสีเงินทอประกายวับวาวรออยู่กลางห้อง ผ้าม่านกำมะหยี่เนื้อหนาถูกรูดปิดลงจนมืดสนิท แม้จะเป็นยามเช้าก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดและโลกภายนอกรบกวนเธอ ซูหลิงถูกนำเสื้อผ้าใหม่มาให้เปลี่ยน ชุดนอนผ้าซาตินเนื้อนุ่มสีขาวบริสุทธิ์ดูตัดกับความรู้สึกสกปรกภายในใจของเธอ เธอรู้สึกเหมือนเป็นเพียงตุ๊กตาที่ถูกจับวางอยู่ในตู้โชว์หรูหรา เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จสิ้น หญิงรับใช้ที่ดูนิ่งเฉยก็ออกจากห้องไป ปล่อยให้ซูหลิงเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าและความเงียบงันที่กัดกินจิตใจของเธอ

ซูหลิงเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องอย่างช้าๆ เธอพบว่าห้องนี้มีห้องน้ำขนาดใหญ่พร้อมอ่างจากุซซี่และฝักบัวเรนชาวเวอร์ และมีห้องแต่งตัวแยกต่างหากที่มีเสื้อผ้าแบรนด์เนมใหม่เอี่ยมแขวนเรียงรายเต็มตู้ ตั้งแต่ชุดทำงาน ชุดลำลอง ไปจนถึงชุดราตรีเลิศหรู ราวกับหลงเฟยต้องการให้เธอมีทุกสิ่งที่เธอเคยปรารถนา แต่กลับไร้ซึ่งความหมายเมื่อปราศจากอิสรภาพ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เธอก็ไม่พบทางออก เธอพยายามเปิดประตูห้องนอน แต่ก็พบว่ามันถูกล็อกจากด้านนอกอย่างแน่นหนา ทันทีที่เธอแตะลูกบิด เสียงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์เบาๆ ก็ดังขึ้นจากภายนอกห้อง ราวกับมีคนกำลังเฝ้าระวังอยู่ ทุกบานหน้าต่างถูกปิดตาย และที่สำคัญคือมันอยู่บนชั้นสูงเสียดฟ้าจนเธอไม่มีทางหนีได้เลย ความรู้สึกสิ้นหวังถาโถมเข้าใส่ ซูหลิงล้มตัวลงนั่งบนเตียงนุ่ม มือเรียวกุมศีรษะที่กำลังปวดหนึบ เธอถูกกักขังอย่างสมบูรณ์ ไร้ทางหนี ไร้การติดต่อกับโลกภายนอก

ซูหลิงใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสำรวจเพนท์เฮาส์ เธอเดินไปตามห้องต่างๆ อย่างช้าๆ สัมผัสทุกพื้นผิว ประเมินทุกจุดที่อาจเป็นช่องโหว่ แม้รู้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้ เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของหลงเฟยอีกครั้ง ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่รูปภาพของผู้หญิงที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน และนั่นเองที่เธอสังเกตเห็นลิ้นชักเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ซึ่งเธอไม่เคยสังเกตมาก่อน เธอพยายามเปิดมันออกอย่างระมัดระวัง และพบว่าภายในมีสมุดเล่มเล็กๆ ที่ดูเก่าแก่เล่มหนึ่งวางอยู่ รินเปิดดูหน้าแรก...มันคือไดอารี่เก่าๆ ที่มีรูปถ่ายวัยเด็กของหลงเฟยกับเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แววตาของเด็กหญิงในรูปนั้นดูเศร้าสร้อย และมีรอยแผลเป็นเล็กๆ ที่มุมปาก... ใครกัน? ซูหลิงคิดในใจ ก่อนจะรีบปิดมันลงอย่างรวดเร็วและเก็บไว้ที่เดิม เธอรู้ว่านี่คือความลับส่วนตัวของหลงเฟยที่เธอไม่ควรแตะต้อง แต่ความอยากรู้ก็ยังคงเกาะกินใจ

หัวใจของซูหลิงบีบรัดด้วยความเครียด เธอรู้สึกกระสับกระส่ายตลอดเวลา นอนไม่หลับมาตั้งแต่คืนก่อน ภาพของบิดามารดาที่ร่ำไห้และธุรกิจที่ล่มสลายยังคงหลอกหลอนในความฝันร้าย เธอเห็นใบหน้าเย้ยหยันของหลงเฟยในความมืด เขาหัวเราะเยาะในความพ่ายแพ้ของเธอ

นี่คือสิ่งที่แกต้องการใช่ไหมหลงเฟย... ให้ฉันทรมานอย่างช้าๆ ในกรงทองที่แกสร้างขึ้นมา? ซูหลิงพึมพำกับตัวเอง

เธอรู้สึกเหมือนมีดวงตานับร้อยคู่จ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่มีใครอยู่ในห้องก็ตาม ความรู้สึกถูกจับตามองทำให้เธอระแวง ไม่กล้าแม้แต่จะผ่อนคลาย เธอเดินไปมารอบห้องอย่างไม่หยุดหย่อน ความคิดตีกันอลหม่านในหัว เธอจะทำอย่างไรต่อไป? แผนการที่วางไว้พังทลายลงสิ้นเชิง

เวลาผ่านไปช้าๆ ซูหลิงไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอจมอยู่กับความคิดและความรู้สึกของตัวเอง เสียงท้องที่ร้องประท้วงทำให้เธอต้องลุกขึ้น เธอเดินไปที่ห้องครัวที่เชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหาร มันเป็นห้องครัวสไตล์โมเดิร์นที่เต็มไปด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน ตู้เย็นขนาดใหญ่ถูกจัดเก็บด้วยอาหารสดใหม่และเครื่องดื่มหลากหลายชนิด มีอาหารเช้าถูกเตรียมไว้ให้แล้วบนโต๊ะอาหารกระจกใส ซูหลิงตักอาหารใส่จานอย่างไม่ใส่ใจรสชาติ เธอรู้สึกเหมือนกำลังกินอาหารของนักโทษ ที่แม้จะหรูหราเพียงใด ก็ยังคงเป็นอาหารที่ถูกจัดหามาให้โดยผู้คุม

หลังจากนั้น ซูหลิงตัดสินใจเดินสำรวจเพนท์เฮาส์อีกครั้งอย่างละเอียด เธอเดินผ่านห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน ห้องออกกำลังกายส่วนตัว และแม้กระทั่งห้องสมุดขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยหนังสือหายาก เธอสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว พยายามหาจุดอ่อน จุดที่จะสามารถใช้เป็นหนทางหลบหนีได้ แต่ก็ไม่มีเลย ทุกอย่างถูกออกแบบมาอย่างแน่นหนาและปลอดภัย ราวกับป้อมปราการที่สร้างขึ้นมาเพื่อกักขังบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าที่สุด ไม่มีแม้แต่คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ก็มีเพียงช่องข่าวบันเทิงที่ไม่เกี่ยวข้องกับโลกภายนอก เพื่อควบคุมการรับรู้ ช่างเป็นการควบคุมที่ไร้ช่องโหว่เสียจริง

ขณะที่เธอกำลังสำรวจห้องสมุด สายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับรูปภาพที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน รูปนั้นเป็นภาพของหลงเฟยในชุดสูทสีเข้ม เขายืนอยู่ข้างผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยสง่า แต่เป็นความงามที่ดูเย็นชาและมีอำนาจคล้ายคลึงกับเขา เธอมีดวงตาที่เฉียบคมและริมฝีปากบางเฉียบ ผมสีดำขลับถูกเกล้าขึ้นอย่างสง่างาม เธอคือใคร? ภรรยาของเขา? หรือคนรัก?

ความรู้สึกที่ไม่ใช่ความอิจฉา แต่เป็นความสงสัยที่ปนเปความแคลงใจก่อตัวขึ้นในใจซูหลิง ราวกับกำลังเจอคู่แข่งที่มองไม่เห็น เธอเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปขึ้นมาพลิกดูด้านหลัง หวังว่าจะเจอชื่อหรือข้อมูลบางอย่าง แต่ก็ไม่มี เธอพยายามมองหาเอกสารหรือสิ่งของใดๆ รอบโต๊ะที่อาจเกี่ยวข้องกับผู้หญิงในภาพ แต่ก็ไม่พบอะไรที่เปิดเผยข้อมูลได้มากไปกว่านี้ หรือว่า... ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเขากับฉัน? ซูหลิงคิดในใจ

บนโต๊ะข้างเตียง มีดอกกุหลาบสีดำดอกหนึ่งวางอยู่ มันดูงดงามและลึกลับ กุหลาบสีดำ... เป็นสัญลักษณ์ของความตาย... หรือความรักที่ครอบงำ? ซูหลิงจ้องมองมันด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ แต่กลับรู้สึกถึงความบ้าคลั่งบางอย่างของหลงเฟยที่แฝงอยู่ในสัญลักษณ์นั้น ราวกับเขาต้องการย้ำเตือนว่าเธอเป็น "ของเขา" ในทุกๆ ลมหายใจ

ขณะที่ซูหลิงกำลังจมอยู่กับความคิด ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง เผยให้เห็นหญิงรับใช้คนเดิมพร้อมกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ดูมีอายุมากกว่า หญิงคนนั้นสวมชุดเมดสีดำและมีท่าทางที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

"คุณผู้หญิงคะ นายท่านสั่งให้เรามาดูแลท่านค่ะ ดิฉันชื่ออามา เป็นหัวหน้าแม่บ้านที่นี่ ส่วนนี่คือเซียวจู เธอจะคอยดูแลความสะดวกสบายทั่วไปให้คุณผู้หญิงค่ะ" อามากล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม แต่แววตาของเธอแฝงไว้ด้วยความไม่ไว้วางใจเล็กน้อย และการปฏิบัติตามคำสั่งที่เคร่งครัดราวกับถูกโปรแกรมมา

ซูหลิงมองไปที่อามาอย่างพิจารณา "คุณหลงเฟยอยู่ที่ไหน?" เธอตัดสินใจถามตรงๆ

อามาก้มหน้าเล็กน้อย "นายท่านมีธุระสำคัญค่ะ ท่านอาจจะกลับมาดึกหรือไม่กลับมาเลยในคืนนี้ ท่านสั่งให้เราดูแลคุณผู้หญิงให้ดีที่สุด และไม่ให้ออกไปจากเพนท์เฮาส์นี้จนกว่าจะได้รับอนุญาตค่ะ" น้ำเสียงของอามาไร้อารมณ์ใดๆ ราวกับกำแพงที่ไม่มีวันทะลุผ่าน

"ฉันอยากรู้ว่าคุณหลงเฟยไปไหน" ซูหลิงพูดย้ำด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว "ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาของเค้าที่ต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างนะ!"

อามาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเธอฉายแววประหลาดใจกับปฏิกิริยาของซูหลิง "คุณผู้หญิงคะ... ดิฉันแค่ทำตามคำสั่งนายท่านค่ะ"

"ทำตามคำสั่งงั้นเหรอ? แล้วถ้าฉันไม่ทำตามล่ะ? เค้าจะทำอะไรฉันได้?" ซูหลิงจ้องมองอามาอย่างไม่ยอมแพ้ "เค้าไม่มีสิทธิ์มาบังคับฉัน!"

อามาถอนหายใจแผ่วเบา "คุณผู้หญิงคะ... บางครั้งการไม่รู้...อาจจะดีที่สุดค่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย "โลกของนายท่าน...มันไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างคุณผู้หญิงจะเข้าใจได้หรอกค่ะ"

คำตอบของอามาตอกย้ำความจริงที่ว่าเธอคือ นักโทษ ในกรงทองนี้ ซูหลิงรู้สึกเจ็บแปลบในอก ความโกรธเกรี้ยวพุ่งสูงขึ้น เธอจำคำพูดของหลงเฟยได้ขึ้นใจ

"ตอนนี้เธอเป็นของฉันแล้วอย่างสมบูรณ์" นี่แหละคือความสมบูรณ์ที่เขาพูดถึง การครอบครองเธอทั้งร่างกายและอิสรภาพ แต่เธอพยายามระงับมันไว้ เธอรู้ว่าการแสดงออกซึ่งอารมณ์ไม่ได้ช่วยอะไรในสถานการณ์เช่นนี้ เธอต้องแข็งแกร่งและอดทน

"ฉันต้องการโทรศัพท์" ซูหลิงเอ่ยเสียงเรียบพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกทั้งหมดไว้ เธอพยายามมองหาช่องโหว่เล็กๆ น้อยๆ เพื่อติดต่อโลกภายนอก

อามาส่ายหน้าเบาๆ "นายท่านสั่งห้ามค่ะ คุณผู้หญิงจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์หรือติดต่อกับบุคคลภายนอกได้ค่ะ ไม่ว่าจะอุปกรณ์สื่อสารชนิดใดก็ตาม"

ความรู้สึกผิดหวังถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ซูหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเนื้อ เธอรู้แล้วว่าหลงเฟยไม่ได้ประมูลเธอมาเพื่อเป็นแค่ของเล่น แต่เขาตั้งใจที่จะกักขังเธอและตัดขาดเธอจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ นี่คือการลงโทษ นี่คือการแก้แค้นของเขาที่ต้องการให้เธอไร้ทางต่อสู้ ไร้ทางช่วยเหลือใดๆ

"เอาหล่ะ ฉันอยากอยู่คนเดียว" ซูหลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาที่สุดเท่าที่จะทำได้ หญิงรับใช้ทั้งสองก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ ประตูปิดลงพร้อมกับเสียงคลิกที่ดังเบาๆ แต่สะท้อนเข้ามาในใจซูหลิงอย่างชัดเจนว่าเธอถูกขังแล้ว ปล่อยให้ซูหลิงจมอยู่กับความรู้สึกโดดเดี่ยวอีกครั้ง

ซูหลิงเดินไปยืนที่หน้าต่างบานใหญ่ที่สุด เธอมองออกไปเห็นแสงสีของเมืองที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา ผู้คนเบื้องล่างดูเล็กจิ๋วราวกับมดตัวหนึ่ง เธอรู้สึกเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง เธอคือปลาที่ถูกตักขึ้นมาจากทะเลกว้าง แล้วมาอยู่ในโหลแก้วอันหรูหราที่ไม่มีทางออก

หลงเฟยได้ครอบครองเธอในทุกๆ ด้าน ทั้งร่างกายที่ถูกประมูลไป และอิสรภาพที่ถูกจองจำ แต่ประกายไฟในดวงตาของซูหลิงไม่ได้มอดดับลง เธอแหงนหน้ามองเพดานสูงลิบ พลางพึมพำกับตัวเองด้วยความมุ่งมั่น

"แกไม่มีทางชนะฉันหรอกหลงเฟย... ฉันจะรอ...รอจนกว่าฉันจะหาทางทำลายกรงทองของแก แล้วฉันจะทำให้แกชดใช้ทุกอย่าง!" คำพูดนั้นเป็นทั้งคำสาบานและคำสัญญาที่เธอจะยึดมั่นไว้ในใจ เพื่อรอวันที่จะได้ล้างแค้นและทวงคืนอิสรภาพของเธอ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • สยบแค้นมาเฟียร้าย   ตอนที่ 7 ความลับในรอยจูบ – เขาลงโทษเธอด้วยร่างกาย

    ซูหลิง รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่งลงสู่ห้วงลึกของมหาสมุทรที่มืดมิด ไร้ทางกลับขึ้นสู่ผิวน้ำ สายตาของ หลงเฟย ที่จ้องมองมาเมื่อครู่ยังคงตรึงติดอยู่ในความทรงจำ มันเป็นแววตาที่ทั้งน่ากลัวและน่าเย้ายวนใจไปพร้อมกัน คำพูดของเขาที่ว่า "คืนนี้เธอต้องใส่ชุดที่ฉันเลือกไว้ให้" ยังคงก้องอยู่ในหูของเธอราวกับคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้เธอใช้ความคิดอย่างหนักในขณะที่เดินไปยังห้องแต่งตัวอย่างเชื่องช้า ซูหลิงรู้ดีว่าเธอไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของหลงเฟยได้ แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ เธอจึงเลือกที่จะเปลี่ยนชุดด้วยตัวเองเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ถูกบังคับให้ทำอะไรตามที่เขาต้องการทั้งหมด เธอก้าวเข้าไปในห้องแต่งตัวอย่างเงียบเชียบและใช้เวลาในการพิจารณาเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ภายในตู้ในตู้เสื้อผ้ามีชุดราตรีมากมายหลายแบบ ทั้งชุดที่เรียบร้อยและชุดที่เซ็กซี่เกินกว่าที่เธอจะกล้าใส่ เธอจ้องมองไปที่ชุดเดรสที่หลงเฟยเลือกไว้ให้ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่ชุดอื่นเพื่อค้นหาชุดที่เหมาะสมกว่าสุดท้าย เธอก็พบชุดที่ถูกใจ เป็นชุดเดรสผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่ดูเรียบง่ายแต่กลับให้ความรู้สึกหรูหรา ซูหลิงเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

  • สยบแค้นมาเฟียร้าย   ตอนที่ 6 เธอพยายามแอบขโมยข้อมูล แต่เขาจับได้

    รุ่งเช้าของอีกวัน ซูหลิงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความอ่อนล้าทั้งทางกายและใจ แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเข้ามาเพียงเล็กน้อย ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศในห้องสดใสขึ้นเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของเธอยังคงระบมจากค่ำคืนที่ผ่านมา รอยจูบและรอยแดงช้ำปรากฏอยู่ทั่วผิวเนื้อขาวเนียนราวกับหลักฐานการถูกครอบครองที่ไม่อาจลบเลือนได้หลงเฟยจากไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขามักจะหายตัวไปอย่างเงียบเชียบเสมอ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นกายและรอยประทับที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำและบนร่างกายของเธอ แม้จะรู้สึกขยะแขยงตัวเองที่อ่อนไหวต่อสัมผัสของเขา แต่ลึกๆ แล้ว ซูหลิงก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างออกไปก่อตัวขึ้นในใจ มันทั้งน่ากลัวและน่าสับสนหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย ซูหลิงเดินไปที่ห้องครัว อาหารเช้าถูกจัดเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพเหมือนเช่นเคย เธอพยายามฝืนกินเข้าไปเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังชีวิต สมองของเธอสั่งการให้คิดหาทางออกตลอดเวลา เธอไม่อาจปล่อยให้ตัวเองจมปลักอยู่ในความสิ้นหวังได้นานกว่านี้ ความแค้นคือเชื้อเพลิงเดียวที่ทำให้เธอยังคงหายใจอยู่ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปไม่กี่ไมล์ ณ อาคารสำนักงานใจกลางเมือง หลงเฟยกำลังนั่งอ

  • สยบแค้นมาเฟียร้าย   ตอนที่ 5 จุมพิตใต้พันธนาการ – เขาเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    รุ่งเช้ามาเยือนพร้อมกับความปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กายของ ซูหลิง แสงแดดอ่อน ๆ เล็ดรอดผ้าม่านเข้ามาเพียงเล็กน้อย ทำให้ห้องนอนยังคงอยู่ในบรรยากาศสลัว ๆ ซูหลิงขยับตัวช้า ๆ ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่างกาย บ่งบอกถึงค่ำคืนอันยาวนานที่ผ่านมา เธอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเป็นห้วงเวลาที่ร่างกายของเธอถูกครอบครองอย่างสมบูรณ์เธอหันมองไปยังที่ว่างข้างกาย หลงเฟย หายไปแล้ว ไม่มีร่องรอยของการมีอยู่ของเขา ยกเว้นความรู้สึกราวกับมีไฟแผดเผาอยู่ในกายของเธอ และรอยแดงช้ำจาง ๆ ตามผิวเนื้อที่บอบบาง ความรู้สึกโล่งใจเพียงชั่วครู่ก็ถูกแทนที่ด้วยความอ้างว้างและเคว้งคว้างอย่างประหลาด เธอเกลียดที่ร่างกายของตัวเองตอบสนองต่อเขา แต่ลึก ๆ แล้ว เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสัมผัสของเขา... เร้าใจอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ซูหลิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก เธอเดินโซซัดโซเซไปยังห้องน้ำขนาดใหญ่ สายตาจับจ้องไปที่ภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ ดวงตาคู่สวยยังคงฉายแวววาวของความดื้อรั้น แต่รอบดวงตานั้นคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อจากการจูบอย่างเร่าร้อนเมื่อคืน รอยแดงช้ำบนผิวขาวเนียนคือหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ถึ

  • สยบแค้นมาเฟียร้าย   ตอนที่ 4 ร่างกายที่ต้องยอมจำนน

    แสงจันทร์สีเงินนวลทอดผ่านผ้าม่านโปร่งเข้ามาในห้องนอนกว้างขวางของเพนท์เฮาส์ยามวิกาล บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจของ ซูหลิง ที่ยังคงสะท้อนก้องอยู่ในความว่างเปล่า เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงขนาดคิงไซส์ พยายามข่มตาหลับแต่ก็ไร้ผล ภาพใบหน้าของ หลงเฟย วนเวียนอยู่ในหัว ดวงตาคมกริบที่เต็มไปด้วยอำนาจและรอยยิ้มเย้ยหยันยังคงตามหลอกหลอนกว่าสองวันแล้วที่เธอถูกกักขังอยู่ในกรงทองแห่งนี้ ทุกนาทีคือความทรมานทางจิตใจ เธอรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องตลอดเวลา แม้จะไม่มีใครอยู่ในห้อง แต่ความรู้สึกไร้อิสรภาพนั้นหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก อาหารที่จัดเตรียมอย่างดีถูกแตะต้องเพียงเล็กน้อย เธอนอนไม่หลับอย่างรุนแรง ดวงตาคล้ำลง และผิวพรรณที่เคยสดใสก็ดูซีดเซียวลงไปบ้าง แต่กระนั้นความสวยก็ยังไม่จืดจาง ความมุ่งมั่นในการแก้แค้นยังคงอยู่ แต่ร่างกายของเธอกำลังส่งสัญญาณประท้วงถึงความอ่อนล้าเสียงคลิกเบาๆ ที่ประตูห้องนอนทำให้ซูหลิงสะดุ้งสุดตัว เธอหันขวับไปมอง ประตูไม้เนื้อดีเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นเงาร่างสูงใหญ่ของหลงเฟยในกรอบประตู แสงไฟจากโถงทางเดินสาดเข้ามาจากด้านหลัง ทำให้ใบหน้าของเขาดูมืดมิดและน่าเกรงขามยิ่งขึ้นไปอีก เขาก้าว

  • สยบแค้นมาเฟียร้าย   ตอนที่ 3 กรงทองของมาเฟีย

    หลังจากค่ำคืนที่แสนเลวร้ายในงานประมูล ซูหลิง ถูกพาตัวมายังเพนท์เฮาส์สุดหรูใจกลางมหานคร สิ่งปลูกสร้างระฟ้าที่ทิ่มแทงท้องฟ้าเบื้องบนราวกับจะเสียดทะลุเมฆหมอก ตัวตึกสูงเสียดฟ้าถูกตกแต่งด้วยกระจกสีดำทมิฬสะท้อนแสงไฟระยิบระยับของเมืองยามราตรี มันเป็นเพนท์เฮาส์ที่กว้างขวางโออ่าจนน่าตกใจ ทุกตารางนิ้วถูกประดับประดาด้วยงานศิลปะล้ำค่า ของตกแต่งราคาแพงระยับ และเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษจากต่างประเทศ พื้นหินอ่อนมันวาวสะท้อนเงาของโคมไฟคริสตัลระยิบระยับ ฝาผนังประดับด้วยภาพวาดของจิตรกรชื่อดังระดับโลก หน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานเผยให้เห็นทิวทัศน์ของเมืองทั้งเมืองที่สว่างไสวราวกับดวงดาวบนผืนผ้ากำมะหยี่สีดำแต่ความงดงามเหล่านี้กลับไม่สามารถบดบังความรู้สึกอึดอัดและโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจซูหลิงได้เลย นี่ไม่ใช่บ้าน แต่มันคือกรงทองที่งดงามที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น เธอถูกกักขังอยู่ในนั้นโดยไร้อิสรภาพใดๆ ซูหลิงไม่เห็นหน้าของ หลงเฟย อีกเลยหลังจากที่เขาประมูลเธอได้เมื่อคืน เขาสั่งให้คนของเขาพาเธอมาที่นี่ และทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง เหมือนเธอเป็นเพียงสมบัติชิ้นใหม่ที่เขาสามารถโยนทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้ทันทีที่เข้ามาในเพ

  • สยบแค้นมาเฟียร้าย   ตอนที่ 2 เขาประมูลตัวเธอในงานลับ เธอต้องยอมเพื่อความอยู่รอด

    ความมืดมิดในห้องขังชั่วคราวถูกแทนที่ด้วยแสงไฟสลัวสีแดงจากโคมระย้าคริสตัลเมื่อบานประตูเหล็กเปิดออก เสียงเสียดสีของบานพับโลหะดังเอี๊ยดอ๊าดบาดแก้วหู พลันปรากฏร่างสูงใหญ่ของ หลงเฟย ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ซูหลิง ใบหน้าคมคายของเขาฉาบด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ซูหลิงรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ แม้ว่าในห้องจะเย็นเฉียบอยู่แล้ว"ตื่นแล้วหรือ...แม่หนูน้อยนักสืบ" เสียงทุ้มต่ำของหลงเฟยเอ่ยขึ้นอย่างเยาะเย้ย เขาก้าวเข้ามาใกล้ ร่างของซูหลิงถอยร่นไปติดผนังเย็นเฉียบ เธอพยายามรวบรวมสติและปั้นสีหน้าให้ดูแข็งกร้าวที่สุด"คุณต้องการอะไร?" ซูหลิงถามเสียงห้าว พยายามซ่อนความกลัวที่กำลังบีบรัดหัวใจ เธอกัดฟันแน่นจนกรามเป็นสัน เธอรู้ว่าการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขาจะนำมาซึ่งหายนะ เพราะนั่นจะยิ่งทำให้เขาได้ใจและขยี้เธอให้จมดินได้ง่ายขึ้นหลงเฟยหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะที่ฟังดูเหมือนการคำรามของสัตว์ร้ายจากส่วนลึกของป่าอันตราย"สิ่งที่ฉันต้องการ... เธอจะรู้เองในไม่ช้า และรับรองว่ามันจะทำให้เธอจดจำไปชั่วชีวิต" เขาไม่รอให้ซูหลิงตอบกลับเขาสะบัดมือเล็กน้อย พลันลูกน้องสองคนก็ก้าวเข้ามาในห้อง แต่ละคนร่างใหญ่เท่าหมีป่า ดว

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status