กู้หม่างคาดเดาแล้วพูดต่ออย่างใจเย็น “ไปที่ห้องแล้วเปิดลิ้นชักในตู้ ข้างในมีกล่องอยู่… เอาไปเถอะ”เจียงชั่นพึมพำ “หืม” เธอทำตามคำแนะนำของเขา และพบกล่องไม้แกะสลักอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของลิ้นชัก ลวดลายบนกล่องได้รับการแกะสลักอย่างวิจิตรและสวยงาม อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อีกด้วยกู้หม่างรับมาแล้วเปิดออก ข้างในมีเครื่องประดับทองคำหลายชิ้น มีทั้งสร้อยคอ ต่างหู แหวน โดยเฉพาะสร้อยข้อมือทองและหยก ซึ่งมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว หยกฝังด้วยทองคำให้ความรู้สึกอบอุ่นโปร่งใส เต็มไปด้วยสีสัน ทั้งยังอลังการอย่างยิ่งเจียงชั่นเบิกตากว้างและมองเขาอย่างไม่มั่นใจ“นี่มัน…”“ก่อนเราสองคนแต่งงานกัน ผมยังไม่ได้ให้ของขวัญหมั้นหมายที่ดีแก่คุณเลยนี่” กู้หม่างจับมือเธอแล้วมองด้วยสายตาเรียบเฉย “ผมตั้งใจชดเชยสิ่งเหล่านี้ให้กับคุณ ลองดูสิว่ามีอะไรอีกบ้าง หรือคุณไม่พอใจกับมันเหรอ?”มือเล็ก ๆ ของเจียงชั่นกำแน่นและคลายลง รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอแอบมองใบหน้าอันเคร่งขรึมของกู้หม่าง แต่เหมือนสัมผัสได้ถึงความหวานเล็กน้อยในใจเขาเครื่องประดับทั้งหมดนี้สวยงามมาก จนไม่พบข้อบกพร่องใด ๆแต่เขามีของพวกนี้ได้อย่างไร?กู้หม่
รอยยิ้มบนหน้าเจียงชั่นแข็งทื่อ ความโศกเศร้าพัดผ่านเข้ามาในหัวใจหลินอวี่ฉิงพูดถูก การแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต เธอเพิ่งแต่งงานโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองเลย ไม่มีแม้แต่สร้างความสัมพันธ์ที่จริงจังก่อนด้วยซ้ำ เธอไม่ได้แค่ทำลายความสุขในชีวิตตัวเองไปหรอกเหรอ?แต่...เจียงชั่นเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดว่า “ทำไมมันช่างน่าสังเพชจริง ๆ เลยนะ แต่ความจริงฉันเองก็ต้องขอบคุณกู้หม่าง ถ้าเขาไม่แต่งงานกับฉัน ก็คงไม่ได้สินสอดตั้งล้านกว่าบาทหรอก!”ตราบใดที่อาการป่วยของแม่เธอดีขึ้น น้องชายสามารถเข้าเรียนและใช้ชีวิตอย่างสงบสุข นี่ถือเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่สำหรับเธอแล้ว“เอาล่ะ ฉันคงไม่ติดต่อกับใครไปสักพัก!” เจียงชั่นพูดต่อก่อนวางสายโทรศัพท์อย่างเร่งรีบ “วันนี้ฉันกลับบ้านเพื่อเอาเงินส่วนของตัวเอง ไว้ฉันจะแจ้งข่าวดีให้เธอรู้อีกทีหลังได้เงินมานะ!”เจียงชั่นเก็บโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้สะพายหลังอย่างระมัดระวัง หลังจากเดินได้ไม่นาน เธอมาถึงถนนย่านการค้าพลุกพล่านที่สุดในเจียงโจว เธอยืนอยู่ริมถนนและมองดูการจราจรแสนวุ่นวาย ระหว่างนี้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง…“เฮ้ น้องสาว
“ก็บอกไปแล้วไงว่าพ่อไม่อยู่บ้าน!” เจียงเหยายิ้มอย่างภาคภูมิใจ “พ่อคงลืมไปแล้วว่าวันนี้ลูกจะกลับบ้าน! แถมเธอแต่งงานกับคนแบบนั้น คิดเหรอว่ากลับมาแล้วพ่อจะอยู่รอต้อนรับเธอ? ฮ่า ๆ ๆ นี่ยังน่าอายไม่พออีกเหรอเนี่ย!”“ฉันไม่ต้องการอะไรแบบนั้นหรอก!”เจียงชั่นเดินและหยุดอยู่ตรงหน้าเจียงเหยา “ฉันแค่ต้องการค่าสินสอด!”“ค่าสินสอด?”เจียงเหยาเลิกคิ้วขึ้นและมองเธอด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย “สินสอดอะไรของเธอ? ฉันไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ!”เจียงชั่นตกตะลึงมาก หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบหลุดจากร่างขณะนั้นความคับข้องใจ ความโกรธ และความเกลียดชังทั้งหมดถาโถมเข้ามาในหัวใจ เธอรู้ว่าตัวเองมีภูมิหลังต่ำต้อย และถูกตราหน้าว่าเป็นลูกสาวนอกกฎหมายตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดมาในโลกใบนี้ แต่เรื่องของภูมิหลังไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถเลือกเกิดได้ แม้จะอยู่ในความมืดมนมาหลายปี เธอก็ยังพยายามอย่างหนักที่จะก้าวออกจากจุดดำมืดนี้เธอเชื่อว่าไม่มีผู้หญิงธรรมดาคนไหนที่จะเห็นด้วยกับคำขอไร้สาระแบบนี้เพื่อขอแต่งงานแทน!ทั้งหมดนี้เธอแค่อยากจะช่วยแม่ตัวเองเท่านั้นแล้วทำไมเธอถึงต้องมาสูญเสียความหวังเล็ก ๆ แบบนี้ไปด้วย!เจี
เมื่อกู้หม่างเปิดประตู เขาเห็นเจียงชั่นออกมาจากครัวพร้อมกับอาหารสองจานใบหน้าเล็ก ๆ ที่แต่เดิมเศร้าเล็กน้อยเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันทีเมื่อเห็นเขารอยยิ้มเป็นแค่การบังคับฝืนตัวเองเล็กน้อยกู้หม่างล้างมือแล้วนั่งที่โต๊ะ หลังจากฝึกมาทั้งวันก็หิวโซ อาหารตรงหน้านี้ยิ่งดูน่ารับประทานเขาหยิบชามขึ้นมาและเริ่มกิน ขณะที่เจียงชั่นนั่งเงียบโดยไม่ขยับตัวทำอะไร“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอเจียงชั่นชะงักและส่ายหน้า“ถ้าอย่างนั้นรีบกินก่อนเถอะ” กู้หม่างวางชิ้นเนื้อบนชามเธอ “แค่มองก็อิ่มแล้วเหรอ?”เจียงชั่นก้มหน้าลงและเม้มริมฝีปาก ตอนนี้เธอไม่มีความอยากอาหารจริง ๆ เวลานี้โทรศัพท์มีข้อความจากหยิ่นเฉิงน้องชายของเธอ “พี่สาว ค่ารักษาพยาบาลของแม่จะจ่ายเมื่อไรเหรอ? ถ้าไม่รีบจ่ายหมอจะหยุดให้ยา!”ทั้งหัวใจเหมือนถูกบีบรัด เธอมองไปที่ลิ้นชักในตู้โดยไม่รู้ตัวเธอใส่เครื่องประดับทองทั้งหมดที่กู้หม่างมอบให้ครั้งล่าสุดเข้าไป โดยเฉพาะสร้อยข้อมือทองคำและหยก ซึ่งน่าจะคุ้มค่าเงินมากเมื่อเอาไปแลกเปลี่ยน…“ทำไมสีหน้าเป็นงั้นล่ะ?” ทันใดนั้นเสียงทุ้มลึกก็ขัดจังหวะความคิดของเธอเจียงชั่นหันกลับมาได้สติ
กู้หม่างเงียบอยู่ที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์อย่างไรก็ตาม แม้ทางโทรศัพท์ ไป๋จิ่งหยวนก็สามารถเดาได้ว่าเขาต้องมีใบหน้าเหมือนภูเขาน้ำแข็งโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆทักษะที่เด่นชัดที่สุดของเขา คือต่อให้ตายก็ไม่เปิดเผยความรู้สึก“ลูกพี่สาม” ไป๋จิ่งหยวนกระแอมสองครั้ง “คุณไม่มีอะไรจะพูดเหรอ?”“จะให้พูดอะไร?” เสียงของกู้หม่างฟังดูเหมือนกำลังยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มจริง ๆ “ฉันยกให้เธอไปแล้ว เธอจะเอาไปทำอะไรต่อมันก็เรื่องของเธอ เธอคงมีเหตุผลที่เอามันไปขาย”“แต่นั่นคือ 'ลมทองคำน้ำค้างหยก' ที่คุณยายทวดของคุณสวมมันติดตัวตลอดเชียวนะ!”กู้หม่างไม่ได้พูดอะไร เพิ่มน้ำหนักให้กับดัมเบล เมื่อเขายกมันขึ้นอีกครั้ง กล้ามเนื้อก็ยิ่งกระชับขึ้น ความแข็งแกร่งแทบปะทุเหมือนกับภูเขาไฟระเบิด“เธอขายสร้อยข้อมือได้เงินไปเท่าไร?”“ก็…” ไป๋จิ่งหยวนยิ้ม “เธอไม่ได้ขาย!”กู้หม่างขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเห็นผู้หญิงตัวเล็กคนนี้อยู่ไม่สุขและมองไปที่ลิ้นชักตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนั้นเขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าเธออยากเอาเครื่องประดับไปขายถึงอย่างไร เงินค่าสินสอดหนึ่งล้านห้าแสนกว่าบาทก็ถูกเจียงเหยายักยอกไป แต่เธอต้องรีบหาเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล
หลังอาหารเย็น เจียงชั่นหั่นผลไม้แล้วนำมาวาง จากนั้นจึงนั่งลงข้างกู้หม่างชายคนนั้นถือโทรศัพท์แล้วมองอย่างจดจ่อ เจียงชั่นโน้มตัวเข้าไปดูอย่างอยากรู้อยากเห็น คิดว่าเขากำลังเล่นเกม แต่ไม่คาดคิดว่าเขากำลังดูเว็บไซต์ภาษาต่างประเทศ หน้าจอเป็นภาพผู้คนสวมชุดสูทและเนคไท คาดเดาว่าคงเป็นบรรดานักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเจียงชั่นสะดุ้ง จากนั้นกู้หม่างก็หันหน้ามาทันที เจียงชั่นอยู่ใกล้มากจนเธอไม่ทันระวัง จมูกแทบจะแตะปลายจมูกของเขา ทั้งสองมองหน้ากันอย่างว่างเปล่า ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา แม้กระทั่งหัวใจก็เต้นแรง“มีอะไร?” กู้หม่างกระซิบถาม“ปะ… เปล่าค่ะ” เจียงชั่นนั่งข้างเขาตามเดิมอย่างงุ่มง่าม มือเล็ก ๆ ทั้งสองประสานกันด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “คุณกำลังดูข่าวอยู่เหรอคะ?”“ใช่ ข่าวการเงิน”“คุณสนใจเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”กู้หม่างหันหน้ากลับมาอีกครั้ง ดวงตาเฉียบคมราวนกอินทรีคู่นั้นดูเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “แล้วคุณคิดว่าคนที่เคยมีประวัติทะเลาะวิวาทจนติดคุกควรสนใจหรือเปล่าล่ะ?”“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย!” ใบหน้าของเจียงชั่นเปลี่ยนเป็นสีแดง “ฉันแค่รู้สึกประหลาดใจ ไม่ค
เจียงชั่นอึ้งอยู่พักหนึ่งหยิ่นเฉิงซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของปลายสายดีใจมาก บอกว่าไม่ใช่แค่มีเงินจ่ายค่ารักษาเท่านั้น แต่ตระกูลเจียงยังจัดการเปลี่ยนวอร์ดให้ด้วย แม่ของเขาถูกย้ายเข้าไปอยู่ในวอร์ด VIP ได้รับการดูแลอย่างสุดกำลัง และรักษาโดยยานำเข้าที่ทันสมัยที่สุด“พี่สาว ไม่น่าเชื่อเลยว่าพ่อของพี่จะยังคิดถึงแม่อยู่” หยิ่นเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ผมไม่คุยกับพี่แล้วนะ ได้เวลาที่ผมต้องไปเรียนคลาสเย็นแล้ว!”“จริงด้วย พี่สาว อย่าลืมค่าหนังสือเรียนของผมล่ะ ผมเป็นคนเดียวในชั้นเรียนที่ยังไม่ได้จ่าย!”“อืม...” เจียงชั่นพึมพำตอบรับ เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเลยจนกระทั่งหยิ่นเฉิงวางสายไปเจียงเหยากลายเป็นคนมีมโนธรรมตั้งแต่เมื่อไร?เจียงหมิงหย่วนคิดถึงแม่ของเธอจริงเหรอ?ความเป็นไปได้เหล่านี้มีน้อยมากเมื่อนึกถึงทัศนคติที่ตระกูลเจียงมีต่อเธอในวันที่เธอกลับบ้าน เธอแทบไม่มีความหวังสำหรับสินสอดหนึ่งล้านห้าแสนกว่าบาทอีกต่อไปไม่นึกเลยว่า...เจียงชั่นรีบซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน ใส่สร้อยข้อมือกลับเข้าไปในกล่องอย่างระมัดระวัง แล้วเก็บมันเข้าที่โชคดีที่ตัดสินใจไม่ขาย!เธอหัวเราะ ไล้นิ้วเรียวยาวแตะ
ไป๋จิ่งหยวนตบต้นขาตัวเองฉาดใหญ่ ตระหนักว่าเขาได้ก่อปัญหาใหญ่เข้าแล้ว“ละ… เหล่าเย่ นายต้องช่วยฉันนะ!” ไป๋จิ่งหยวนไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ฉันไม่เคยคิดจะแก่งแย่งผู้หญิงกับลูกพี่สามเลยจริง ๆ! อีกอย่าง ผู้หญิงตัวเล็กผอมบางดูอ่อนแออย่างเจียงชั่นไม่ใช่สเปคฉันเลย! ลูกพี่สามต่างหากไปถูกใจอะไรเธอไม่รู้ ... "เย่เชินจิบชาแล้วยิ้มอย่างมีความหมายใช่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าคุณชายคนที่สามของตระกูลฮั่ว ผู้ซึ่งโดดเดี่ยวและไร้ความปรานีมาโดยตลอด นอกจากจะยอมสวมรอยเป็นนักเลงอย่างกู้หม่างเพื่ออยู่ที่นี่แล้ว ยังสนใจเด็กสาวตัวเล็กอย่างเจียงชั่นอีกด้วย“ลูกพี่สามบอกว่าเขาไม่ได้สนใจการแต่งงานครั้งนี้เลย เขาแค่เห็นมันเป็นละครฉากหนึ่งเพื่อปิดบังตัวตน…”“นายเชื่อสิ่งที่เขาพูดไหมล่ะ?” เย่เฉินกลอกตา “เราจะคอยดูก็แล้วกัน ฉันคิดว่าเจียงชั่นคนนี้ไม่ธรรมดา หึ ๆ บางทีถึงตอนนั้นแล้วลูกพี่สามของเราอาจจะไม่อยากกลับหยางเฉิงแล้วก็ได้!”…หลังอาหารกลางวัน กู้หม่างกล่าวกำชับให้เจียงชั่นอยู่บ้าน แล้วออกไปข้างนอกหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก ก่อนจะแต่งงานกับเจียงชั่น เขามักจะเดินขึ้นภูเขาไปตามเส้นทางในหม