เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
“ดึกมากแล้ว ไปนอนเถอะ”เสียงดุจแม่เหล็กเย็นเยียบทุ้มลึกของชายคนนั้น ทำให้เจียงชั่นดึงสติกลับมาจากห้วงความคิดของตัวเองในทันใด เธอเงยหน้าขึ้น สบตากับนัยน์ตาลึกล้ำราวกับหมึกของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ที่คาดเดาไม่ได้เจียงชั่นยกชายกระโปรงตัวเองขึ้นด้วยความประหม่า หัวใจพลันเต้นรัวเร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ตั้งแต่เธอเข้ามาในห้องนี้ เธอก็เอาแต่นั่งอยู่บนขอบเตียง นั่งนิ่งอยู่ในท่านี้มานานจนกระดูกสันหลังแข็งทื่อไปหมด ไม่ยอมลุกไปเปลี่ยนชุดแต่งงานสักที จนกระทั่งชายคนนั้นเดินออกจากห้องน้ำ หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ เธอถึงตระหนักว่าคืนนี้ตนจะต้องร่วมคืนวิวาห์กับชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ว่าจะปรับตัวเข้าหาสามีป้ายแดงคนนี้อย่างไร เพราะเธอแค่มาแต่งงานกับเขาแทนใครอีกคนในฐานะลูกสาวนอกสมรสของตระกูลร่ำรวย เธอกลับต้องแต่งงานกับผู้ชายยากจนคนนี้แทนผู้เป็นพี่สาว เพียงเพื่อปฏิบัติตามสัญญาการแต่งงานที่กำหนดโดยคนรุ่นก่อน ๆ แลกกับเงินสินสอดจำนวนมากเงินตัวเดียว สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของแม่ให้หายได้ สามารถส่งน้องชายให้ได้เรียนต่อ สามารถทำให้ครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเจียงชั่นสูดลมหายใจเข
จิตใจของเจียงชั่นว่างเปล่าขาวโพลนเธอรู้สึกว่าแผงอกแกร่งและอุ่นร้อนนั้นกดทับแผ่นหลังของตัวเอง จนได้ยินเสียงหัวใจเต้นโครมคราม ความเป็นชายในร่างกายของเขาค่อย ๆ เลื่อนมาโอบกอดเธอไว้แน่น เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ถึงอย่างนั้นแขนขาก็ยังแข็งเกินกว่าจะโอนอ่อนให้อีกฝ่ายมือของชายคนนั้นหยุดชะงักกะทันหัน“คุณรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นใคร?”เจียงชั่นถึงกับสะดุ้งสิ่งที่เขาต้องการจะพูด คือเขาเป็นสามีโดยชอบธรรมของเธอ และนี่คือคืนวิวาห์ของพวกเขา เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติระหว่างสามีภรรยาเจียงชั่นกลับตอบคำถามของเขาซื่อ ๆ ด้วยท่าทางเขินอาย “รู้ค่ะ... คุณคือกู้หม่าง”ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย มุมปากก็ยกขึ้นราวกับจะแสยะยิ้มกู้หม่าง… เฮ้อ ที่แท้เธอก็รู้ชื่อนี้น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่กู้หม่างคนนั้นส่วนเธอก็ไม่ใช่เจียงเหยาเช่นเดียวกันความจริงแล้ว เขาสามารถป่าวประกาศได้ทันทีตั้งแต่เห็นเธอเดินเข้ามา ว่าเธอไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทราบเหตุผล แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกสาวคนโตของตระกูลเจียงจะยอมแต่งงานกับชายบ้านนอกที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวแต่มันไม่สำคัญหรอก เธอมาแต่งงานแทนคนอื่น เขาเองก็แต่งงา
เธอสวมเสื้อผ้าแล้วออกไปที่สนามหญ้า เห็นกู้หม่างออกกำลังกายในยามเช้าเช่นกันเขาเปลือยอกและถือดัมเบลด้วยมือทั้งสองข้างยกขึ้นสลับกัน กล้ามเนื้อเล็ก ๆ แข็งแกร่งทั่วร่างเป็นประกายภายใต้แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามา เขาดูเหมือนเทพแห่งดวงอาทิตย์ที่จุติลงมาจากท้องฟ้า ใบหน้าเจียงชั่นรู้สึกถึงความอบอุ่นเล็กน้อย เธอทักทายเขาว่า “ตื่นแต่เช้าเลยนะคะ!”กู้หม่างหันกลับมาและมองหน้าเธอเจียงชั่นมองไปรอบ ๆ สนามหญ้าขนาดเล็กและรกเล็กน้อย มีกระสอบทราย ถุงมือชกมวย ไม้เบสบอล ดัมเบล และสิ่งที่คล้ายกันกระจัดกระจายไปทั่ว เธอรู้สึกกังวลและไม่กล้าบอกว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่กู้หม่างอาจจะเป็นพวกใช้ความรุนแรงก็เป็นได้เธอสงสัยว่าผู้ชายคนนี้มีอารมณ์หรือท่าทีอย่างไร?เพราะได้ยินมาว่าผู้คนที่นี่เป็นคนเจ้าอารมณ์มาก เป็นเรื่องปกติที่จะทุบตีภรรยาเมื่อพวกเขามึนเมาเจียงชั่นกัดริมฝีปากตัวเอง เดินไปข้างหน้าทีละก้าวพลางถามเขาอย่างกระวนกระวาย “เอิ่ม... คุณกินข้าวเช้าหรือยัง?”“ยังเลย" ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาสองสามคำ "งั้นก็ไปทำมื้อเช้าเลยสิ”เจียงชั่นพยักหน้า หันหลังกลับแล้ววิ่งเข้าไปในห้องครัวเธอท
“แต่ฉันซักให้แล้วนะคะ!” เจียงชั่นรีบตอบกลับ “ฉันรับประกันว่าซักมาอย่างดีและสะอาดมากค่ะ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!”“นี่ซักแล้วเหรอ?” พนักงานยิ้มเยาะ “คุณลูกค้าคะ คุณเช่าแค่วันเดียวทำไมต้องเอาไปซักด้วย นี่คุณเช่าไว้แต่งงาน ไม่ใช่เช่าไปทำนาใช่ไหม?”เจียงชั่นมีผิวที่บางมาก สีหน้าเธอกลายเป็นสีแดงก่ำราวกับเลือดคั่งหลังจากอีกฝ่ายตอบกลับสถานการณ์ในวันแต่งงานของเธอไม่ได้ดีไปกว่าตอนไปลุยนาเลย เธอเดินไปตามถนนในชนบทที่เต็มไปด้วยโคลนท่ามกลางพายุฝน ชุดแต่งงานสีขาวและรองเท้าของเธอสกปรกและเสียหาย แต่มันเลี่ยงไม่ได้จริง ๆพนักงานมองชุดแต่งงานสลับจ้องเขม็งเธออย่างรังเกียจสลับเป็นครั้งคราว“คุณคะ ถึงยังไงชุดแต่งงานชุดนี้ก็ต้องซักแห้งเท่านั้นค่ะ!”“คุณคงรู้ใช่ไหมว่าซักแห้งหมายถึงอะไร?”เมื่อเห็นความใสซื่อไร้เดียงสาของอีกฝ่าย พนักงานจึงจงใจพูดจาเยาะเย้ยเธอต่อว่า “ตั้งแต่เราเปิดร้านนี้มา ชุดแต่งงานก็ขายหมดไปทีละชุด นี่เป็นครั้งแรกที่เราให้เช่าชุด... หึ ถ้าไม่มีเงินซื้อ หรือไม่มีปัญญาดูแล จะเช่าชุดไปแต่งให้เสียเวลาทำไม!”“จะแต่งงานโดยไม่ซื้อชุดแต่งงานไม่ได้เหรอ? กฎหมายไหนกำหนดไว้?!”ทันใดนั้นก็มีเสียง
ในร้านเกิดความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง สามารถได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหล่นลงพื้นได้อย่างชัดเจนคนอื่น ๆ มีสีหน้าเห็นใจพนักงานคนหนึ่งซึ่งทำสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดไปทุกที อย่างไรก็ตามในตอนนี้ผู้จัดการก็เข้ามาขยิบตาให้เธอ และขอให้เธอทำตามความปรารถนาของลูกค้า ท้ายที่สุดแล้วราคาชุดแต่งงานชุดนั้นไม่น้อยเลยกู้หม่างดูสงบนิ่ง รอยยิ้มเยาะเย้ยเผยออกมาท่ามกลางสีหน้าเย็นชาของเขาเจียงชั่นอดไม่ได้ที่จะบีบมือเขา“ช่างมันเถอะอย่าซื้อให้เปลืองเลย” เธอกระซิบกับเขา “ชุดแต่งงานนี้แพงมากและไม่มีประโยชน์…”“รูดบัตรผมได้เลย” กู้หม่างพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ของผมไม่ต้องใช้รหัสผ่าน”จากนั้นผู้จัดการและพนักงานต่างรวมตัวกันเพื่อให้บริการพวกเขากู้หม่างไปสูบบุหรี่อยู่ที่ประตู ระหว่างเจียงชั่นกำลังวัดขนาดตัวอยู่ข้างใน คราวนี้ไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยเธอเลย พนักงานคนก่อนถูกผู้จัดการดุและยืนข้าง ๆ ไม่กล้าทำอะไรเกินเลย นักออกแบบที่เข้ามาช่วยยังคงชื่นชมเธอในสัดส่วนรูปร่างที่ดี แม้แต่ผู้จัดการก็ปฏิบัติต่อเธอในฐานะแขกผู้มีเกียรติ โดยเสิร์ฟชาและของว่างให้เธออย่างสุภาพหลังเดินออกจากร้านขายชุดแต่งงาน เจียงชั่นรู้สึกหดหู่ใจตล
กู้หม่างขมวดคิ้ว สีหน้าดูเคร่งขรึมมากขึ้น หายใจเข้าลึกและวางสายโทรศัพท์เขาเองก็ต้องการกลับไปที่หยางเฉิง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้การกลับไปตอนนี้จะเป็นการแจ้งเตือนให้ใครบางคนรู้ โดยเฉพาะผู้ที่คิดว่าเครื่องบินส่วนตัวของเขาตกและหายสาบสูญ เพื่อก่อปัญหาอีกครั้ง และคิดหาวิธีทำร้ายเขาด้วยวิธีที่เลวร้ายมากขึ้น!“ไข่มุกหรือมุกบุก คุณชอบอันไหน?”กู้หม่างสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหันกลับมาเผชิญหน้ากับดวงตากลมโตสดใสคู่หนึ่ง เธอยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มหวานแหววเหมือนกับชานมในมือ“คุณเป็นอะไรไป?" เจียงชั่นมองเขาด้วยความสงสัย "สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย…”“ผมสบายดี” ความรู้สึกเมื่อถูกมองผ่านดวงตาคู่นี้ ทำให้รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อยเสียงของกู้หม่างรุนแรงและเย็นชา เขามองเธออย่างเฉยเมยแล้วตอบกลับ “ดื่มเองสิ ผมไม่ชอบของหวานแบบนี้”เจียงชั่นตัวแข็งค้างอยู่อย่างนั้น ขณะถือชานมสองแก้ว หลังจากนั้นไม่นานเธอกัดริมฝีปากแล้ววิ่งตามเขาไปเธอเดินตามเขาแต่ไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป แผ่นหลังอันกว้างใหญ่ราวกับกำแพงภูเขาน้ำแข็ง อีกฝั่งของกำแพงคือโลกที่เป็นของเขาแค่คนเดียว เธออยู่ใกล้ภูเขาลูกนี้มาก แต่ไม่สามารถข้ามมันไปได้…