อาการปวดหัวและปั่นป่วนในร่างกายของเขายามนี้ทวีความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม สี่เสินเข้าใจได้รวดเร็วว่านี่คงเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ยามที่หิวโหย
“ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน” เหยาจีลูบท้องขึ้นลงไปมา ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด นางไม่เคยหิวมาก่อน อาหารบนสวรรค์ล้วนแล้วแต่กินเข้าไปเพื่อตอบสนองความอยากลิ้มลองและเพื่อความเป็นมงคลทั้งสิ้น
“ตามข้ามาเราต้องหาอาหารกินกันแล้วล่ะ” เด็กหนุ่มส่งมือไปให้น้องสาวที่ยังนั่งกองอยู่กับพื้นทราย
เหยาจีเงยหน้าขึ้นมองมือเล็กที่ยื่นมาหานาง ช้อนสายตามองขึ้นไปอีกหน่อยก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของสี่เสินที่ยืนอยู่เหนือศีรษะ เมื่อ 5,000 ปีก่อน สี่เสินยังตัวเตี้ยกว่านี้บอบบางกว่านี้ ภายหลังมหาเทพมู่ซีไม่อนุญาตให้ทูตสวรรค์กลับคืนร่างเดิมนางจึงไม่ได้เห็นสี่เสินมานานเลยทีเดียว
ยื่นมือออกไปสัมผัสกับฝ่ามือเนียนนุ่มของอีกฝ่าย แรงดึงของสี่เสินเพียงเล็กน้อยกลับยกตัวนางให้ลอยขึ้นได้อย่างง่ายดาย ความรู้สึกที่ได้รับการดูแลและปกป้องในฐานะน้องสาวเป็นครั้งแรกนี่มันดีจริงๆ เหยาจีคิดในใจ
สองพี่น้องเยาว์วัยหาอาหารใส่ท้องที่หิวจนไส้กิ่วได้อย่างง่ายดาย พวกเขาพบว่าสถานที่ที่ตนเองกำลังยืนอยู่เป็นเกาะขนาดใหญ่เลยทีเดียว มีภูเขาสูงอยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยชายหาดขาวสะอาดกลางทะเล
น้ำตกจากบนภูเขาไหลรินลงสู่ธารน้ำจืดเบื้องล่างเอาไว้ให้ดื่มกินไม่มีวันหมด และยังมีผลไม้หลากหลายชนิดที่พวกเขารู้จักให้เก็บกินอยู่รอบตัว
สี่เสินพาน้องสาวปีนป่ายไปบนยอดเขาที่สามารถมองเห็นรอบเกาะ ทั้งคู่ก็พบว่าบนเกาะแห่งนี้ไม่มีสิ่งก่อสร้างหรือมนุษย์คนใดอาศัยอยู่เลยสักคน สัตว์ที่เห็นก็มีเพียงสัตว์เล็กที่ไม่เป็นอันตราย เรื่องนี้ทำให้สี่เสินโล่งใจอยู่ไม่น้อยเพราะทั้งเขาและเหยาจีไม่มีอาวุธเอาไว้ต่อสู้กับสัตว์ป่า มีเพียงมีดเล่มเล็กที่เหยาจีพกติดตัวไว้แบ่งผลท้อหยิบยื่นให้สหายของนางได้กินเท่านั้น
“เราจะนอนกันอย่างไรพี่สี่เสิน”
“คืนนี้นอนตรงนั้นก็แล้วกัน เราอยู่ใกล้น้ำตกมากเกินไปก็ไม่ดี สัตว์ป่าต้องมากินน้ำ อาจจะมีสัตว์ใหญ่ที่เรายังไม่พบอยู่อีกก็เป็นได้” เด็กหนุ่มชี้มือไปยังพื้นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่อีกฝั่งหนึ่งของภูเขา บริเวณนั้นนอกจากจะเป็นทุ่งหญ้ากว้างแล้วยังมีกลุ่มโขดหินขนาดใหญ่ใกล้เชิงเขาที่พวกตนสามารถปีนขึ้นไปนอนพักโดยสามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวในที่โล่งได้ชัดเจน
“เอาน้ำจืดใส่ไปในน้ำเต้านั่นให้พอ ประเดี๋ยวข้าจะเก็บผลไม้ไปเอง”
สี่เสินเหนื่อยจนแทบจะขาดใจ การเดินและปีนขึ้นที่สูงในฐานะมนุษย์ครั้งแรกของสองพี่น้องกินแรงไปไม่น้อย ขาสองข้างของสี่เสินสั่นและปวดร้าวจนแทบจะก้าวไม่ไหวอยู่แล้ว
แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเหยาจี เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นทั่วใบหน้าเล็กๆ ของนาง เขาจำเป็นต้องข่มกลั้นความเหน็ดเหนื่อย แสร้งทำเป็นเข้มแข็งเพื่อสร้างกำลังใจให้เหยาจีเดินลงไปถึงลานหินด้านล่างที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ได้ก่อนที่ฟ้าจะมืด
……….
เช้าวันรุ่งขึ้น
เหยาจีลืมตาขึ้นจากแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องมาบนก้อนหินใหญ่ไร้ร่มไม้ที่นางและสี่เสินใช้อาศัยหลับนอนเมื่อคืน นางจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านางกลับมาถึงก้อนหินใหญ่ก้อนนี้ได้อย่างไร
กว่าจะเดินลงมาถึงชายเขาด้านล่าง นางก็จำได้ว่านางล้มลงไปนอนแผ่อยู่กับพื้นหลายครั้ง สุดท้ายสี่เสินก็ต้องแบกนางขึ้นหลังที่บอบบางของเขา ลืมตามาอีกครั้งก็เป็นเช้าวันใหม่เสียแล้ว
“พี่สี่เสิน” เหยาจีมองไปรอบกายที่มีเพียงก้อนหินและทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มองไม่เห็นพี่ชายของนาง
ความเคลื่อนไหวจากบริเวณแนวป่าใกล้โขดหินใหญ่ทำให้เหยาจีรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ใต้ยอดหญ้าสูงท่วมศีรษะนั้นเป็นสัตว์ป่าดุร้ายหรือไม่
“เหยาจี” เสียงเรียกจากสี่เสินทำให้เด็กหญิงแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความโล่งใจ
“เมื่อวานข้าต้องแบกเจ้าลงมา เลยทิ้งน้ำกับผลไม้ไว้ที่ธารน้ำตก หิวหรือยัง รีบกินเสียก่อน” สี่เสินรีบปีนขึ้นมาบนโขดหินที่ปล่อยให้น้องสาวนอนอยู่เพียงลำพัง
“หิวแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ ขอบคุณพี่ชาย”
คำขอบคุณเล็กๆ น้อยๆ กับการได้เห็นน้องสาวเริ่มดื่มน้ำและกัดกินผลไม้ด้วยความหิวโหยทำให้สี่เสินหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เขาเองก็อ่อนล้าไม่น้อยเช่นกัน หลับพักผ่อนไปได้ไม่นานก็ต้องรีบลุกขึ้นกลับไปเก็บผลน้ำเต้าตักน้ำในลำธารขึ้นมาดื่มด้วยความกระหาย กลับมาอีกครั้งเหยาจีก็ตื่นขึ้นมาพอดี
“วันนี้เจ้าเดินไหวหรือไม่ เราคงต้องสำรวจรอบเกาะกันอีกครั้งเพื่อมองหาที่อยู่ที่ดีกว่าเดิม ที่นี่แม้จะปลอดภัยแต่มันก็กันแดดกันฝนไม่ได้ ไม่เหมาะจะอยู่อาศัยในระยะยาวหรอก”
“เดินช้าลงนิดก็น่าจะไหวเจ้าค่ะ” เหยาจียกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดคราบผลไม้ที่เปรอะเปื้อนอยู่ริมฝีปาก ไม่คิดเลยว่าผลไม้ในแดนมนุษย์จะมีรสชาติดีเยี่ยมถึงเพียงนี้
สองพี่น้องใช้เวลาไปอีกครึ่งวันจึงได้พบกับถ้ำหินขนาดไม่ใหญ่มากนัก สี่เสินจำต้องทดลองจุดไฟด้วยการถูกิ่งไม้แห้งเข้าด้วยกันจนสำเร็จแล้วเข้าไปสำรวจในถ้ำให้แน่ใจว่าไม่มีร่องรอยของสัตว์ป่าอาศัยอยู่ด้านใน และในที่สุดค่ำคืนที่สองของพวกเขาก็ได้ที่พักใหม่ภายในถ้ำที่อยู่ไม่ไกลจากธารน้ำตกมากนัก
ห้าวันในการใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์ของเหยาจีและสี่เสินไม่ได้ลำบากมากเกินไป พวกเขามีผลไม้ป่าที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งยังมีมากจนเกินไปอีกด้วยซ้ำ มีน้ำจืดที่สามารถใช้กินและอาบน้ำชำระล้างร่างกายได้ แต่แล้วสี่เสินก็พบว่าการกินแต่ผลไม้และน้ำไม่เพียงพอกับร่างกายของเด็กหนุ่มวัยกำลังเจริญเติบโตอย่างตนได้เลย
“เหยาจี ข้าจะจับปลามาย่างกิน” สี่เสินตัดสินใจในที่สุด เขารู้ดีว่าเหยาจีเป็นมิตรกับสัตว์ทุกชนิด และแน่นอนนางเคยกินแต่ผลท้อไม่เคยกินเนื้อสัตว์มาก่อน แต่ยามนี้ทั้งคู่ก็ไม่ใช่เซียนและทูตสวรรค์อีกต่อไปแล้ว
“พวกมัน..”
“พวกมันเป็นอาหารของมนุษย์ และเราเป็นมนุษย์นะ”
เด็กสาวเม้มปากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ใช่ว่านางไม่หิว กินแต่กล้วยกับผลไม้ป่ามา 5 วันเต็มๆ ตามจริงนางทั้งเบื่อทั้งรู้สึกไม่อิ่มท้องจนต้องฝืนกินผลไม้เหล่านั้นอยู่บ่อยๆ
“ท่านต้องรับปากก่อนว่าจะถามพวกมันทุกครั้ง ว่าพวกมันใช่สหายข้าหรือไม่”
สี่เสินหัวเราะเบาๆ ที่แท้นางก็ไม่ได้รังเกียจที่จะกินเนื้อสัตว์ เพียงแต่น้องสาวเกรงว่าจะเผลอจับเอาสหายที่กระโดดลงมาจากแดนสุขาวดีกินลงท้องไปเท่านั้น
“ตกลง ข้าจะถามมันก่อน” เด็กหนุ่มตอบรับด้วยความอ่อนโยนและทำตามสัญญาอย่างเคร่งครัด
“ปลาน้อย เจ้าเคยเป็นสัตว์เลี้ยงของเหยาจีหรือไม่ หากใช่พวกเจ้าก็รีบมาแสดงตัว ข้าจะได้แยกเจ้าไว้อีกทาง”
เหยาจียืนมองพี่ชายตะโกนซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบที่ธารน้ำตก ผ่านไปเนิ่นนานจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีปลาตัวใดทำท่าทางว่าจะรู้จักพวกตน สี่เสินก็เดินลงน้ำใช้เสื้อผ้าช้อนปลาตัวอ้วน 2 ตัวที่มารุมล้อมรอบตัวเขาอย่างไม่กลัวเกรง
เริ่มจากกินปลาน้ำจืดในธารน้ำตก เด็กสองคนก็ค่อยๆ เปลี่ยนเส้นทางอาหารไปยังชายฝั่งทะเล สี่เสินมองหาโขดหินใต้น้ำเพื่อจับปูและกุ้งที่มีอยู่มากมายขึ้นมาย่างกินกับน้องสาวอย่างเอร็ดอร่อย
“ที่แท้เป็นมนุษย์ก็ไม่ได้ยากเย็นอันใดเลยพี่สี่เสิน เพียงแค่เรารู้สึกเหนื่อย หิว ง่วง ก็เท่านั้นเอง” เหยาจีกินเนื้อกุ้งตัวโตเท่าแขนตนไปถึง 3 ตัว นางล้มตัวลงนอนกับพื้นทรายแล้วอยู่ดีๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมาทำสีหน้าแตกตื่น
“พี่สี่เสิน ทางนั้นมีควันไฟ!” เหยาจีชี้มือไปยังเกาะที่อยู่ใกล้พวกนางมากที่สุด คะเนระยะทางด้วยสายตาก็น่าจะราว 5 ลี้ (1 ลี้ = 0.5 กิโลเมตร)
สี่เสินหันมองตามนิ้วมือของน้องสาว เขาขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง หลายวันมาที่ผ่านมาใช่ว่าตนไม่เคยมองออกไปรอบเกาะ เกาะขนาดใหญ่ตรงหน้านี้เขาเคยกะระยะทางว่าน่าจะห่างจากเกาะที่ตนอาศัยอยู่ราว 15 ลี้ ดูเหมือนว่าเกาะที่เขากำลังมองอยู่นี้มันใกล้เข้ามามากกว่าเดิมอยู่บ้าง
แต่ความสงสัยเรื่องระยะห่างก็ถูกสี่เสินหลงลืมไปสนิท เขาพุ่งความสนใจไปที่กลุ่มควันไฟหลายแห่งที่พวยพุ่งขึ้นจากบริเวณกลางเกาะขนาดใหญ่นั้นมากกว่า
“มีควันไฟแสดงว่าเกาะนั้นมีมนุษย์อาศัยอยู่”
“มนุษย์คนอื่นหรือเจ้าคะ ข้าอยากเห็นพวกเขา! พี่ชายคิดว่าเราจะว่ายน้ำไปถึงเกาะนั้นไหวหรือไม่?” เท้าเล็กๆ ของเหยาจีไม่ได้อยู่นิ่ง นางวิ่งลงไปในน้ำทะเลทันทีด้วยความตื่นเต้น
“นี่พวกเจ้าไม่คิดจะทำสิ่งอื่นนอกจากเกี้ยวพาราสีกันทุกเมื่อเชื่อวันเช่นนี้บ้างหรือไร!” เสียงหวานใสของซินหรูอี้ดังมาแต่ไกล“หรูอี้!! ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วให้พูดแต่คำหวานๆ รักษากิริยาให้สำรวมไว้หน่อยเถิด หากลูกในท้องติดนิสัยโผงผางเช่นเจ้ามาข้าคงต้องกลั้นใจตายสักวันเป็นแน่” เวยวั่งซูชักสีหน้าไม่พอใจแต่สองมือก็ประคองปกป้องร่างภรรยารักเอาไว้ราวกับไข่ในหิน“ท่านก็เลิกวุ่นวายกับชีวิตข้าเสียทีเวยวั่งซู!! ข้ามันคิดผิดจริงๆ ที่ยอมแต่งให้ท่าน ดูสิทุกวันนี้ข้าต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในแดนเหนือที่หนาวเย็นจนถึงกระดูก คลอดลูกออกมาเมื่อใดข้าจะย้ายมาอยู่กับเหยาจีที่ทางใต้เสียให้รู้แล้วรู้รอด”“ก็ข้าเป็นผู้ฝึกตนสายน้ำแข็งนี่นา ไม่อยู่กับหิมะจะให้ข้าไปอยู่ในกองเพลิงหรือไร แล้วเมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ? คลอดบุตรแล้วเจ้าจะมาอยู่ทางใต้ คิดจะทิ้งเราสองพ่อลูกไว้ทางเหนือเพียงลำพังเช่นนั้นหรือ? ฝันไปเถิด!!" “เจ้าจะหงุดหงิดอันใดนักหนาเล่าวั่งซู นางยังไม่ทันคลอดด้วยซ้ำ ข้าแนะนำให้เอง!! กลับไปแดนเหนือคราวนี้ไม่สู้เจ้าแช่แข็งนางเอาไว้เป็นไร นางจะได้ไม่หนีไปเที่ยวเล่นที่ใดได้อีก”ซินหรูอี้ใช้สองมือประคองท้องกลมโตเดินอาดๆ ม
หญิงสาวก้าวออกมายืนด้านหน้าผู้คนแทนที่อ๋าวหลวนหลง“ชัยชนะของพวกเราในครั้งนี้จะไม่สำเร็จโดยง่ายหากปราศจากพวกเขาเช่นกัน” มู่เหยาจีผายมือไปด้านขวาของนาง สายตามองไปยังสัตว์เลี้ยง 12 ตัวที่ยังรอดชีวิตอยู่“สัตว์ปราณทั้ง 12 ตัว ได้รับผลท้อไปแล้ว 5 ตัว ข้าจะไม่ลังเลเลยที่จะมอบผลท้อสวรรค์อีก 7 ผลให้กับพวกมันอย่างยุติธรรม วันใดที่มนุษย์ไม่อาจไว้วางใจกันเอง พวกท่านโปรดจำเอาไว้ว่าสัตว์ทั้ง 12 จะเป็นผู้ที่ปกป้องท่านจากภยันตรายทั้งปวง”สิ้นคำกล่าวของหญิงสาว ผีเสื้อเกล็ดแก้ว 7 ตัวก็โบยบินออกไปส่งมอบผลท้อสวรรค์ให้วานรสองตัว สุนัขจิ้งจอกสองตัว หวางผาง เต่าและปลาหมึก“ท้อสวรรค์ 7 ผลที่เหลือข้าจะให้ผีเสื้อเกล็ดแก้วเป็นผู้คัดเลือกผู้โชคดีขึ้นมาตามแบบอย่างที่เคยทำในแดนสวรรค์ และจากนี้ไปผลท้อที่สุกออกมาทั้งหมดก็จะใช้วิธีเดียวกันนี้เช่นกัน”มู่เหยาจีวาดเรียวแขนงามออกมาโบกสะบัดชายแขนเสื้อยาวกรุยกรายสยายออกเป็นวงกว้างในอากาศพร้อมกับมีร่างของผีเสื้อเกล็ดแก้วลำตัวใสกระจ่างระยิบระยับเจ็ดตัวโบยบินไปวนเวียนอยู่เหนือศีรษะกลุ่มผู้ฝึกตนที่รวมกลุ่มกันอยู่ผู้โชคดีทั้งเจ็ดคนมีทั้งอดีตเซียนที่ลงมาจากแดนสวรรค์และผู้ฝึกต
“ยามนี้บนเกาะลอยที่เหลือเพียงครึ่งไม่มีผลท้อธรรมดาที่สามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บเลยสักผล ทำอย่างไรดีพี่สี่เสิน หวางเซี่ยเจ้าต้องหยุดพักรักษาตัวก่อน เราจะหาทางกลับไปเอาผลท้อมาช่วยเจ้ากันเอง!!” หญิงสาวละล่ำละลัก หันพูดทางนั้นทีทางนี้ทีตัดสินใจทำสิ่งใดไม่ถูก“น้องสาว ผลท้อธรรมดาไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บของหวางเซี่ยได้หรอก ต่อให้เจ้าฝืนเด็ดผลท้อสวรรค์ที่ยังไม่สุกหยิบยื่นให้เขาก็ยังไม่อาจรักษาบาดแผลที่สาหัสนั้นได้ ปล่อยให้เขาทำสิ่งที่เขาต้องการต่อไปเถิด”“ผลท้อช่วยไม่ได้ เช่นนั้นลูกแก้วมังกรของพี่หลวนหลงก็ต้องช่วยได้สิเจ้าคะ ท่านลองส่งสารบอกผีเสื้อเกล็ดแก้วดู ให้พวกเขาพาคุณชายสี่กลับมาที่นี่ก่อน” น้ำตาสองสายไหลออกมาเต็มใบหน้างาม อ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา“เจ้าตั้งสติให้ดีๆ อวัยวะภายในของหวางเซี่ยเสียหายรุนแรงเกินไป หาใช่ขาดแล้วเชื่อมต่อใหม่ได้เหมือนอย่างเส้นเอ็นของหลวนหลง เจ้าดูดวงตาของฝูซีสิ สิ่งที่ขาดหายไปแล้วน้ำลายมังกรไม่อาจสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้”ไม่ต้องอธิบายมากไปกว่านี้มู่เหยาจีก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงอันหนักหน่วงบนร่างกายสหายรักใต้น้ำสองพี่น้องเดินลงไปที่ชายหาดจุดเดิมที
การเคลื่อนไหวอันทรงพลังของนกอินทรียักษ์รวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด เพียงไม่นานมันก็พาอ๋าวหลวนหลงมาพบกับกลุ่มผีเสื้อเกล็ดแก้วที่กำลังรุมล้อมรอบเกาะลอยพุ่งโจมตีไส้เดือนปีศาจยี่สิบตัวกันไม่ยั้งมือ“นั่นมัน!!” ดวงตาคมกริบของอ๋าวหลวนหลงเบิกค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ คำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกมาก็พลันถูกกลืนลงคอไปด้วยความตื่นตะลึงชายหนุ่มขยี้ตาซ้ำๆ อีกหลายครั้งและสุดท้ายก็ต้องเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาตาไม่ฝาด ยามนี้บนต้นท้อสวรรค์มีผลท้อสีเขียวอมชมพูส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลล่องลอยไปทั่วบริเวณ“เป็นไปได้อย่างไรกัน! ท้อสวรรค์ออกผลอีกแล้ว! ฮ่าๆๆๆ ผลงานของเหยาจีนี่ดูท่าจะลูกดกดีแท้!!” กล่าวจบชายหนุ่มก็ต้องรีบจับขนหลังคอนกอินทรีตัวเขื่องเอาไว้แน่น เจ้านกยักษ์แกล้งบินลงต่ำกะทันหันด้วยความหมั่นไส้กับคำพูดที่กำกวมของมนุษย์ไร้ขนที่ขี่หลังมันอยู่“ข้าหมายถึงผลท้อ เจ้าจะขัดเคืองอันใดนักหนา!!” อ๋าวหลวนหลงเอื้อมมือไปตบหัวนกอินทรีทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้ แต่ใบหน้าคมกลับแดงก่ำที่ถูกจับได้ว่าแอบคิดนอกลู่นอกทางในยามคับขัน“พวกเขาจัดการเจ้าหนอนเหล่านี้ได้แน่นอน เราต้องไปช่วยทางนั้น” อ๋าวหลวนหลงชี้มือไปยังบริเวณชายหาดเพิกเฉยกับการต
“ข้ายังมีพลังอ่อนด้อยเกินไป ไม่สามารถติดต่อกับผีเสื้อเกล็ดแก้วที่อยู่ทางใต้ไม่ได้ แต่การที่หวางเซี่ยและคู่ของมันลุกขึ้นมาสู้สุดใจเช่นนี้อาจเกิดเรื่องกับทางหลวนหลง” ฝูซีเอ่ยปากอย่างร้อนรน“คุณชายสี่อยู่ทางนั้นเพียงลำพังหรือเจ้าคะ” มู่เหยาจีก็เพิ่งรู้ว่าอ๋าวหลวนหลงไม่ได้อยู่ร่วมการต่อสู้ทางชายหาดบริเวณนี้“ใช่ เขาต้องรีบผนึกรอยแยกใต้ทะเล ทางนี้พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะปล่อยให้พวกมันขึ้นมาบริเวณน้ำตื้นเพื่อจัดการมันได้ง่ายหน่อย แต่จะไม่ยอมปล่อยให้มันขึ้นฝั่ง การที่หวางเซี่ยพาเกาะลอยกลับลงทะเลลึกอยู่นอกเหนือจากที่เราตกลงกันไว้”“เช่นนั้นข้าจะส่งนกอินทรีออกไปสืบข่าว” ต้าโหวจื้อกระโดดลงจากหลังนกอินทรี แล้วปล่อยให้นกยักษ์บินกลับไปเพียงลำพังเพราะตัวเขายังมีประโยชน์ในการสู้รบกับกลุ่มปีศาจมากมายที่มารวมตัวกันบริเวณนี้ไม่มีเวลาให้ทุกคนได้ไตร่ตรองสิ่งใดต่อไป สัตว์ปีศาจที่เล็ดลอดออกจากรอยแยกใต้ทะเลรวมกับกลุ่มที่หลอกล่อให้มนุษย์หลงไปผิดทางก็มีไม่น้อย พวกเขายังไม่สามารถจัดการมันได้ทั้งหมดหากปราศจากความช่วยเหลือจากผีเสื้อเกล็ดแก้วที่แข็งแกร่งทั้งหกพันตัวอินทรียักษ์บินเลยผ่านหวางเซี่ยที่เคลื่อนตัวไปได้
เมื่อเห็นหวางเซี่ยพยายามชิงพื้นที่การควบคุมเกาะลอยใต้น้ำไว้อย่างยากลำบาก ผู้ฝึกตนระดับสูงทั้งหกคนก็มุ่งเข้ามาช่วยเหลือปูยักษ์สองสามีภรรยาโดยพร้อมเพรียงกัน“เหยาจี!! เป็นอย่างไรบ้าง” มู่สี่เสินทะยานขึ้นไปบนเกาะไปหาน้องสาวเป็นคนแรก“พี่สี่เสินข้าปลอดภัย พวกมันกำลังพยายามจะขึ้นไปบนฝั่งเจ้าค่ะ”“ฝูซีก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้วเช่นกัน เราจะไม่ยอมให้พวกมันเอาต้นท้อสวรรค์กลับลงไปยังแดนปีศาจได้สำเร็จแน่นอน”“พวกเราต้องช่วยหวางเซี่ย ไส้เดือนปีศาจเหล่านั้นแข็งแกร่งมากอีกไม่นานหวางเซี่ยอาจจะทนต่อไปไม่ไหวเจ้าค่ะ”หญิงสาวสงสารและเป็นห่วงปูยักษ์จับใจ ขาทั้งแปดของหวางเซี่ยขยับเขยื้อนได้เพียงเล็กน้อย ความสามารถในการป้องกันตัวแทบจะเป็นศูนย์ แต่โชคดีที่มันมีร่างกายใหญ่โตกว่าไส้เดือนตาบอดเหล่านั้นจึงยังใช้กระดองดันไส้เดือนปีศาจให้อยู่รอบนอกโดยมันควบคุมพื้นที่ใต้เกาะลอยส่วนใหญ่เอาไว้ได้พอดิบพอดีมู่สี่เสินคว้ามือของน้องสาวย่อตัวลงเล็กน้อยและออกแรงกระโดดขึ้นไปอยู่บนร่างของวานรทั้งสองตัวเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้กับปีศาจไส้เดือนที่กำลังพยายามยึดเอาเกาะลอยกลับคืนมาจากหวางเซี่ย……….รอยแยกใต้ทะเลลึกผีเสื้อเกล็ดแก้