พระอุ้มหมา ชีอุ้มแมว หรือจะสู้ สาวน้อยจูงรถเครื่องกับคุณชายลากรถเข็น ลากตะวันยังไม่ตกดิน จนพระจันทร์เด่นกลางหัวทั้งคู่ยังเดินไม่ถึงบ้านตัวเองสักกะที
"พะ..พี่ดิน ดะ..ดูนั้นสิ!" นิ้วเรียวสวย ชี้ไปยังแสงไฟสีเขียวสลับเหลืองลอย อยู่กลางทุ่งนาด้วยความตื่นเต้น "กระสือพี่! กระสือตัวเป็น ๆ อยู่ตรงหน้าเราแล้วค่ะ!" ยัยคนข้าง ๆ บอกให้เหลียวมองดู ไม่มีท่าทีจะหวาดกลัว ซ้ำยังเอาแต่จดจ้องมองสิ่งนั้น ด้านบดินทร์เลยได้แต่เบือนหน้า ไปมองทางอื่น ไม่อยากโดนจับควักไส้กิน หากเผลอไปสบตา "โอ๊ยยยย!" คนตัวเล็กโอดครวญ จนเขาต้องรีบหันมอง "เป็นอะไรครับ?" เสียงอ่อนโยนถามด้วยความเป็นห่วง "เห้ออ นิก็นึกว่าผี ที่แท้เป็นคนส่องกบหาเขียด" "ห๊ะ!" บดินทร์หลุดอุทาน ก่อนจะหันหน้ามองไปทางคนที่อยู่กลางทุ่งนา รู้สึกมีความหวัง คืนนี้คงไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้ว แต่แล้วยัยตัวเล็กกลับเหลียวมองมา เหมือนอ่านใจออกพร้อมเอานิ้วมาชิดปาก เชิงว่าอย่าทำอะไรให้เกิดเสียงดัง "ชู่ว..ดึกดื่นแบบนี้เราไม่รู้ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือเปล่า บางทีอาจจะเป็นผีโพงก็ได้ อย่าไปเรียกเด็ดขาดนะคะ" คนตัวสูงได้แต่พยักหน้ารับคำ ความกลัวตอนเด็กที่แม่ชอบหลอกว่าผีตุ๊กแกจะมากินตับ หากไม่ยอมนอน หยั่งรากลึกในจิตใจ จนทำให้กลายเป็นคนกลัวสิ่งเหนือธรรมชาติ ขนาดว่าโตมาจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่วายจะกลัวเรื่องพรรค์นี้อยู่ดี ฝนเริ่มตั้งเค้า ฟ้าแลบแปลบปลาบ เหมือนดั่งเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งสองคนอาจจะกลายเป็นไก่ย่างถูกเผาเพราะถูกฟ้าผ่า คนดื้อรั้นเลยไม่สนรถจักรยานยนต์หรืออะไรทั้งนั้น เร่งจัดการจอดทิ้งไว้ริมทาง รีบเอื้อมไปคว้ามือหนา ให้ออกวิ่ง วิ่งแล้วก็วิ่ง..วิ่งจนเหนื่อย ยังไม่สามารถออกจากทุกนาโล่งกว้างได้ สุดท้ายเสื้อผ้าที่แห้งสนิท เลยเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน บดินทร์แทบไม่อยากเชื่อเลยว่า ครั้งหนึ่ง ในชีวิต..จะโดนลาก ให้มาเจอกับอะไรแบบนี้! ทว่าการได้พบพาน รู้จักผู้หญิงที่ชื่อนิรณา แค่สองวัน เธอดันพาเขามาผจญภัย จนน่าตกใจ และถึงแม้มันจะเหนื่อยไปหน่อย แต่ก็ทำให้ชีวิตที่สุดแสนเฉื่อยชา เริ่มมีความหมายขึ้นมา..แตกต่างจากเดิมที่ใช้ไปเป็นวัน ๆ เปรี้ยง! เสียงฟ้าผ่า ไล่ตามหลังทั้งคู่ มาไม่ใกล้ไม่ไกล นิรณาเลยได้แต่อธิษฐาน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง รอดพ้นจาก ภยันตราย ด้วยความตื่นเต้นซะยิ่งกว่าเล่นเกมเอาชีวิตรอด กระทั่งมาหยุดหน้าบ้านหลังไม่ใหญ่มาก คนตัวเล็กจึงรีบลากบดินทร์ให้เดินดุ่ม ๆ ตามตัวเอง เข้าไปในเขตบ้านคนอื่นในยามวิกาลสุดแสนจะดึกสงัด หนำซ้ำยังออกแรงเคาะประตูไปเสียงดัง ปึง ๆ ปึง บานไม้เก่าสั่นสะเทือนอยู่นาน ทว่าก็ไร้ซึ่งวี่แววคนมาเปิดให้ จังหวะนั้น..สมองนักสืบจึงเริ่มวิเคราะห์หาสาเหตุ คืนนี้ที่หมู่บ้าน มีงานศพคนใหญ่คนโต สองศรีสามีภรรยาคุณลุงกับคุณป้า คงจะไปนั่งก๊งเหล้าเล่นไพ่อยู่หลังงาน พอคิดได้จมูกรั้นพลันเผลอถอนหายใจออกมาแรง ๆ คงไม่วายต้องนั่งหนาวสั่น หลบฝนอยู่หน้าบ้าน "นิครับ ตรงนั้นมีห้อง" เขาชี้นิ้วไปที่เพิงสังกะสีหลังเล็ก "นั้นเรียกว่ายุ้งข้าวค่ะ ไม่มีที่ให้อยู่หรอก" นิรณาบอกไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผิดแผกจากเดิม คือมีห้องบางอย่างถูกต่อเติมอยู่ข้างกัน ดูท่าจะเป็นห้องเก็บของ และพอได้เห็นประตูเปิดอ้าซ่า ไม่รอช้า ยัยคนสวยรีบเร่งเอื้อมมือไปหาบดินทร์ หวังพาเขาเข้าไปหลบฝนด้านในห้องที่พอจะกันลมได้บ้าง สุดท้ายสองหนุ่มสาว จึงเดินมาหยุดตรงหน้าห้องที่ใช้สำหรับเก็บพวกเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับทำการเกษตร ซึ่งในความโชคร้ายที่ต้องเปียกปอนไปทั้งตัว ยังมีความโชคดีหลงเหลืออยู่บ้าง เมื่อด้านในมีราวตากผ้า ถูกลากมาเก็บไว้และมีแคร่ไม้ที่ยังพอนั่งได้ แม้มากกว่าครึ่ง..จะถูกข้าวของวาง "เปลี่ยนเสื้อผ้ากันค่ะ" ไม่พูดเปล่า นิรณาลากบดินทร์เข้ามาเร็ว ๆ พร้อมลงมือล็อกประตู ไม่อยากให้สะเก็ดฝนกับลมหนาวผ่านมาเฉียดใกล้ แต่แล้ว..สิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าคนตัวเล็กจะกล้าทำต่อหน้า กลับประจักษ์ต่อสายตา เมื่อมือเรียวเริ่มถอดเสื้อยืดสีฟ้าที่แนบสนิทเนื้อออก ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านหรือเขินอาย นำไปพาดราวตาก เหลือไว้แค่เสื้อชั้นในผืนบางที่แทบจะห่อหุ้มเต้าอวบอิ่มไว้ไม่มิด "ปลดตะขอให้หน่อยสิคะ" เสียงหวานขอร้อง พร้อมหันหลังให้..มือหนาค่อย ๆ เอื้อมไปทำตามคำสั่ง สุดท้ายเสื้อชั้นในจึงหลุดออก เผยให้เห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่า ยัยนิก็เอื้อมมือมารับไปพาดไว้ แล้วจัดการสวมเสื้อผืนเล็กลงเร็ว ๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจด้านล่างต่อ แล้วจึงออกแรงปลดกระดุมกางเกงยีน จัดการถอดออก จนหมดสิ้น หลงลืมไปว่าในห้องนั้น ไม่ได้มืดสนิท หากแต่มีแสงจันทร์สาดส่องมาจากทางหน้าต่างซึ่งถูกตีซี่ด้วยไม้คล้ายกับลูกกรง ทำให้แสงนวลสีเหลือง ส่องพาดผ่านมา กระทบเรือนร่างสุดเย้ายวน เปิดเผยให้ตัวสูงได้ชื่นชมแล้วลอบกลืนน้ำลายไปหลายอึก พยายามเบือนหน้าหนี ไม่จ้องมองร่างกายที่น่าสัมผัสไปทุกส่วน โดยเฉพาะก้นกลม ๆ นั้น ที่พอได้เห็นแล้ว ยิ่งอยากเอามือไปขย้ำ ให้หายมันเขี้ยว "พี่ดินขาาา เดี๋ยวก็ได้เป็นปอดบวมตายเอาซะหรอก" น้ำเสียงหวานหูบ่นอุบ พร้อมกันจึงหันกลับไปหยิบเอาเสื้อผ้าของลุงที่แขวนไว้มายื่นให้ "เปลี่ยนสิคะ" "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวอีกไม่นานฝนก็หยุดตกแล้ว" เขาปฏิเสธแล้วสั่นหัวไปมา แถมยังไม่ยอมมองหน้าเธอ นิรณาเลยรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย รีบเดินลิ่ว ๆ ไปนั่งตรงแคร่ไม้ไผ่บริเวณมุมห้อง พร้อมวางเสื้อผ้าลงข้างตัวเอง เสียงดัง ตุ้บ! "ถ้าพี่ดิน รังเกียจชีวิตคนบ้านนอก เราสองคน คงไปกันไม่รอดหรอกค่ะ" "ไม่ใช่นะครับ..พี่ก็แค่ไม่อยากรบกวนคนอื่นเขา" คนถูกกล่าวหาเร่งอธิบาย แต่พอหันหน้ากลับมามองสภาพของสาวตรงหน้า มันทำให้เขาแทบคลั่ง ทำไมกัน..นิรณาถึงได้น่าฟัดน่ากินไปทั้งตัว อีกทั้งยามเมื่อได้เห็นร่างบอบบางอยู่ในเสื้อคอกระเช้าผืนเล็กกระจิดเดียว ซ้ำยังคับแน่น จนเผยให้เห็นอกอวบอิ่มที่กำลังสั่นเพื่อมตามจังหวะลมหายใจเข้าออกของเจ้าตัว เล่นเอาพระอิฐพระปูน ในร่างกายร้อนรุ่ม ไปหมด ท้ายที่สุดไฟราคะที่พยายามสะกดกลั้นไว้ ในส่วนลึกเริ่มสุมขึ้นมาเรื่อย ๆ จังหวะนั้นดีชั่วไม่สนแล้ว มือหนาเร่งรีบเอื้อมปลดเข็มขัดหนังสุดหรูขว้างทิ้งกับพื้น เดินตรงปรี่เข้าไปหาเจ้าของเรือนกายแสนยั่วยวน พร้อมเชยคางเธอขึ้นมา ให้เงยมองหน้าตัวเอง "พี่ดินจะทำอะไร นิเหรอคะ?" น้ำเสียงหวานถามออดอ้อน ด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู นัยน์ตาใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว เหมือนดั่งรู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร "ตัวแค่เนี้ย ทำไมหนูถึงชอบทำให้พี่ตบะแตกอยู่เรื่อย" "นิก็ทำตัวปกติน้าา พี่ดินนั้นแหละที่หื่นเอง" "พี่ถามจริง! แก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายมันใช่เรื่องปกติที่ไหน" "ผู้ชายคนอื่น มันก็ไม่ปกติหรอกค่ะ แต่ว่าพี่ดินลืมแล้วเหรอ..เราสองคนน่ะ เป็นถึงขั้นไหนกันแล้ว จะมัวมานั่งเขอะเขินให้เสียเวลาทำไมล่ะคะ?" นิรณาแย้ง ตามนิสัยโผงผาง เลยทำให้ชีวิตนี้ไม่เคยมีคำว่าอายอยู่ในสมองนิรณามองสามีด้วยแววตาอ่อนล้า หัวใจหนักอึ้งด้วยความเวทนา บดินทร์กลายเป็นเจ้าชายนิทรามานานกว่าห้าเดือนแล้ว ร่างกายที่เคยแข็งแรงบัดนี้นอนนิ่งไร้การตอบสนอง ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นคืนสติ"ขอโทษนะคะ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้านิไม่ก้าวมาในชีวิตของพี่ เรื่องราวก็คงไม่เป็นแบบนี้" เสียงแผ่วเบาแฝงความเศร้าหมอง คำพูดเดิมที่เธอพร่ำบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลาที่เขาหลับใหล เธอเอาแต่โทษตัวเอง วันแล้ววันเล่าที่จมดิ่งอยู่กับความรู้สึกผิด ไม่อาจปลดเปลื้องความทุกข์ในใจได้แต่เพราะเด็กชายที่อยู่ในท้อง คนเป็นแม่จำต้องพยายามไม่ให้ตัวเองเครียดมากนัก หาสิ่งต่าง ๆ ทำวนเวียนไป เพื่อไม่ให้มีเวลาครุ่นคิดจนเกินไป แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด ก็ไม่อาจลบเลือนความคิดถึงที่มีต่อสามีได้แม้แต่น้อยทุกลมหายใจเข้าออกยังคงเป็น...บดินทร์หากการอ้อนวอนต่อฟากฟ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ จะช่วยได้ นิรณาอยากจะร้องขอสักครั้ง..ขอให้คืนคนรักของเธอกลับมาขอเพียงให้ลูกน้อยที่ใกล้จะลืมตาขึ้นมาเผชิญโลกกว้าง ได้มีพ่อที่เป็นปกติเหมือนเช่นคนอื่นได้โปรดแต่คำอธิษฐานดูจะไม่มีวันได้รับคำตอบ เวลาผ่านล่วงเข้าสู่เดือนที่เจ็ดของการหล
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาอีกสามวัน นิรณายังคงวนเวียนอยู่แถวบริเวณนี้ เพื่อติดตามการค้นหาบีบีและเตชินใช้เส้นสายที่มีให้ติดประกาศจับ แต่ยังไม่พบเจอว่าคนทั้งคู่ไปหลบเลี่ยงอยู่ในรูไหน ทุกอย่างเลยมืดแปดด้าน"พี่! พี่..เจอแล้วพี่" นราภพวิ่งเข้ามาในห้องพัก ก่อนจะหยุดยืนหอบต่อหน้านิรณา แล้วยื่นมือถือมาให้ดู"สายของผมถ่ายรูปคล้ายกับไอ้เตชินได้แถวท่าเรือร้างทางใต้ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน ผมเลยให้มันไล่ตามไปแต่ก็คลาดกันจนได้" เสียงสั่นด้วยความเหนื่อยอธิบายเร็ว ๆฝั่งนิรณาเพียงแค่กวาดสายตามองรูปก็จำได้แทบทันที ว่าชายในภาพคือเตชิน แม้ว่าสภาพจะเละเทะ เนื้อตัวเสื้อผ้าสกปรกเปรอะเปื้อนไปดินโคลนทว่าสำหรับบุคคลที่เคยอยู่ร่วมกันมาหลายปีย่อมจำได้ แม้แต่ปลายเส้นผม เธอก็จำได้..จำได้ว่าเขาคือ เตชิน!"รีบเตรียมรถ พี่จะรออยู่ด้านหน้า" เสียงจริงจังหันไปสั่งน้องชาย ก่อนจะเดินไปหยิบอาวุธ และเช็กดูกระสุนในที่สุดสองพี่น้อง..ก็เดินทางมาถึงท่าเรืออันเงียบสงบ จนน่าประหลาดใจ เวลานั้นสัญชาติ..บอกให้นิรณาระวังตัว เธอเร่งหันไปส่งสัญญาณให้น้องชายตามมา ก่อนจะลัดเลาะไปตามตู้คอนเทนเนอร์ที่เรียงราย ดั่งเขาวงกตจนมาถึงอีกฝั่ง
ฝั่งนิรณาในที่สุด..ก็สามารถตามตัวเจอ จากข้อความที่นราภพ สู้อุตส่าห์ไปตามสืบ จนพบว่าคนพวกนั้น ไปปรากฎตัว อยู่แถวท่าเรือ อันเป็นสถานที่..ที่พวกอาชญากรทั้งหลายมักจะใช้หลบหนีออกนอกประเทศยิ่งทำให้กลัวใจ..กลัวว่ามันจะทำการหลบหนีได้สำเร็จ สองเท้าก้าวฉับ ๆ คว้าเอากุญแจรถ เตรียมมุ่งหน้าไปตามหาพวกมัน หวังจะจับให้ได้ด้วยมือตัวเองจวบจนเวลาเข้าสู่ยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำ นิรณาที่ขับรถวนรอบเกาะและท่าเรือที่คาดว่าพวกมันจะไปกลับไม่เจอเลยสักนิด จนรู้สึกท้อใจ ตัดสินใจแวะปั๊มทางข้าง ลงไปล้างหน้า ล้างตา ให้รู้สึกสดใส จะได้มีแรงฮึดต่อดวงตากลับเหลือบเห็นใครบางคนในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ สวมแมส สวมหมวก ปิดบังใบหน้า แต่ออร่าความหล่อยังพุ่งกระจาย ยืนเคียงข้างกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ในชุดเดรสสีชมพู สวมปีกกว้างกำลังยืนลังเล..อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆทว่าหากเป็นคนนอกมองมา คงคิดว่าเป็นคู่รักดารา แอบมาเที่ยวสวีทหวาน ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าแต่นั้นไม่ใช่กลับนิรณา เธอมองแค่ปราดเดียวก็จำได้ทันทีว่า..สองคนนั้นแหละ! คือคู่ผัวเมียที่ตัวเองมาตามจับแต่ขณะที่ค่อย ๆ ย่องเข้าไป มือกำลัง เตรียมปืนจะยกขึ้นเล็งขู
สามอาทิตย์..ก่อนหน้านั้น"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ทางเราสามารถยื้อชีวิตคุณบดินทร์ได้แล้ว แต่เขาถูกสารเสพติดประเภทหลอนประสาท ทำลายสมองมากเกินไป ฝั่งการรับรู้เลยไม่ทำงาน" แพทย์วัยกลางคนอธิบายเสียงเศร้า อับจนปัญญาที่จะช่วยเหลือได้นอกจากรอเวลา ให้ร่างกายคนไข้ ฟื้นตัวเอง ซึ่งแทบจะไม่มีปาฏิหาริย์ เพราะสมอง ส่วนการรับรู้โดนฤทธิ์ของยานรกที่เกินขนาดเล่นงานให้"หมายความว่าพี่ดินจะต้องนอนเป็นผักอยู่แบบนี้เหรอคะ?" สิ้นคำถาม แพทย์เจ้าของไข้พยักหน้ารับ ก่อนจะขอตัวไปตรวจอาการคนอื่นต่อนิรณาเลยได้แต่มองตามหมอจนลับสายตา ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาใส่ตัว เธอไม่น่าใช้บดินทร์เพื่อเป็น..เครื่องมือแก้แค้น ไม่น่าทำแบบนั้นเลยสักนิดมันความคิด..ที่ผิดพลาด ตั้งแต่เริ่ม ถ้าวันนั้นตัดสินใจ ไม่เข้าหา ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เขาก็คงไม่ต้องมานอนหลับไม่รู้สติอยู่แบบนี้พอยิ่งคิดถึงความหลัง นิรณายิ่งโทษตัวเอง ได้แต่ถามว่าทำไม ๆ ทำไมบดินทร์ต้องเป็นคนรับกรรมที่ตัวที่เขาไม่ได้สร้าง ทำไม ไม่เป็นเธอที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้ทำไมทุกอย่างมันเลวร้าย แย่ลงไปหมด ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร ทั้งที่เขาทำดีทุกอย่างแต่สุดท้าย คนใจดีคนนั
"อโหสิกรรมให้กันเถอะนะ แล้วชาติฉันท์ใด อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลย" สิ้นเสียงพูด นิรณายกมือไหว้ พร้อมปักธูปลงลงบนกระถาง ใบหน้าราบเรียบ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา"ป้าเสียใจด้วยนะคะ..คุณนิ" หญิงวัยกลางเดินมาหาคนเป็นเจ้าภาพงานขาวดำครั้งนี้ แล้วยื่นมือไปรับธูป นำไปเคารพคนจากไป สีหน้าที่เศร้าสร้อย"หนูเสียใจด้วยนะคะ" หญิงสาวอีกคนที่ตามเข้ามาเอ่ยด้วยเสียงซึมเล็กน้อย นิรณาก็ไม่ได้พูดอะไร และยังคงตีสีหน้าเฉยเมย พร้อมยื่นธูปให้คนคนนั้นไป ดั่งหุ่นยนต์นัยน์ตาสีหวานว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึก ตอนนี้ชีวิตเคว้งคว้าง มองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลยเถิด จนทำให้เธออยากจะเป็นบ้าอีกด้านหนึ่ง พวกคุณหญิงต่างพากัน หันหน้ามาซุบซิบ"เห้ออ..สงสารคุณนิเนอะ ท้องตั้งหลายเดือนขนาดนั้น ยังต้องมาคอยจัดการงานตัวคนเดียวอีก""ฉันได้ข่าวมาว่าเขาไม่มีญาติเหลือเลยสักคน""แบบนั้นก็น่าสงสารแย่เลย" หญิงอีกคนพูด รู้สึกเห็นใจ ทั้งนิรณาและคนเสียชีวิต"นั้นสินะ! ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงมาด่วนจากไปเร็วก็ไม่รู้""เมื่อเช้าฉัน..ก็ลองถามหาสาเหตุนะ แต่ว่าคุณนิไม่ยอมพูดอะไรเลย" อีกคนกล่าวสมทบ"เธอก็คงช็อกมากแ
นิรณากลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่ว่าจะทำยังไง..คนเห็นแก่ตัวก็ไม่หมดไปสักทีทำเอางานในมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากคนปฏิบัติงานที่มีเพียงเพียงน้อยนิด ไม่สัมพันธ์กันแต่แล้วเมื่อเปิดประตูห้องนอนออก บดินทร์กลับไม่อยู่พอลองโทรหา ก็ไม่ติด ทำให้คนเป็นภรรยาเริ่มกังวลใจตั้งแต่คบกันมาเวลาเขาจะไปไหน มักจะส่งข้อความบอกตลอด แต่วันนี้กลับไม่มีปฏิบัติการตามหาสามีจึงเริ่มต้นขึ้น เธอออกสำรวจไปทั่วบ้าน จนถึงโรงรถพบว่ายังมีรถบดินทร์จอดอยู่ ไม่ได้ไปไหน"สวัสดีค่ะ คุณนิ" แม่บ้านคนหนึ่งเดินปะหน้ากับนิรณาพอดี ยกมือขึ้นไหว้ทักทาย เธอจึงส่งมอบรอยยิ้มกลับไป"ฉันมาตามหาพี่ดินค่ะ พี่พอจะรู้ว่าเขา อยู่ที่ไหนหรือเปล่าคะ?" เสียงหวานถามออกไปอย่างเป็นมิตร"คิดว่าน่าจะบ้านคุณบีบีนะคะ เห็นพวกแม่บ้านฝั่งนั้น วุ่นวายออกไปซื้ออาหารตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว""พวกเขามีนัดทานข้าวกันตอนเย็นเหรอคะ?" นิรณาถามอย่างงุนงง บดินทร์ก็นะ ไม่ยอมบอกอะไรเธอสักอย่าง"ค่ะ ฉันเห็นว่าคุณดิน ไปบ้านหลังนั้น ตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วนะคะ" แม่บ้านรายงานทุกอย่างตามความจริง"ขอบคุณที่บอกค่ะ""แล้วคุณนิจะไปบ้านคุณบีบีไหมคะ?""เกรงว่าถ้าไปแล้วระเบิ