จิ่นลี่เห็นไฟโหมท่วมตรงชายป่าพร้อมเสียงผู้คนเขาก็ปล่อยให้หวังหย่งจัดการกับปีศาจร้าย อย่างน้อยเวลานี้ก็ช่วยชีวิตคนได้แล้ว ร่างสูงใหญ่เหินกายสูงขึ้นมุ่งหน้าออกไปดู แล้วก็เห็นเพลิงล้อมรอบชาวบ้านที่ต่างก็หวาดกลัวและร้องขอความช่วยเหลือ เขารีบร่ายเวทย์เรียกพยับฝนมาอย่างทันท่วงที ทว่าฝนเพียงอย่างเดียวกลับไม่อาจลดทอนไฟนี้ลงได้
มีผู้ใช้เวทย์โหมไฟนี้ขึ้นมา จิ่นลี่จำต้องสยบด้วยพลังเวทย์ของตนเสริมด้วยไฟจึงมอดดับลง
ชาวบ้านบางคนได้รับบาดแผลไฟไหม้แต่นับว่าไม่หนักหนา ต่างก็รีบคุกเข่าขอบคุณสวรรค์ที่บันดาลให้ฝนตกลงมาเพราะก่อนหน้านี้ไม่มีเค้าฝนแม้แต่น้อย
จากนั้นไท่จื่อสวรรค์ก็กลับเข้าไปช่วยหวังหย่ง หากอีกฝ่ายสามารถสยบปีศาจดูดเลือดได้แล้ว และพันธนาการไว้ด้วยเวทย์จนไม่อาจหนีได้ ขณะที่ไม่เห็นปีศาจน้อยทั้งสองตน
“ปีศาจน้อยสองตนนั่นหนีไปแล้ว นางเป็นพวกเดียวกับเจ้าหรือไม่”
จิ่นลี่ถามกับปีศาจดูดเลือดซึ่งเวลานี้ใบหน้าสวยงามที่รังสรรค์ปั้นแต่งด้วยมนต์นั้นซีดเผือด
“ข้าไม่รู้จักพวกนาง ไม่เคยเห็นมาก่อน”
นางส่ายหน้าแล้วร้องขอ
“นายท่านปล่อยข้าไปเถิด อย่าทำอันใดข้าเลย”
“ฆ่าคนไม่กลัวความผิด ภัยมาถึงตัวกลับร้องขอชีวิต”
หวังหย่งไม่เห็นว่าควรละเว้น แต่เขารอให้ไท่จื่อมาตัดสินโทษ
“เดิมทีข้าก็ไม่คิดทำร้ายมนุษย์ แต่มนุษย์ร้ายกาจนัก จิตใจโลเลหลอกลวง รักง่ายหน่ายเร็ว ข้าพลั้งมือฆ่าสามีกับชู้รัก จากนั้นก็ไม่อาจหยุดยั้งความต้องการเลือดมนุษย์ได้”
นางบอกไปร้องไห้บีบน้ำตาไปด้วย ทว่าทั้งไท่จื่อและหวังหย่งกลับใบหน้าเคร่งขรึม
“เจ้าเบียดเบียนมนุษย์มาหลายพันปี คิดหรือว่าร้องไห้ขอความเมตตาแล้วทุกอย่างจะจบลงโดยง่าย”
จิ่นลี่เอ่ยโดยไม่มองปีศาจดูดเลือดสาวด้วยซ้ำ
“แต่ยังไงนางก็เป็นคนเผ่าปีศาจ การนี้ข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง ให้เผ่าปีศาจจัดการลงโทษนางเอง ส่งนางไปดินแดนปีศาจ ให้เจ้าปีศาจสำเร็จโทษ”
“ท่านจะไปยังแดนปีศาจเช่นนั้นหรือ”
หวังหย่งถามนายตนด้วยเห็นว่าก่อนหน้านี้เลี่ยงการพบเจอกับราชาปีศาจโดยลงมาจัดการเรื่องวุ่นวายบนโลกมนุษย์แทน
“ไม่ล่ะ เจ้าให้คนของเราควบคุมตัวนางไปก็แล้วกัน”
จิ่นลี่มีสีหน้าเครียดขรึมเมื่อเอ่ยถึงเผ่าปีศาจ เวลานี้รอบตัวเขาวนเวียนอยู่แต่กับปีศาจ ทว่าที่ยังติดอยู่ในใจก็คือ เหตุใดปีศาจน้อยต้องเผามนุษย์ทั้งเป็น เขามั่นใจว่าเป็นฝีมือพวกนางด้วยไม่มีผู้ใดในอาณาเขตป่านี้ที่ใช้พลังเวทย์ได้อีกแล้ว
เกาถิงพาซีหรูหลบมาได้ไกล หากไม่อาจพากลับไปยังเผ่าปีศาจได้ ด้วยพละกำลังของนางนั้นยังไม่สามารถนำร่างหมดสติของนายตนเดินทางไกลและรวดเร็วได้ แต่นั่นยิ่งทำให้นางกังวลใจ ด้วยอีกไม่เกินชั่วยามธิดาน้อยก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว ถึงเวลานั้นนางคาดเดาไม่ได้ว่านายตนจะอาละวาดอีกหรือไม่
เมื่อจนปัญญาจะแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นเกาถิงจึงหยิบกระดิ่งข้อมือเล็กที่พกติดตัวออกมา สิ่งนี้นางได้มานับแต่มาดูแลธิดาน้อย ราชาปีศาจห่วงใยธิดาตนเป็นอันมาก ไม่เคยปล่อยให้หลุดรอดสายตา ทั้งยังกำชับว่าหากเกิดเรื่องกับธิดาน้อยและเกาถิงไม่อาจรับมือไหวให้นางสั่นกระดิ่ง
นางไม่เคยแม้แต่ต้องหยิบออกมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเพราะมาเกิดเรื่องยังโลกมนุษย์ และนางก็เพิ่งเคยเห็นธิดาน้อยเกรี้ยวกราดควบคุมตนเองไม่ได้อย่างน่ากลัวเช่นนี้
กริ๊งงง
เพียงชั่วอึดใจหลังกระดิ่งดังขึ้น ก็ปรากฏกลุ่มควันหมุนวนแล้วร่างหนึ่งก็มาอยู่ตรงหน้า
“ท่านผู้คมกฎหู”
หูพานคือผู้คุมกฎของเผ่าปีศาจที่เรียกได้ว่าเป็นมือขวาของราชาปีศาจ ไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเป็นการเรียกผู้คุมกฎ
“เกิดเหตุอันใดขึ้นกับธิดาน้อย”
ผู้มาใหม่รีบขยับเข้ามาดูร่างของซีหรูที่นอนหมดสติโดยมีเกาถิงประคองในทันใด
“ข้าไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น อยู่ๆ ธิดาน้อยก็อาละวาดเผาชาวบ้าน ข้าต้องทำให้นางหมดสติยับยั้งเอาไว้ ข้าเกรงว่าธิดาน้อยอาจฟื้นขึ้นมาก่อนที่จะไปถึงเผ่าปิศาจ จึงใช้กระดิ่งนี่”
นางชูกระดิ่งในมือขึ้น หูพานก็พยักหน้าเข้าใจ กระดิ่งนี้ผู้ที่สามารถได้ยินมีเพียงราชาปีศาจและผู้คุมกฎทั้งสองเท่านั้น ตอนนี้ราชาปีศาจยังไม่กลับจากกิจสำคัญ เขาที่อาวุโสกว่าจึงมาแทนเพราะอาจเกิดเรื่องร้ายแรงกับธิดาน้อย
“งั้นก็ไปจากที่นี่ก่อน”
หูพานบอกแล้วร่ายมนตร์อำพรางปีศาจน้อยทั้งสองก่อนจะใช้พลังเคลื่อนย้ายพาตัวกลับเผ่าปีศาจอย่างทันท่วงที
ภายในห้องนอนของธิดาน้อยเผ่าปีศาจ ราชาปีศาจโจวซุ่นใช้พลังของตนบดบังซ่อนความทรงจำส่วนลึกที่ทำให้บุตรสาวเจ็บปวดเอาไว้อีกครั้ง
เมื่อยังเด็กนักนั้นซีหรูถูกความโหดร้ายของมนุษย์ที่ฆ่ามารดาครอบงำ นั่งกอดเข่าร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและเรียกร้องหาแม่อยู่นานนับเดือน เป็นเด็กที่ขลาดกลัวผู้คน เก็บตัวอยู่คนเดียวไม่กล้าออกไปเล่นตามที่ต่างๆ เหมือนก่อน โจวซุ่นในตอนนั้นเป็นผู้คุมกฎแต่ก็มีงานมากมายต้องจัดการจึงให้เกาถิงมาอยู่เป็นเพื่อนบุตรตน แม้จะใช้เวลานานแต่ซีหรูก็ค่อยๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น
กระทั่งวันหนึ่งที่เขาพาบุตรสาวไปเก็บดอกไป่เหอยังโลกมนุษย์แล้วบังเอิญพบเจอมนุษย์ที่กำลังตีบุตรของตนอยู่ แล้วซีหรูกลับกรีดร้องและอาละวาดขึ้นมาอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงพลังปีศาจยังไม่แข็งแกร่งแต่ก็นับว่าเกือบจะฆ่ามนุษย์ผู้นั้นไปแล้ว นั่นทำให้โจวซุ่นรู้ว่าบุตรสาวตนเก็บสิ่งเลวร้ายที่เห็นมาไว้ส่วนลึกของจิตใจแล้วก็พร้อมปะทุขึ้นมาได้เสมอ จึงตัดสินใจสะกดความทรงจำนั้นให้อยู่ภายใต้เงามืดในจิตใต้สำนึก หากก็มีโอกาสผุดขึ้นมาทุกเมื่อหากมีสิ่งกระตุ้นเช่นครั้งนี้
“ซีเอ๋อร์ ความเจ็บปวดนี้ทำร้ายเจ้ายิ่งนัก ไม่รู้ว่าจะส่งผลต่ออนาคตข้างหน้าของเจ้าหรือไม่”
ราชาปีศาจเอ่ยอย่างเป็นกังวลเมื่อซ่อนความจำเลวร้ายของธิดาตนเสร็จสิ้น ทั้งภายในใจยังมีเรื่องหนักอกลำบากใจกลับมาจากสวรรค์ชั้นฟ้าพร้อมตนด้วย
‘สวรรค์ให้เกียรติเผ่าปีศาจเช่นนี้ หวังว่าราชาปีศาจจะถนอมน้ำใจ’
น้ำเสียงทรงอำนาจของจักรพรรดิสวรรค์ยังก้องในห้วงสำนึก เป็นเช่นนี้แล้วเขาจะทำอย่างไรได้
=========
ราชาปีศาจไม่อยู่เพราะขึ้นไปสวรรค์นี่เอง ว่าแต่สวรรค์ต้องการอะไรจากเผ่าปีศาจ?
และความทรงจำช่วงเด็กของซีหรูก็ถูกบิดาบดบังไว้ ก็เลยจำวันที่มารดาจากไปไม่ได้ ^-^"
ร่างอรชรเดินเข้ามายังส่วนอาบน้ำแล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นแผ่นหลังเปลือยอยู่ในน้ำ ใจกระตุกสั่นไหวจึงหันไปทางอื่น ทั้งยังลังเลไม่กล้าขยับเท้าต่อ“ซีซี”เสียงเข้มแม้จะทุ้มนุ่มหากก็ทำเอาคนได้ยินหน้าเจื่อน ไม่รู้จะทำอย่างไรแต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปใกล้“ไท่จื่อให้หวังหย่งจางหย่งมาปรนนิบัติไม่ดีกว่าหรือเพคะ”ซีซวนถามเสียงเบาทั้งที่เข้ามาแล้ว เมื่อขึ้นมาอยู่บนสวรรค์ ไท่จื่อก็บอกว่านางต้องปรนนิบัติทั้งเวลาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า แน่นอนว่านางลำบากใจด้วยความขัดเขินแม้จะแนบชิดร่างกายกันมาหลายครั้งหลายครา“ไม่ปรนนิบัติก็ได้”พร้อมกับพูดร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นทำเอาผู้ที่ยืนชิดริมสระสะดุ้ง ทว่ายังไม่ทันถอยก็ถูกฉุดให้หล่นเข้าไปอยู่อ้อมอกแกร่งด้วยมัดกล้ามกำยำน่าอิงแอบ“อุ๊ย ไท่จื่อ”“มาอาบด้วยกันดีกว่า”ไม่เพียงพูดมือหนายังเคลื่อนไหวทั่วตัวต้องการถอดชุดของนางไปด้วย“เอ่อ อาถิงรออยู่ข้างนอกเพคะ นางคงได้ยินเสียงเป็นแน่”ซีซวนอุบอิบบอกพลางส่ายหน้า รู้ว่าอาบด้วยกันของไท่จื่อมีความหมายมากกว่านั้นนางขอกับบิดาให้เกาถิงมาอยู่ด้วยตั้งแต่วันที่พบท่านหลังพิธีอภิเษก ซึ่งบิดาก็ไม่ได้ขัดแต่อย่างใด เพราะเกาถิงเองก็คง
เรือนร่างไร้อาภรณ์สองร่างกอดก่ายแนบชิด ก่อนจิ่นลี่จะยกร่างเล็กกว่าขึ้นมานั่งคร่อมตักตน ซีซวนดูลำบากใจหากเขาก็กอดเอวบางแล้วลูบไล้ฝ่ามือตนบนผิวนุ่มของร่างสาวจนไม่หลงเหลือสัดส่วนใดที่ไม่ได้แตะต้อง อกอวบสวยยิ่งเคล้นคลึงก็ยิ่งชวนให้อยากลงน้ำหนักมือมากขึ้น ทั้งยังน่าซุกซบกว่าอกหนาของเขาเสียอีก จิ่นลี่มั่นใจว่าตนสามารถนอนซุกอกอวบได้ทั้งคืนไม่เพียงแค่คิดเขาก้มลงดูดดื่มยอดทรวงสีหวานให้เต็มที่เท่าที่ต้องการ ใบหน้าคมคายฝังปรนเปรอสองปทุมกลมกลึงเนิ่นนาน หากมือก็ไม่ลืมปลุกปั่นกายสาวสุดบอบบาง ดอกไม้แสนพิสุทธิ์พร้อมพรักเพื่อเขาแล้ว หากจิ่นลี่ยังใจเย็นไม่รีบหักหาญ ซีซวนต้องการมากเท่าไรนางจะยิ่งรู้สึกดีเมื่อเป็นของกันและกันซีซวนรู้สึกเหมือนตนหอบจนเหนื่อยอ่อน มือเกาะบ่าหนาราวหาที่ยึดด้วยไม่กล้านั่งลงเต็มสะโพก แต่ก็ฝืนเกร็งไม่ได้นานเพราะร่างกายปวกเปียกไร้กระดูกจากการรุมเร้าฉกาจฉกรรจ์“ไท่จื่อ ได้โปรด”นางเอ่ยขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่าร้องขอสิ่งใด รู้เพียงร่างกายตนต้องการบางอย่างและแล้วจิ่นลี่ก็พาร่างงามลงไปนอนระทดระทวยใต้ร่างตน มอบจูบอันร้อนแรงครู่หนึ่งพร้อมกับค่อยๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แม้อีกฝ่ายจะเริ่มดิ้
“เจ้าทำเช่นนี้ข้าชักกลัวแล้วว่าเจ้าอยากกลับสวรรค์กับข้าหรือไม่ กลัวเจ้าจะอยากกลับเผ่าปีศาจมากกว่า”“ข้ากลัวว่าจะไม่ได้กอดท่านพ่ออีกแล้ว”เมื่อชายาตนทำเสียงงอแงนิดๆ ผู้เป็นไท่จื่อก็ใจอ่อน“เอาเถิด ข้าจะพาเจ้าไปเผ่าปีศาจในทุกครั้งที่เจ้าต้องการ อย่างน้อยก็...”เขาหยุดไปชั่วอึดใจก่อนจะบอกต่อ“เอาดอกไป่เหอไปให้เจ้าในทุกปี”หัวใจของซีซวนกระตุกวูบหนึ่งกับคำพูดนี้ ราวตอบรับความรู้สึกที่ไท่จื่อมีต่อซีหรู“ข้ายังอยากทำเหมือนเดิม ร่างของเจ้าอยู่ที่นั่น แม้แต่งกับเจ้าที่เป็นเซียนแล้ว ข้าก็ไม่อาจลืมเจ้าที่เป็นปีศาจครึ่งมนุษย์ได้”ซีซวนไม่ได้ขุ่นเคืองใจ นางรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่ไท่จื่อยังผูกพันกับตนในชาติก่อนอยู่ และยิ้มกว้างให้กับสวามีของตนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข“ข้าขอถามเจ้าปีศาจเรื่องนึงได้หรือไม่”ไท่จื่อมีโอกาสเอ่ยถึงสิ่งที่ตนสงสัย“ท่านรู้ว่าซีหรูมาเกิดใหม่ยังเผ่าบุปผา แล้วเหตุใดจึงไม่เคยบอกข้า”“ในตอนแรกข้าเพียงหวังจึงให้จางฉวนนำแหวนมาที่นี่ ไม่ได้มั่นใจแต่อย่างใด และเมื่อได้รู้ว่าในแหวนมังกรมีดวงจิตวิญญาณอยู่ อดีตเทพธิดาสามารถสร้างชีวิตใหม่ให้ซีหรูได้ ข้าก็ดีใจนัก ไม่ได้คิดว่านางจะเหม
หลังไท่จื่อเอ่ยปากขอซีซวนแต่งงานแล้วแจ้งความนี้กับอดีตเทพธิดาบุปผาเพียงวันเดียว ขบวนสู่ขอจากสวรรค์กับของกำนัลก็มาถึงยังเผ่าบุปผา“ข้าให้หวังหย่งกับจางหย่งจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพแล้ว รอเพียงซีซวนตอบรับ”ไท่จื่อเอ่ยเมื่อหลิงเซียวมองของกำนัลมากมายที่นำเข้ามาในตำหนักด้วยความประหลาดใจ“ส่วนฤกษ์ยามนั้น พระมารดารอคำตอบจากเทพชะตา และพระบิดากับพระมารดายินดีให้จัดงานที่เผ่าบุปผา ทั้งสองพระองค์จะมารับชายาข้ากลับสวรรค์พร้อมกับข้า”จิ่นลี่ไม่ได้กลับสวรรค์ก็จริง ทว่าส่งสารขอราชโองการกับบิดาตนนับแต่บอกกับอดีตเทพธิดาไปว่าจะทำให้ถูกต้องทุกประการ บิดากับมารดาตนยินดีรับซีซวนเป็นสะใภ้สวรรค์โดยไม่ติดใจในข้อใด ด้วยสถานะของนางเป็นธิดาของอดีตเทพธิดาเซียนขั้นสูงสุดในเผ่าบุปผาซีซวนจะได้รับตำแหน่งพระชายาเอกไม่ต่างจากซีหรู“องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเมตตาซีซวนยิ่งนัก”หลิงเซียวทำได้เพียงตอบรับ รู้สึกใจหายไม่น้อยเมื่อบุตรสาวกำลังจะห่างไปจากอกตน นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน“ซีซวนไม่เคยต้องอยู่ห่างจากข้า ได้แต่หวังว่าเมื่อไปอยู่สวรรค์ชั้นฟ้าไท่จื่อจะเอ็นดูนาง”“ท่านก็ทราบดีว่าข้ารักซีซีมากเพียงใด นางคือชายาเพ
“เจ้าพร้อมปลอบข้าแล้วใช่หรือไม่”ไม่เพียงถามร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามยังบดเบียดให้รับรู้ได้ถึงความกร้าวร้อนที่น่าเกรงกราม ซีซวนหลบสายตาคม หน้าท้องร้อนวูบทว่าจิตใจกลับเฝ้ารอให้ไท่จื่อแตะต้อง คาดหวังพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงกระทบหน้าอกข้างซ้าย“ร่างกายที่ยังไม่หายดีของเจ้าอาจยังรับไม่ไหว ข้าจะเบามืออย่างที่สุด”ในชั่วอึดใจร่างของทั้งสองก็เปลือยเปล่าด้วยฝีมือจิ่นลี่ ร่างอรชรสั่นเบาๆ อยู่ตลอดเวลาทำให้เขาอยากปลอบ แม้ซีซวนจะจำเมื่อครั้งเป็นซีหรูได้แล้วแต่ความจริงข้อหนึ่งก็คือนางยังผุดผ่องด้วยวัยแรกแย้ม อย่างไรก็ไม่อาจรับเขาได้โดยง่าย ทั้งหัวใจที่บาดเจ็บหนักยังไม่แข็งแรงดีทำให้จิ่นลี่เลือกไม่เอาแต่ใจหลังจูบอย่างดูดดื่มแล้วร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนลงพร้อมนาบปากตนฝากรอยร้อนรุ่มผ่านลำคอ กลางอกอวบ ระเรื่อยลงมายังหน้าท้องแบนราบจูบเม้มผิวอ่อนบางทุกจุดที่ผ่านซีซวนขยับกายอย่างไม่เป็นสุข ทรวงอกสะท้อนสูงตามลมหายใจที่รุนแรงด้วยอารมณ์หวาม ไฟปรารถนาลุกพรึ่บในร่างจากที่ค่อยๆ ถูกจุดให้ระอุก่อนหน้านี้ ยิ่งมือหนาลูบไล้ต้นขากับสะโพกซีซวนก็ยิ่งร้อนรน ทั้งลมหายใจร้อนกับปากอุ่นจัดยังเลื่อนต่ำลงอีก บดจูบแผดเผาร่างสาวด
“เจ้าทิ้งข้าไปนานนัก แต่ไม่ว่านานแค่ไหนข้าก็ไม่เคยลืมเจ้าไปจากใจ”ซีซวนร้องไห้หนักขึ้นจนตัวสั่นเทา นางเองไม่ได้รับรู้สิ่งใด มีความสุขกับชีวิตใหม่ของตน ทว่าผู้ที่อยู่กับการจากลาอันแสนเศร้านั้นต้องจมอยู่กับความทุกข์ทนนานนัก รู้ซึ้งถึงหัวอกไท่จื่อที่พยายามไขว่คว้าพระชายาที่สูญเสียไปกลับคืนมา หากเป็นนางเอง แม้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มอีกเพียงวันเดียวนางก็จะทำทุกอย่างให้กลับไปอยู่เคียงข้างไท่จื่อเช่นเดิม ในเมื่อซีหรูจากมาโดยไร้คำร่ำลาจิ่นลี่จับมือบางสองข้างที่ประคองแก้มตนไปจูบด้วยความดีใจและแสนคิดถึง ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าประชิด แตะปากได้รูปประทับจูบซับน้ำตาบนแก้มนวลให้ซีซวนหลับตาลงให้สัมผัสอ่อนโยนและอบอุ่นจากริมฝีปากไท่จื่อปลอบประโลม ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงแนบชิดเหนือกลีบปากตน นางจึงขยับตอบรับจุมพิตด้วยความเต็มใจเมื่อหัวใจสองดวงที่ต่างผูกพันรักใคร่กลับมาใกล้ชิดความโหยหาจึงก่อเกิด จูบผะผ่าวแผ่วเบาจึงค่อยเพิ่มความดูดดื่มขึ้น ปลายลิ้นอุ่นรุกไล่ซีซวนก็ยินดีเปิดรับเกี่ยวกระหวัดลิ้นตนกับอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณและความรู้สึกส่วนลึกในหัวใจ ใจดวงน้อยเต้นเร่า เนื้อตัวร้อนวูบวาบทว่าใจกลับต้องการแนบกายบดเบียด