LOGINโปรย: ปางก่อนเธอเคยละเลยเขากับลูก เมื่อได้มีโอกาสย้อนกลับไปแก้ไขชะตาอีกครั้งเธอจำต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาอภัยให้กับผู้หญิงชั่วร้ายอย่างเธอ กชกรได้ย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่เธอเคยทำไม่ดีกับลูกกับสามี โดยเธอต้องทำงานหนักทุกอย่าง เพราะเธอกลับไปคราวนี้พบว่าสามีของเธอพิการและต้องเลี้ยงลูกสองคนเพียงลำพัง ไปติดตามกันค่ะ ว่าเธอจะเอาชนะใจสามีได้หรือไม่
View Moreท้องฟ้าดำมืดลมพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตรงลานหน้าบ้านที่เป็นดินร่วนมีฝุ่นคลุ้งตลบไปทั่ว บ่งบอกว่าอีกไม่นานพายุฝนกำลังจะมา
ชายร่างใหญ่ผิวสีเข้มเพราะกรำแดดกำลังอ้อนวอนเมียรักปานจะขาดใจ ‘เกสรอย่าไปเลยนะ ถ้าเอ็งไปแล้วพี่กับลูกจะอยู่ยังไง’ เขานั่งคุกเข่าลงกับลานดินหน้าบ้านจนหัวเข่าและหน้าแข้งเปื้อนดินไปหมด แต่เขาก็หาได้สนใจไม่ มือใหญ่เกาะอยู่ที่ขาฝ่ายหญิง
‘ปล่อยให้ฉันไปได้ดีเถอะนะพี่ เราจบกันแค่นี้ดีกว่า ฉันเกลียดความลำบาก เกลียดความยากจน’ เกสรสรพูดเหมือนไม่ไยดี ขาทั้งสองพยายามสะบัดมือของเขาออกแรง แต่มือเขาเหนียวหนึบราวกับตีนตุ๊กแก เธอจึงใช้มือช่วยแกะและเอ่ยคำที่คิดว่าเขาจะยอมปล่อยเธอไปดี ๆ ‘ฉันไม่ได้รักพี่แล้ว เราจะอยู่กันไปเพื่ออะไร’
มือที่เกาะขาเธอแน่นชะงักและค่อย ๆ คลายออก ‘เวลาไม่ถึงเดือนที่เอ็งเจอมัน เอ็งกล้าพูดคำนี้กับพี่แล้วรึ’
‘หึ ฉันรู้จักตัวฉันดี เวลาไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับความรัก’ เธอยังยืนยันที่จะไปจากชีวิตเขาให้ได้
‘ฮือ ๆ ฮึก แล้วเอ็งไม่เห็นแก่ลูกของเราเหรอเกสร ทำไมเอ็งถึงได้ตัดความสัมพันธ์กับพี่ได้ง่ายดายนัก’ เขาพูดพลางสะอื้นจนอกสั่น เกิดมาเพิ่งเคยเสียน้ำตาให้ผู้หญิง
‘คนเราก็ต้องรักตัวเองก่อนไม่ใช่หรือคะ’ เกสรสลัดขาออกจากการเกาะกุมของเขาได้สำเร็จ สายตามองดูชายตรงหน้าด้วยความสมเพชแกมดูแคลน แววตาว่างเปล่าจนเขาเองมองไม่เห็นเยื่อใยของความรักหลงเหลือในดวงตาคู่นั้นแม้แต่เส้นเดียว
ต่างฝ่ายต่างเงียบเหมือนกำลังใช้ความคิดกันทั้งคู่ แต่มันก็คงสวนทางกัน
เขายังนั่งเกลือกกลั้วอยู่กับพื้นดินหน้าบ้านเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังยืนหันหลังให้โดยไม่สนใจความรู้สึกของสามีที่อยู่กินมาร่วมสิบปีเลยแม้แต่น้อย
เกือบสองนาทีเท้าซ้ายของเกสรจึงก้าวออกไป แต่ก็มีเสียงดังขึ้นตามหลัง
‘ถ้าเอ็งก้าวขาพ้นจากเรือนหลังนี้ไปแล้ว ฉันจะถือว่าเราทั้งสองจบสิ้นกันทุกอย่างแค่นี้ สิทธิ์เรื่องลูกจะเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว และฉันจะถือว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน’ เขาละล่ำละลักพูดออกมาด้วยความเสียใจ น้ำหูน้ำตาไหลออกมาเต็มหน้า จากที่เคยแทนตัวว่าพี่เขาก็ไม่คิดจะใช้มันอีก
‘ฉันก็อยากให้เป็นเช่นนั้น’ เกสรกล่าวอย่างไร้เยื่อใยและไม่หันหลังกลับไปมองเขาอีก เธอรีบวิ่งไปที่รถยนต์ที่จอดรอเธออยู่หน้าบ้านเพราะฝนกำลังเริ่มลงเม็ดห่าง ๆ
ก่อนเธอจะปิดประตูรถเขาตะโกนเรียกชื่อเธออีกครั้งราวกับเจ็บปวดหนักหนา “เกสร!” พร้อมทั้งสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
รถยนต์ค่อย ๆ เคลื่อนออกไปจากหน้าบ้านที่มีเพียงไม้ไผ่ลำเก่า ๆ สร้างเป็นรั้วกั้น เกสรมองดูชายที่เคยเป็นสามีนั่งคุกเข่าตากฝนด้วยสายตาเย็นชา เธอไม่มีแม้แต่ความสงสารให้เขา
เหงื่อเม็ดโตผุดพรายขึ้นตามไรผมและหน้าผากแม้จะนอนในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ดวงหน้าเนียนสะบัดไปมาคล้ายกำลังฝันร้าย
“เกสร!”
กชกรสะดุ้งตื่นดีดตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อเกสรแว่วเข้ามาในหูเสียงดัง สายตามองไปรอบห้อง เมื่อรู้ว่าเป็นเพียงแค่ความฝันก็รู้สึกคลายกังวลลง
เธอผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ “เกสรอย่างนั้นหรือ” กชกรพึมพำออกมาเสียงแผ่ว เมื่อรู้ว่าตัวเองฝันเป็นเรื่องเป็นราว ผู้หญิงในฝันหน้าตาคล้ายกับเธอแต่เธอชื่อเกสร “ผู้ชายคนนั้นเป็นสามีเธอ” ภาพของผู้ชายที่นั่งคุกเข่าตากฝนยังจำติดตา เมื่อคืนเธออาจจะนอนร้องไห้มากเกินไปเพราะเพิ่งโดนแฟนหนุ่มหักอกมาจึงทำให้เธอฝันอะไรแปลก ๆ ครั้งนี้ก็ครั้งที่สามแล้วที่เธอโดนนอกใจจากคนรักตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยจนตอนนี้ก็เรียนจบแล้ว ความผิดหวังเรื่องความรักมันก็ยังวนเวียนอยู่แบบเดิมซ้ำ ๆ
กชกรเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกที่หัวเตียง อีกห้านาทีก็ถึงเวลาที่เธอตั้งปลุกไว้ วันนี้เธอต้องไปสมัครงานที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ตำแหน่งเภสัชกร
ร่างอวบขาวสูงราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรก้าวขาลงจากเตียงนอน แล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว เธอรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเธอร้องไห้อย่างหนัก หรือเป็นเพราะเธอฝันกันแน่
เธอเดินออกมาจากบ้านทรงโมเดิร์นชั้นครึ่ง แม่กับพ่อกำลังกวาดใบไม้ตรงลานหน้าบ้านที่เทลาดด้วยปูนเป็นทางเดินบางส่วน เมื่อคืนฝนตกหนักและมีลมกรรโชกแรงจึงทำให้ใบไม้ร่วงเกลื่อนพื้น เมื่อคืนในฝันของเธอฝนก็ตกหนักเช่นกัน หรือฝนตกหนักจนเธอเก็บไปปะติดปะต่อกันจนกลายเป็นความฝัน
“แม่คะ พ่อคะ กรไปสมัครงานก่อนนะคะ”
“ไปแต่เช้าจังลูก ยังไม่เจ็ดโมงเลย” ลัดดาเอ่ยถามลูกเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่ลูกจะไปสมัครงานมากนัก
“กรจะไปหาอะไรกินก่อนน่ะค่ะ และอยากได้คิวแรกด้วยค่ะแม่ อีกอย่างกลัวพี่กฤตไปทำงานสายด้วยค่ะ” กฤตภัทรผู้เป็นพี่ชายก็เดินตามหลังเธอออกมาเช่นกัน
“งั้นก็โชคดีจ้ะ ลูกพ่อเก่งอยู่แล้ว” นายแพทย์สมเกียรติที่อยู่ในวัยเกษียณบอกลูกสาวด้วยความมั่นใจว่าเธอต้องได้ทำงานใกล้บ้านแน่
ผู้เป็นแม่โบกมือให้ลูกทั้งสองเบา ๆ
ขับรถออกมาได้สักพักกชกรก็บอกพี่ชาย “พี่กฤตจอดแถวร้านก๋วยจั๊บญวนก่อนถึงโรงพยาบาลให้กรหน่อยนะคะ”
“จ้ะ แล้วกลับยังไง”
“ไม่นั่งรถสองแถว ก็วินมอไซด์ค่ะ” ถ้าอยากถึงเร็วแต่ต้องทนร้อนหน่อยก็นั่งมอเตอร์ไชด์รับจ้าง แต่ถ้านั่งรอรถสองแถวก็นานหน่อย เพราะรถออกทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง
“อืม” กฤตภัตรไม่ได้ห่วงน้องสาวมากเพราะปกติเธอก็ใช้ชีวิตแบบนี้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแล้ว เธอคุ้นเคยกับเมืองอุดรฯ เป็นอย่างดี อีกอย่างเธอก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว
เขาจอดรถตามที่น้องสาวบอกแล้วทั้งสองก็โบกมือร่ำลากัน
ช่วงพักกลางวันเกสรและลูกเดินขึ้นมาบนเถียงนาที่เป็นเหมือนบ้านของเขากับลูก ส่วนเขากำลังเอาควายผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่เพื่อให้มันพักในร่มช่วงกำลังแดดร้อนจัด เกสรมองไปรอบเถียงนาที่มีทั้งยุ้งข้าวขนาดไม่ใหญ่มากแต่ดูมั่นคง ด้านล่างทำเป็นเล้าไก่ มีคอกควายอยู่ถัดกันไป และพืชผักสวนครัว รวมถึงป่าสับปะรดที่ค่อนข้างรก ในนั้นมีต้นฝรั่งอยู่สามต้นและต้นมะม่วงหิมพานต์ต้นใหญ่อีกสองต้น ในป่านั้นเต็มไปด้วยต้นสาบเสือและต้นกระถินขึ้นเต็มไปหมด เขาคงเข้าไปตัดไม่ได้จึงปล่อยไว้อย่างนั้น แต่แปลงผักที่เขาเคยปลูกตอนที่เธอเคยอยู่ด้วยนั้นว่างเปล่า เขาคงตักน้ำรดผักไม่ไหวจึงไม่ได้ปลูก ที่ตรงนั้นเขามักปลูกผักขายแล้วเอาเงินไปซื้อข้าวเวลาที่ปีไหนได้ผลผลิตน้อย เธอก้าวขาขึ้นบันได้ลิงไปเพียงสามขั้นแล้วมองดูบนเถียงนาที่มีอยู่สี่ห้อง มุมหนึ่งคงใช้เป็นห้องนอนเพราะเธอเห็นมีมุ้งม้วนเก็บไว้มุมเสา แต่ที่นอนที่มีเพียงเสื่อกกกับหมอนที่ยัดด้วยนุ่นยังไม่ได้เก็บ อีกมุมหนึ่งใช้เก็บเสื้อผ้า วางกระเป๋าย่ามไว้แล้วเธอก็ถอยหลังลงมาเพราะตอนนี้ตัวเธอเปียกจึงไม่เดินขึ้นไป ใต้ถุนที่สูงท่วมหัวปล่อยโล่ง มีเพียงด้าน
เกสรนั่งคุกเข่าลงในน้ำจนผ้าถุงเปียกชื้นเพื่อให้กอดลูกได้ถนัดขึ้น หอมแก้มลูกซ้ายขวาทั้งสองคน อยากขอบคุณคุณยายคนนั้นเหลือเกินที่ทำให้เธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ถึงแม้ว่าต่อจากนี้ไปเธอไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง แม่ลูกทั้งสามต่างร้องไห้ไปด้วยกัน ดำละสายตาจากสามแม่ลูก ไม่มีเสียงใดหลุดออกจากปากของเขาแม้แต่คำเดียว มือหนาสับจอบลงบนหน้าดินแล้วค่อย ๆ คลานออกจากตรงนั้น ปีนขึ้นคันนาแล้วใช้แรงจากแขนทั้งสองข้างและขาข้างซ้ายส่งตัวเองเคลื่อนตัวไปตามคันนาที่มีแต่หญ้าขึ้นปกคลุม เขาไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร และไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่เพราะเหตุผลอันใดอีก ทั้งที่วันนั้นเขาพูดชัดเจนแล้ว แต่คนอย่างเขาจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้ใครเป็นครั้งที่สองอีก คืนนั้นเขาจำได้ไม่มีวันลืม เธอคงไม่รู้ว่าเมื่อเธอจากไปแล้วเขาเจ็บปวดและทรมานเจียนตาย ผู้หญิงอย่างเกสรไม่เคยมีหัวใจ และเธอก็ทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจไปโดยปริยาย เกสรมองตามสามีที่คลานลากขาตัวเองไปยังควายที่ผูกไว้สี่ตัวด้วยความสงสารเจือเวทนา ทำไมเขาเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งได้มากขนาดนี้ โดนเมียทิ้งหนีไปอยู่กับชู้ ยอมเป็
เกสรเดินตามถนนลูกรังออกมาเพียงลำพัง บ่าข้างหนึ่งสะพายย่ามที่ทำจากกระสอบปุ๋ย ในนั้นมีเสื้อผ้าอยู่ห้าหกชุด เธอเด็ดใบตองพลวงมาทำเป็นที่บังแดด สองข้างทางผู้คนกำลังใช้ควายไถนา บางพื้นที่ก็เริ่มปักดำบ้างแล้ว ถนนบางช่วงเป็นโคลตมเธอต้องถอดรองเท้าเดิน นาของสามีอยู่ห่างจากหมู่บ้านสี่กิโลเมตร เธอคงใช้เวลาเดินเท้าอีกนานกว่าจะถึง ความจริงแล้วก็อยู่ถัดจากนาของเธอไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร เพราะนาของทั้งสองมีพื้นที่ติดกัน เท้าของเธอหยุดเดินและยืนอยู่บนคันนาเมื่อมาถึงนาของสามีที่ส่วนลุ่มอยู่ติดกับลำน้ำปาว ส่วนนาดอนด้านบนติดกับนาเธอ ใบตองพลวงหลุดจากมือตอนไหนเธอไม่ได้รู้ตัวเลย น้ำตารินไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้สามีกับลูกทั้งสองกำลังช่วยพ่อขุดดินและปักดำต้นกล้าลงไปในแปลงนาที่ยังไม่ได้ไถ ลูกชายคนโตกำลังใช้จอบเล็กขุดดินส่วนคนเล็กใช้เสียมขุดบางครั้งก็นั่งลงแช่ในน้ำ เดือนลูกสาวคนเล็กก็ทำตามประสาเด็กคงไม่ได้ช่วยพ่อมากนัก ในแปลงนามีน้ำท่วมถึงตาตุ่ม สามีใช้จอบเล่มใหญ่เขานั่งคุกเข่าด้วยขาข้างซ้ายลากขาอีกข้างตามไปอย่างทุลักทุเล เนื้อตัวพ่อลูกทั้งสามคนเต็มไปด้วยโคลนตม ปีที่แล้วเขาไม่ได้ทำนา ถ้าป
เมื่อถึงเวลาเข้านอนเกสรมองดูห้องของตัวเองด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เธอย้อนกลับมาในปีสองพันห้าร้อยยี่สิบ ปีที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ทุกอย่างยังห่างไกลกับคำว่า ‘เจริญ’ อยู่มาก ภายในห้องเธอจุดเทียนไข มุ้งที่กางอยู่ก็ไม่ได้ดูดีนัก ช่วงนี้เป็นฤดูฝนยุงค่อนข้างชุม คืนนั้นกว่าเธอจะหลับลงได้เวลาก็คงล่วงเข้าวันใหม่แล้ว เพราะมัวแต่คิดเรื่องสามีกับลูก เช้าวันต่อมาเกสรตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น สวมผ้าซิ่นมัดหมี่ที่พี่สาวทอกับเสื้อแขนยาวผ้าฝ้ายสีดำที่พี่สาวตัดให้ เดินลงมาจากบ้านที่เป็นบันไดลิงพาดผ่านตัวบ้านที่เป็นไม้ทั้งหลังใต้ถุนยกสูง ฝั่งซ้ายทำเป็นคอกควาย ฝั่งขวาเป็นกี่ที่พี่สาวกำลังนั่งทอหูก พ่อกำลังนอนให้แม่รมควันสมุนไพรให้อยู่บนแคร่ที่อยู่ไม่ห่างจากพี่สาวนัก เมื่อวานแสงเทียนไปตามเสถียรที่นาโดยขี่ควายออกไป พอขากลับด้วยความรีบร้อนจึงควบมันเร็วไปหน่อย มันก็พาวิ่งเร็วจนแกพลัดตกจากหลังควาย วันนี้จึงต้องหาสมุนไพรมาสุมไฟย่างให้คลายปวดตามความเชื่อของชาวบ้าน เกสรเดินเข้าไปหาทั้งสามคน “เอ็งจะไปไหน” สองปีที่ลูกสาวหนีไปอยู่กับสมชาย เกสรยังไม่เคยกลับมาบ
“คงอย่างนั้นแหละค่ะ แล้ววันนี้เขาไม่มาหรือคะ” เกสรตอบออกไปเหมือนไม่อยากใส่ใจกับเรื่องที่ผ่านมาอีก ตอนนี้เธออยากเจอหน้าสามีกับลูกทั้งสองของเธอมากกว่า ชาตินี้เธอจะไม่ขอเจอกับผู้ชายคนนั้นอีก “ไม่มา เขาบอกว่าติดธุระด่วน เขาให้เงินมาช่วยงานห้าร้อยบาท เมื่อเช้าเขาให้รถตู้นำศพเอ็งมาส่งแล้วคนขับก็กลับไปเลย” ฝ้ายก็สงสัยเช่นกันว่าเมียเสียชีวิตทั้งคนทำไมสมชายไม่มาร่วมงาน “ค่ะ” ช่างเขาเถอะ ไม่มาก็ดีแล้วเพราะเธอไม่คิดจะกลับไปหาเขาอีก “แล้วพี่ดำไม่มาหรือคะ” เธอถามไปอย่างนั้นเผื่อเขาจะมาบอกลาเธอเป็นครั้งสุดท้ายบ้าง “ไม่มา บ้านนั้นไม่มีใครมาเลยสักคน” เธอหลุบตามองต่ำเมื่อได้ยินคำนั้น ก็สมควรแล้วที่ครอบครัวของเขาจะเกลียดเธอจนไม่ยอมมาเผาผีกัน “ฉันว่าให้เกสรมันนอนพักก่อนดีไหมแม่” พรดีพี่สาวคนโตออกความเห็น “ก็ดีเหมือนกัน” “เอ็งกินข้าวกินปลาก่อนไหม เอ็งกินยาพิษเข้าไปไม่แสบท้องแย่หรือไง” แสงเทียนถามลูก สมชายฝากคนรถมาบอกว่าเขานำเกสรส่งโรงพยาบาลเพื่อล้างท้องแล้ว แต่หมอช่วยชีวิตเธอไว้ไม่ทัน “กินก็ได้ค่ะพ่อ” เกสรบอกพ
โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก! เสียงเหมือนคนกำลังตอกตะปูจนบ้านไม้สั่นสะเทือนไปทั้งหลัง “ฮือ ๆ เกสรไม่เอ็งน่าคิดสั้นเลย ฮึก ฮือ” เสียงสะอื้นไห้อยู่ข้างกายของเธออย่างไม่รู้สาเหตุ ขนตางามงอนกะพริบถี่ค่อย ๆ เปิดม่านตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดังโครมครามและเสียงคนร้องไห้ เธอนิ่งไปชั่วขณะ ทำไมตัวเธอถึงได้มีผ้าขาวปิดหน้า สายตาเหลือบมองที่ข้อมือมีด้ายดิบสีขาวมัดข้อมือติดกันไว้ มือทั้งสองกระพุ่มไหว้พอหลวม ๆ มีดอกไม้และเทียนอย่างละคู่เธองอมือเข้าหาตัวอย่างช้า ๆ แล้วส่องดูทางปลายนิ้ว มีเหรียญห้าบาทขนาดใหญ่อยู่ในนั้นหนึ่งเหรียญ นี่มันคือ…การมัดตราสัง! เธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น แต่เหมือนตัวเองหายใจไม่สะดวกเหมือนมีอะไรอุดรูจมูกเธอไว้ เอื้อมมือทั้งสองมาดึงบางอย่างออกมา มันคือเส้นใยของผลฝ้ายสีขาวที่คนเอามาอุดจมูกตอนสิ้นใจแล้ว ก่อนหน้าเธอหายใจทางปากแต่มันก็ไม่ได้รู้สึกโล่งเพราะตอนนี้มันมี…มีเหรียญอยู่เต็มโพรงปากเธอ กชกรตัดสินใจพลิกกายนอนตะแคงแล้วคายเหรียญออกพร้อมกับสำลัก แค่ก! แค่ก! ทุกคนที่กำลังนั่งเฝ้าศพอยู่ตรงนั้นต่างเงียบและนิ่ง






Comments