ดอกแก้วมองอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองนางอย่างตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากบุรุษตรงหน้า สายตาพราวระยับที่จ้องมองมาทำให้นางต้องกลืนน้ำลายลงคอที่ตอนนี้มันแห้งผาก ก่อนจะเม้มปากแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ฟาดใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้า นางรู้ดีว่าการใช้กำลังไม่ใช่ทางออกที่ดีนักสำหรับนาง อีกฝ่ายเป็นบุรุษตัวสูงใหญ่ถึงเพียงนี้ นางคงมีแต่เสียเปรียบ ทั้งที่ความจริงอยากฟาดปากอีกฝ่ายให้เลือดกบ คิดได้เช่นนั้นใบหน้างามจึงหยัดยิ้มขึ้นเล็กน้อยซึ่งมันก็ฝืดเฝื่อนเต็มที บังคับเสียงของตนเองไม่ให้สั่นเมื่อเอ่ยกับอีกฝ่าย
"ข้าว่าคงมีการเข้าใจอะไรผิด แต่ก็ช่างเถอะเจ้าค่ะ เอาเป็นว่าข้าจะหาเงินส่วนที่เหลือมาใช้คืนท่านให้เร็วที่สุด ขอตัวเจ้าค่ะ"
กล่าวจบก็หยัดยืนขึ้นทันที แต่ไม่ทันที่นางจะได้หันหลังเดินออกไป แขนเรียวกลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยมือใหญ่ พร้อมแรงดึงเพียงนิดร่างบางก็เซถลาเข้าไปปะทะอกแกร่ง ความร้อนจากแผงอกกว้างและกลิ่นอายของบุรุษเพศเข้มข้นที่กระจายออกมาจากกายหนาของอีกฝ่าย ทำให้ทั้งร่างสั่นสะท้าน หัวใจกระตุกร้อนวูบวาบตั้งแต่ปลายเท้าจรดปลายผม
"นี่ ท่านจะทำอะไร ปล่อยนะ"
ดอกแก้วที่เอ่ยขึ้นอย่างตกใจกับความรู้สึกประหลาด ดิ้นรนให้พ้นจากการกอดรัดของอีกฝ่าย ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดหวั่นระคนหวาดกลัวให้แก่นาง ยิ่งลมหายใจผ่าวร้อนเจือกลิ่นสุราอ่อนๆ ที่เป่ารดยิ่งทำให้นางคล้ายดังถูกมอมเมา สองมือเล็กจึงยกขึ้นผลักดันไหล่กว้างเอาไว้ แต่มันกลับมิได้ช่วยอันใดเลย ความอวบอิ่มนุ่มหยุ่นของนางแนบชิดแผงอกที่แข็งด้วยมัดกล้ามจนไร้ซึ่งช่องว่าง นางสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายที่แทบจะเต้นรัวเป็นจังหวะเดียวกันกับนางจนแทบจะแยกไม่ออก
ท่าทางไม่ยินยอมของสตรีในอ้อมแขนทำให้ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างกำยำหยัดยิ้มมุมปากเอ่ยกระซิบชิดใบหูเล็ก ฉวยโอกาสสูดดมความหอมรัญจวนของสาบสาวตรงซอกคอขาวนวลเนียน ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงมากระชับตรงเอวบางและโอบแผ่นหลังเล็กแน่นขึ้น ความนุ่มละมุนใต้ฝ่ามือให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเนินเนื้อขาวฟูที่เมื่อถูกโอบรัดก็ทะลักขึ้นมาเหนือผ้าแถบผืนงาม ยิ่งทำให้เลือดลมสูบฉีดจนเขาแทบคลั่ง ลำคอแห้งผากจนต้องลอบกลืนน้ำลาย เขาชักไม่อยากได้เพียงจูบแล้วสิ
"หึหึหึ คุณหนูดอกแก้ว เจ้าช่างแสดงได้สมจริงยิ่งนัก แต่ข้าก็รู้สึกดีจริงๆ นั่นแหละ"
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้คิ้วเรียวงามขมวดมุ่น ไม่เข้าใจว่าชายผู้นี้ความถึงสิ่งใด
"พูดบ้าอันใดของท่านกัน ปล่อยข้าประเดี๋ยวนี้นะ"
แต่บุรุษผู้นี้หาได้ฟังคำของนาง ยังคงพูดในสิ่งที่ทำให้นางเลือดขึ้นหน้า
"ข้ารู้ ว่าตอนนี้เรือนของเจ้ากำลังลำบาก ข้าเพียงอยากจะช่วยเพียงเท่านั้น หากเจ้าทำให้ข้าพอใจอย่าว่าแต่เงินสองพันเลยเป็นหมื่นเป็นแสนข้าก็ให้เจ้าได้ เผลอๆ อาจจะมากกว่าที่ชายอื่นให้เจ้าเสียอีก ว่าอย่างไรเจ้าสนใจหรือไม่เล่า"
น้ำคำที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาทั้งสายตาที่ใช้มองสำรวจนาง และนางยังสัมผัสได้ถึงความร้อนของท้องนิ้วใหญ่ที่ตอนนี้มันกำลังเกลี่ยไล้เอวบางของนางแผ่วเบา ยิ่งทำให้โฉมสะคราญสั่นไปทั้งร่างเพราะความโกรธ ชายชั่วผู้นี้คิดว่านางขายตัวเช่นนั้นหรือ จิตใจโสมมไม่เหมือนหน้าตาและยศตำแหน่งเลยสักนิด
"สารเลว เป็นถึงเจ้าขุนมูลนาย ไม่นึกว่าจะต่ำทรามถึงเพียงนี้"
คำผรุสวาทที่ดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มของสตรีที่ตลอดทั้งร่างนั้นกำลังสั่นเทาอย่างโกรธจัด แต่หาได้สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้บุรุษตรงหน้าไม่ แต่เขากลับดูถูกอกถูกใจกับอารมณ์โกรธของร่างอวบอิ่มนี้เสียมากกว่า เพราะเมื่อนางโกรธลมหายใจที่ถูกระบายออกมาอย่างแรงทำให้บางส่วนบนร่างกายนางน่าดูชมยิ่งนัก
ขุนไกรที่จ้องมองเรียวปากอวบอิ่มที่กำลังด่าทอเขาราวกับต้องมนต์ นี่นางกำลังบริภาษเขาหรือร่ายมนตร์ใส่กันแน่ รู้ตัวอีกทีมือหนาของตนก็เลื่อนมาตรึงตรงท้ายทอยเล็กเสียแล้ว ก่อนริมฝีปากหนาจะตามลงไปปิดปากเล็กจนเสียงหวานๆ ที่เขาเองก็หาได้ฟังไม่ว่านางด่าเขาว่าอย่างไรบ้าง ทำเพียงละเลียดชิมความหวานอย่างตะกละตะกลาม แม้นางจะจิกเล็บลงบนลำคอแกร่งจนเจ็บแปลบเขาก็หาอาทร ยังคงดูดดึงเรียวปากอวบอิ่มนุ่มนิ่มนั้นจนมันบวมเจ่อ สอดปลายลิ้นเข้าไปฉกชิมความหอมหวานภายในอุ้งปากอุ่นอย่างบ้าคลั่ง เกี่ยวกระหวัดรัดรึงลิ้นเล็กที่ฉ่ำหวานอย่างเอาแต่ใจ แม้เจ้าของมันจะไม่ให้ความร่วมมือก็ตาม มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รับรู้ถึงรสเค็มของน้ำตาที่ไหลเข้าปาก จึงได้หยุดการกระทำทั้งหมดลง ถอนริมฝีปากหนาที่ฉ่ำวาวจากริมฝีปากแดงช้ำอย่างแสนเสียดาย และโดยไม่คาดคิดฝ่ามือเล็กก็กระทบกับข้างแก้มอย่างแรงจนชาวาบไปทั้งซีกหน้า เขาที่ตกตะลึงหูอื้อ มองร่างบางที่พรวดพราดออกจากห้องไปโดยที่รั้งเอาไว้ไม่ทัน
สายตาคมกล้ามองตามทิศทางที่แผ่นหลังบางลับหายไป มือหนายกขึ้นลูบข้างแก้มที่ตอนนี้แสบไปทั้งซีกหน้า ใช้ลิ้นหนาดุนกระพุ้งแก้มจนสัมผัสรสฝาดของเลือด แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับยกยิ้มกว้าง
"หวานฉิบหาย"
เมื่อหนุ่มสาวนั้นเข้าใจกัน ผู้ใหญ่ก็เร่งหาฤกษ์มงคลด้วยความเปรมปรีดิ์ ฤกษ์มงคลนั้นจะถึงในอีกสองเดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นฤกษ์ที่เร็วที่สุด แต่ก็ยังถือว่าช้ามากสำหรับเจ้าบ่าวที่อยากจะแต่งเสียวันพรุ่ง นั่นจึงทำให้ได้รับคำเหน็บแนมจากผู้เป็นมารดา กว่าจะถึงวันแต่งก็ได้ตกลงหมั้นหมายกันเอาไว้เสียก่อน คุณนายสายหยุดนั้นจัดเตรียมสินสอดทองหมั้นสู่ขอแม่ดอกแก้วเสียใหญ่โต ผู้คนที่เห็นของหมั้นต่างพากันอิจฉา ทั้งทรัพย์สินเงินทอง เพชรนิลจินดา ต่างถูกเรียงรายจนนับไม่หวาดไม่ไหวในระหว่างนั้นดอกแก้วนางก็ยังอาศัยอยู่ในเรือนของท่านเศรษฐีทองคำตามความต้องการของคุณนายสายหยุด แต่กลับสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับว่าที่เจ้าบ่าวที่ถูกกีดกันจากผู้เป็นมารดาไม่ให้มีโอกาสได้เข้าใกล้สตรีคนรักแม่ดอกแก้วนั้นก็ตามติดมารดาเขาไม่ยอมห่าง แม้เขาจะส่งสายตาออดอ้อนปานใดนางก็ทำเมินใส่ จนเขาอดน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้ บ่าวไพร่นั้นหรือก็ล้อมหน้าล้อมหลังไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดนางแม้แต่น้อยเห็นอาหารจานโปรดวางอยู่ตรงหน้าแต่ไม่อาจที่จะหยิบกินได้ช่างรู้สึกทรมานยิ่งนักแต่แล้วฟ้าก็เป็นใจให้กับขุนไกรในวันหนึ่งเมื่อเขาต้องเดินทางกลับพระนค
"คุณป้าเจ้าคะ"หลังจากที่ดอกแก้วนอนหลับไปตลอดทั้งวันก็เดินออกมาจากเรือนนอนตรงมาหาผู้เป็นป้า สายตานั้นสอดส่ายหาผู้ที่ช่วยชีวิต"อ้าว แม่ดอกแก้วออกมาทำไมกัน ดีขึ้นแล้วหรือลูก"คุณนายสายหยุดที่ลุกขึ้นเข้าไปประคองหญิงสาวให้มานั่งลงข้างๆ เอ่ยถามอย่างห่วงใย"ข้ามิเป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะ ว่าแต่คุณพี่กลางเล่าเจ้าคะ ข้าอยากจะขอบพระคุณคุณพี่เธอ"ดอกแก้วเอ่ยถึงเจตนาของตน นางเองก็ไม่เคยเจออีกฝ่ายมาก่อน คุณนายสายหยุดยกยิ้มขึ้นเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"พี่เขาคุยอยู่กับคุณลุงของเจ้า อยู่ในห้องหนังสือนู่นแหนะ ออ ออกมาพอดี"ดอกแก้วนางหันไปมองตามสายตาของคุณนายสายหยุด แต่กลับเห็นเพียงท่านเศรษฐีทองคำเดินออกมาเพียงผู้เดียว"แล้วพ่อกลางเล่าเจ้าคะคุณพี่"คุณนายสายหยุดเอ่ยถามผู้เป็นสามีเสียงอ่อนเสียงหวาน สายตาของคนทั้งคู่สบกันโดยที่สตรีอีกนางไม่อาจรับรู้ได้"ยังอยู่ด้านใน เห็นบ่นว่าอยากกินของหวานๆ มิรู้ว่ามารดาจะมีเมตตาหรือไม่"ท่านเศรษฐีทองคำเอ่ยคำที่บุตรชายนั้นฝากมา แล้วยิ้มกริ่มให้ภรรยา เผื่อแผ่รอยยิ้มนั้นมาถึงดอกแก้ว"รักษาตัวดีๆ หนาแม่ดอกแก้วลุงเป็นห่วง"ท่านเศรษฐีทองคำเอ่ยกับนางอย่างห่วงใย ท่านคงหมายถึ
"แม่ดอกแก้ว ตื่นแล้วหรือเป็นเช่นไรบ้าง"คุณนายสายหยุดเอ่ยถามร่างบอบบางของสตรีที่ยันกายขึ้นโดยการประคองของบ่าวของนาง นั่งพิงพนักหัวเตียง ใบหน้างามนั้นดูดีขึ้นมามากแล้ว มิได้ซีดเซียวเช่นตอนที่ไม่ได้สติดอกแก้วหันมาหาเจ้าของเรือนที่ใช้สายตามองมายังตนอย่างห่วงใย ใบหน้าของอีกฝ่ายทำให้นางชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านั้นช่างคล้ายคลึงกับใครบางคนเสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป นางคงคิดถึงเขาจนเลอะเลือน ก่อนจะเอ่ยตอบเจ้าของคำถามด้วยน้ำเสียงแหบโหยเกรงอกเกรงใจ ยกมือกระพุ่มตรงกลางอกอย่างงดงามเอ่ยขอลุแก่โทษที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเป็นห่วง จนคนฟังนึกเอ็นดู"คุณป้า ข้าไม่เป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะ ข้าขออภัยเจ้าค่ะที่ทำให้คุณป้าต้องร้อนใจ""โถ แม่เจ้าประคุณ ขวัญเอยขวัญมานะลูก แม่ดอกแก้วคงจักตกใจไม่น้อย"คุณนายสายหยุดยกฝ่ามืออ่อนนุ่มขึ้นลูบหัวทุยเล็กที่มีเส้นผมหนานุ่มปกคลุมอย่างรักใคร่ กล่าวอย่างเอื้อเอ็นดู แม่หญิงนางนี้กิริยามารยาทล้วนงดงาม หน้าตาหรือก็สะสวยเหมือนกับผู้เป็นสหายของตนมิมีผิดเพี้ยนดอกแก้วทำเพียงยิ้มอ่อนส่งไปให้ ยอมรับว่านางนั้นทั้งหวาดกลัวและตกใจมากจริงๆ"ถือว่าพระท่านยัง
หลายวันมานี้ขุนไกรมาทำงานด้วยจิตใจที่หม่นหมอง เขาให้คนของตนสืบข่าวเรื่องของนางก็ไร้ผล นางเงียบหายไปราวกับไม่อยากจะพบหน้าเขาอีก เหตุใดนางถึงไม่ให้โอกาสเขาได้อธิบาย ท่าทางเซื่องซึมของอีกฝ่ายนั้น ทำให้เพื่อนร่วมงานนั้นต่างเป็นห่วง"ท่านขุนขอรับ มีจดหมายถึงท่านขอรับ"ขุนไกรปรายตามองเสมียนผู้นำจดหมายมาให้เพียงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายวางมันลง"ขอบใจ"เขามองจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะเพียงเล็กน้อย ชื่อที่จ่าอยู่หน้าซองทำให้เขาระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เป็นจดหมายจากแม่เล็กน้องสาวของเขาที่ส่งมา มือหนายื่นออกไปหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านอย่างไร้อารมณ์ เขานั้นเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายคงจะกลับเรือนและผู้เป็นมารดาบังคับให้อีกฝ่ายเขียนจดหมายถึงเขาเหมือนทุกทีขุนไกรอ่านจดหมายในมืออย่างเลื่อนลอยไล่สายตาอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง"ขุนไกร"เสียงเอ่ยเรียกที่ดังขึ้นทำให้ขุนไกรต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงนั้น"ขุนพันมีอันใดหรือ"บุรุษตรงหน้าคือหนึ่งในสหายของเขาที่ทำงานอยู่ในสังกัดเดียวกัน"ไม่มีอันใดหรอก เพียงเห็นว่าท่านดูเครียดๆ หากมีอันใดให้ช่วยก็บอกได้นะ""อืม ขอบใจมาก"เอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายแล้วจึงก้มลงมองจดหมายในม
วันหยุดวันนี้ไม่ได้สุขสมชื่นมื่นดังที่คิด ขุนไกรเมามายหัวราน้ำตั้งแต่เมื่อวานหลังจากที่กลับจากเรือนของคุณพระสรเดช เมื่อคืนนี้เขามิรู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกตัวมาอีกที ตอนนี้ดวงตะวันก็ขึ้นตรงหัวแสงสว่างสาดส่องเข้ามาแยงตาเสียแล้ว แต่ทว่าเขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรแม้แต่น้อย ยังคงคว้าขวดเหล้าขึ้นมาดื่ม ใบหน้าคร้ามคมนั้นหมองหม่นเศร้าซึมเสียงเคลื่อนไหวภายนอกที่ดังขึ้น ทำให้ขุนไกรชะงักมือที่ถือขวดสุรา หันไปมองตามต้นเสียงด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ก่อนเสียงฝีเท้าจะดังชัดเจนขึ้น"แม่ดอกแก้ว แม่ดอกแก้วใช่หรือไม่"ขุนไกรที่เอ่ยออกมาแผ่วเบา ต้องเป็นนางที่กลับมาหาเขา ใบหน้าหล่อเหลาจึงยกยิ้มขึ้นอย่างยินดีแต่เงาร่างบอบบางของสตรีที่มาปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ใบหน้าที่รู้สึกยินดีในตอนแรกหม่นหมองลง"มิเชล มีอันใดหรือ"ขุนไกรเอ่ยทักทายสตรีตรงหน้า ก่อนจะยกขวดสุราขึ้นดื่มอีกครั้ง หัวใจที่พองโตเมื่อครู่เล็กแฟบลงทันตามิเชลมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยความเสน่หา เยื้องย่างเข้าไปหาอีกฝ่าย เมื่อนางได้รับรู้ว่าสตรีนางนั้นได้หนีไปจากขุนไกรนางก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก สิ่งที่นางได้ทำถือว่าประสบผลสำเร็
ดอกแก้วนางเก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเตรียมเอาไว้เพื่อที่จะเดินทางในวันพรุ่งนี้ ซึ่งพรุ่งนี้นั้นนางก็ได้นัดหมายกับชายผู้นั้นเอาไว้เช่นกัน คืนนี้กว่านางจะข่มตาให้หลับลงได้ก็ต้องเสียน้ำตาไปอีกมากมาย นางคิดเอาไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะทำอาหารไปให้อีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายและจะถือโอกาสนำเงินไปคืนเขาวันรุ่งขึ้นนางลุกขึ้นจัดเตรียมอาหารตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะคุณป้าสายหยุดจะมารับนางตอนสายๆ เมื่อสำรับอาหารเสร็จเรียบร้อยจึงได้ออกจากเรือนไป และนางได้นำเงินที่คุณป้าสายหยุดให้มาไปส่งคืนให้อีกฝ่ายด้วย เมื่อนางไปถึงก็พบว่าเขานั้นได้ออกไปทำงานแล้ว ซึ่งนางก็ได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว นางไม่อยากจะเจอหน้าเขา ไม่อยากให้เขาหลอกนางซ้ำๆ ซากๆ นางกวาดตามองเรือนที่อยู่อาศัยร่วมสามเดือนด้วยความเจ็บปวด น้ำตาเอ่อคลอดวงตา นางเลือกที่จะเก็บเพียงความทรงจำดีๆ เอาไว้ ก่อนจะตัดสินใจวางซองเงินบนเตียงนอนกว้าง หากเขากลับมาจะได้สังเกตเห็นมัน ก่อนจะเขียนข้อความถึงอีกฝ่าย เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้มิต้องลังเลหากจะลาเขาโดยตรง ต่อแต่นี้ไปเขาจะได้ไม่ต้องลำบากใจอีก"ลาก่อน"ระหว่างเขาและนางคงจบสิ้นกันเสียทีดอกแก้วนางเดินออก