Share

3. สะดุดกลางใจ

last update Last Updated: 2024-02-18 00:36:10

คำโปรย

ศรัทธาด้วยหัวใจ ไยฤา...มิไขว่คว้า

----------------

“คุณอยู่ไม่ห่าง...เท่าไหร่ เดี๋ยวผมจะไปส่งเอง...” ชายหนุ่มจ้องแววตาสีน้ำตาลใสกลมโตดุจแก้วตาเสือที่เห็นซี่เล็กๆ อยู่รอบขอบตาดำด้านนอกที่โตเกือบเต็มจอ

ชายหนุ่มไม่ละสายตายังจดจ้องแววตาคู่นั้น แต่ใจกลับจมไปกับภาพเก่าๆ ของอดีตคนรักที่โผล่ขึ้นมาราวกับว่าเธอยังไม่จากเขาไปไหน พิมพ์ชญาชอบเปลี่ยนสีแก้วตาด้วยการใช้คอนแทคเลนส์ สี dolla brown ที่เธอชื่นชอบมักถูกสั่งซื้อโดยฝากชายหนุ่มสั่งจากเพื่อนที่เมืองไทยส่งมาให้อยู่เป็นประจำ

“อะ...เออ คุณใส่คอนแทคเลนส์รึ” บุรณีถลึงตาใส่ชายหนุ่ม

แต่ตอนนี้เธอเห็นแววตาที่กร้าวมาตลอดจากที่เกิดเหตุจนถึงที่นี่ มันเริ่มฉายแววอบอุ่นที่ซ่อนลึกอยู่ข้างในออกมา

“โอ๊ย...จะบ้าตาย นายนี่...หัดรู้กาลเทศะบ้าง...ก็ดีนะ” บุรณีสั่งสอนเขาเหมือนเป็นน้องชาย

“เอาล่ะ...จะออกกันกี่โมงดี” เขาเปลี่ยนเรื่องทันควัน ไม่อยากต่อคำกับเธอ ซึ่งท่าทางและคำพูดคำจาบอกเลยว่า เธอไม่ใช่สาวน้อยกุ๊กกิ๊กที่จะมาล้อเล่น ยิ่งสายตาที่สาดใส่ตอนเขามองท่าทีเธอตอกกลับขณะอยู่ในรถ...ประหนึ่งเสือชีต้าเพรียวลมพร้อมกระโจนขย้ำคอเขาได้...เธอแตกต่างจากพิมพ์ชญา ที่ทั้งดุทั้งสั่งสอนราวกับคุรุ

“Dottore  หมอสั่งให้ฉันนอนพักสักชั่วโมงนึง...”

“โทรบอกที่บ้าน...ก่อนดีไหม”

“Mamma mia …โอ๊ย แม่เจ้า...ฉันสายมากจริงๆ” บุรณีอุทาน ลืมไปว่าตอนนี้มันเกือบสี่โมง ถ้าขืนพักอีกหนึ่งชั่วโมง เธอจะกลับถึงบ้านเกือบหนึ่งทุ่ม

“มือถือฉัน มันคงตกอยู่ที่ร้านนั่น...” หญิงสาวทำตาโตหวาดผวา ใจสั่น...มือไม้รีบควานหา แต่มันคืออากาศธาตุรอบเตียงคนไข้ กระเป๋าถือหายไปจากห้วงจิตสำนึกตอนไหนบุรณีปะติดปะต่อภาพจิกซอนั้นไม่ได้เลย สมาธิที่ควบคุมจิตมันเตลิดกระเจิดกระเจิงไปช่วงที่เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว

“อย่ากลับไปอีก ผมเตือน... จำไว้ด้วยล่ะ!!!” ชายหนุ่มกระชากเสียงหนักลงท้าย

“โห...สั่ง  อย่าง...ฉันนี่!!!...จะเชื่อเหอะ  รู้ไหมชั้นในแบรนด์แบบนั้น ฉันฝันมาเป็นชาติ หลายปีดูแต่ภาพจากเว็บ...เก็บเงินกว่าจะซื้อได้...” บุรณีเสียงเบาหงอยๆ ตอนประโยคลงท้าย

“La Perla  แค่ ลา เพอร์ลา ...จะหามาให้” น้ำเสียงห้วนๆ ทำบุรณีค้อนขวับ เธอคิดว่าหนุ่มคนนี้พื้นฐานธรรมชาติไม่น่าใช่คนก้าวร้าวอะไรมากมาย ดูมาดแล้วเขาน่าจะอบอุ่นมากกว่าเย็นชาไร้หัวใจเช่นที่แสดงออกมา

“ไปเถอะ... หมอจี คงติดคนไข้หลายคน ดีโนก็อาการสาหัส...เฮ้อ” ชายหนุ่มหมายถึง Dott. Gino ดอตตอร์ จีโน เพื่อนของเขาที่ยังวุ่นวายกับอาการของหนุ่มที่เคราะห์ร้ายคนนั้น

ขณะที่รอหญิงสาวตามมาขึ้นรถพันธ์ศักดิ์ค้นหาตำแหน่งบ้านของบุรณีจากในแผนที่ตรงจอหน้าแผงคอนโซลในรถแวนสีดำกันกระสุนคันที่ขับมา

“โอ๊ย...   พรึ้บบ...” มีเสียงร้องดังขณะหญิงสาวกำลังลุกขึ้นอย่างโซเซ...ตามด้วยเสียงก้นกระแทกกลับนั่งลงไปบนรถเข็นอีกครั้ง บุรุษผิวเข้มที่ทำหน้าที่เข็นรถมาส่งคว้าเธอไว้เกือบไม่ทัน

“เอ้า...เป็นอะไรนั่น” ชายหนุ่มเดินกลับมาดูหน้าตายู่ยี่แดงก่ำของบุรณี เธอร้องครางเพิ่งมารู้ตัวเพราะข้อเท้าซ้ายที่พลิกตอนวิ่งหนีออกมา ขณะนี้น่าจะเริ่มระบม

เขาเอามือไปจับข้อเท้าของหญิงสาวเห็นมันบวมแดงโตเท่าลูกมะนาว ฝ่ามือที่กำลังลูบคลึงยิ่งทำให้เธอร้องโอยและเบี่ยงหนีทำให้หัวเข่าของเธอเด้งไปกระแทกโดนโหนกแก้มของเขาจนได้ พันธ์ศักดิ์ทั้งอายทั้งโกรธ แต่เห็นหนุ่มผู้ช่วยพยาบาลมองยิ้มๆ เหมือนเขาเป็นตัวตลก ชายหนุ่มจึงเอ่ยกลบเกลื่อนด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองแบบเขินๆ

“เดี๋ยวผม...อุ้มเธอไปที่รถเอง”

“เฮ้ย...ฉันเดินเองได้...” บุรณีหันไปพูดอิตาเลียนขอร้องให้หนุ่มผิวเข้มช่วยพยุงเธอไปที่รถ แต่พันธ์ศักดิ์รีบเข้ามาคว้าเอวเธอแล้วเอามือช้อนใต้ขาทั้งสองข้างอุ้มเธอ เดินฉับฉับไปที่รถ จากนั้นก็โยนเธอลงไปด้านหลังที่เขาเปิดประตูรอไว้แล้ว

“เอ้า...Signora คุณนาย เชิญนอนตามสบาย” เขาทำหน้ามุ่ยเปิดประตูคนขับแล้วกดคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็วราวพายุ

“แล้วยาแก้ปวด แก้อักเสบมีไหม...” ชายหนุ่มเริ่มนึกขึ้นได้ขณะขับมาเกือบครึ่งทางก่อนถึงบ้านเธอแถวหมู่บ้านในโมนิโตลา

“คงมีอยู่ล่ะ...ไม่ลำบากนายหรอก” บุรณีพูดเบาๆ เธอถอนหายใจนึกย้อนว่าทำไมถึงได้เฉยไม่บอกหมอว่ามีอาการเจ็บตรงไหน ได้แต่ส่ายหน้าตอนที่ผู้ช่วยพยาบาลถามอาการต่างๆ เธอกลับไม่รู้สึกว่าข้อเท้ามีปัญหา คงด้วยอาการช็อกและพิษระบมของกล้ามเนื้อยังไม่เริ่มแสดงอาการ

“ทำไม...คุณถึงไม่เป็นอะไรเลย กระสุนไม่เฉียดผิว...แปลกพิลึก” ชายหนุ่มเอ่ยถามลอยๆ แต่เหลือบมองดูหน้าหญิงสาวคนนี้จากกระจกหลังว่าเธอจะตอบเขาอย่างไร

“คงมีพระดีมั๊ง...”

“ฮ่ะ...อ่า  มีของดีนี่เอง” ชายหนุ่มเหลือบดูกระจกอีกครั้ง จ้องประกายแววตาที่สะท้อนออกมาซึ่งเธอน่าจะเชื่อมั่นศรัทธาอะไรบางอย่าง

“ผมไม่เห็นคุณห้อยพระอะไร...” พันธ์ศักดิ์นึกสงสัย เพราะตอนที่อยู่ในห้องลองเสื้อที่ร้าน ไม่เห็นเธอสวมสร้อยคอ

“ฉันท่องคาถา...น่ะ”

“เหรอ...ครับบบ คาถาอะไร ขอเอาไปท่องมั่ง” ชายหนุ่มหยอกเล่นไปอย่างนั้น

“ขอพระเจ้าผ่านนักบุญ...น่ะ” หญิงสาวตอบเฉยๆ ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องจริงจังสำหรับชายหนุ่ม

“คุณเป็นคาทอลิก???!!!” เขาเอ่ยไม่เชิงยิงคำถาม เพราะเขาเองไม่ค่อยนับถือศาสนาจริงจัง จะกลับไปบวชก็ยังรีๆ รอๆ

“จะ...ยังไงดีล่ะ” บุรณีไม่อยากสาธยายเพราะความเชื่อของเธอยืดยาว

“ต้องคิด...แล้วค่อยมาบอกก็ได้นะ พรุ่งนี้ผมจะมารับ”

“ไปไหน...ฉันมีธุระต้องจัดการ”

“ไปซื้อของที่อยากได้...ชุดชั้นในไง...” เขาพูดสั้นๆ ขณะจอดรถใต้ต้นไม้หน้าบ้านแล้วกำลังเปิดประตูด้านหลัง

“มา...ผมอุ้มคุณไปส่งหน้าประตู กินข้าวเยอะกว่านี้หน่อยก็ดี ตัวเบาโหวง” ชายหนุ่มส่งแววตากรุ้มกริ่ม

“เออ...เออ...จะมารับกี่โมง” บุรณีหน้าแดงเปลี่ยนเรื่อง

“สิบโมงดีไหม...เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลย ผม...พันธ์ศักดิ์ เรียก ‘พัน’ หรือ แพนด้าก็ได้ ถ้าชอบกอดหมี” เขารีรอเพื่อฟังว่าเธอชื่ออะไร

“บุรณี...เรียก ‘ลาร่า’ (Lara) ตามแม่สามีฉันล่ะกัน”

“ดูไม่ร่าเริง...เหมือนชื่อเลยยยย” ชายหนุ่มลากเสียงกลั้วหัวเราะ แล้วเดินกลับไปที่รถ ก่อนจะขึ้นรถสตาร์ทก็ยังหันหลังกลับมาทำท่า ‘บายบาย’ ทำเอาเธออมยิ้มหน้าแดง

----------------

รุ่งขึ้นพันธ์ศักดิ์มารอรับบุรณีที่หน้าบ้านก่อนสิบโมงเล็กน้อย เขาเดินเกร่ไปมาชมความงดงามของบรรยากาศแห่งต้นฤดูใบไม้ร่วง บริเวณโดยรอบใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวค่อยกลายเป็นสีเหลือง บางต้นเริ่มเป็นสีน้ำตาลจางๆ เขามองไปยังเนินเขาลูกเตี้ยๆ ไล่เรียงเลยออกไป สีน้ำตาลอมฟ้าหม่นเทาคราพระอาทิตย์ยังไม่สูงเลยจากขอบฟ้าไปจรดเมฆ ช่างเหมือนภาพสีน้ำแต่งแต้มของพวกศิลปินโบราณ

แม่สามีได้ยินเสียงกดกริ่งจึงเดินออกมาเปิดประตู และยิ้มทักทาย Ciao Ciao สวัสดีชายหนุ่มเป็นภาษาอิตาเลียน นางหันกลับไปเพื่อส่งเสียงบอกหญิงสาวว่ามีคนมาหา พันธ์ศักดิ์ฟังภาษาที่นี่ไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาอยู่ยังไม่นานและไม่อยากเรียนรู้สักเท่าไหร่ เรื่องภาษาเป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับชายหนุ่ม เขานึกถึงคำพูดของอดีตคนรัก

“ศรัทธาด้วยหัวใจ ไยฤา...มิไขว่คว้า” พิมพ์ชญาเปิดหนังสือเล่มหนึ่งที่ชอบอ่านและแปลให้เขาฟังด้วยคำที่กลั่นกรองอย่างสวยงาม ปรัชญาเหล่านั้นสื่อถึงจิตวิญญาณของคนเรา

เธอบอกเขาว่า ไม่ว่าจะลงมือทำอะไรเราต้องเชื่อและศรัทธาก่อน จากนั้นมันจะไขว่คว้าไปให้ถึงจนได้

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับภาษาเนี่ย” ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด

“เอ้า...ก็เชื่อว่าทำได้ พูดได้ ก็เป็นเองแหละ” อดีตคนรักมองหน้าเขาอย่างขำขำ

จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สนใจที่จะเรียนรู้กับมัน พูดแบบงูๆ ปลาๆ ภาษานี้มันมีเพศชายเพศหญิง ดูตลกสิ้นดี สิ่งของอะไรต่างๆ ต้องจำเพศไม่อย่างนั้นก็ใช้ไม่ถูก ยุ่งยากสำหรับเขามาก หมอจีเคยบอกเขาติดตลกว่า เวลานึกเพศไม่ออกก็ใช้มั่วๆ ไป ขนาดคนที่นี่ก็พูดผิดๆ ถูกๆ ภาษาเขียนนี่ยากมากสำหรับชายหนุ่ม เขามาเรียนหลักสูตรนี้ก็เพราะมันเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจริงๆ เขาเองก็ไม่เคยเป็นนักเรียนนอกจะมาใช้ภาษาหรูหราอะไรได้

บุรณีเดินขากะเผลกๆ เปิดประตูหลัง แต่ชายหนุ่มเปิดประตูข้างคนขับให้เธอนั่งข้าง

“อย่ามากเรื่อง วันนี้ไม่ใช่คุณนาย”

“ได้...เราจะไปไหนกัน ร้านเดิมคงไม่ได้แล้ว”

“ไม่หรอก ผมจะพาไปห้องเสื้อที่ผมออกแบบให้” บุรณีมองหน้าชายหนุ่มอย่างงุนงง คำตอบของเขาทำให้เธอประหลาดใจมาก

“ทำไม...คนอย่างผมทำพวกนี้...ไม่ได้รึ” เขาพูดขึ้นขณะขับรถออกไป

“ปะ...เปล่า...ฉันแค่...มองว่า นายน่าจะเป็นนักฆ่ามากกว่านักออกแบบ”

บุรณีหันไปมองด้านข้างเห็นเขาขบกรามจนแก้มนูน คำพูดเธอคงจะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวจากเมื่อวานทวีขึ้น

“ว่ามา...คุณเป็นคริสตัง???” เขาเปลี่ยนเรื่องทันทีเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์

“เปล๊า...” เธอตอบเสียงสูงกวนๆ

“เอ้า...แล้วไง”

“...แม่ฉันเป็นคนลาวมาแต่งงานกับพ่อที่เป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-ไทยที่หนองคาย ฉันเลยเหมือนลูกผสม นับถือทุกอย่างที่บ้านบอกว่าดี” เธอหวนนึกถึงภาพครั้งเป็นเด็กหน้าตาลูกเสี้ยวผสมนิดผสมหน่อย จนญาติพี่น้องบอกว่าไม่เลวนัก

“มิน่าล่ะ...หน้าตาเข้าท่า...ออกแนวๆ คนที่นี้”

“ใช่ คนที่นี่...ว่าฉันเป็นลูกครึ่งอิตาเลียน”

“ท่องคาถาอะไรเมื่อวาน” ชายหนุ่มรู้สึกสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ

“นึกถึงนักบุญโยเซฟเวลามีภัยอะไร และ...” พันธ์ศักดิ์พูดแทรกขณะที่เธอพูดยังไม่ทันจบ

“โอ๊ะ...โอ... แล้ววันนั้นคุณนึกถึงท่านเหรอ”

“ไม่เลย...ช็อก...จนขี้กระจายขึ้นสมอง”

พันธ์ศักดิ์ระเบิดหัวเราะเสียงดังกลบเพลงเบาๆ ที่กำลังเปิดคลออยู่ในรถ

“บ้า...ทำฉันใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม...หายใจไม่ทั่วท้อง”

“ไม่จริง...คุณทำผมใจสั่นวาบหวิวมากกว่า...” เขาอมยิ้มกริ่มตาหวานเยิ้มเมื่อนึกถึงกลิ่นลมหายใจและเสียงรัญจวนออกจากริมฝีปากของเธอเมื่อวันวาน

“ประสาท...Merde” บุรณีด่าเป็นคำอิตาเลียน

“ผมว่า...เรากำลังถูกตาม!!!” เสียงเตือนของชายหนุ่มทำลายความเงียบ ใจเธอเต้นตูมตามแทบระเบิดจนคนข้างๆ น่าจะได้ยิน

“Mamma mia …โอ...แม่เจ้า” หญิงสาวยกมือทำเครื่องหมายกางเขน พระบิดา พระบุตร พระจิต (Sign of the Cross)

ทันใด...ระบบเสียงสั่งการ ดังพร้อมสัญญาณ

“เปิดเกราะกันกระสุนควอนตัม”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สะดุด (กลางใจ) ยัยเฒ่า   30. เพื่อเราสอง

    คำโปรย พระเจ้าจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ ไม่ว่าวันนั้นที่เราทุกข์ที่สุด พระองค์จะไม่เคยทอดทิ้งเรา----------------บุรณีพยายามทำตามคำแนะนำของพันธ์ศักดิ์โดยจะไม่โต้เถียงใดๆ ต่อหน้าครอบครัวและคนงานของชายหนุ่ม เธอไม่อยากขัดคำสั่งของย่าที่คอยตักเตือนมาบ่อยๆ ผ่านทางไลน์ของพ่อ เธอจะให้เกียรติเขาในฐานะสามีซึ่งลูก้าเองพยายามจะเปลี่ยนสรรพนามให้เขากลายเป็นพ่อ แต่ชายหนุ่มบอกหนุ่มน้อยว่าไม่เป็นไรให้เรียกตามเดิมตั้งแต่ต้น ประมาณต้นเดือนธันวาคมป้ายชื่อของผู้ลงทะเบียนจองห้องพักที่ได้สั่งทำเป็นเครื่องไม้เอาผ้าทอลายไทลื้อไปหุ้มไว้ถูกส่งมาที่สำนักงานของไร่ บุรณีมาช่วยคัดรายชื่อและจัดเตรียมห้องพักซึ่งจะลงทำผังผู้จองว่าคนใดควรลงห้องพักหมายเลขใด เธอเห็นป้ายชื่อตัวอักษรภาษาอังกฤษ Burani Benroze หญิงสาวตกใจว่าเธอลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลยตั้งแต่ลงทะเบียนวันนั้นที่สถาบันของเดช ชายหนุ่มแนะนำว่าบุรณีควรพาครอบครัวมาเที่ยวที่นี่ เขาได้รับวิดีทัศน์โฆษณาทางออนไลน์ที่โปรโมตค่าจองที่พักล่วงหน้าลดเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ เธอได้ให้เดชช่วยจองให้อย่างหวุดหวิดเกือบไม่ทันเวลา คืนนั้นเธอจึงถามเขาว่าได้ที่อยู่ของเธอจากที่ใดจึงตามไปถึ

  • สะดุด (กลางใจ) ยัยเฒ่า   29. สาวมั่น (แทบไม่) รอด

    คำโปรย เราไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีงาม นี่เป็นความรักระหว่างเราสองคน ให้ฟ้าดินเป็นพยาน...ว่าได้ครอบครองกัน----------------เช้าวันรุ่งขึ้นย่าขอให้พ่อกับแม่มาทำพิธีผูกข้อมือรับขวัญพันธ์ศักดิ์ ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมายแค่เฉพาะคนในบ้าน ย่าบอกว่าอายคนอื่นเพราะบุรณีเคยมีสามีมาแล้ว จะแต่งงานใหม่ก็ดูยังไม่เข้าท่าเข้าทางว่าที่เจ้าบ่าวดูเด็กกว่ามาก ย่าคงไม่อยากให้ครอบครัวตกเป็นขี้ปากชาวบ้านในชุมชนแถบนั้น ตอนเธอเป็นหม้ายกลับบ้านมายังถูกซุบซิบนินทามาตลอด เพื่อนๆ เคยเห็นว่าเธอเป็นคนเรียบร้อยหัวโบราณชอบสั่งสอน แต่พอเอาเข้าจริงเธอกลับไม่ใช่แบบที่ทุกคนคิด“แม่...ฉันว่ามันยังไงอยู่นะ ทำแบบนี้เหมือนยัยเฒ่ามันอยู่กับเขามานานแล้ว...” แม่ของบุรณีไปกระซิบย่าอย่างไม่เห็นด้วย“นี่...แกดีกว่ามันหรือไง อย่าให้ฉันพูดนะจะอายลูก” ย่าพูดเสียงดัง จนชายหนุ่มมองหน้าย่าอย่างสงสัย“ไป...ดูว่านางลูกสาวแกมันแต่งตัวพองามหรือยัง ลงมาแค่อวยพรพวกเขา และพ่อหนุ่มจะได้กลับบ้าน เขามีงานมีการต้องกลับไปทำ...เสียเวลาเขาหลายวันแล้ว” ย่าไล่ให้แม่ขึ้นไปเรียกบุรณีหญิงสาวเดินลงมาพอดี ถูกย่ามองอย่างหมั่นไส้“ทั้งคู่ไปกราบพระที่ห้องพระก่อน

  • สะดุด (กลางใจ) ยัยเฒ่า   28. ไร่เทียมฟ้าภูลังกา

    คำโปรย เงินทอง...ไม่มีหาใหม่ได้เสมอแต่รักแท้ไม่ใช่หากันได้ง่ายๆ----------------บุรณีพาลูก้าและพันธ์ศักดิ์ไปเดินเที่ยวชมตลาดนัดตอนเย็นหลังออกจากสถาบัน เธอพาชายหนุ่มไปรู้จักญาติคนที่แนะนำเดชให้มาดูตัวเธอ เรไรเป็นญาติผู้น้องของบุรณีสายทางย่าของเธอซึ่งเป็นน้องสาวย่าแสงคำของหญิงสาว เธออายุอ่อนกว่าบุรณีสามปีและยังโสดไม่ยอมแต่งงานกับใครแม้มีหนุ่มมามองอยู่หลายคนก็ตาม ร้านของเธออยู่ในบริเวณตลาดนัดริมโขงขายผ้าไหมอีสานซึ่งบุรณีเคยพาเพื่อนๆ มาอุดหนุนอยู่บ่อยๆ “เรไร...นี่พันธ์ศักดิ์...รู้จักกันที่อิตาลี มาขอดูผ้าไหมเผื่อซื้อกลับไปเป็นของฝาก” หญิงสาวแนะนำเขากับเรไร“ได้เลย...เดี๋ยวคืนนี้ไปกินข้าวด้วยนะ สนใจผ้าผืนไหนให้เด็กไปเอามาให้เลือกได้เลย” เรไรพูดทักทายเพียงไม่นาน เธอต้องไปทำธุระหลังร้าน วันนี้เธอยุ่งวุ่นวายกับพ่อค้าขายส่ง“ลาร่า...ผมว่าผ้าไทลื้อที่ผมออกแบบส่งมาขายที่นี่ได้ไหม...” ชายหนุ่มมองเห็นโอกาสเพราะหนองคายเป็นจังหวัดติดชายแดนไทย-ลาว“ได้สิ... คืนนี้คุยกับเธอเลย...เราไปส่งลูก้าให้กลับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนย่า แล้วค่อยออกมากินข้าวกับเธอ” บุรณีตะโกนลาญาติของเธอและบอกว่าหนึ่งทุ่มจะมารับบ

  • สะดุด (กลางใจ) ยัยเฒ่า   27. หนุ่มอัลฟ่า VS สาวซีต้า

    คำโปรย แม้รักใครบางคน แต่เลือกที่จะจากกันไป แม้คิดถึงกันเพียงใด แต่ยังเลือกที่จะไม่พบกัน----------------พันธ์ศักดิ์บินกลับเมืองไทยทันทีหลังจากหมอจีอนุญาตให้กลับได้หลังจากพักฟื้นเกือบครึ่งปี ช่วงพักฟื้นชายหนุ่มมีกิจกรรมเช่าเรือยอร์ชขับท่องเที่ยวในทะเลสาบโคโม ถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เขาคลายความปวดร้าวในจิตใจลงไปได้ อาการซึมเศร้าของชายหนุ่มดีขึ้นเมื่อแม่จันทนาโทรศัพท์มาทุกวันพูดคุยเล่าเรื่องราวทางบ้านให้เขาฟัง “แม่ครับ...ผมจะถึงกรุงเทพอาทิตย์นี้ และต่อลงเชียงใหม่เลย ผมขอพักเชียงใหม่หนึ่งคืน ให้ลุงถมช่วยมารับผมที่เชียงใหม่ ทุกคนรอที่บ้านนะครับ” เขาแจ้งกำหนดคร่าวๆ ให้แม่รับรู้ “ป้าคำดี...เปิ้นรอทำกับข้าวเมืองต้อนรับนะลูก รีบกลับมากินให้เปิ้นชื่นใจ” แม่จันทนาพูดถึงแม่ครัวของที่ไร่ซึ่งฝีมือทำอาหารเหนือที่ชายหนุ่มติดใจมาตั้งแต่เล็กๆแม่ของเขาไม่ใช่คนเหนือได้แต่งงานกับพ่อของพันธ์ศักดิ์แล้วมาช่วยกันแปลงที่ดินรอบบ้าน 50 ไร่ให้กลายเป็นรีสอร์ตขนาดย่อมในอำเภอเชียงคำ เขาเกิดที่นี่และเติบโตกลายเป็นคนเหนือของท้องถิ่นนี้ รับช่วงกิจการของครอบครัวจากมรดกที่พ่อทิ้งไว้ ห้าปีที่แล้วพ่อจากไปทำให้เขาซึม

  • สะดุด (กลางใจ) ยัยเฒ่า   26. สุนทรียบำบัด

    คำโปรย พลังของการเยียวยา...ไม่ว่าความเจ็บปวดใด... ลบล้างมลทินได้ด้วยกาลเวลาแห่งสุนทรียะของความสัมพันธ์----------------บุรณี ลูก้าและมัมมา ถูกส่งเข้าแอดมิตที่โรงพยาบาลในโรมจากอาการบาดเจ็บและปวดร้าวทั่วร่างกาย ทั้งยังจิตใจที่ต้องได้รับการเยียวยา ครอบครัวเธอได้รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเกือบหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่เธอจะออกจากโรงพยาบาล หมอจีติดต่อเข้ามาเยี่ยมดูอาการและพูดคุยกับหญิงสาว“Ciao ลาร่า...หน้าตาดูดีขึ้นแล้วนะเนี่ย...เอ่อ...ปุนโต อาการดีขึ้นแล้ว แต่ผมอยากให้เขาย้ายไปโคโมพักฟื้นสักระยะหนึ่งในบ้านหลังที่คุณเคยอยู่ ก่อนที่เขาจะกลับเมืองไทย จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจให้เขารู้สึกดีขึ้นกับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา” หมอจียิ้มอารมณ์ดีเมื่อมองหน้าหญิงสาวที่มีสีเลือดฝาดบางๆ ที่แก้มของเธอ เขานิ่งรอฟังเสียงของเธอว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับข่าวคราวของพันธ์ศักดิ์“ฝากดูแลเขาด้วยค่ะ...ฉันคงไม่ได้กลับไปเจอเขาอีกแล้ว จะจัดการเรื่องของเขาให้เรียบร้อย บอกเขาด้วยนะคะ ไม่ต้องกังวล” เสียงของเธอดูเซื่องซึมเชื่องช้า ใจเหี่ยวแห้ง เธอไม่มีโอกาสบอกลาเขาด้วยซ้ำ“เอ้า...ไม่ไปเจอกันหน่อยรึ…!!! พอเขาเริ่มฟื้นมีสติพูดค

  • สะดุด (กลางใจ) ยัยเฒ่า   25. จู่โจม (รังมาเฟีย)

    คำโปรย ฝันอยากให้คนคนนั้นเข้ามาในชีวิต...ตลอดไป ----------------บุรณีกำลังถูกมาเฟียสูงวัยโอบฟัดร่างด้วยฝ่ามือแข็งประดุจเหล็กกล้า และจากความแรงราวลูกตุ้มเหล็กเหวี่ยงเธอล้มลงบนที่นอนเสียงดังตึงจนเธอรู้สึกปวดแปลบที่สะโพกร้าวถึงอุ้มเชิงกรานแทบทนไม่ไหว น้ำตาของหญิงสาวเริ่มไหลพรากด้วยทนเจ็บระบมมากมายเหลือเกิน ตลอดทั้งสัปดาห์มานี้เธออดทนกับความเจ็บปวดขนาดนี้ได้อย่างไร ขณะนี้อาการของมันยิ่งกำเริบหนักเป็นทบทวีทันใดนั้นเอง...เสียงดัง โครม...ตึง...ตึง...ปัง ราวฟ้าถล่ม จากการกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง ประตูถูกพังเข้ามาอย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้า“แบร์โด...เร็ว!!! เอานางไปด้วย...Ora…เดี๋ยวนี้ AM polizia หน่วยปราบปรามเต็มไปหมดแล้ว ลงบันไดหนีไฟ โจเช่รอนายอยู่ด้านหลัง ฉันจะยิงดักทางให้...!!!” เสียงตะโกนของเลโอ คนสนิทของแบร์นาโดโผล่พรวดเข้ามาตะโกนเสียงดังให้เขารีบพาเธอหนีไปอย่างไม่ต้องคิดชีวิตแล้ว เพราะเขาถูกกองกำลังปราบปรามของทางการล้อมคอนโดไว้ขณะนี้หญิงสาวถูกสมุนสองนายช่วยกันลากเธอลงบันไดไปได้แค่ครึ่งทาง เธอบอกจะเดินไม่ไหวแล้วเรี่ยวแรงแทบไม่มี พวกมันจึงผลัดกันอุ้มเธอรีบวิ่งตามมาเฟียนายใหญ่ลงไป เขาเป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status