คำโปรย
ทุกปริศนา...มันซุกซ่อนมายาแห่งเงินตรา
----------------
“ต้องเปลี่ยนรถ...เอาหัวลงต่ำ...bello ดี!!!” พันธ์ศักดิ์เอื้อมหยิบปืนพกที่อยู่ตรงลิ้นชักด้านซ้ายของพวงมาลัย มันเด้งเปิดออกจากแรงที่เขาเอาข้อมือตบที่ปุ่มหน้าคอนโซล สายตากร้าวขบกรามแน่นของเขาดูน่าสะพรึง
“พร้อมยัง...” เขามองตรงไปข้างหน้า และเลี้ยวซ้ายไปทางที่ไม่น่าใช่เส้นทางเข้าโรม
“ทำไม???” บุรณีเอาหัวลงต่ำแต่ก็ยังถามอีก
“Sei sposato???...แต่งงานรึยัง...” พันธ์ศักดิ์เสียงห้วนเข้มถามเธอ
“เอ้า...ไม่มีผัว จะมาที่นี่ยังไง” หญิงสาวทำเสียงแค่นหัวเราะเบาๆ
“เฮ้อ..ออออ...” เขาทำเสียงถอนหายใจยาวมาก
คิ้วที่ขมวดเหมือนโบว์อยู่ตรงกลางหน้าผากของเขา ยิ่งทำให้บุรณีใจสั่นเต้นตึ้กๆ ตั้กๆ เขาคงกำลังประเมินสถานการณ์
“วันนี้...ไม่ไปเอาชุดชั้นในได้ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงเครียด ทั้งไม่หันมามองหน้าเธอเลย
“เรื่องนั้นไม่ใหญ่เท่าชุดแต่งงาน”
“ฮะ...ยังไม่แต่ง งง...แต่งงานอีกรึ” เสียงกระเซ้าของเขาทำให้อารมณ์เคร่งเครียดในรถเริ่มคลายลง
“ฉันหมายถึง...ชุดแต่งงานของแม่สามี...น่ะ” เธอทำเสียงกระเง้ากระงอด
“แล้วนี่มีลูกเต้ารึยัง...” เขาเริ่มถามเรื่องส่วนตัวของบุรณี
“มี 1 คน และ...” ชายหนุ่มเริ่มทำเสียงอึดอัดใจ เหมือนเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“...ใกล้ถึง...” พันธ์ศักดิ์มีท่าทีกังวลมาก เขาเหมือนส่งข้อความอะไรบนจอมือถือ ซึ่งเชื่อมต่อด้วยสัญญาณตรงพวงมาลัย
“ผมให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้เลือกที่นี่...แล้วค่ำๆ ผมจะไปส่ง ห้ามออกไปไหน...เด็ดขาด!!!” เสียงดุของเขาน่ากลัวพอตัว
“ข้อเท้าดีขึ้นไหม...Lara, abbi cura di te!!! ดูแลตัวเองด้วย” ชายหนุ่มส่งภาษาอิตาเลียนแม้จะตะกุกตะกักฟังยาก สำหรับเธอแล้วมันดูดีมาก สำหรับชื่อ ‘ลาร่า’ ที่เขาใช้เรียกเธอ
----------------
เขาเดินออกไปอย่างเงียบๆ ทำให้บุรณีมองตามหลังอย่างใจแป้ว รู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูกเพียงแค่เมื่อวันวานต่อมาถึงวันนี้ที่เจอกันจากอุบัติเหตุอย่างไม่คาดฝัน
เธอต้องมาตกอยู่ในอันตรายไปด้วยหรือนี่ แล้วครอบครัวสามีเธอล่ะ...ที่เหลือเพียงแม่และลูกชายของเขาจะต้องมารับชะตากรรมด้วยหรือไม่ เป็นอะไรอย่างที่เธอเริ่มสังหรณ์ใจเพราะเหตุการณ์น่าหวาดผวาต่างๆ จะต้องตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“Signora…คุณผู้หญิง เลือกตามใจเลย Signore…Punto คุณผู้ชาย ‘ปุนโต’ ขอให้ผมเอามาให้ทั้งชุดชั้นในและชุดแต่งงานของคุณแม่ nonna” บุรณีเลือกเสื้อผ้าพวกสีพื้นๆ ให้แม่สามี และลูบคลำชุดชั้นในที่เธออยากได้อย่างเบามือราวกับมันคืออัญมณีที่มีค่า
“โห... ลา เพอร์ลา ...ก็จัดเต็มมาให้ Bravo…เย้...เย้” บุรณียังไม่ทิ้งความเป็นคนแก่นในอดีตอยู่บ้าง เธอดีใจเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นชิ้นใหม่
ภาพความเคลื่อนไหวทั้งหมดของหญิงสาวไปปรากฏอยู่บนหน้าจอในห้องของเจ้าพ่อมาเฟียแฟชั่นแห่ง Bernado Esposito ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินย่างเท้าขึ้นไปด้านบนของตัวตึกที่เขามาจอดรถไว้เพื่อจะสับเปลี่ยน
พันธ์ศักดิ์ก้าวเข้าห้องทำงานของแบร์นาโด ชะงักเท้าสีหน้าผงะเล็กน้อยที่เห็นภาพบนจอกว้างขนาดเจ็ดสิบนิ้วบนผนังที่มองตรงจากโต๊ะทำงานของเจ้าของห้อง
“Ciao Ciao ปุนโต นายเอาใครมาที่ห้องรับแขกส่วนตัว นางเป็นคนที่นี่???...” เสียงแบร์นาโดสงสัย เพราะในใจของเขาเริ่มไม่ไว้ใจชายหนุ่ม
“นายถอดรหัสปริศนาให้ฉันได้ยัง” เขามองลอดแว่นอย่างใจเย็น สายตาเหยี่ยวมองจิกพันธ์ศักดิ์เหมือนเป็นเหยื่อที่พร้อมจะฉีกเนื้อได้ทุกเมื่อ
พันธ์ศักดิ์เข้ามาอยู่ในแวดวงเจ้าพ่อ เพราะเขาเป็นคนที่ชอบตระเวนไปดูโน่นนี่ ไม่ชอบเข้าเรียน จนวันหนึ่งเขาดันขับรถเก่าๆ ไปชนท้ายรถปอร์เช่ของเจ้าพ่อนายนี้อย่างไม่ตั้งใจ และด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่เขาเองก็ไม่มีปัญญาชดใช้ได้ จึงเป็นเหตุทำให้เขาต้องจำยอมติดกับ...กลายมาเป็นมือขวาอยู่จนถึงทุกวันนี้
การตอบแทนด้วยคุณค่าความหวานหอมของเงินตรา ทำให้พันธ์ศักดิ์ยังรีรอไม่กลับบ้านเพื่อไปทำหน้าที่ตอบแทนผู้มีพระคุณ อย่างที่ทุกคนกำลังตั้งใจรอคอยอย่างใจจดใจจ่อด้วยความสงสัยไปว่า ชายหนุ่มกำลังทำอะไรอยู่
การเรียนในหลักสูตรนี้ก็จบสิ้นไปสามเดือนแล้ว เขายังทำตัวราวกับเป็นลูกชายมหาเศรษฐีที่ยังเที่ยวเตร่หาความสำราญในยุโรปไปเรื่อย
“ขอเวลาเคลียร์ ว่าที่ลูกสะใภ้ ของแม่...ไม่นานผมจะรีบพาเธอกลับไปแต่งงานและจัดการธุรกิจที่บ้าน...นะครับบบ” เขาสัญญากับแม่ได้ไม่นาน แล้วในที่สุดก็เกิดเหตุให้พิมพ์ชญาต้องมาด่วนจากไปก่อนที่อะไรๆ จะลงตัว
พันธ์ศักดิ์จ้องแววตาคมกริบของเจ้านายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขายังไม่ลากเก้าอี้ออกมาเพื่อหย่อนก้นลงไป รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากเชื้อเชิญแต่รออยู่พักใหญ่ชายผิวขาวจมูกโด่งงุ้มก็ยังไม่พูดอะไร นอกจากยังมองเลยหัวของชายหนุ่มไปสนใจหญิงสาวที่อยู่บนจอทีวี
พันธ์ศักดิ์พลาดจริงๆ สำหรับงานนี้ เขาไม่รอบคอบเอง แท้จริงแล้วคฤหาสน์ที่ทำเป็นเหมือนโรงแรมหลังนี้มัน คือ ‘เซฟเฮ้าส์ทรงอิทธิพล’ หลังหนึ่งของเจ้าพ่อคนนี้
เขาชะล่าใจเกินไปคิดว่ามันคือโรงแรม ไม่คิดว่าห้องรับแขกวีไอพีห้องนั้นจะเปิดกล้องวงจรปิดที่ซุกซ่อนไว้ในเวลานี้ เขาควรสั่งให้เธอนั่งคอยเขาอยู่ในรถน่าจะปลอดภัยกว่า คิดได้ก็สายเกินแก้แล้ว
ณ เวลานี้ดูเหมือนอารมณ์ของแบร์นาโดคุกรุ่นอยู่ข้างใน ชายหนุ่มไม่คิดว่าเขาจะมากเรื่อง แต่สายตานั้นมันฟ้องชัดเจนว่าเขาไม่พอใจชายหนุ่มที่พาคนไม่รู้จักและไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องงานของเขาเข้ามายุ่มย่ามถึงที่นี่
“สมองนายมัน...มีแต่เรื่องพรรค์นี้...” เจ้าพ่อสูงวัยอายุราวหกสิบเศษกระแทกเสียง
ด่าเขาอ้อมๆ
“ผู้หญิงคนนั้น...ก็คนหนึ่งแล้ว...” เหมือนเสียงด่าทำนองหยาบคายภาษาอิตาเลี่ยนดังทิ่มแทงเข้าไปถึงหัวใจของชายหนุ่ม พันธ์ศักดิ์รู้สึกว่าชายสูงวัยผู้นี้ไม่เคยให้เกียรติใคร
เขาเองที่จำยอมมาทำงานนี้ก็เพราะชายแก่ผู้นี้ขอร้องวิงวอน
“ช่วยฉันหน่อย...NFT ภาพชุดชั้นในที่นายออกแบบให้ รหัสมันถูกขโมย เงินลงทุนเกือบห้าสิบล้านถูกแฮค งานนี้นายแกะรอยมันได้ใช่ไหม”
พันธ์ศักดิ์ปวดหัวมากที่ต้องกลายมาเป็นลูกไล่เจ้าพ่อนายนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกในวงการว่า ‘แบร์โด’ ก็เพราะภาพ NFT บ้าบอนั่น พวกนักเลงกลุ่มนี้มีศัตรูการค้าที่ดูเหมือนถูกกฎหมายเพื่อบังหน้าธุรกิจเทาๆ ของพวกมัน วัน...วัน เอาแต่คิดค้าขายชั่วๆ
‘โคตรเฮงซวย!!! ทั้งเสียคนรัก ทั้งเสีย self ...ฟ้าดินทำไมต้องให้มายุ่งกับพวกมันเนี่ย ไทเบอร์ตอบ...ที....ที...ที’ เขาเคยตะโกนก้องด้วยคำด่าอย่างรุนแรงต่อท้องน้ำไกลสุดตาซึ่งลำน้ำสายนี้เลียบไหลผ่านเมืองหลวงอันงามสง่าแห่งนี้
“ผมขอลาออก...” ชายหนุ่มเปิดฉากแบบตัดช่องน้อย ไม่อยากยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป เพราะดีโน่คนขับรถมารับเขาเมื่อวานตอนนี้ยังไม่ฟื้น หมอจีโทรบอกเขาเมื่อคืนว่าสาหัสมาก กระสุนทะลุช่องท้องตัดกระเพาะอาหาร ต้องส่งไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลใหญ่
“งานยังไม่เสร็จ...”
เขามองชายสูงวัยกำลังโทรมือถือสั่งให้คนสนิทของเขาจัดการให้โรงพยาบาลซานตันเดรอา (Sant’Andrea) ส่งรถพยาบาลไปรับดีโน่ที่สถานพยาบาลเมดดะโค อันนา (Studio Medico Anna)
“il denaro è un'illusione…sei reale เงินทองคือมายา แต่นาย...ของตาย” เสียงหัวเราะเย้ยฟ้า...ท้าชายหนุ่ม ก้องทะลุรูหูเข้าไปเต็มขั้วหัวใจ
แต่แล้วเสียงสั่นสะเทือนหนึ่ง...ดังก้องขึ้น ราวระเบิดทะลุกำแพงย้อนกลับไป
‘Sei morto… แล้วจะรู้ ใครกัน...’
คำโปรย พระเจ้าจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ ไม่ว่าวันนั้นที่เราทุกข์ที่สุด พระองค์จะไม่เคยทอดทิ้งเรา----------------บุรณีพยายามทำตามคำแนะนำของพันธ์ศักดิ์โดยจะไม่โต้เถียงใดๆ ต่อหน้าครอบครัวและคนงานของชายหนุ่ม เธอไม่อยากขัดคำสั่งของย่าที่คอยตักเตือนมาบ่อยๆ ผ่านทางไลน์ของพ่อ เธอจะให้เกียรติเขาในฐานะสามีซึ่งลูก้าเองพยายามจะเปลี่ยนสรรพนามให้เขากลายเป็นพ่อ แต่ชายหนุ่มบอกหนุ่มน้อยว่าไม่เป็นไรให้เรียกตามเดิมตั้งแต่ต้น ประมาณต้นเดือนธันวาคมป้ายชื่อของผู้ลงทะเบียนจองห้องพักที่ได้สั่งทำเป็นเครื่องไม้เอาผ้าทอลายไทลื้อไปหุ้มไว้ถูกส่งมาที่สำนักงานของไร่ บุรณีมาช่วยคัดรายชื่อและจัดเตรียมห้องพักซึ่งจะลงทำผังผู้จองว่าคนใดควรลงห้องพักหมายเลขใด เธอเห็นป้ายชื่อตัวอักษรภาษาอังกฤษ Burani Benroze หญิงสาวตกใจว่าเธอลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลยตั้งแต่ลงทะเบียนวันนั้นที่สถาบันของเดช ชายหนุ่มแนะนำว่าบุรณีควรพาครอบครัวมาเที่ยวที่นี่ เขาได้รับวิดีทัศน์โฆษณาทางออนไลน์ที่โปรโมตค่าจองที่พักล่วงหน้าลดเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ เธอได้ให้เดชช่วยจองให้อย่างหวุดหวิดเกือบไม่ทันเวลา คืนนั้นเธอจึงถามเขาว่าได้ที่อยู่ของเธอจากที่ใดจึงตามไปถึ
คำโปรย เราไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีงาม นี่เป็นความรักระหว่างเราสองคน ให้ฟ้าดินเป็นพยาน...ว่าได้ครอบครองกัน----------------เช้าวันรุ่งขึ้นย่าขอให้พ่อกับแม่มาทำพิธีผูกข้อมือรับขวัญพันธ์ศักดิ์ ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมายแค่เฉพาะคนในบ้าน ย่าบอกว่าอายคนอื่นเพราะบุรณีเคยมีสามีมาแล้ว จะแต่งงานใหม่ก็ดูยังไม่เข้าท่าเข้าทางว่าที่เจ้าบ่าวดูเด็กกว่ามาก ย่าคงไม่อยากให้ครอบครัวตกเป็นขี้ปากชาวบ้านในชุมชนแถบนั้น ตอนเธอเป็นหม้ายกลับบ้านมายังถูกซุบซิบนินทามาตลอด เพื่อนๆ เคยเห็นว่าเธอเป็นคนเรียบร้อยหัวโบราณชอบสั่งสอน แต่พอเอาเข้าจริงเธอกลับไม่ใช่แบบที่ทุกคนคิด“แม่...ฉันว่ามันยังไงอยู่นะ ทำแบบนี้เหมือนยัยเฒ่ามันอยู่กับเขามานานแล้ว...” แม่ของบุรณีไปกระซิบย่าอย่างไม่เห็นด้วย“นี่...แกดีกว่ามันหรือไง อย่าให้ฉันพูดนะจะอายลูก” ย่าพูดเสียงดัง จนชายหนุ่มมองหน้าย่าอย่างสงสัย“ไป...ดูว่านางลูกสาวแกมันแต่งตัวพองามหรือยัง ลงมาแค่อวยพรพวกเขา และพ่อหนุ่มจะได้กลับบ้าน เขามีงานมีการต้องกลับไปทำ...เสียเวลาเขาหลายวันแล้ว” ย่าไล่ให้แม่ขึ้นไปเรียกบุรณีหญิงสาวเดินลงมาพอดี ถูกย่ามองอย่างหมั่นไส้“ทั้งคู่ไปกราบพระที่ห้องพระก่อน
คำโปรย เงินทอง...ไม่มีหาใหม่ได้เสมอแต่รักแท้ไม่ใช่หากันได้ง่ายๆ----------------บุรณีพาลูก้าและพันธ์ศักดิ์ไปเดินเที่ยวชมตลาดนัดตอนเย็นหลังออกจากสถาบัน เธอพาชายหนุ่มไปรู้จักญาติคนที่แนะนำเดชให้มาดูตัวเธอ เรไรเป็นญาติผู้น้องของบุรณีสายทางย่าของเธอซึ่งเป็นน้องสาวย่าแสงคำของหญิงสาว เธออายุอ่อนกว่าบุรณีสามปีและยังโสดไม่ยอมแต่งงานกับใครแม้มีหนุ่มมามองอยู่หลายคนก็ตาม ร้านของเธออยู่ในบริเวณตลาดนัดริมโขงขายผ้าไหมอีสานซึ่งบุรณีเคยพาเพื่อนๆ มาอุดหนุนอยู่บ่อยๆ “เรไร...นี่พันธ์ศักดิ์...รู้จักกันที่อิตาลี มาขอดูผ้าไหมเผื่อซื้อกลับไปเป็นของฝาก” หญิงสาวแนะนำเขากับเรไร“ได้เลย...เดี๋ยวคืนนี้ไปกินข้าวด้วยนะ สนใจผ้าผืนไหนให้เด็กไปเอามาให้เลือกได้เลย” เรไรพูดทักทายเพียงไม่นาน เธอต้องไปทำธุระหลังร้าน วันนี้เธอยุ่งวุ่นวายกับพ่อค้าขายส่ง“ลาร่า...ผมว่าผ้าไทลื้อที่ผมออกแบบส่งมาขายที่นี่ได้ไหม...” ชายหนุ่มมองเห็นโอกาสเพราะหนองคายเป็นจังหวัดติดชายแดนไทย-ลาว“ได้สิ... คืนนี้คุยกับเธอเลย...เราไปส่งลูก้าให้กลับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนย่า แล้วค่อยออกมากินข้าวกับเธอ” บุรณีตะโกนลาญาติของเธอและบอกว่าหนึ่งทุ่มจะมารับบ
คำโปรย แม้รักใครบางคน แต่เลือกที่จะจากกันไป แม้คิดถึงกันเพียงใด แต่ยังเลือกที่จะไม่พบกัน----------------พันธ์ศักดิ์บินกลับเมืองไทยทันทีหลังจากหมอจีอนุญาตให้กลับได้หลังจากพักฟื้นเกือบครึ่งปี ช่วงพักฟื้นชายหนุ่มมีกิจกรรมเช่าเรือยอร์ชขับท่องเที่ยวในทะเลสาบโคโม ถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เขาคลายความปวดร้าวในจิตใจลงไปได้ อาการซึมเศร้าของชายหนุ่มดีขึ้นเมื่อแม่จันทนาโทรศัพท์มาทุกวันพูดคุยเล่าเรื่องราวทางบ้านให้เขาฟัง “แม่ครับ...ผมจะถึงกรุงเทพอาทิตย์นี้ และต่อลงเชียงใหม่เลย ผมขอพักเชียงใหม่หนึ่งคืน ให้ลุงถมช่วยมารับผมที่เชียงใหม่ ทุกคนรอที่บ้านนะครับ” เขาแจ้งกำหนดคร่าวๆ ให้แม่รับรู้ “ป้าคำดี...เปิ้นรอทำกับข้าวเมืองต้อนรับนะลูก รีบกลับมากินให้เปิ้นชื่นใจ” แม่จันทนาพูดถึงแม่ครัวของที่ไร่ซึ่งฝีมือทำอาหารเหนือที่ชายหนุ่มติดใจมาตั้งแต่เล็กๆแม่ของเขาไม่ใช่คนเหนือได้แต่งงานกับพ่อของพันธ์ศักดิ์แล้วมาช่วยกันแปลงที่ดินรอบบ้าน 50 ไร่ให้กลายเป็นรีสอร์ตขนาดย่อมในอำเภอเชียงคำ เขาเกิดที่นี่และเติบโตกลายเป็นคนเหนือของท้องถิ่นนี้ รับช่วงกิจการของครอบครัวจากมรดกที่พ่อทิ้งไว้ ห้าปีที่แล้วพ่อจากไปทำให้เขาซึม
คำโปรย พลังของการเยียวยา...ไม่ว่าความเจ็บปวดใด... ลบล้างมลทินได้ด้วยกาลเวลาแห่งสุนทรียะของความสัมพันธ์----------------บุรณี ลูก้าและมัมมา ถูกส่งเข้าแอดมิตที่โรงพยาบาลในโรมจากอาการบาดเจ็บและปวดร้าวทั่วร่างกาย ทั้งยังจิตใจที่ต้องได้รับการเยียวยา ครอบครัวเธอได้รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเกือบหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่เธอจะออกจากโรงพยาบาล หมอจีติดต่อเข้ามาเยี่ยมดูอาการและพูดคุยกับหญิงสาว“Ciao ลาร่า...หน้าตาดูดีขึ้นแล้วนะเนี่ย...เอ่อ...ปุนโต อาการดีขึ้นแล้ว แต่ผมอยากให้เขาย้ายไปโคโมพักฟื้นสักระยะหนึ่งในบ้านหลังที่คุณเคยอยู่ ก่อนที่เขาจะกลับเมืองไทย จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจให้เขารู้สึกดีขึ้นกับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา” หมอจียิ้มอารมณ์ดีเมื่อมองหน้าหญิงสาวที่มีสีเลือดฝาดบางๆ ที่แก้มของเธอ เขานิ่งรอฟังเสียงของเธอว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับข่าวคราวของพันธ์ศักดิ์“ฝากดูแลเขาด้วยค่ะ...ฉันคงไม่ได้กลับไปเจอเขาอีกแล้ว จะจัดการเรื่องของเขาให้เรียบร้อย บอกเขาด้วยนะคะ ไม่ต้องกังวล” เสียงของเธอดูเซื่องซึมเชื่องช้า ใจเหี่ยวแห้ง เธอไม่มีโอกาสบอกลาเขาด้วยซ้ำ“เอ้า...ไม่ไปเจอกันหน่อยรึ…!!! พอเขาเริ่มฟื้นมีสติพูดค
คำโปรย ฝันอยากให้คนคนนั้นเข้ามาในชีวิต...ตลอดไป ----------------บุรณีกำลังถูกมาเฟียสูงวัยโอบฟัดร่างด้วยฝ่ามือแข็งประดุจเหล็กกล้า และจากความแรงราวลูกตุ้มเหล็กเหวี่ยงเธอล้มลงบนที่นอนเสียงดังตึงจนเธอรู้สึกปวดแปลบที่สะโพกร้าวถึงอุ้มเชิงกรานแทบทนไม่ไหว น้ำตาของหญิงสาวเริ่มไหลพรากด้วยทนเจ็บระบมมากมายเหลือเกิน ตลอดทั้งสัปดาห์มานี้เธออดทนกับความเจ็บปวดขนาดนี้ได้อย่างไร ขณะนี้อาการของมันยิ่งกำเริบหนักเป็นทบทวีทันใดนั้นเอง...เสียงดัง โครม...ตึง...ตึง...ปัง ราวฟ้าถล่ม จากการกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง ประตูถูกพังเข้ามาอย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้า“แบร์โด...เร็ว!!! เอานางไปด้วย...Ora…เดี๋ยวนี้ AM polizia หน่วยปราบปรามเต็มไปหมดแล้ว ลงบันไดหนีไฟ โจเช่รอนายอยู่ด้านหลัง ฉันจะยิงดักทางให้...!!!” เสียงตะโกนของเลโอ คนสนิทของแบร์นาโดโผล่พรวดเข้ามาตะโกนเสียงดังให้เขารีบพาเธอหนีไปอย่างไม่ต้องคิดชีวิตแล้ว เพราะเขาถูกกองกำลังปราบปรามของทางการล้อมคอนโดไว้ขณะนี้หญิงสาวถูกสมุนสองนายช่วยกันลากเธอลงบันไดไปได้แค่ครึ่งทาง เธอบอกจะเดินไม่ไหวแล้วเรี่ยวแรงแทบไม่มี พวกมันจึงผลัดกันอุ้มเธอรีบวิ่งตามมาเฟียนายใหญ่ลงไป เขาเป