เมื่อถึงเวลานัดชายหนุ่มก็เดินมาเคาะประตูห้องหญิงสาว รอสักพักหญิงสาวก็เปิดประตูออกมา แล้วต่างคนก็ต่างมองการแต่ตัวของอีกฝ่ายเพราะทั้งคู่แต่งตัวเหมือนนัดกันมา ด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นทั้งคู่ ทำให้ชายหนุ่มอดอมยิ้มไม่ได้กับการแต่งตัวของเขากับเธอที่เหมือนคู่รักที่แต่งตัวเหมือนกัน ต่างกับหญิงสาวที่กรอกตาไปมา
"ใจเราตรงกันเลยนะ" ชายหนุ่มพูดด้วยความอารมณ์ดี
"รอแปป เดียวฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อน" หญิงสาวทำท่าจะปิดประตูไปเปลี่ยนเสื้อ แต่ชายหนุ่มก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
"จะเปลี่ยนทำไมคุณผมว่าน่ารักดีออก รีบไปกันเถอะผมหิวแล้ว" ชายหนุ่มรีบตัดบทกลัวหญิงสาวจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อจริงๆ
และเดตแรกของเขาและเธอก็คือ หมูกระทะเจ้าเด็ดข้างคอนโดนั่นเอง โดยที่ชายหนุ่มเป็นคนให้หญิงสาวเลือกว่าจะกินอะไรและก็มาจบที่หมูกระทะ หญิงสาวเลือกหมูชุดใหญ่มาหนึ่งชุดก่อนเพราะกลัวกินไม่หมด รอสักพักพนักงานก็นำของมาเสริฟให้ทั้งคู่
"ขอบคุณค่ะ"
"คุณชอบกินหมูกระทะเหรอ" ถามออกไปเพื่อเก็บข้อมูลหญิงสาวให้มากขึ้น
"ก็ชอบนะ สมัยเรียนกินบ่อย" ตอบชายหนุ่มไปด้วยคีบเนื้อไปย่างบนเตาไปด้วย
"แล้วคุณชอบกินอะไรอีก" พยายามถามข้อมูลให้ได้มากที่สุด
"อืม กินอะไรก็ได้ ฉันไม่ค่อยเรื่องมากอยู่แล้ว"
"แล้วคุณชอบไปเที่ยวแบบไหน ทะเลหรือภูเขา" เผื่อว่าได้มีโอกาสไปเที่ยวด้วยกันสองคนจะได้รู้ว่าจะพาเธอไปทะเลหรือภูเขา
"ก็ชอบทั้งสองแบบอะนะ แล้วแต่อารมณ์"
"คุณชอบดูหนังแนวไหน"
"ได้ทุกแนว"
"นี่เลิกถามได้แล้ว กินสักทีเถอะ" เธอเอ่ยขึ้นเสียงเล็กน้อยเพราะชายหนุ่มเอาแต่ถาม ไม่ยอมกินสักที ถ้าจะถามขนาดนี้ไม่ต้องเสียเวลาออกมากินอะไรข้างนอกหรอก กินมาม่าคนละถ้วยแล้วนั่งถามเธอที่ห้องก็ได้
"ครับผม" เมื่อได้ยินเสียงเริ่มไม่พอใจของหญิงสาว ชายหนุ่มคิดว่าวันนี้ถามแค่นี้ก่อน เพราะได้ข้อมูลพอสมควร เมื่อกินไปสักพักหญิงสาวก็เริ่มถามชายหนุ่มบ้าง
"นายเป็นคนที่ไหนเหรอ"
"ผมเป็นคนกรุงเทพฯ เป็นลูกคนเดียว นิสัยก็คล้ายๆ กับคุณ เป็นคนง่ายๆ แต่ได้ยากนะ ที่สำคัญสุดโสดและหล่อมากด้วย" ภูมิใจนำเสนอหญิงสาวสุดๆ
"เว่อร์ ไม่เห็นจะหล่อตรงไหน หน้าตาก็งั้นๆ" บอกอย่างหมั่นไส้คนหลงตัวเอง
"นี่คุณสายตาสั้นหรือเปล่า เวลาผมไปไหนมีแต่คนบอกว่าผมหล่อ สมัยเรียนยังมีแมวมองมาชวนผมเข้าวงการเลยนะ แต่ผมปฏิเสธ" บอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่หญิงสาวฟังยังไงก็ดูหลงตัวเอง
"ทำไมถึงปฏิเสธล่ะ" ถามอย่างสงสัย แต่พอได้ยินคำตอบก็ทำให้หญิงสาวต้องกรอกตาไปมากับความหลงตัวเองของชายหนุ่ม
"ผมกลัวดังน่ะ" ตอบอย่างหมั่นหน้าหมั่นโหนกมากในสายตาเธอ
"ฉันขอถามอะไรนายสักข้อสิ" ถามออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังนิดๆ
"ถามหลายๆ ข้อก็ได้ ผมยินดีตอบทุกเรื่อง"
"ทำไมนายถึงจีบฉันล่ะ ทั้ง ๆ ที่ฉันก็ไม่ได้สวยแถมอายุมากกว่านายอีก" เมื่ออยากรู้ก็ต้องถามให้รู้
"ผมพูดจริงๆ นะตั้งแต่เห็นคุณครั้งแรกที่ร้านอาหารความรู้สึกของผมก็บอกว่า ผมต้องจีบผู้หญิงคนนี้มาเป็นแฟนให้ได้ และเมื่อผมมาเจอคุณอีกครั้งที่คอนโด มันก็ทำให้ผมคิดว่าการเจอคุณอีกครั้งมันคือพรหมลิขิตที่ดลใจให้ผมย้ายคอนโดมาอยู่ใกล้ๆ คุณ"
"พรหมลิขิตเนี่ยนะ นายอ่านนิยายมากไปหรือเปล่า นายบอกว่าความรู้สึกของนายบอกให้จีบฉัน แล้วถ้าเกิดนายไม่ได้ย้ายคอนโดมาแล้วนายจะเจอฉันได้ไง" พูดจบพร้อมกับทำสีหน้าเอือมระอากับความเว่อร์วังของชายหนุ่มตรงหน้า
"ได้สิ ก็เพื่อนคุณเป็นว่าที่ภรรยาเพื่อนผม ถึงผมไม่ได้ย้ายคอนโดมาอยู่ใกล้คุณ ผมก็สืบเรื่องคุณได้อยู่แล้ว" เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มบอก ก็ทำให้หญิงสาวคิดตามคำพูดของชายหนุ่ม เพื่อนของว่าที่ภรรยาของเพื่อนนายนี่ ถ้างั้นแสดงว่า
"อย่าบอกนะ...ว่านายเป็นเพื่อนกับนายปราชญ์น่ะ" อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ที่นายนี่เป็นเพื่อนกับว่าที่สามียัยพราวฟ้า
"ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดานะ สนิทมากด้วย" บอกหญิงสาวอย่างมั่นใจ
"ถ้างั้นนายก็คงจะมีนิสัยเหมือนเพื่อนนาย เจ้าชู้ กระล่อน ขี้หลี ไม่งั้นจะเป็นเพื่อนสนิทกันได้ไง"
"นี่คุณอย่าเหมารวมสิ เพื่อนกันไม่จำเป็นต้องนิสัยเหมือนกันก็ได้" รีบออกตัวทันทีเดียวเธอจะเข้าใจผิดว่าเขามีนิสัยแบบนั้น
"ถ้านิสัยไม่เหมือนกันจะคบกันได้ไง" หญิงสาวยังไม่ปักใจเชื่อ
"โอเค ผมยอมรับว่าเมื่อก่อนสมัยเรียนผมน่ะค่อนข้างเกเร สำมะเลเทเมา เจ้าชู้ แต่ตอนนี้ผมเลิกหมดแล้ว ตั้งใจทำงานเก็บเงินแต่งเมีย" ส่งสายตาให้หญิงสาวอย่างมีความหมาย
"พอๆ เลิกพูด แล้วก็ช่วยฉันกินได้แล้ว" เมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มเธอก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะเดียวมันจะเข้าตัวเอง
"ครับผม" ฮึ รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะ คุณไม่ต้องกลัวยังไงคุณก็หนีผมไม่พ้นอยู่แล้ว ผมก็แค่ปล่อยให้คุณตายใจไปก่อนเท่านั้นเอง ถึงเวลาเมื่อไหร่ผมจะทำให้คุณดิ้นหนีผมไปไหนไม่ได้ตลอดชีวิตแน่
หลังจากทั้งคู่กินเสร็จเช็ดบิลเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ชวนหญิงสาวเดินกลับคอนโดเพื่อย่อยหมูกระทะ แต่ความต้องการจริงๆ คืออยากอยู่กับหญิงสาวให้นานที่สุด โดยระหว่างทางก็ชวนหญิงสาวคุยเรื่องสัพเพเหระ เพื่อสร้างความสนิทขึ้นไปอีก
"นี่คุณผมถามไรคุณหน่อยสิ"
"ว่ามาสิ"
"คุณชอบผู้ชายแบบไหนเหรอ"
"แบบไหนเหรอ อืมม แบบที่ตรงข้ามกับนายทุกอย่าง" บอกพร้อมมองหน้าชายหนุ่มอย่างจริงจัง
"ถือว่าเป็นคำตอบที่แรงมาก" เมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆ ของชายหนุ่มก็ทำให้หญิงสาวหลุดขำออกมา
"ฉันล้อเล่น ฉันไม่มีสเปกหรอก ถ้าความรู้สึกมันบอกว่าใช่มันก็คือใช่" หญิงสาวบอกไปตามความรู้สึกของตัวเอง
"เหมือนผมเลย" บอกพร้อมกับส่งสายตาแบบมีความหมายส่งให้หญิงสาว พร้อมกับถามในสิ่งที่อยากรู้ต่อ
"ทำไมคุณถึงไม่อยากคบใครและไม่อยากมีความรักล่ะ" ถามในสิ่งที่สงสัย หญิงสาวเงียบไปสักพักก่อนที่จะตอบชายหนุ่ม
"ฉันก็แค่กลัวน่ะ เพราะเวลาฉันรัก ฉันก็รักสุดหัวใจ เวลาเจ็บมันก็เลยเจ็บนาน นายไม่รู้หรอกกว่าฉันจะตั้งหลักได้มันต้องใช่เวลานานแค่ไหน และสิ่งที่ฉันเจอมันก็ทำให้ฉันกลัวแล้วก็หมดศรัทธาในความรัก" หญิงสาวบอกชายหนุ่มตรงๆ กับความกลัวในใจ เมื่อได้ฟังชายหนุ่มก็เข้าใจทันที
"ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าสิ่งที่คุณเจอมันหนักหนาสาหัสขนาดไหน แต่ผมจะทำให้คุณเห็นว่าความรักมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น และผมจะทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่มาเจอผู้ชายอย่างผม" ชายหนุ่มหยุดเดินและหันหน้าไปบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
"นายมั่นใจขนาดนั้นเลย งั้นฉันจะคอยดู" บอกอย่างหมั่นใส้
"รอติดตามผลงานได้เลย ครับผม" บอกหญิงสาวด้วยใบหน้าทะเล้น
หลังที่ทั้งคู่มาถึงคอนโด ต่างก็แยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเอง โดยที่หญิงสาวกับมานั่งครุ่นคิดในสิ่งที่ชายหนุ่มบอกว่าจะทำให้เธอเห็นว่าความรักมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่มันจะจริงเหรอใจหนึ่งก็อยากจะเชื่อแต่อีกใจก็คัดค้าน แล้วคิดว่าดูต่อไปล่ะกัน ฝากชายหนุ่มก็กลับมาคิดว่าจะหาทางใกล้ชิดหญิงสาวให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกยังไง แล้วแผนการก็แวบเข้ามาในหัว แล้วหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความหาหญิงสาวทันที
ติ้ง
"คุณนอนยัง " เงียบไปสะพัก ก็มีข้อความตอบกลับมา
"ยัง มีอะไร" พร้อมสติ๊กเกอร์เครื่องหมายคำถาม
"เสาร์ อาทิตย์นี้คุณว่างไหม" ถามอย่างลุ้นๆ
"ว่าง มีอะไรหรอก"
"ไปเที่ยวทะเลกันไหม" ถามออกไปอย่างลุ้นกับคำตอบที่หญิงสาวจะตอบกลับมา เมื่อได้เห็นข้อความชวนไปเที่ยวของชายหนุ่ม เธอก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบชายหนุ่มกับว่า
"อืม ไปสิ" ไปเที่ยวทะเลก็ดี เผื่อได้แรงบันดาลใจในการเขียนนิยายเพิ่มขึ้น ต่างกับชายหนุ่มที่จะไปสร้างความประทับใจให้กับหญิงสาวจากการไปเที่ยวทะเล
"ไปเช้าวันเสาร์ กลับวันอาทิตย์ ค้างคืนนึงนะ"
"อืมม"
"โอเคครับ งั้นหลับฝันดีนะครับ ฝันถึงผมด้วยนะ" พร้อมส่งสติ๊กเกอร์ จุ๊บๆ ตบท้าย หญิงสาวส่ายหน้าให้กับสติ๊กเกอร์ชายหนุ่มก่อนจะวางโทรศัพท์ แล้วเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน
ฝากกดใจ ฝาก comment ฝากกดติดตามนิยายไรท์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะค่ะ
ขอบคุณมากค่าาา
และแล้ววันที่ชายหนุ่มรอคอยก็มาถึงสักที หลังจากเลิกงานในเย็นวันศุกร์ ชายหนุ่มก็รีบกลับคอนโดทันทีเพื่อไปเก็บของเตรียมตัวไปเที่ยวทะเลกับหญิงสาว เมื่อจัดการกับกระเป๋าเสร็จก็เดินไปเคาะห้องหญิงสาวก๊อก ๆ ๆ ๆ"มีอะไรเหรอ" เปิดประตูมาพร้อมคำถาม"จะมาถามว่าคุณจัดกระเป๋าเสร็จหรือยัง" ถามอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็กที่จะได้ไปเที่ยว"เสร็จแล้ว" ทำเป็นตื่นเต้นทำยังกับไม่เคยไปเที่ยวทะเล หญิงสาวค่อนขอดในใจ"วันนี้ห้องคุณมีอะไรกินมั้ง ผมยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย หิวมากกก" พูดแล้วก็ทำหน้าตาให้น่าสงสารที่สุดในชีวิต นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มหน้ามึนมาขอข้าวที่ห้องเธอกิน หลังจากที่เธอยอมให้มากินข้าวที่ห้องเธอหลายวันก่อน หลังจากนั้นก็หน้ามึนมาเกือบทุกวัน ถ้าวันไหนไม่มาก็จะส่งข้อความมาบอกว่าเลิกงานดึกไม่ต้องรอ ทำให้ช่วงนี้เธอต้องทำกับข้าวเผื่อชายหนุ่มตลอด "อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันนะ" หญิงสาวหรี่ตามอง"รู้ทันเรื่องอะไร ผมหิวข้าวจริงๆ นะ ปะเข้าห้องกัน" แล้วชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องมาอย่างกับเป็นห้องของตัวเอง แถมเดินไปที่โต๊ะกินข้าวเสร็จสรรพ"คุณไม่มากินข้าวด้วยกันเหรอ" ถามอย่างสงสัยที่หญิงสาวไม่เดินตามมาที่โต๊ะกินข้า
เมื่อถึงเวลานัดชายหนุ่มก็เดินมาเคาะประตูห้องหญิงสาว รอสักพักหญิงสาวก็เปิดประตูออกมา แล้วต่างคนก็ต่างมองการแต่ตัวของอีกฝ่ายเพราะทั้งคู่แต่งตัวเหมือนนัดกันมา ด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นทั้งคู่ ทำให้ชายหนุ่มอดอมยิ้มไม่ได้กับการแต่งตัวของเขากับเธอที่เหมือนคู่รักที่แต่งตัวเหมือนกัน ต่างกับหญิงสาวที่กรอกตาไปมา"ใจเราตรงกันเลยนะ" ชายหนุ่มพูดด้วยความอารมณ์ดี"รอแปป เดียวฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อน" หญิงสาวทำท่าจะปิดประตูไปเปลี่ยนเสื้อ แต่ชายหนุ่มก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที"จะเปลี่ยนทำไมคุณผมว่าน่ารักดีออก รีบไปกันเถอะผมหิวแล้ว" ชายหนุ่มรีบตัดบทกลัวหญิงสาวจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อจริงๆและเดตแรกของเขาและเธอก็คือ หมูกระทะเจ้าเด็ดข้างคอนโดนั่นเอง โดยที่ชายหนุ่มเป็นคนให้หญิงสาวเลือกว่าจะกินอะไรและก็มาจบที่หมูกระทะ หญิงสาวเลือกหมูชุดใหญ่มาหนึ่งชุดก่อนเพราะกลัวกินไม่หมด รอสักพักพนักงานก็นำของมาเสริฟให้ทั้งคู่"ขอบคุณค่ะ""คุณชอบกินหมูกระทะเหรอ" ถามออกไปเพื่อเก็บข้อมูลหญิงสาวให้มากขึ้น"ก็ชอบนะ สมัยเรียนกินบ่อย" ตอบชายหนุ่มไปด้วยคีบเนื้อไปย่างบนเตาไปด้วย"แล้วคุณชอบกินอะไรอีก" พยายามถามข้อมูลให้ได้มากที่สุด
หลังจากกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เรียกพนักงานมาเช็คบิล เมื่อพนักงานบอกราคาเสร็จชายหนุ่มก็หยิบบัตรเครดิตให้พนักงานทันที เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นก็ยื่นเงินค่าอาหารของตัวเองให้ชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยื่นมือมารับเงินที่หญิงสาวยื่นให้ พร้อมบอกกับหญิงสาวว่า"มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง" "นายจะมาเลี้ยงฉันทำไม ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย และอีกอย่างฉันก็ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร โดยเฉพาะนาย" "เลี้ยงข้าวแค่นี้ ผมไม่คิดเป็นบุณคุณหรอก แต่ถ้าคิดเป็นอย่างอื่นก็ไม่แน่" บอกหญิงสาวแบบยิ้มๆ"อย่างอื่นนี่อะไร พูดให้ดีๆ นะ อย่ามาทะลึ่งกับฉัน" พูดพร้อมกับถลึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า"ทะลึ่งอะไรคุณ คิดไปถึงไหน อย่างอื่นที่ผมพูดถึงน่ะ หมายถึงผมอยากขอโอกาสได้ทำความรู้จักกับคุณให้มากขึ้นแค่นั้นเอง" บอกหญิงสาวด้วยใบหน้าจริงจัง"ทำไมนายต้องอยากรู้จักฉันด้วย ฉันไม่เห็นจะอยากรู้จักนายเลยสักนิด" นั่งกอดอกตอบชายหนุ่มตรงหน้า"คุณพูดแบบนี้ ผมน้อยใจนะ" มองค้อนหญิงสาวที่พูดออกมาแบบนั้น เดี๋ยวก่อนเถอะ ถ้าเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนเขาเมื่อไหร่ละก็ ถ้าพูดแบบไม่รักษาน้ำใจกันแบบนี้อีก จะลงโทษให้เข็ดเลยคอยดู"นี่นายให
ณ ร้านอาหาร...หลังจากที่พราวฟ้าทำข้อตกลงกับปราชญ์เรียบร้อย ทั้งสองก็นัดแม่ของตนเองมาฟังข้อตกลงของทั้งคู่ที่ร้านอาหารวันนี้ สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันคือ พ่อของทั้งคู่นั้นได้เสียไปแล้วทั้งคู่ ทำให้เหลือแต่แม่เท่านั้นที่เป็นคนคอยดูแลทั้งคู่มาตั้งแต่เด็ก“สวัสดีค่ะ คุณหญิงป้า” พราวฟ้าเอ่ยทักทายแม่ของชายหนุ่มก่อน เพราะทั้งสองครอบครัวค่อนข้างสนิทกันมาก เนื่องด้วยแม่ของเขาและแม่ชายหนุ่มนั้นเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยสาวๆ“สวัสดีจ๊ะหนูพราวของป้า” เมื่อเจอหน้าพราวฟ้าแม่ของชายหนุ่มก็ตรงเข้าไปกอดหญิงสาวทันทีด้วยความเอ็นดูและอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้“สวัสดีครับ คุณป้า” ชายหนุ่มเองก็รีบยกมือไหว้แม่หญิงสาวเช่นเดียวกัน“ไหว้พระเถอะลูก” ฝากแม่ของพราวฟ้าก็รับไหว้ชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และหมายมั่นว่าจะต้องได้ชายหนุ่มตรงหน้ามาเป็นลูกเขยให้ได้หลังจากทักทายกันเสร็จ ทั้งหมดก็ลงมือสั่งอาหาร และระหว่างรออาหารอยู่นั้น ก็เป็นพราวฟ้าที่เริ่มบทสนทนาก่อน“คุณแม่ คุณหญิงป้าค่ะ ที่พราวกับปราชญ์นัดมาทานข้าวกันวันนี้ พราวกับปราชญ์มีเรื่องจะบอกค่ะ” หญิงสาวเว้นจังหวะแล้วมองหน้าชายหนุ่มให้พูดต่อ ชายหนุ่มพยักหน้ารับพ
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็ครุ่นคิดหาวิธีที่จะทำให้เข้าถึงตัวหญิงสาวแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อนเพราะดูจากสถานการณ์แล้ว หญิงสาวคงไม่เปิดใจง่ายๆ แน่ แต่ชายหนุ่มคิดว่า ไม่เป็นไรยังไงความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั้น ชายหนุ่มคิดอย่างมุ่งมั่นเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ชายหนุ่มจึงคิดว่าจะออกไปเดินดูหาต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่เขากำลังฮิตสัก 2-3 ต้น เพื่อเอามาฝากสาวตรงข้ามห้องไว้เป็นของดูต่างหน้า เมื่อเปิดประตูห้องออกมาก็เป็นเวลาเดียวกับที่ห้องตรงข้ามก็เปิดประตูออกมาเช่นกัน ทำให้ทั้งสองสบตากันโดยบังเอิญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน"จะออกไปไหนแต่เช้าเลยครับ" "ไปซื้อของ" ตอบชายหนุ่มเสร็จก็เดินออกมาทันที ซึ่งชายหนุ่มก็รีบเดินตามหลังมาอย่างเงียบๆเมื่อลงมาถึงชั้นล่างหญิงสาวก็เดินออกไปขึ้นรถเมย์หน้าปากซอย เพราะคิดว่าถ้าเอารถไปจะหาที่จอดยาก เลยคิดว่าไปรถเมย์ดีกว่าสะดวกดี ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็เดินตามหญิงสาวมา เมื่อเห็นหญิงสาวขึ้นรถเมย์สายที่จะไปแหล่งซื้อขายต้นไม้ที่ตนเองคิดไว้ก็รีบขึ้นตาม และยังรีบไปนั่งข้างๆ หญิงสาวทันที แล้วคิดในใจว่าพรหมลิขิตชัดๆ แล้วนั่งอ
กว่าจะคิดพล็อตนิยายเรื่องใหม่ได้ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า ทำให้นักเขียนสาวตื่นเกือบเที่ยงวัน เมื่อลากตัวเองออกจากเตียงนอนได้แล้วพร้อมกับทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาหาของกินในครัวให้อิ่มท้อง เพื่อเตรียมตัวเริ่มเขียนนิยายหลังจากวางพล็อตเรื่องเสร็จ เมื่อทุกอย่างพร้อมเสร็จแล้วนักเขียนสาววัยเลขสามก็เริ่มเขียนนิยายทันที โดยแต่งตามจินตนาการและประสบการณ์ทั้งหมดที่มีและตามแนวโครงเรื่องที่วางไว้ ด้านชายหนุ่มตรงข้ามห้องหลังจากเลิกงานก็แวะหาซื้อของกินเพื่อกลับไปกินที่ห้อง โดยไม่ลืมที่จะซื้อไปฝากหญิงสาวที่อยู่ห้องตรงข้ามด้วย เพราะชายหนุ่มคิดว่าจะเดินหน้าจีบหญิงสาวห้องตรงข้ามให้ติดและทำทุกอย่างให้หญิงสาวยอมตกลงคบกับตัวเองให้ได้ และชายหนุ่มยังได้คติมาใหม่คือ ตื้อเข้าไว้หน้าด้านเข้าไว้หน้ามึนเข้าไว้ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนแล้วนับประสาอะไรกับใจคน จะไม่หวั่นไหวบ้างให้มันรู้ไปก๊อก ๆ ๆ ๆเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นทำให้นักเขียนสาวต้องเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโน๊ตบุ๊ค พลางคิดว่าใครมาเคาะประตูรบกวนเวลาเขียนนิยายของเธอเนี่ย เมื่อเสียงเคาะประตูดังอีกครั้งทำให้เธอต้องลุกขึ้นไปดู แต่เมื่อเปิดป