และแล้ววันที่ชายหนุ่มรอคอยก็มาถึงสักที หลังจากเลิกงานในเย็นวันศุกร์ ชายหนุ่มก็รีบกลับคอนโดทันทีเพื่อไปเก็บของเตรียมตัวไปเที่ยวทะเลกับหญิงสาว เมื่อจัดการกับกระเป๋าเสร็จก็เดินไปเคาะห้องหญิงสาว
ก๊อก ๆ ๆ ๆ
"มีอะไรเหรอ" เปิดประตูมาพร้อมคำถาม
"จะมาถามว่าคุณจัดกระเป๋าเสร็จหรือยัง" ถามอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็กที่จะได้ไปเที่ยว
"เสร็จแล้ว" ทำเป็นตื่นเต้นทำยังกับไม่เคยไปเที่ยวทะเล หญิงสาวค่อนขอดในใจ
"วันนี้ห้องคุณมีอะไรกินมั้ง ผมยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย หิวมากกก" พูดแล้วก็ทำหน้าตาให้น่าสงสารที่สุดในชีวิต นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มหน้ามึนมาขอข้าวที่ห้องเธอกิน หลังจากที่เธอยอมให้มากินข้าวที่ห้องเธอหลายวันก่อน หลังจากนั้นก็หน้ามึนมาเกือบทุกวัน ถ้าวันไหนไม่มาก็จะส่งข้อความมาบอกว่าเลิกงานดึกไม่ต้องรอ ทำให้ช่วงนี้เธอต้องทำกับข้าวเผื่อชายหนุ่มตลอด
"อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันนะ" หญิงสาวหรี่ตามอง
"รู้ทันเรื่องอะไร ผมหิวข้าวจริงๆ นะ ปะเข้าห้องกัน" แล้วชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องมาอย่างกับเป็นห้องของตัวเอง แถมเดินไปที่โต๊ะกินข้าวเสร็จสรรพ
"คุณไม่มากินข้าวด้วยกันเหรอ" ถามอย่างสงสัยที่หญิงสาวไม่เดินตามมาที่โต๊ะกินข้าว
"ฉันยังอิ่มข้าวเที่ยงอยู่เลย นายกินเลย" หันไปบอกชายหนุ่ม
"ถ้างั้นคุณมานั่งเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ นั่งคนเดียวผมเหงา" มองหญิงสาวตาละห้อย
"จะกินหรือจะกลับห้อง" ถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
"ใจร้ายยย" หญิงสาวส่ายหน้าให้กับคำพูดของชายหนุ่ม และหันกลับไปที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คต่อ ซึ่งชายหนุ่มก็นั่งกินกับข้าวฝีมือหญิงสาวไปเงียบๆ เมื่อกินอิ่มก็เก็บจานชามล้างคว่ำให้เรียบร้อย และย้ายตัวเองมานั่งตรงโซฟาหน้าทีวีดูหญิงสาวทำงาน
เมื่อผ่านไปสักพักใหญ่ๆ หญิงสาวก็เงยหน้าจากหน้าจอแล้วหันไปมองทางชายหนุ่มว่าทำไมดูเงียบจัง จึงได้เห็นว่าชายหนุ่มนอนหลับอยู่บนโซฟา พลางส่ายหน้าแล้วเดินไปหยิบผ้าห่มในห้องนอนมาคลุมให้ชายหนุ่ม ระหว่างเดินมาไม่ทันระวังสะดุดชายผ้าหกล้มไปบนตัวชายหนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาทันทีแล้วเห็นว่าหญิงสาวล้มมาทับตัวเองอยู่ โดยที่ปากของหญิงสาวไปประกบกับปากของชายหนุ่มพอดิบพอดี ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น เมื่อหญิงสาวตั้งสติได้ก็รีบลนลานลุกขึ้นอย่างไว แล้วรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน
"ฉะ...ฉันเห็นนายหลับอยู่ เลยไปหยิบผ้าห่มมาให้ แต่เผลอสดุดชายผ้าเลยทำให้ฉันล้มไปทับนาย ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ" รีบบอกชายหนุ่มด้วยกลัวว่าชายหนุ่มจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอตั้งใจล้มไปจูบเขา
"ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ไม่เห็นต้องร้อนตัวขนาดนั้น" ชายหนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งๆ ทั้งที่ในใจนั้นเต้นแรงมากจนกลัวว่าหญิงสาวจะได้ยิน
"ใครร้อนตัว ฉันก็แค่กลัวนายจะเข้าใจผิด" หญิงสาวรีบแก้ตัวด้วยใบหน้าตื่นๆ
"เข้าใจผิดเรื่องอะไร" ชายหนุ่มแกล้งถาม
"ก็เรื่อง..." หญิงสาวอึกอักกับคำตอบ แถมหน้าแดงด้วยความเขินอาย
"เรื่องที่คุณล้มแล้วมาจูบผมน่ะเหรอ" ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ ทั้งที่ในใจนั้นแสนจะลิงโลดที่หญิงสาวล้มมาทับแล้วจูบตัวเอง แต่ที่ต้องทำนิ่งๆ เพราะกลัวหญิงสาวจะไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีก เลยทำให้มันเหมือนไม่มีอะไร หญิงสาวก็พยักหน้าให้ชายหนุ่ม
"อย่าคิดมากสิ มันก็แค่อุบัติเหตุ แต่เอ๊ะ!!! หรือคุณตั้งใจ" เลิกคิ้วถามด้วยใบหน้ากวนๆ
"ตั้งใจบ้าอะไรล่ะ" แหวใส่อย่างต้องการกลบเกลื่อนความเขินอาย ทำให้ชายหนุ่มอมยิ้มให้กับท่าทางเของหญิงสาว
"แล้วนี่นายไม่คิดจะกลับห้องนายเหรอ กินข้าวอิ่มแล้วนี่" รีบไล่ชายหนุ่มออกจากห้องทันที เพราะตอนนี้เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูกเป็นอย่างมาก
"ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะกลับ แต่เผลอหลับไปสะก่อน" ชายหนุ่มบอกและมองท่าทางหญิงสาวด้วยความเอ็นดู
"ตอนนี้ตื่นแล้วก็กลับห้องไปได้แล้ว" หญิงสาวได้ทีจึงเอ่ยปากไล่ชายหนุ่มทันที
"งั้นผมกลับห้องก่อนนะ ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้เจอกัน" ชายหนุ่มคิดว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อน เมื่อเห็นท่างทางหญิงสาวที่ทำตัวไม่ถูก เลยไม่ตื้ออยู่ต่อเหมือนทุกครั้ง คิดว่ายังไงเสาร์อาทิตย์นี้ก็ได้อยู่กับหญิงสาววันนี้เลยปล่อยไปก่อน แต่ไม่ต้องกลัวไปเที่ยวคราวนี้เธอต้องเจออะไรที่มันตื่นเต้นมากกว่านี่แน่นอนเขารับประกัน
เช้าวันเสาร์ ชายหนุ่มตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวทะเล หลังจากเตรียมตัวเสร็จก็เดินถือกระเป๋าไปเคาะห้องหญิงสาว
ก๊อก ๆ ๆ ๆ
"เสร็จหรือยังคุณ" ถามทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูมา
"เสร็จแล้ว ถ้ารีบขนาดนั้นนายไปก่อนเลยไหม" หญิงสาวพูดออกไปอย่างประชดประชัน
"ก็ผมกลัวว่าถ้าเราออกช้าผมจะพาคุณไปเที่ยวได้น้อย" ชายหนุ่มรีบอธิบายทันที
"ถ้างั้นก็ไปสิ"
"เอากระเป๋ามาเดี๋ยวผมถือให้" ว่าแล้วก็แย่งกระเป๋าหญิงสาวมาถือเอง แล้วเดินนำไป
เมื่อลงมาถึงลานจอดรถชายหนุ่มก็นำกระเป๋าของตัวเองกับหญิงสาวใส่ท้ายรถ และออกเดินทางทันที ระหว่างการเดินทางทั้งคู่ก็แวะถ่ายรูป ไหว้พระ กินข้าว กว่าจะถึงที่พักก็บ่ายกว่า โดยที่พักของทั้งคู่เป็นบ้านพักส่วนตัวของครอบครัวชายหนุ่มที่ติดทะเลและเป็นพื้นที่ส่วนตัวมีคนคอยดูแล หลังจากเก็บของเข้าห้องแล้วทั้งคู่ก็ชวนกันไปซื้อของสดเพื่อมาทำของกินตอนเย็น เมนูจะเป็นปิ้งย่างอาหารทะเล เมื่อกลับมาจากซื้อของหญิงสาวก็เดินไปชมวิวริมทะเลโดยที่ไม่ได้บอกชายหนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มต้องออกไปตามหาเพราะกลัวจะเกิดอันตรายถึงจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวก็เถอะ หลังจากเดินตามหาสักพักก็เจอหญิงสาวนั่งชมวิวอยู่จึงรีบเดินเข้าไปหาทันที
"คุณจะออกไปไหนทำไมไม่บอกผมก่อน ผมเป็นห่วงแทบแย่" พูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงดุๆ เหมือนดุเด็กๆ ที่ทำตัวดื้อ
"ตกใจหมด ฉันโตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ" ไอ้เด็กบ้ามาไม่ให้ซุ้มให้เสียงตกใจหมดคนกำลังคิดอะไรเพลินๆ
"โตแล้วเป็นห่วงไม่ได้หรือไง เกิดมีเรื่องอันตรายอะไรเกิดกับคุณ ผมจะทำยังไง" ชายหนุ่มยังคงพูดด้วยโทนเสียงเดิม
"ก็ยังไม่เกิดสักหน่อย" เมื่อพูดจบก็หันไปดูวิวทะเลต่อ โดยไม่สนใจชายหนุ่มที่กำลังดุเธออยู่
"คุณ" แล้วคิดในใจ ให้มันได้อย่างนี้สิ ตกลงใครเด็กกว่าใครกันแน่
"โอเคๆ ฉันขอโทษที่ออกมาโดยไม่บอก พอใจหรือยัง" หญิงสาวยอมขอโทษเพื่อตัดปัญหา
"คราวหลังถ้าจะออกไปไหนบอกผมก่อนนะ ผมเป็นห่วง" เมื่อหญิงสาวขอโทษชายหนุ่มก็พร้อมให้อภัย แล้วนั่งลงข้างๆ หญิงสาว
"แล้วนายตามหาฉันทำไม" หันไปถามเมื่อชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ แล้ว
"ก็ไม่มีอะไร ผมหาคุณไม่เจอเลยตกใจ ว่าแต่คุณมานั่งทำอะไรตรงนี้" ตอบหญิงสาวพร้อมถามกลับ
"ก็มานั่งดูวิวดูทะเล แล้วก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย" พูดจบก็หันไปดูวิวต่อ
"แล้วไม่คิดถึงผมบ้างเหรอ" ถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบ แต่ก็อยากถาม
"ฉันจะคิดถึงนายทำไม" แล้วคิดในใจไอ้เด็กบ้าอยู่ดีๆ มาถามอะไรแบบนี้
"ก็ผมยังคิดถึงคุณตลอดเวลาเลย ผมก็อยากให้คุณคิดถึงผมตลอดเวลาเหมือนกัน" พูดแล้วก็ทำสายตาอ้อนๆ
"ฉันว่าฉันเอาเวลาที่จะคิดถึงนายตลอดเวลาไปทำงานของฉันยังจะเกิดประโยชน์สะกว่า"
"ผมก็พูดไปงั้นแหละ ผมคิดถึงคุณตลอดเวลาคนเดียวก็พอ ว่าแต่มาทะเลคุณจะไม่เล่นน้ำทะเลสักหน่อยเหรอ" ถามออกไปเมื่ออยู่ ๆ ก็นึกอยากจะเล่นน้ำทะเลกับหญิงสาวขึ้นมา
"ไม่อ่ะ ฉันโตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ" หญิงสาวปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
"โตแล้วไง มีกฎห้ามให้คนโตเล่นน้ำด้วยเหรอ" หันไปถามอย่างกวนๆ
"ถ้านายอยากเล่นก็ไปเล่นสิ"
"เล่นคนเดียวมันจะไปสนุกอะไร มันต้องเล่นสองคนสิมันถึงจะสนุก" พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วอุ้มหญิงสาวขึ้นมาโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัว แล้วอุ้มพาหญิงสาวไปโยนลงน้ำทะเล ทามกลางเสียงโวยวายของเธอ
"ว้ายยย ไอ้เด็กบ้าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกว่าฉันไม่เล่นไง" หญิงสาวตะโกนใส่ชายหนุ่ม
ตูมมมม
"ฮ่าาาาา" ชายหนุ่มหัวเราะลั่นเมื่อโยนหญิงสาวลงน้ำทะเล
"ไอ้เด็กบ้า นายตายแน่" หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เล่นน้ำทะเลกันจนพระอาทิตย์เกือบตกดิน
หลังขึ้นมาจากการเล่นน้ำทะเลทั้งคู่ก็มานั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน เมื่อดูพระอาทิตย์ตกดินเสร็จ ก็เดินกลับบ้านพักเพื่ออาบน้ำและกินอาหารเย็นที่ชายหนุ่มสั่งให้แม่บ้านที่คอยดูแลบ้านจัดเตรียมไว้ให้ เมื่อกินอาหารเสร็จชายหนุ่มก็ชวนหญิงสาวไปนอนดูดาวที่ระเบียง
"นานๆ จะได้นอนดูดาว ที่นี่เห็นดาวชัดกว่าที่กรุงเทพฯ อีกนะ นายว่าไหม" เอ่ยถามชายหนุ่มที่นอนดูดาวอยู่ข้างๆ
"แต่อยู่กรุงเทพฯ ผมก็เห็นดาวชัดนะ" ชายหนุ่มหันหน้าไปบอกหญิงสาวที่นอนดูดาวข้างๆ กัน
"จริงเหรอ ฉันเคยออกไปยืนดูที่ระเบียง แต่ก็ไม่เห็นชัดเหมือนที่นี่" หันหน้าไปตอบชายหนุ่มทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ
"ก็คุณไงดวงดาวของผม" ชายหนุ่มบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงละมุนพร้อมกับสบตาหญิงสาวด้วยสายตาที่ทำให้คนมองรู้สึกเหมือนโดนมนตร์สะกด ก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปใกล้ๆ กับใบหน้าของหญิงสาวจากนั้นก็แนบริมฝีปากตัวเองลงไปบนริมฝีปากหญิงสาว จูบหญิงสาวด้วยความอ่อนโยนนานหลายนาที กว่าหญิงสาวจะได้สติก็ตอนที่กำลังจะขาดอากาศหายใจ ทำให้ชายหนุ่มต้องยอมถอนริมฝีปากของตัวเองออกมาเพื่อให้หญิงสาวได้อากาศหายใจ จากนั้นหญิงสาวก็รีบโกยอากาศเข้าปอดทันที เมื่อหายใจเป็นปกติแล้วเธอก็รีบลุกขึ้นหันหลังให้ชายหนุ่มแล้วบอกชายหนุ่มว่า
"นี่มันก็ดึกมากแล้ว แล้วฉันก็ง่วงมาก ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะ" ไม่รอให้ชายหนุ่มได้ตอบอะไรกลับมาก็รีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที เมื่อเข้ามาในห้องแล้วหญิงสาวก็ยกมือขึ้นมากุมหัวใจที่มันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง คิดในใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ทำไมเธอถึงยอมให้ไอ้เด็กบ้านั่นจูบได้ง่ายๆ แบบนั้น แล้วพรุ่งนี้จะมองหน้าไอ้เด็กบ้านั่นยังไง ต่างจากชายหนุ่มที่ยังนอนอมยิ้มอยู่ที่เดิมพลางยกมือขึ้นมาจับที่ริมฝีปากของตัวเอง แล้วคิดในใจว่าอีกไม่นานหรอกสถานะของเขากับเธอต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
และแล้ววันที่ชายหนุ่มรอคอยก็มาถึงสักที หลังจากเลิกงานในเย็นวันศุกร์ ชายหนุ่มก็รีบกลับคอนโดทันทีเพื่อไปเก็บของเตรียมตัวไปเที่ยวทะเลกับหญิงสาว เมื่อจัดการกับกระเป๋าเสร็จก็เดินไปเคาะห้องหญิงสาวก๊อก ๆ ๆ ๆ"มีอะไรเหรอ" เปิดประตูมาพร้อมคำถาม"จะมาถามว่าคุณจัดกระเป๋าเสร็จหรือยัง" ถามอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็กที่จะได้ไปเที่ยว"เสร็จแล้ว" ทำเป็นตื่นเต้นทำยังกับไม่เคยไปเที่ยวทะเล หญิงสาวค่อนขอดในใจ"วันนี้ห้องคุณมีอะไรกินมั้ง ผมยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย หิวมากกก" พูดแล้วก็ทำหน้าตาให้น่าสงสารที่สุดในชีวิต นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มหน้ามึนมาขอข้าวที่ห้องเธอกิน หลังจากที่เธอยอมให้มากินข้าวที่ห้องเธอหลายวันก่อน หลังจากนั้นก็หน้ามึนมาเกือบทุกวัน ถ้าวันไหนไม่มาก็จะส่งข้อความมาบอกว่าเลิกงานดึกไม่ต้องรอ ทำให้ช่วงนี้เธอต้องทำกับข้าวเผื่อชายหนุ่มตลอด "อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันนะ" หญิงสาวหรี่ตามอง"รู้ทันเรื่องอะไร ผมหิวข้าวจริงๆ นะ ปะเข้าห้องกัน" แล้วชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องมาอย่างกับเป็นห้องของตัวเอง แถมเดินไปที่โต๊ะกินข้าวเสร็จสรรพ"คุณไม่มากินข้าวด้วยกันเหรอ" ถามอย่างสงสัยที่หญิงสาวไม่เดินตามมาที่โต๊ะกินข้า
เมื่อถึงเวลานัดชายหนุ่มก็เดินมาเคาะประตูห้องหญิงสาว รอสักพักหญิงสาวก็เปิดประตูออกมา แล้วต่างคนก็ต่างมองการแต่ตัวของอีกฝ่ายเพราะทั้งคู่แต่งตัวเหมือนนัดกันมา ด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นทั้งคู่ ทำให้ชายหนุ่มอดอมยิ้มไม่ได้กับการแต่งตัวของเขากับเธอที่เหมือนคู่รักที่แต่งตัวเหมือนกัน ต่างกับหญิงสาวที่กรอกตาไปมา"ใจเราตรงกันเลยนะ" ชายหนุ่มพูดด้วยความอารมณ์ดี"รอแปป เดียวฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อน" หญิงสาวทำท่าจะปิดประตูไปเปลี่ยนเสื้อ แต่ชายหนุ่มก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที"จะเปลี่ยนทำไมคุณผมว่าน่ารักดีออก รีบไปกันเถอะผมหิวแล้ว" ชายหนุ่มรีบตัดบทกลัวหญิงสาวจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อจริงๆและเดตแรกของเขาและเธอก็คือ หมูกระทะเจ้าเด็ดข้างคอนโดนั่นเอง โดยที่ชายหนุ่มเป็นคนให้หญิงสาวเลือกว่าจะกินอะไรและก็มาจบที่หมูกระทะ หญิงสาวเลือกหมูชุดใหญ่มาหนึ่งชุดก่อนเพราะกลัวกินไม่หมด รอสักพักพนักงานก็นำของมาเสริฟให้ทั้งคู่"ขอบคุณค่ะ""คุณชอบกินหมูกระทะเหรอ" ถามออกไปเพื่อเก็บข้อมูลหญิงสาวให้มากขึ้น"ก็ชอบนะ สมัยเรียนกินบ่อย" ตอบชายหนุ่มไปด้วยคีบเนื้อไปย่างบนเตาไปด้วย"แล้วคุณชอบกินอะไรอีก" พยายามถามข้อมูลให้ได้มากที่สุด
หลังจากกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เรียกพนักงานมาเช็คบิล เมื่อพนักงานบอกราคาเสร็จชายหนุ่มก็หยิบบัตรเครดิตให้พนักงานทันที เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นก็ยื่นเงินค่าอาหารของตัวเองให้ชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยื่นมือมารับเงินที่หญิงสาวยื่นให้ พร้อมบอกกับหญิงสาวว่า"มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง" "นายจะมาเลี้ยงฉันทำไม ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย และอีกอย่างฉันก็ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร โดยเฉพาะนาย" "เลี้ยงข้าวแค่นี้ ผมไม่คิดเป็นบุณคุณหรอก แต่ถ้าคิดเป็นอย่างอื่นก็ไม่แน่" บอกหญิงสาวแบบยิ้มๆ"อย่างอื่นนี่อะไร พูดให้ดีๆ นะ อย่ามาทะลึ่งกับฉัน" พูดพร้อมกับถลึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า"ทะลึ่งอะไรคุณ คิดไปถึงไหน อย่างอื่นที่ผมพูดถึงน่ะ หมายถึงผมอยากขอโอกาสได้ทำความรู้จักกับคุณให้มากขึ้นแค่นั้นเอง" บอกหญิงสาวด้วยใบหน้าจริงจัง"ทำไมนายต้องอยากรู้จักฉันด้วย ฉันไม่เห็นจะอยากรู้จักนายเลยสักนิด" นั่งกอดอกตอบชายหนุ่มตรงหน้า"คุณพูดแบบนี้ ผมน้อยใจนะ" มองค้อนหญิงสาวที่พูดออกมาแบบนั้น เดี๋ยวก่อนเถอะ ถ้าเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนเขาเมื่อไหร่ละก็ ถ้าพูดแบบไม่รักษาน้ำใจกันแบบนี้อีก จะลงโทษให้เข็ดเลยคอยดู"นี่นายให
ณ ร้านอาหาร...หลังจากที่พราวฟ้าทำข้อตกลงกับปราชญ์เรียบร้อย ทั้งสองก็นัดแม่ของตนเองมาฟังข้อตกลงของทั้งคู่ที่ร้านอาหารวันนี้ สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันคือ พ่อของทั้งคู่นั้นได้เสียไปแล้วทั้งคู่ ทำให้เหลือแต่แม่เท่านั้นที่เป็นคนคอยดูแลทั้งคู่มาตั้งแต่เด็ก“สวัสดีค่ะ คุณหญิงป้า” พราวฟ้าเอ่ยทักทายแม่ของชายหนุ่มก่อน เพราะทั้งสองครอบครัวค่อนข้างสนิทกันมาก เนื่องด้วยแม่ของเขาและแม่ชายหนุ่มนั้นเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยสาวๆ“สวัสดีจ๊ะหนูพราวของป้า” เมื่อเจอหน้าพราวฟ้าแม่ของชายหนุ่มก็ตรงเข้าไปกอดหญิงสาวทันทีด้วยความเอ็นดูและอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้“สวัสดีครับ คุณป้า” ชายหนุ่มเองก็รีบยกมือไหว้แม่หญิงสาวเช่นเดียวกัน“ไหว้พระเถอะลูก” ฝากแม่ของพราวฟ้าก็รับไหว้ชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และหมายมั่นว่าจะต้องได้ชายหนุ่มตรงหน้ามาเป็นลูกเขยให้ได้หลังจากทักทายกันเสร็จ ทั้งหมดก็ลงมือสั่งอาหาร และระหว่างรออาหารอยู่นั้น ก็เป็นพราวฟ้าที่เริ่มบทสนทนาก่อน“คุณแม่ คุณหญิงป้าค่ะ ที่พราวกับปราชญ์นัดมาทานข้าวกันวันนี้ พราวกับปราชญ์มีเรื่องจะบอกค่ะ” หญิงสาวเว้นจังหวะแล้วมองหน้าชายหนุ่มให้พูดต่อ ชายหนุ่มพยักหน้ารับพ
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็ครุ่นคิดหาวิธีที่จะทำให้เข้าถึงตัวหญิงสาวแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อนเพราะดูจากสถานการณ์แล้ว หญิงสาวคงไม่เปิดใจง่ายๆ แน่ แต่ชายหนุ่มคิดว่า ไม่เป็นไรยังไงความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั้น ชายหนุ่มคิดอย่างมุ่งมั่นเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ชายหนุ่มจึงคิดว่าจะออกไปเดินดูหาต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่เขากำลังฮิตสัก 2-3 ต้น เพื่อเอามาฝากสาวตรงข้ามห้องไว้เป็นของดูต่างหน้า เมื่อเปิดประตูห้องออกมาก็เป็นเวลาเดียวกับที่ห้องตรงข้ามก็เปิดประตูออกมาเช่นกัน ทำให้ทั้งสองสบตากันโดยบังเอิญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน"จะออกไปไหนแต่เช้าเลยครับ" "ไปซื้อของ" ตอบชายหนุ่มเสร็จก็เดินออกมาทันที ซึ่งชายหนุ่มก็รีบเดินตามหลังมาอย่างเงียบๆเมื่อลงมาถึงชั้นล่างหญิงสาวก็เดินออกไปขึ้นรถเมย์หน้าปากซอย เพราะคิดว่าถ้าเอารถไปจะหาที่จอดยาก เลยคิดว่าไปรถเมย์ดีกว่าสะดวกดี ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็เดินตามหญิงสาวมา เมื่อเห็นหญิงสาวขึ้นรถเมย์สายที่จะไปแหล่งซื้อขายต้นไม้ที่ตนเองคิดไว้ก็รีบขึ้นตาม และยังรีบไปนั่งข้างๆ หญิงสาวทันที แล้วคิดในใจว่าพรหมลิขิตชัดๆ แล้วนั่งอ
กว่าจะคิดพล็อตนิยายเรื่องใหม่ได้ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า ทำให้นักเขียนสาวตื่นเกือบเที่ยงวัน เมื่อลากตัวเองออกจากเตียงนอนได้แล้วพร้อมกับทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาหาของกินในครัวให้อิ่มท้อง เพื่อเตรียมตัวเริ่มเขียนนิยายหลังจากวางพล็อตเรื่องเสร็จ เมื่อทุกอย่างพร้อมเสร็จแล้วนักเขียนสาววัยเลขสามก็เริ่มเขียนนิยายทันที โดยแต่งตามจินตนาการและประสบการณ์ทั้งหมดที่มีและตามแนวโครงเรื่องที่วางไว้ ด้านชายหนุ่มตรงข้ามห้องหลังจากเลิกงานก็แวะหาซื้อของกินเพื่อกลับไปกินที่ห้อง โดยไม่ลืมที่จะซื้อไปฝากหญิงสาวที่อยู่ห้องตรงข้ามด้วย เพราะชายหนุ่มคิดว่าจะเดินหน้าจีบหญิงสาวห้องตรงข้ามให้ติดและทำทุกอย่างให้หญิงสาวยอมตกลงคบกับตัวเองให้ได้ และชายหนุ่มยังได้คติมาใหม่คือ ตื้อเข้าไว้หน้าด้านเข้าไว้หน้ามึนเข้าไว้ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนแล้วนับประสาอะไรกับใจคน จะไม่หวั่นไหวบ้างให้มันรู้ไปก๊อก ๆ ๆ ๆเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นทำให้นักเขียนสาวต้องเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโน๊ตบุ๊ค พลางคิดว่าใครมาเคาะประตูรบกวนเวลาเขียนนิยายของเธอเนี่ย เมื่อเสียงเคาะประตูดังอีกครั้งทำให้เธอต้องลุกขึ้นไปดู แต่เมื่อเปิดป