หลังจากกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เรียกพนักงานมาเช็คบิล เมื่อพนักงานบอกราคาเสร็จชายหนุ่มก็หยิบบัตรเครดิตให้พนักงานทันที เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นก็ยื่นเงินค่าอาหารของตัวเองให้ชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยื่นมือมารับเงินที่หญิงสาวยื่นให้ พร้อมบอกกับหญิงสาวว่า
"มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง"
"นายจะมาเลี้ยงฉันทำไม ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย และอีกอย่างฉันก็ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร โดยเฉพาะนาย"
"เลี้ยงข้าวแค่นี้ ผมไม่คิดเป็นบุณคุณหรอก แต่ถ้าคิดเป็นอย่างอื่นก็ไม่แน่" บอกหญิงสาวแบบยิ้มๆ
"อย่างอื่นนี่อะไร พูดให้ดีๆ นะ อย่ามาทะลึ่งกับฉัน" พูดพร้อมกับถลึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า
"ทะลึ่งอะไรคุณ คิดไปถึงไหน อย่างอื่นที่ผมพูดถึงน่ะ หมายถึงผมอยากขอโอกาสได้ทำความรู้จักกับคุณให้มากขึ้นแค่นั้นเอง" บอกหญิงสาวด้วยใบหน้าจริงจัง
"ทำไมนายต้องอยากรู้จักฉันด้วย ฉันไม่เห็นจะอยากรู้จักนายเลยสักนิด" นั่งกอดอกตอบชายหนุ่มตรงหน้า
"คุณพูดแบบนี้ ผมน้อยใจนะ" มองค้อนหญิงสาวที่พูดออกมาแบบนั้น เดี๋ยวก่อนเถอะ ถ้าเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนเขาเมื่อไหร่ละก็ ถ้าพูดแบบไม่รักษาน้ำใจกันแบบนี้อีก จะลงโทษให้เข็ดเลยคอยดู
"นี่นายให้มันน้อยๆ หน่อย"
"ผมพูดจริงนะ ที่ผมบอกว่าจะจีบคุณ แล้วผมก็บอกคุณไว้ตรงนี้เลยว่าผมพูดจริงทำจริงและผมจะทำทุกอย่างให้คุณใจอ่อนยอมคบผมให้ได้" พูดกับหญิงสาวอย่างมุ่งมั่นตั้งใจว่าจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้
"ฉันบอกนายไปแล้วไงว่าฉันไม่......." ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ชายหนุ่มก็เอ่ยออกมาก่อน
"ผมรู้ ผมแค่อยากจะขอโอกาสจากคุณ ถ้าผมทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว แต่คุณก็ยังไม่ใจอ่อนให้ผม ผมจะถอยออกมาเองและจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตคุณอีก"
"ฉัน..." เมื่อเจอมาดจริงจังไม่มีล้อเล่นของชายหนุ่ม ก็ทำให้หญิงสาวไปไม่เป็นเหมือนกัน
"ผมไม่ได้ขอให้คุณเปิดใจให้ผมตอนนี้ ผมแค่ขอโอกาสจากคุณเท่านั้น อย่าพึ่งปฏิเสธผมเลย ให้ผมได้ทำให้คุณเห็นถึงความจริงใจของผมก่อน ผมขอแค่นั้น" ชายหนุ่มสบตากับหญิงสาว เพื่อให้เธอเห็นความตั้งใจและความจริงใจของเขาจากทางสายตา
"ฉันแค่ไม่อยากให้นายมาเสียเวลากับฉัน นายยังเด็กยังต้องเจอคนอีกมากและฉันก็เชื่อว่านายจะต้องเจอคนที่ดีที่เหมาะสมกับนายมากกว่าฉัน เพราะฉันรู้ตัวเองดีว่าฉันไม่เหมาะสมไม่คู่ควรกับใครหรอก"
"คุณเอาอะไรมาคิดมาตัดสินใจแทนผม อายุเหรอ ผมเด็กกว่าคุณแล้วไง ถึงผมจะเด็กกว่าคุณแต่ผมก็มีความคิดนะ และอีกอย่างคุณรู้ได้ไงว่าตัวเองไม่เหมาะสมไม่คู่ควรกับผม คุณลองคบกับผมแล้วเหรอ"
"ทำไมนายเป็นคนเข้าใจอะไรยากแบบนี้นะ" เธอพูดกับชายหนุ่มอย่างอ่อนใจ
"ผมว่าคุณต่างหากที่เข้าใจอะไรยาก ไม่ใช่ผม" ชายหนุ่มเถียงกับทันที
"ตกลงนายจะขอโอกาสจากฉันให้ได้เลยใช่ไหม" ถามกลับอย่างจริงจัง
"ใช่" ตอบหญิงสาวอย่างมั่นใจโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
"งั้นก็ได้ ฉันให้เวลานาย 6 เดือน ถ้าภายใน 6 เดือน นายไม่สามารถทำให้ฉันใจอ่อนยอมคบกับนายได้ นายต้องออกไปจากชีวิตฉัน" หญิงสาวเสนอข้อตกลงกับชายหนุ่ม แล้วคิดในใจว่าเวลาแค่ 6 เดือน ชายหนุ่มไม่มีทางทำให้เธอใจอ่อนได้แน่นอน เธอคิดอย่างมั่นใจ แต่ใครจะรู้เลยว่าข้อเสนอที่ตัวเองเสนอไปอย่างมั่นใจนั้นจะผูกมัดเธอกับเขาไว้ตลอดไป
"โอเค ตกลงตามนี้ครับ" เมื่อได้ฟังข้อเสนอของหญิงสาว ชายหนุ่มก็ตอบตกลงทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา แค่เธอให้โอกาสก็พอ ที่เหลือเขาจัดการได้ ชายหนุ่มคิดอย่างมาดหมายว่ามีเวลาให้ทำคะแนนให้จีบตั้ง 6 เดือน หลังจากนี้คุณตั้งรับผมให้ดีๆ ก็แล้วกัน เพราะถ้าคุณพลาดเมื่อไหร่คุณเสร็จผมแน่ ระวังตัวไว้เถอะแม่สาวเหลือน้อย
หลังจากทำข้อตกลงกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่ก็เดินมารอรถเมย์เพื่อกลับคอนโด เมื่อเดินทางมาถึงคอนโดต่างคนก็ต่างแยกย้ายเข้าห้องของตัวเองไป โดยหญิงสาวกลับไปเขียนนิยายของตัวเองต่อไม่ได้คิดถึงหรือสนใจชายหนุ่มที่พึ่งทำข้อตกลงกับตัวเองไป ต่างกับชายหนุ่มที่กำลังคิดและเตรียมตัวให้พร้อมกับการเผด็จศึกหญิงสาวให้สำเร็จ โดยชายหนุ่มคิดว่าจะค่อยเป็นค่อยไปก่อน จะไม่รีบรุกหญิงสาวมากไป ทำตัวเหมือนน้ำซึมบ่อทราย ค่อยๆ แทรกซึมไปทีละนิดทีละนิดไม่เกิน 6 เดือนเต็มแน่นอน เริ่มจากชวนไปหาอะไรกินเย็นนี้เลยแล้วกัน ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรชวนหญิงสาว แต่เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็ทำให้นึกได้ว่าไม่มีทั้งเบอร์ทั้งไลน์ของหญิงสาว คิดได้ดังนั้นก็อยากจะเคาะหัวตัวเองจริงๆ ที่มัวแต่ดีใจที่หญิงสาวเปิดโอกาสให้จนลืมขอเบอร์กับขอไลน์ไว้ เมื่อคิดได้ก็เดินไปเคาะประตูห้องหญิงสาวทันที
ก๊อก ๆ ๆ ๆ
"ว่าไง"
"ทักแบบนี้ ผมเสียใจนะ" พูดด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ
"ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายเดินมาเคาะห้องดิฉันเนี่ย มีธุระอะไรหรือเปล่าค่ะ" ชายหนุ่มทำหน้าเซ็ง เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดจาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ถือสาคิดว่าปล่อยไปก่อน แล้วยื่นมือถือของตัวเองไปตรงหน้า หญิงสาวก้มมองโทรศัพท์ในมือชายหนุ่มที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างสงสัย พร้อมกับเอ่ยปากถามออกไป
"นายเอาโทรศัพท์มายื่นให้ฉันทำไม"
"ก็ผมยังไม่มีทั้งเบอร์ทั้งไลน์คุณเลย"
"แล้ว ??" ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างอ่อนใจ นี่เธอแกล้งไม่รู้หรือเธอไม่รู้จริงๆ ว่าคนจะจีบกันมันต้องมีเบอร์มีไลน์ไว้ติดต่อกันไม่งั้นจะจีบจะคุยกันยังไง
"ก็ถ้าผมไม่มีทั้งเบอร์ทั้งไลน์คุณ ผมจะจีบคุณได้ไง"
"มันจำเป็นด้วยเหรอ ห้องก็อยู่ตรงข้ามกันแค่นี่เอง ปกติถ้ามีอะไรนายก็มาเคาะห้องฉันอยู่แล้ว" หญิงสาวบอกออกไปอย่างที่คิด
"จำเป็นสิ จำเป็นมากด้วย" เมื่อชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ทำให้หญิงสาวครุ่นคิดสักพัก แล้วก็พยักหน้าหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์ตัวเองลงในเครื่องแล้วยื่นไปคืนชายหนุ่ม พร้อมหันหลังจะปิดประตูแต่ชายหนุ่มดันไว้ไม่ให้ปิดเสียก่อน
"อะไรอีก" ถามออกมาด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญนิดๆ
"แล้วมือถือคุณล่ะ"
"มือถือฉันทำไม" ถามออกไปอย่าง งงๆ
"ผมขอเช็คดูหน่อยว่าคุณไม่ได้ให้เบอร์ผมมามั่วๆ" เมื่อหญิงสาวได้ฟังก็กรอกตาไปมา แล้วเดินกลับเข้าห้องเพื่อไปหยิบโทรศัพท์มาให้ชายหนุ่มจะได้จบๆ เธอจะได้กลับไปทำงานของเธอต่อสักที เมื่อได้โทรศัพท์ของหญิงสาวมา ชายหนุ่มก็ทำการโทรเข้าทันที เมื่อเช็คแล้วว่าเป็นเบอร์ของหญิงสาวจริงๆ ก็จัดการเมมชื่อและแอดไลน์ตัวเองลงในเครื่องหญิงสาวทันที พร้อมส่งรูปตัวเองไปในเครื่องหญิงสาวเพื่อตั้งเป็นรูปโปรไฟล์เวลาโทรเข้าโทรออกจะได้เห็นหน้าเขาตลอด เมื่อจัดการเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของพร้อมรอยยิ้มเท่ๆ ส่งให้หญิงสาว
"มีอะไรอีกไหม" ถามออกไปอย่างประชดประชัน
"มี" ชายหนุ่มก็ตอบกลับทันทีเหมือนกัน
"อะไรอีก ฉันว่านายชักจะเยอะไปละนะ" เธอเริ่มจะโมโหกับความเยอะของเขาละนะ
"อย่าพึ่งโมโหสิคุณ ผมแค่จะชวนคุณไปกินข้าวตอนเย็น" ชายหนุ่มรีบบอกก่อนที่หญิงสาวจะโมโหและไม่พอใจไปมากกว่านี้ เมื่อได้ฟังชายหนุ่มพูดก็พยักหน้าเข้าใจ
"อืม ๆ แต่ฉันขอใกล้ๆ แถวนี้นะ ฉันขี้เกียจไปไกลๆ"
"ครับผม แถวๆ นี้แหละไม่ไกลแน่นอน งั้นเย็นนี้ประมาณ 6 โมงผมมารับนะ" ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงดีใจที่หญิงสาวไม่ปฏิเสธ นึกว่าต้องใช้แผนสำรองสะแล้วถ้าหญิงสาวปฏิเสธ เมื่อชายหนุ่มบอกแถวๆ นี้ หญิงสาวก็พยักหน้าให้ชายหนุ่ม แล้วต่างคนก็ต่างแยกเข้าห้องตัวเอง
ฝากกดติดตาม ฝากกดใจ ฝาก comment เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะค่ะ
หลังจากกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เรียกพนักงานมาเช็คบิล เมื่อพนักงานบอกราคาเสร็จชายหนุ่มก็หยิบบัตรเครดิตให้พนักงานทันที เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นก็ยื่นเงินค่าอาหารของตัวเองให้ชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยื่นมือมารับเงินที่หญิงสาวยื่นให้ พร้อมบอกกับหญิงสาวว่า"มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง" "นายจะมาเลี้ยงฉันทำไม ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย และอีกอย่างฉันก็ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร โดยเฉพาะนาย" "เลี้ยงข้าวแค่นี้ ผมไม่คิดเป็นบุณคุณหรอก แต่ถ้าคิดเป็นอย่างอื่นก็ไม่แน่" บอกหญิงสาวแบบยิ้มๆ"อย่างอื่นนี่อะไร พูดให้ดีๆ นะ อย่ามาทะลึ่งกับฉัน" พูดพร้อมกับถลึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า"ทะลึ่งอะไรคุณ คิดไปถึงไหน อย่างอื่นที่ผมพูดถึงน่ะ หมายถึงผมอยากขอโอกาสได้ทำความรู้จักกับคุณให้มากขึ้นแค่นั้นเอง" บอกหญิงสาวด้วยใบหน้าจริงจัง"ทำไมนายต้องอยากรู้จักฉันด้วย ฉันไม่เห็นจะอยากรู้จักนายเลยสักนิด" นั่งกอดอกตอบชายหนุ่มตรงหน้า"คุณพูดแบบนี้ ผมน้อยใจนะ" มองค้อนหญิงสาวที่พูดออกมาแบบนั้น เดี๋ยวก่อนเถอะ ถ้าเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนเขาเมื่อไหร่ละก็ ถ้าพูดแบบไม่รักษาน้ำใจกันแบบนี้อีก จะลงโทษให้เข็ดเลยคอยดู"นี่นายให
ณ ร้านอาหาร...หลังจากที่พราวฟ้าทำข้อตกลงกับปราชญ์เรียบร้อย ทั้งสองก็นัดแม่ของตนเองมาฟังข้อตกลงของทั้งคู่ที่ร้านอาหารวันนี้ สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันคือ พ่อของทั้งคู่นั้นได้เสียไปแล้วทั้งคู่ ทำให้เหลือแต่แม่เท่านั้นที่เป็นคนคอยดูแลทั้งคู่มาตั้งแต่เด็ก“สวัสดีค่ะ คุณหญิงป้า” พราวฟ้าเอ่ยทักทายแม่ของชายหนุ่มก่อน เพราะทั้งสองครอบครัวค่อนข้างสนิทกันมาก เนื่องด้วยแม่ของเขาและแม่ชายหนุ่มนั้นเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยสาวๆ“สวัสดีจ๊ะหนูพราวของป้า” เมื่อเจอหน้าพราวฟ้าแม่ของชายหนุ่มก็ตรงเข้าไปกอดหญิงสาวทันทีด้วยความเอ็นดูและอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้“สวัสดีครับ คุณป้า” ชายหนุ่มเองก็รีบยกมือไหว้แม่หญิงสาวเช่นเดียวกัน“ไหว้พระเถอะลูก” ฝากแม่ของพราวฟ้าก็รับไหว้ชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และหมายมั่นว่าจะต้องได้ชายหนุ่มตรงหน้ามาเป็นลูกเขยให้ได้หลังจากทักทายกันเสร็จ ทั้งหมดก็ลงมือสั่งอาหาร และระหว่างรออาหารอยู่นั้น ก็เป็นพราวฟ้าที่เริ่มบทสนทนาก่อน“คุณแม่ คุณหญิงป้าค่ะ ที่พราวกับปราชญ์นัดมาทานข้าวกันวันนี้ พราวกับปราชญ์มีเรื่องจะบอกค่ะ” หญิงสาวเว้นจังหวะแล้วมองหน้าชายหนุ่มให้พูดต่อ ชายหนุ่มพยักหน้ารับพ
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็ครุ่นคิดหาวิธีที่จะทำให้เข้าถึงตัวหญิงสาวแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อนเพราะดูจากสถานการณ์แล้ว หญิงสาวคงไม่เปิดใจง่ายๆ แน่ แต่ชายหนุ่มคิดว่า ไม่เป็นไรยังไงความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั้น ชายหนุ่มคิดอย่างมุ่งมั่นเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ชายหนุ่มจึงคิดว่าจะออกไปเดินดูหาต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่เขากำลังฮิตสัก 2-3 ต้น เพื่อเอามาฝากสาวตรงข้ามห้องไว้เป็นของดูต่างหน้า เมื่อเปิดประตูห้องออกมาก็เป็นเวลาเดียวกับที่ห้องตรงข้ามก็เปิดประตูออกมาเช่นกัน ทำให้ทั้งสองสบตากันโดยบังเอิญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน"จะออกไปไหนแต่เช้าเลยครับ" "ไปซื้อของ" ตอบชายหนุ่มเสร็จก็เดินออกมาทันที ซึ่งชายหนุ่มก็รีบเดินตามหลังมาอย่างเงียบๆเมื่อลงมาถึงชั้นล่างหญิงสาวก็เดินออกไปขึ้นรถเมย์หน้าปากซอย เพราะคิดว่าถ้าเอารถไปจะหาที่จอดยาก เลยคิดว่าไปรถเมย์ดีกว่าสะดวกดี ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็เดินตามหญิงสาวมา เมื่อเห็นหญิงสาวขึ้นรถเมย์สายที่จะไปแหล่งซื้อขายต้นไม้ที่ตนเองคิดไว้ก็รีบขึ้นตาม และยังรีบไปนั่งข้างๆ หญิงสาวทันที แล้วคิดในใจว่าพรหมลิขิตชัดๆ แล้วนั่งอ
กว่าจะคิดพล็อตนิยายเรื่องใหม่ได้ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า ทำให้นักเขียนสาวตื่นเกือบเที่ยงวัน เมื่อลากตัวเองออกจากเตียงนอนได้แล้วพร้อมกับทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาหาของกินในครัวให้อิ่มท้อง เพื่อเตรียมตัวเริ่มเขียนนิยายหลังจากวางพล็อตเรื่องเสร็จ เมื่อทุกอย่างพร้อมเสร็จแล้วนักเขียนสาววัยเลขสามก็เริ่มเขียนนิยายทันที โดยแต่งตามจินตนาการและประสบการณ์ทั้งหมดที่มีและตามแนวโครงเรื่องที่วางไว้ ด้านชายหนุ่มตรงข้ามห้องหลังจากเลิกงานก็แวะหาซื้อของกินเพื่อกลับไปกินที่ห้อง โดยไม่ลืมที่จะซื้อไปฝากหญิงสาวที่อยู่ห้องตรงข้ามด้วย เพราะชายหนุ่มคิดว่าจะเดินหน้าจีบหญิงสาวห้องตรงข้ามให้ติดและทำทุกอย่างให้หญิงสาวยอมตกลงคบกับตัวเองให้ได้ และชายหนุ่มยังได้คติมาใหม่คือ ตื้อเข้าไว้หน้าด้านเข้าไว้หน้ามึนเข้าไว้ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนแล้วนับประสาอะไรกับใจคน จะไม่หวั่นไหวบ้างให้มันรู้ไปก๊อก ๆ ๆ ๆเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นทำให้นักเขียนสาวต้องเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโน๊ตบุ๊ค พลางคิดว่าใครมาเคาะประตูรบกวนเวลาเขียนนิยายของเธอเนี่ย เมื่อเสียงเคาะประตูดังอีกครั้งทำให้เธอต้องลุกขึ้นไปดู แต่เมื่อเปิดป
21.30 น ณ ผับดังย่านกลางเมือง มีสาวสวยคนนึงกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ด้วยว่าที่บ้านจะบังคับให้เธอแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักและสาวสวยคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พราวฟ้า บก สาวสวยนั้นเอง ที่กำลังเคร่งเครียดหลังจากที่คุณนายแม่โทรมาบอกว่าเธอต้องแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนแม่ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น ไอ้ปลาไหล จอมเจ้าชู้อย่างนายปราชญ์ ไอ้เด็กตัวอ้วนที่เธอเคยบอกว่าไม่มีทางแต่งงานด้วยอย่างเด็ดขาดนั่นเอง“เฮ้ยย...” เสียงถอนหายใจดังขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีที่ครึกโครม พลางคิดในใจว่าทำไมครอบครัวของเธอถึงต้องมาบังคับให้เธอแต่งงานกับไอ้บ้านั่นด้วย ทั้ง ๆ ที่ไอ้หมอนั่นแสนจะเจ้าชู้ควงสาวไม่เลือก แต่ทำไมแม่ของเธอถึงยังบังคับให้เธอแต่งงานกะไอ้หมอนั้นอีก“อ้าว นึกว่าสาวสวยที่ไหนมานั่งกินเหล้าคนเดียว ที่แท้ก็คุณหนูพราวฟ้านั่นเอง” เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้พราวฟ้าหันหน้าไปมอง แล้วก็พบกับไอ้คนที่เธอไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด“ถ้าจะมากวนประสาทละก็ มาทางไหนก็ใสหัวกลับไปทางนั้นสะ” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว“เธอคงลืมไปว่านี่มันผับฉัน แล้วเธอจะไล่ฉันไปไหนล่ะ”” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย
หลังกลับมาจากเที่ยวเมื่อคืน นักเขียนสาวตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการมึนหัวนิดๆ เพราะดื่มเยอะไปนิด ประกอบกับที่วันนี้ไม่มีงานอะไรด่วน ทำให้วันนี้นักเขียนสาวอยู่บนเตียงทั้งวันไม่ลุกไปไหน นอกจากเข้าห้องน้ำด้านอีกฟากของห้องที่อยู่ตรงข้าม มีชายหนุ่มหล่อหน้าตาดีที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้วันแรกกำลังเตรียมตัวที่จะออกไปทำงาน ซึ่งชายหนุ่มคนนี้คือ เป็ก พีระวัฒน์ ลูกชายเจ้าของบริษัทเกี่ยวกับการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฐานะร่ำรวย แต่ชอบใช้ชีวิตธรรมดาเป็นลูกจ้างบริษัทขนาดกลาง ไม่ยอมไปทำงานให้กับบริษัทที่บ้านแต่ออกมาทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้าให้กับบริษัทหนึ่งตามที่เรียนมา โดยให้เหตุผลกับที่บ้านว่าต้องการหาประสบการณ์ก่อนที่จะไปทำงานให้ที่บ้าน“พี่เป็กออกมายังพี่ หัวหน้าถาม” เสียงรุ่นน้องดังมาตามสาย“เออ กำลังไป มีอะไรด่วนงั้นเหรอ” ถามกลับด้วยความสงสัย“ไม่รู้แต่หัวหน้าถามหาพี่”“เออๆ บอกหัวหน้าว่ากำลังไป” หลังจากวางสายรุ่นน้องในที่ทำงาน หนุ่มหล่อประจำบริษัทจึงรีบออกไปทันที เมื่อมาถึงบริษัทก็รีบไปหาหัวหน้างานทันที ซึ้งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นรุ่นพี่ที่เรียนมาด้วยกันและเป็นเจ้าของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่ก๊อก ๆ ๆ ๆ“เข้าม