ภาวินทร์หันไปมองคนที่พูด ลักษิกายังไม่ทิ้งความปากเปราะที่ชอบพูดขยี้จิตใจคนอื่น แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะทำอะไรเขาไม่ได้เพราะภาวินทร์ไม่แม้แต่จะไปหยิบดูเลยด้วยซ้ำ
“เอาไปทิ้งให้หมด”
“อะไรนะคะ ทิ้งหมดนี่เลยเหรอคะ”
“เอาเก็บไว้ทำไมล่ะ ขยะก็ต้องทิ้งถูกแล้วนี่”
“ขยะเหรอคะ แต่ว่านี่… บางชิ้นเหมือนจะเป็นของแบรนด์เนมเลยนะคะ”
“ขยะก็คือขยะ เก็บไว้ทำไมหรือถ้าเธอเสียดายก็เก็บไปขายสิ น่าจะได้หลายพันอยู่นะ”
“ฉันไม่ใช่ขโมยนะคะ”
“ก็ถึงได้บอกให้เอาไปทิ้งยังไงล่ะ ฟังไม่รู้เรื่องเหรอยัยลูกแกะน้อย”
“ฉันไม่ใช่...”
“รีบเอาไปทิ้งจะได้พาไปกินข้าว”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ทำงานเสร็จแล้วมิวขอตัวกลับเลยนะคะวันนี้มีนัดต่อ”
“อะไรนะ มีนัดเหรอ?”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้น…”
เธอรวบห่อบนโต๊ะทั้งหมดใส่กระเป๋าไปอีกครั้ง ภาวินทร์ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขามอบหน้าที่นี้ให้เธอจัดการแล้ว
“อันนี้มิวขอนะคะ แล้วก็ขอตัวเลยค่ะเจอกันวันพุธ”
“มีนัดกับใคร”
“เรื่องส่วนตัวค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
เธอไม่ตอบยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด เธอยิ้มก่อนจะออกไปพร้อมกับถุงขยะย่อม ๆ โดยทิ้งเขาให้ยืนโมโหอยู่ที่เดิมก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อมองดูว่าเธอขึ้นรถอะไรกลับบ้าน
สักพักเมื่อเธอเดินลงไปเขาก็เห็นว่าลักษิกาเดินถือห่อเครื่องประดับนั้นเอาไปให้ป้าแม่บ้านที่ตึก สีหน้าของแม่บ้านคนนั้นดีใจเมื่อเห็นของพร้อมกับขอบคุณเธอและได้โอกาสฝากถุงขยะแม่บ้านไปทิ้งก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถ ทำเอาภาวินทร์หันมาขำ
“ให้ตายสิยัยลูกแกะ ที่แท้ก็เอาไปทำแบบนี้เองน่ะเหรอ”
วันถัดมา / หอสมุด
ภาวินทร์เดินเอาหนังสือมาคืนตามที่ชินกรขอเพราะวันนี้เขาต้องไปต่างจังหวัดจึงได้เอาหนังสือมาฝากไว้ที่เขา เมื่อภาวินทร์เดินเข้ามาในหอสมุดแน่นอนว่าเขาตกเป็นเป้าสายตาของสาว ๆ ในนี้ทันทีเพราะแทบจะไม่เคยมีใครเห็นเขาที่นี่เลย
“ยัยลูกแกะ คืนหนังสือหน่อย”
มิวเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าโมโหจนแดงก่ำแต่เพราะที่นี่เป็นหอสมุดที่เสียงดังไม่ได้เธอจึงได้แต่กระชากหนังสือจากมือเขาออกมาแต่ก็โชคร้ายที่ทำให้หนังสือนั้นบาดมือภาวินทร์จนเลือดออก
“โอ๊ะ…ซี้ด คมชะมัด เธอตั้งใจใช่ไหมเนี่ย”
“เอ๊ะ โดนบาดเหรอคะขอโทษนะคะ มานั่งตรงนี้ก่อนค่ะเดี๋ยวมิวจะทำแผลให้”
เธอเองก็ไม่นึกว่าเขาจะโดนบาดจนเลือดออกแบบนั้น มิวรีบคว้ากล่องอุปกรณ์และดึงภาวินทร์มานั่งทำแผลที่โต๊ะด้านหลัง เขาแอบสังเกตเธอผ่านแว่นตาที่หนานั่น เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าแว่นตาของเธอไม่น่ารำคาญอีกต่อไป เพราะเขาไม่นึกอยากจะให้คนอื่นเห็นเธอเวลาที่มิวไม่ใส่แว่นสักเท่าไหร่
“เจ็บไหมคะ ใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลก่อนแล้วเดี๋ยวจะใส่ยาให้นะคะ”
“เจ็บสิ ทำไมต้องกระชากแรงขนาดนั้นด้วย พี่ก็อุตส่าห์พูดดี ๆ แล้วนะ”
“ขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าหนังสือมันจะคมขนาดนั้น”
“ก็กระชากแรงขนาดนั้น”
“ก็… ช่างเถอะ เสร็จแล้วค่ะ”
“มีอุปกรณ์ทำแผลติดตัวมาด้วยสมกับเป็นนักศึกษาพยาบาลจริง ๆ แฮะ”
“ขอตัวก่อนนะคะ”
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ก็นั่งมองเธอจัดการกับหนังสือที่เขาเอามาคืนและให้บริการคนที่มาใช้บริการในหอสมุด กว่าจะรู้ตัวก็เกือบสองชั่วโมงที่เธอจะเดินไปทานข้าว
“พักแล้วเหรอ”
“พี่วินทร์ ยังไม่กลับอีกเหรอคะ”
“เอ่อ… ยังต้องหาหนังสือน่ะไม่เป็นไรค่อยหาช่วงบ่ายไปสิ หาข้าวกินกัน”
“แต่ว่า… ที่นี่มหาลัยนะคะแล้วอีกอย่างพี่ไม่ต้อง…”
“ไอ้วินทร์! ฉิบหายมาอยู่นี่เองกูกับไอ้ธิศก็หาไปเถอะ อ้าวน้องแว่นมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
เมื่อมิวเห็นเพื่อน ๆ เขาอีกสองคนเดินมาเธอก็หันไปคว้ากระเป๋าและเดินออกไปทันทีโดยไม่พูดอะไรอีก
“อะไรวะ พูดด้วยดี ๆ ก็ไม่ตอบนี่ยัยเด็กนี่แค้นฝังใจเกินไปนะเนี่ย”
“ไอ้วินทร์ มึงมาทำอะไรที่นี่วะ แล้วนั่นมือมึงไปโดนอะไรมาถึงได้มีแผล”
“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ ไปเถอะหาข้าวกิน”
“เออ กูหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ยรีบไปเหอะ ไปกินที่คณะมนุษย์กันอาหารที่นั่นอร่อย”
“อย่ามาพูดว่าอาหารอร่อย มึงจะไปเหล่สาว ๆ สิไม่ว่าไอ้ภัทร ไอ้คนเจ้าชู้”
“พวกมึงไปเถอะ กูจะกินแค่ข้างตึกนี่แหละเดี๋ยวต้องมาหาหนังสือต่อ”
“อะไรนะ ไอ้วินทร์นี่มึงทำโปรเจคเครียดจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอวะ”
“โธ่ไอ้ธิศ มึงก็ถามโง่ ๆ ที่มันไม่อยากไปเพราะไม่อยากเจอโจทก์เก่าน่ะสิ น้อง ๆ ที่นั่นมึงก็รู้ว่าเป็นเด็กเก่ามันกี่คน”
“เออจริงด้วยงั้นกินแถวนี้ก็ได้ ไปเถอะให้ตายตั้งแต่เรียนมาไม่เคยจะเฉียดมาแถวนี้เลยรู้สึกมีความรู้ยังไงไม่รู้แฮะ”
“ปกติวนเวียนอยู่แต่แถวคณะนิเทศกับบริหารสินะ”
ภาวินทร์เดินเข้ามาในโรงอาหารใกล้ตึกหอสมุดซึ่งที่นี่ก็มีโรงอาหารเล็ก ๆ เอาไว้บริการนักศึกษาและคณะอาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่ทำงานตึกใกล้ ๆ และไม่อยากเดินไปที่โรงอาหารกลางของมหาลัยก็มักจะเลือกกินที่นี่
“โอ้โห ใช้ได้เหมือนกันนะ อาหารน่ากินเยอะเลยแถมคนน้อยด้วย”
เพียงแค่พวกเขาเดินเข้ามาก็ได้รับความสนใจจากคนที่นั่งกินอยู่ข้างใน แต่สายตาของภาวินทร์กลับมองหาคนที่พึ่งเดินออกมาจากหอสมุด ไม่นานก็เจอเธอที่ยืนซื้ออาหารและกำลังหาที่นั่งซึ่งเขาก็คาดเดาถูกว่าเธอไปนั่งที่โต๊ะริมกระจกมุมสุดของโรงอาหารเล็ก ๆ นี้คนเดียว
“ไปเถอะ ไปซื้อข้าวกัน”
เขาปล่อยให้เพื่อน ๆ ไปเลือกซื้ออาหารและเลือกโต๊ะนั่งใกล้ ๆ เธอแต่ก็ไม่ได้รบกวน มิวเองก็ไม่ได้สนใจพวกเขาเช่นกันแต่เธอหันมานั่งหันหลังให้พวกเขาแทนซึ่งภาวินทร์เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นทุกครั้งที่เธอมักจะทำอะไรแบบนี้
“แค่มองหน้านิดหน่อยจะเฉาตายหรือไง”
“บ่นอะไรวะ อาหารที่นี่โคตรน่ากินเลยว่ะไอ้วินทร์ วันหลังต้องมากินบ่อย ๆ แล้วดูสิ หมูแม่งชิ้นใหญ่มากแล้วยังมีน้ำน้ำซุปกับน้ำพริกพร้อมผักให้ด้วย มึงมองอะไรวะอยากกินน้ำแข็งไสเหรอ”
นิธิศถามเมื่อเขาหันไปมองที่ภาวินทร์กำลังมองอยู่โดยไม่ทันเห็นคนที่นั่งหันหลังให้พวกเขา แต่มองเห็นร้านน้ำแข็งไสที่อยู่ตรงหน้าลักษิกาแทน
“เปล่า พวกมึงซื้อมาแล้วใช่ไหม แล้วจะไปไหนกันต่อ”
“ก็กลับไปทำรายงานเลย โดดคาบอาจารย์พิชิต”
“อืม”
“แล้วมึงจะกลับไปที่หอสมุดอีกเหรอ นี่เป็นวิธีการเรียกเรตติ้งแบบใหม่เหรอวะไอ้วินทร์ หอสมุดนอกจากหนังสือกับแอร์เย็น ๆ น่านอนแล้วยังมีอะไรดีอีก สาว ๆ ก็ไม่มีให้ดู”
“ถ้าพวกมึงอยากผ่านโปรเจคก็ต้องใช้หนังสือในนั้นช่วยหรือมึงจะไปค้นเองกูจะได้ไม่ทำ ตอนนี้ไอ้กรไม่อยู่มึงจะมาทำแทนมันไหมล่ะกูจะได้กลับไปนอน”
“ไม่เอา ๆ เพื่อนมึงอย่าพูดอะไรน่ากลัวแบบนั้นสิวะ เออ ๆ กูขอโทษ รวบรวมข้อมูลแล้วค่อยพิมพ์ลงเล่มทีเดียว ให้ตายเหอะแล้วใครจะทำวะ เรื่องพิมพ์งานไม่มีใครถนัดเลยสักคน”
ภาวินทร์หันมามองเพื่อนที่กำลังนั่งคิดกันอยู่ ในการทำโปรเจค นอกจากพวกเขาต้องเสียเวลาทำแผ่นพรีเซนต์และข้อมูลสำหรับนำเสนอก็ยังต้องจัดพิมพ์ลงเล่มเพื่อส่งให้อาจารย์
“เห็นพวกกลุ่มอื่น ๆ ก็จ้างพิมพ์นะเพราะต้องพิสูจน์อักษรด้วยแต่กว่าจะเสร็จกลัวจะไม่ทันน่ะสิ กลัวข้อมูลรั่วด้วยเห็นว่าสองปีก่อนก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจนถูกเรียกมาสอบสวนกัน”
“บางคนก็พิมพ์กันเองและตรวจกันเองแบ่งหน้าที่กันทำแต่กูว่าพวกเราอาจจะไม่เวิร์คเพราะในกลุ่มแม่งไม่มีผู้หญิงเลย ไอ้วินทร์หรือว่าจะใช้เด็กมึงสักคน คณะมนุษย์ก็ได้”
สายตาของภาวินทร์ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเมื่อมองแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาถัดไปอีกสี่โต๊ะ
“รอรวบรวมงานเสร็จแล้วเรื่องพิมพ์และจัดรูปเล่มไว้เป็นหน้าที่กูรับผิดชอบเอง ไปซื้อข้าวก่อนถ้าพวกมึงกินเสร็จแล้วก็ไปก่อนได้เลยไม่ต้องรอ”
ภัทรและธิศกินเสร็จแล้วก็เดินออกไปจากโรงอาหารทันที ไม่นานเขาก็เห็นเธอเดินมาสั่งของหวานที่ร้านน้ำแข็งไสตรงหน้าส่วนเขาก็เดินไปสั่งข้าวแกงร้านข้าง ๆ เมื่อเธอเดินกลับไปนั่งที่เดิมเขาจึงเดินตามเธอไปนั่งตรงข้าม มิวถึงกับตกใจเมื่อหันไปมองและเห็นว่าเพื่อนของเขาไปหมดแล้ว“ไม่ต้องมองพวกมันไปหมดแล้ว”“แล้วทำไมต้องมานั่งที่นี่ล่ะคะ”“ก็อยากนั่ง มีเรื่องจะคุยด้วย”“อะไรคะ”“มิวทำพี่เป็นแผล คิดว่าอีกนานคงจะหายดังนั้นคงต้องรับผิดชอบสักหน่อย”“อะไรนะคะ ก็มิว….”เธอลดเสียงลงเมื่อหลาย ๆ คนเริ่มมองมาที่เธอ ทุกคนไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมภาวินทร์หนุ่มสุดหล่อคณะวิศวะที่สาว ๆ เฝ้าฝันว่าอยากจะกินข้าวกับเขาสักมื้อ ทำไมถึงต้องไปเลือกนั่งกับคนหน้าตาเฉิ่มแว่นหนาอย่างมิวคณะพยาบาล คนที่จืดชืดเหมือนกับกาแฟเย็นที่น้ำแข็งละลายผสมจนหมดรสชาติแบบนั้น“เบาหน่อยสิ แต่ว่าพี่ต้องใช้นิ้วมือในการทำโปรเจคแต่ตอนนี้มันบาดเจ็บดังนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่มิวที่จะต้อง…”“อะไรนะคะ เดี๋ยวก่อนนะคะแค่หน้าที่แม่บ้านสามวันต่อสัปดาห์…”"ทุกวันพุธและวันศุกร์ไม่ต้องทำความสะอาด ทำแค่วันจันทร์วันเดียวพอ"“ทำไมล่ะคะ”“เพราะว่าพี่มีงานอื่นให้ทำ”“งา
“มิว แกจะเหนื่อยไปหรือเปล่าถ้าไม่ไหวก็หยุดสักงานเถอะโดยเฉพาะงานที่ไม่ได้เงิน”“แกคิดว่าฉันอยากทำเหรอ แต่เพราะเขารู้ความลับนี้ถ้าหากเขาจะแก้แค้นแล้วบอกเรื่องนี้กับทางมหาลัย ฉันก็ต้องหาเงินมาจ่ายค่าเทอมเองแล้วอีกอย่างก็จะช่วยคุณยายไม่ได้”“มิว… หรือว่าแกจะลองติดต่อพ่อ...”“อย่าพูดถึงเขาเลย”“ก็ได้”แยมไม่พูดต่อเพราะเรื่องนี้เธอรู้ดีว่ามิวไม่มีทางยอมรับ แม้ว่าคุณยายของเธอจะป่วยเป็นโรคหัวใจ แต่มิวไม่เคยขอความช่วยเหลือจากพ่อของเธอเลยสักนิดทั้ง ๆ ที่พ่อของมิวก็เป็นนักธุรกิจและมีบริษัทใหญ่โต แต่เมื่อแม่ของมิวแยกทางกับพ่อมิวก็ไม่เคยติดต่อพ่อของเธออีกเลยสองวันถัดมา / คอนโดภาวินทร์มิวมาทำความสะอาดให้เขาตามที่ตกลงเอาไว้จนครบหนึ่งเดือน แม้ว่าภาวินทร์บอกว่าไม่ต้องทำแล้วแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มงานโปรเจคที่เขาบอกเอาไว้ เธอจึงมาทำให้เขาตามที่ตกลงและได้แลกเบอร์กันเอาไว้เพื่อจะได้สะดวกในการติดต่อ“นี่อะไรคะ”“ค่าจ้างไง คิดว่าพี่จะให้มิวทำฟรี ๆ เหรอ”“แต่นี่มันไม่มากเกินไปเหรอคะ”“ก็ไม่ได้ต่างกับทิปที่ให้ที่ผับนี่นา”“ทำความสะอาดทีละห้าพัน ยอดไปเลยแต่ว่ามิวไม่อยากเอาเปรียบพี่วินทร์หรอกค่ะ”“ไม่เอาใช่ไ
สายตาของภาวินทร์เหมือนจะฆ่าคนได้อยู่แล้วเมื่อนิรุตเพื่อนสนิทของวิทขอร้องให้เขาปล่อยเพื่อน ก่อนที่จะถูกภาวินทร์รัดคอจนตาย“ปล่อยก่อนพี่ ผมจะรีบเล่าให้ฟังเอง”เขาหันไปมองรุตก่อนจะปล่อยวิท และหันมาลากคอรุตไปที่โต๊ะและถามอีกที“มึงรีบเล่ามาก่อนที่กูจะกระทืบมึง”“คืออย่างนี้พี่ ผู้จัดการที่นี่...พี่หญิงน่ะ ถ้ามีเสี่ยคนไหนถูกใจเด็กแกก็จะทาบทามให้ แต่ว่าครั้งนี้เรเน่ไม่ใช่เด็กของแกและเป็นบาร์เทนเดอร์ อีกอย่างเรเน่ไม่ใช่เด็กแบบนั้นพี่หญิงก็เลยวางแผนกับไอ้เสี่ยนั่นจัดปาร์ตี้ลับขึ้นเพื่อจะพาเรเน่…อย่าชกผม!”ภาวินทร์ยั้งมือได้และรีบวิ่งออกไปจากผับทันที เขาไม่เคยรู้สึกรีบร้อนถึงขนาดนี้ โชคดีที่ถนนช่วงนี้โล่งเพราะเป็นวันอาทิตย์ ใช้เวลาแค่สิบนาทีก็มาถึงโรงแรมที่ว่านั่น“มิว!! อยู่ไหนมิว”มิวที่แทบจะหมดแรงเริ่มทนไม่ไหว สาธิตใส่ยากระตุ้นให้เธอกินและตอนนี้เธอก็เริ่มร้อนและหมดแรงแต่ก็ต้องพยายามกลั้นเสียงเอาไว้เพื่อไม่ให้คนที่ตามมาได้ยิน ชุดที่เธอใส่เริ่มเปียกจนเธอไม่สบายตัว“มิว! ได้ยินพี่ไหม มิว!”เขายังวิ่งหาเธอไปทั่วบันไดหนีไฟ ไม่นานก็เห็นเธอยืนหอบอยู่ที่ทางออก แต่พยายามปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียง เ
“อื้อ…ตกลง อ๊ะ”เขาค่อย ๆ เปิดทางและเริ่มสอดใส่เข้าไปพร้อมกับดูดและโลมเลียหน้าอกของเธอไปด้วยเพื่อให้เธอคลายความเจ็บปวดกับครั้งแรกที่อาจจะทำให้เธอเจ็บ เพราะขนาดที่ใหญ่ของเขาอาจจะทำให้เธอบาดเจ็บได้“อ๊ะ!! เดี๋ยวก่อนค่ะ มันเจ็บ โอ๊ย!! มัน อ๊าา…”แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว เสียงที่เธอพยายามขอร้องและเล็บที่เริ่มจิก ข่วนที่หลังของเขากลับทำให้เขายิ่งต้องการเธอมากขึ้นและในที่สุดก็สอดใส่เข้าไปจนสุด“อ๊าา!!”ด้านในที่คับแน่นและตอดรัดเกือบทำให้เขาตายคาอกเธอแทน ตัวเขาสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะผ่านผู้หญิงมากี่คนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จากที่รำคาญและเกลียดลักษิกาจนอยากจะแก้แค้นเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่กล้ายืนด่าเขา จากที่อยากแก้แค้นโดยการแกล้งเธอให้ทำความสะอาดและหลอกให้ช่วยงานโปรเจค แต่ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นเขาที่ตื่นเต้นในการมีเซ็กส์ครั้งแรกกับเธอเสียเอง“แย่แล้ว อาา!!”เขายังไม่ทันขยับแต่ความเสียวจากการบีบรัดนี้ก็ทำให้เขาทนไม่ไหว ไม่คิดว่าเขาจะแตกออกมาได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ไม่ทันได้ขยับเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างก็พึ่งจะสอดเข้าไปเท่านั้นก็ทนไม่ไหวแล้วโชคดีที่อีกฝ่ายไม่ทันได้รู้ตัว เขาค่อย ๆ ดึงอ
วันถัดมามิวค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแต่เธอรู้สึกว่าขยับตัวแทบไม่ได้โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่เอวลงไปนั้นแทบจะไร้ความรู้สึก แต่ที่น่าตกใจมากกว่านั้นกลับเป็นเสียงลมหายใจที่อยู่ข้าง ๆ หูของภาวินทร์ที่นอนอยู่ข้างเธอตอนนี้มากกว่า “เมื่อคืน…”มิวค่อย ๆ ลุกจากเตียงให้เบาที่สุดเพราะตอนนี้ภาวินทร์นอนกอดเธออยู่แต่เขาหลับสนิท เธอค่อย ๆ หันไปมองชุดเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดจนน่าจะใส่ไม่ได้แล้วจึงได้หันมามองเขาอีกครั้ง“มิวไม่ได้ขโมยนะ แค่จะยืมใส่ชั่วคราวเท่านั้นเองมีโอกาสจะเอามาคืน”เธอเดินไปคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบตัวและแอบเปิดตู้เพื่อหาเสื้อเชิ้ตของภาวินทร์มาสวมเอาไว้ลวก ๆ ก่อนจะรีบหันไปหยิบกระเป๋าที่เขาเอาวางให้เธอที่โซฟาในห้องนอนและค่อย ๆ เดินไปที่ประตู มิวกำลังจะบิดลูกบิดออกไปเสียงกระซิบข้างหลังก็ดังขึ้นมา“จะรีบไปไหนเหรอยัยลูกแกะน้อย”มิวยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าประตู เมื่อภาวินทร์เดินมาประชิดตัวเธอ โชคดีที่เขายังใส่กางเกงชุดนอนแม้ว่าจะไม่สวมเสื้อเมื่อยืนอยู่ข้างหลังและใช้มือดันประตูเอาไว้ที่จริงเขาตื่นตั้งแต่มิวค่อย ๆ ลงจากเตียงแล้ว แต่ไม่อยากให้เธอตกใจก็เลยแอบมองดูเธอทำท่าทางน่ารัก ๆ ในห้องเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ
มิวช็อกและนั่งนิ่งไปพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลรื้นออกมาเมื่อฟังเรื่องที่ภาวินทร์พูดจบ ถ้าอย่างนั้นทั้งงานเมื่อคืนนี้ พี่หญิงที่เป็นผู้จัดการที่หันมาให้เธอยอมดื่มกับลูกค้า “ทั้งหมดนั่น…”“มิว ใจเย็น ๆ นะไม่ต้องตกใจตอนนี้ไม่มีใครทำอะไรมิวได้แล้ว”เธอไม่ได้คิดเรื่องนั้นแค่รู้สึกว่าเธอหลงไว้ใจ เชื่อใจคนผิด ทั้งพี่หญิงที่รับเธอเข้าทำงานรอยยิ้มที่มักจะบอกว่าเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวและให้เงินพิเศษในทุก ๆ เดือน กลับเป็นคนพาเธอไปส่งถึงมือเสี่ยบ้าเซ็กส์คนนั้นจนถึงกับยอมให้เธอถูกวางยา หากเมื่อคืนไม่มีภาวินทร์ คนที่เธอนอนด้วยก็คงจะเป็น….“ฮือ…”“ไม่เป็นไรนะมิว ไม่ต้องร้องแล้ว”ภาวินทร์ไม่เคยเห็นเธอในสภาพนี้มาก่อน แม้เขาจะเคยเห็นเวลาผู้หญิงร้องไห้มาบ่อย ๆ จนชินเพราะเธอมักจะใช้มุกนี้เพื่อรั้งเขาแต่กับลักษิกา เธอไม่ได้ใช้มันเพื่อขอให้เขาสงสารหรือเห็นใจ เธอร้องเพราะเสียใจจริง ๆ“มิว ใจเย็น ๆ นะ เรื่องนี้พี่จัดการไปแล้ว”มิวนิ่งเร็วกว่าที่เขาคิดเพราะไม่นานเธอก็ตั้งสติได้จนเขานึกทึ่งกับผู้หญิงคนนี้ สายตาเธอเต็มไปด้วยความโกรธแต่ก็หันมาถามเขาทั้ง ๆ ที่ตาและจมูกแดงเพราะร้องไห้“จริงสิคะ แล้วพี่วินทร์ไปช่วยมิ
มิวนิ่งไปเมื่อภาวินทร์พูดว่าเขาไม่เคยใช้ห้องนั้นเลยสักครั้ง ถ้าอย่างนั้นเครื่องประดับผู้หญิงกับซองเปล่าถุงยางอนามัยที่เธอทำความสะอาดไปวันก่อนก็ไม่ใช่ของเขา“ยิ้มอะไรน่ะ”“เปล่าค่ะ อิ่มแล้วใช่ไหมคะเดี๋ยวมิวจะเก็บแล้วเอาไปล้าง”“มิว… ลาออกจากงานบาร์นั่นเถอะ”มิวนิ่งไปเล็กน้อยแม้ว่าเขาจะไม่บอก เธอก็ไม่คิดจะกลับไปทำงานที่นั่นอีกแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้าง“ค่ะ ถึงพี่วินทร์ไม่พูดมิวก็คงไม่กลับไปทำ”“ถ้างั้น...”“มิวก็หางานใหม่ บาร์เทนเดอร์รายได้ดีและมิวเองก็มีประสบการณ์แล้วน่าจะหาร้านไม่ยากหรอกค่ะ”“นี่ยังคิดจะทำงานแบบนั้นอีกเหรอ”“แต่ว่างานบาร์เทนเดอร์ให้ค่าจ้างสูงนี่คะ อีกอย่าง…”“แสดงว่ายังไม่เข็ด”“มิว… ไปล้างจานก่อนนะคะ”เขามองเธอด้วยความโมโหที่เธอเอาแต่เลี่ยง เมื่อคืนนี้เขาเหนื่อยไปเพื่ออะไรในเมื่อสุดท้ายเธอก็จะเลือกกลับไปทำงานแบบเดิมที่ต้องเจอผู้ชายหลาย ๆ คน และไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เขาไม่ได้มีเวลาไปช่วยเธอทุกครั้งหรอกนะ แต่จะคิดไปแล้วเขาก็สะดุดขึ้นมาได้ว่า…“นั่นสิ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูล่ะเนี่ย”แต่เมื่อคืนนี้เขาพึ่งผ่านคืนที่เร่าร้อนจนตัวเขาเอ
มิวแทบจะเบะปากใส่คนที่พึ่งพูดออกมาด้วยความมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่หวงเนื้อหวงตัว ซึ่งเท่าที่เธอทราบวีรกรรมของภาวินทร์มามันไม่ใช่อย่างที่เขาพูดเลยสักนิด“ทำไมทำหน้าเหมือนไม่เชื่อกันแบบนั้นล่ะ”“ก็มันมีตรงไหนน่าเชื่อบ้าง”“อ้าวยัยลูกแกะน้อย นี่มานี่เลยไม่เชื่อได้ยังไง”“โอ๊ย! ปล่อยนะพี่วินทร์”เขาดึงเธอเข้ามาและปลุกปล้ำอยู่บนเตียงก่อนจะใช้ขาเกี่ยวเอวเธอเอาไว้ไม้ให้หนี“บอกมาว่าเชื่อ”“แต่มันฝืนใจนี่คะ”“ไม่งั้นจะกินอีกรอบนะ”“เอ๊ะ แต่ว่า…”“แล้วทำไมถึงไม่เชื่อล่ะ เพราะข่าวลือในมหาลัยงั้นเหรอ หรือเพราะว่าพวกเพื่อนพี่ที่มันชอบแซวมิวตั้งแต่ปีหนึ่ง จนแค้นฝังใจและมองว่าพวกพี่เป็นพวกราชาปีศาจเหมือนที่คนอื่นพูดกัน”“พี่วินทร์รู้ด้วยเหรอคะ”“ต้องรู้อยู่แล้ว แต่ก็แปลกนะที่ใคร ๆ ก็ต่างอยากเข้าหาปีศาจอย่างพวกพี่”“หึ”“ทำเสียงแบบนั้นทำไม อยากจะโดนเหรอ”“เปล่าสักหน่อยก็แค่ขำนิดหน่อยว่าไปเอาความมั่นแบบนั้นมาจากไหนกัน”“เอามาจากนี่ไง…”วันนั้นมิวแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะกว่าจะได้ลุกจากเตียงก็เกือบสองทุ่ม แต่เขาก็ยอมไปส่งเธอและมีข้อแม้ว่าต้องทำคะน้าปลากระป๋องให้เขากินก่อนจะกลับหอพักมิว “เจอกันพร
สี่ปีผ่านไป“ดูสิคะรูปลูกของแคร์กับพี่ภัทร นี่พวกเขาไม่คิดจะกลับเมืองไทยมาให้เรารับขวัญหลานเลยสินะ”“ช่วยไม่ได้นี่นาเห็นว่าไอ้ภัทรเปิดบริษัทที่โน่น พ่อมันเองก็ไปอยู่ด้วยอีกนานเลยมั้งกว่าจะกลับเมืองไทย”“แยมกับพี่ธิศจะมาหาวันอาทิตย์นี้นะคะจะพา "กองทัพ" มาด้วย”“ได้สิ อย่างน้อยก็มีเพื่อนเล่นละนะ “ภาคินทร์” จะได้มีเพื่อนเล่น"“แล้วนี่ลูกไปไหนแล้วคะ”“โน่น ไปเดินเล่นกับพี่เรย์ พอมาเจอกันก็พากันซนเห็นว่าไปเล่นทราย”“อะไรนะ! เล่นทรายอีกแล้วเดี๋ยวก็เขาหูอีก…โอย…”“เมียจ๋าอย่าโวยวายสิ อย่าลืมสิครับว่าท้องเกือบเจ็ดเดือนแล้ว อย่าพึ่งวีนนะเดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง”“พี่วินทร์เป็นแบบนี้อีกแล้ว บอกแล้วว่าอย่าให้เล่นทรายบ่อย ๆ มันล้างออกยากถ้าลูกต้องไป…โอย”“ที่รักจ๋าอย่าโวยวายนะผัวผิดไปแล้วมา ๆ ตีมือผัวนี่ไม่เอาน่ามีพี่นัยช่วยดูอยู่เด็ก ๆ ไม่เป็นไรหรอกอีกอย่างมีป้ารินทร์เฝ้าอยู่ เจ้าคินทร์ตัวแสบนั่นไม่กล้าดื้อหรอก”“พยุงหน่อยเร็ว ๆ เข้า”“จ้า ๆ มาแล้ว ๆ ไม่ตะเบ็งเสียงแล้วนะครับคนดีค่อย ๆ เดินนะ มาพี่พยุงเข้าบ้าน”“ปึก!”“โอ๊ย! เจ็บนะทำไมความโหดไม่ลดลงเลยล่ะ สิบปีก็จะโหดแบบเดิมไม่ได้นะ หรือว่าพอจะได้ลูก
Q-Bar / 1 ปีถัดมา“ดรายมาร์ตินี่ครับ”ภาวินทร์นั่งที่หน้าบาร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มที่เขาชอบดื่ม และต้องเป็นบาร์เทนเดอร์สาวสวย “เรเน่” คนเดียวเท่านั้นที่เป็นชงให้ดื่ม เรเน่ในชุดบาร์เทนเดอร์สาวที่รัดกุมมากกว่าเดิมแต่ก็หรูหราและดูมีระดับมากขึ้นเริ่มชงเครื่องดื่มและเท ระหว่างที่เทก็ยิ้มให้เขาเมื่อเธอยกขึ้นมาก็ส่งให้เด็กเสิร์ฟทันที“ของโต๊ะห้าค่ะ”“ครับบอส”ภาวินทร์มองเครื่องดื่มที่เด็กยกออกไปแล้วหันมาค้อนภรรยาสาวอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เธอรับหน้าที่ดูแลบาร์แทนพัชรินทร์ที่ลาคลอดอยู่ ส่วนภาวินทร์รับหน้าที่ดูแลผับทั้งหมดแทนคุณพ่อที่กำลังเห่อหลานชาย“ที่รัก แล้วของผม…”“ตึง!”ลักษิกายกนมผลไม้คั้นสดมาให้เขาตรงหน้า ภาวินทร์ขมวดคิ้วมองเธอทันที“นี่อะไรน่ะ ทำไมผมต้องดื่มนมผลไม้นี่อีกแล้ว”“เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ”“แต่ว่าที่รัก… ผมขอแค่แก้วเดียวเองคุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ดื่มมากเหมือนเมื่อก่อน”“แต่คุณต้องขับรถให้มิวนะคะที่รัก เพราะฉะนั้นคืนนี้ดื่มไม่ได้ค่ะ”“อะไรกัน ไม่ยุติธรรมเลยรู้แบบนี้ไม่ให้มาทำหรอก”“คุณภาวินทร์คะขอร้องอย่ามางอแงแบบนี้ หรืออยากจะให้มิวกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลอีก”“ไม่เอา! ไม่เอาครับเมียจ๋า
คอนโด“พี่สารภาพไปหมดแล้ว มิวก็อย่าโกรธอีกเลยนะ”“สมคบคิดกับห้องระบบกล้องวงจรปิด แอบถ่ายคลิปหลังเวทีแล้วปล่อยแฉรุ่นน้อง พี่วินทร์ นี่พวกพี่ทำไมทำแบบนี้ นั่นมันอนาคตของแพรวาเลยนะคะ”“ใครบอกให้เธอไม่ยอมรับและขอโทษมิวล่ะ รู้หรือเปล่าว่าจนถึงตอนนี้เธอยังคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่ออยู่เลยทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนเริ่มต้นทุกอย่างเองแต่กลับไม่กล้ายอมรับความพ่ายแพ้ สมควรแล้ว…”แต่เมื่อหันมาเจอหน้าดุ ๆ ของมิวเสียงของเขาก็อ่อยลงทันที“มิว เรื่องนี้พี่กับไอ้กรไม่ได้ทำเกินไปจริง ๆ นะ คลิปที่ปล่อยออกไปก็แค่คำพูดที่เธอไม่ยอมขอโทษมิวหลังเวทีและเป็นคลิปเสียงเท่านั้น แต่ช่วยไม่ได้ที่คนจะรู้ทันทีว่าใครและอีกอย่างเรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรก มิวมาดูนี่สิ”มิวขมวดคิ้วและหันมาดูสิ่งที่วินทร์เปิดให้ดู มีรุ่นน้องหลาย คนที่ออกมาแฉพฤติกรรมของแพรวา พวกเธอเองก็เคยถูกรุ่นพี่คนนี้กลั่นแกล้งจนไม่สามารถทนได้อยู่หลายครั้ง บางคนถึงกับหยุดเรียนไปเลยก็มี “อะไรกันเนี่ย แกล้งกันเกินไปหรือเปล่า คนพวกนี้ไม่ใช่แอคหลุมใช่ไหมคะ”“ไม่ใช่ ดูเหมือนว่าบางคนจะเป็นรุ่นน้องสายตรงของเธอเลยด้วยนะที่ออกมาแฉ พี่กับไอ้กรเช็คมาแล้ว ตอนแรกก็ไม่คิดเหมื
วินทร์รีบเตรียมน้ำมาเช็ดตัวให้มิว เธอพอจะลุกไหวจึงวัดไข้เอง“สามสิบเก้าจุดห้าองศา เฮ้อลูกแกะน้อยจะไม่คุ้มเอานะเนี่ย เดี๋ยวพี่มานะจะไปเอาข้าวมาป้อน”“มิวเดินออกไปกินเอง…”“พอเลยอยู่กับที่บ้างเถอะ ไม่น่าเลยจริง ๆ วันหลังไม่เอาแล้วนะแบบนี้ ครั้งเดียวพอเลยนอนพักไปเดี๋ยวพี่ไปเทมาให้พึ่งมาเมื่อกี้นี้ยังร้อนอยู่”ภาวินทร์บ่นไปอีกนานเรื่องที่เธอต้องป่วยเพราะไปยืนสวมชุดในอากาศที่เย็นของช่วงปลายปีแล้วยังสวมส้นสูง ซึ่งปกติเธอไม่เคยสวมมาก่อนแล้วยังต้องรับน้ำหนักของชุดและเครื่องประดับร่วมหลายชั่วโมงกว่าจะได้พัก“กินยาก่อนนะ”เธอรับยาจากเขามากินจนหมดและหลับสนิทไปทันที วินทร์เปลี่ยนผ้าและเช็ดตัวให้เธออีกครั้งหลังจากที่เหงื่อเริ่มออกแต่มิวยังลุกไม่ไหว“เย็นนี้ถ้าไข้ยังไม่ลดพี่จะพาไปนอนโรงพยาบาล”“ไม่เอา…พี่วินทร์”“ไม่ต้องมาเถียง”สุดท้ายก็ไม่พ้นที่ภาวินทร์จะต้องพาเธอไปที่โรงพยาบาลเพราะไข้ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย หมอวินิจฉัยว่าเธอเป็นไข้หวัดใหญ่และต้องนอนที่โรงพยาบาล“ว่าแล้วเชียว”“วิน! น้องมิวเป็นยังไงบ้าง”“ไข้หวัดใหญ่น่ะสิ คิดเอาไว้แล้วไม่ผิด”“ไอ้วินทร์ แล้วตอนนี้มิวอยู่ไหน”“อยู่ในห้องปลอดเชื้อเด
มิวรับถ้วยจากอธิการบดีก่อนที่จะถ่ายรูปรวมกับผู้ที่ได้รองทั้งสี่อันดับ กว่าเธอจะได้ลงจากเวทีก็เกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เมื่อลงมาด้านหลังคนที่รีบเดินหนีก่อนคนแรกเลยคือแพรวาที่อายจนไม่อยากอยู่ต่อ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของริชชี่ แยมและแคร์ที่มายืนขวางทางออกเอาไว้“จะรีบไปไหนเหรอแพรวา ฉันคิดว่าเธอน่าจะจำได้นะว่าพูดอะไรเอาไว้ก่อนหน้านี้”“หลีกไป!”“ไม่หลีก คนอะไรแพ้แล้วไม่มีสัจจะ การกระทำของเธอก่อนหน้านี้แย่มากนะ กลั่นแกล้งมิวสารพัดเพื่อจะไม่ให้มาประกวดและยังโทรไปแจ้งร้านไม่ให้พวกเราเช่าชุดมาตอนนี้ทำไมถึงกล้าหนี”“พวกเธอชนะแล้วนี่ยังต้องการอะไรอีก จริงสินะทั้งชุดเอยเครื่องประดับและรถขบวนแห่นั่นคงจ่ายไปไม่น้อยเลยสิ จ่ายเงินใต้โต๊ะไปเท่าไหร่ล่ะถึงได้ตำแหน่ง”“อีนี่! วอนเสียแล้ว”“แยมอย่า! ใจเย็น ๆ ก่อน”แยมเดินมาพร้อมกับดึงถ้วยและเงินรางวัลออกไปและผลักแพรวาเข้ามาในห้อง แคร์เดินเข้ามาดึงเพื่อนเอาไว้ก่อนที่แพรวาจะเริ่มโวยวายขึ้นมา มิวและธิดาที่กำลังลงมาจากเวทียืนมองอยู่ห่าง ๆ“ทำอะไรน่ะ ช่วยด้วย! นี่มันข่มขู่กันชัด ๆ เลยฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะพวกเธอยังต้องการอะไรอีก”“ขอโทษมิวก่อนสิ แล้วก็ยอมรับด้วยว่าแอบ
“โอ้โหน้องมิว วันนี้สวยเหมือนนางฟ้าจริง ๆ เลย”นิธิศเอ่ยปากชมด้วยใจจริง เขาเคยเห็นมิวมาก่อนหน้านี้แล้วในชุดบาร์เทนเดอร์และเห็นด้วยกับวินทร์ว่ามิวต้องสวยโดดเด่นในชุดไทยแน่ ๆ แต่ชินกรและวีรภัทรที่ไม่เคยเห็นถึงกับยืนอึ้งอ้าปากค้าง รวมถึงคนที่เริ่มมามุงดูกันและเริ่มสงสัยว่าเธอเป็นใคร“นั่นใครวะ คนของคณะพยาบาลเหรอ”“นั่นสิหน้าไม่คุ้นเลยแต่สวยฉิบหาย มึงดูรูปร่างสิอย่างกับนางแบบ”“นั่งรถหรูมาขนาดนั้นลูกนักการเมืองหรือเปล่าวะ”“แต่รุ่นพี่วิศวะคนนั้น….เขาแฟนของ…”“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าแฟนพี่ภาวินทร์คณะวิศวะเครื่องกลปีสี่คนนั้นน่ะ ที่ใส่แว่นหนา ๆ”“เชี่ย!! สวยขนาดนี้เลยเหรอวะ”ไม่ใช่แค่พวกเขาที่ตกตะลึงในความขาวและความสวยของลักษิกาตรงหน้า แม้แต่คณะอาจารย์และกรรมการที่เริ่มเดินมาให้คะแนนในรอบแรกที่จะขึ้นรถที่ตกแต่งเอาไว้แล้ว ซึ่งครั้งนี้ชินกรให้คนของคณะวิศวะมาช่วยแต่งรถของมิวด้วยดอกไม้สดทั้งคัน วินทร์เดินเข้ามาหาและถามเธอ“เป็นยังไงบ้างเมื่อยไหม”“ไม่ค่ะแล้วพี่วินทร์ละคะ เหนื่อยไหม”“ไม่เหนื่อยแค่เห็นหน้ามิวก็หายเหนื่อยแล้ว วันนี้มิวสวยมากที่สุดเลย สวยจนอยากขอแต่งงานเลย”“พี่วินทร์ พูดอะไรน่ะ”“หนัก
“คิดเอาไว้ไม่มีผิดเลยว่าต้องมีเรื่องแบบนี้”มิวพูดขึ้นมาหลังจากที่ริชชี่เดินออกมาจากร้านยืมชุดร้านที่สี่ที่เธอรู้จัก “นั่นสิ จะเป็นไปได้ยังไงที่จะไม่มีร้านไหนเลยที่มีชุดเหลือ แบบนี้มันเหมือนแกล้งกันชัด ๆ เลย”“กลับกันเถอะ”“อ้าว แล้วจะทำยังไงละมิว”“ค่อยกลับไปคิดกันใหม่”“แต่ว่าเหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวเอง ช่างแต่งหน้าก็ยังหาไม่ได้แล้วไหนจะชุดอีก”“เอาไว้ค่อยคิด”เย็นวันนั้น วินทร์ที่พึ่งกลับมาจากเรียนช่วงบ่ายเข้ามาในห้องก็เห็นว่ามิวนอนอยู่ที่โซฟาโดยมีมือถือวางอยู่ แต่เธอหลับสนิทจึงไม่เห็นข้อความของแยมที่ส่งมาให้“ริชชี่บอกว่าหาไปถึงร้านเวดดิ้งที่ทองหล่อก็ยังหาไม่ได้เหมือนกัน สงสัยงานนี้คงได้ตัดชุดใส่เองแล้วมั้ง ฮ่า ๆ”เขาไม่ได้แอบอ่านเพราะข้อความมันเด้งขึ้นมาเองจากหน้าจอภาวินทร์ถึงได้รู้ว่าเกิดปัญหาขึ้นแต่เขาเห็นว่ามิวยังหลับสนิทอยู่จึงได้โทรไปหาริชชี่เพื่อนสนิทของมิวโดยตรงซึ่งเขามีเบอร์ของเพื่อนมิวเอาไว้ทุกคน“โอเคพี่รู้แล้ว ขอบใจมากนะริชชี่”วินทร์วางหูไปแล้วและรีบกดเบอร์โทรที่คุ้นเคยทันที เสียงปลายสายรับอย่างงัวเงียเพราะยังไม่ถึงเวลาตื่น“ว่าไงไอ้ตัวแสบยังจำเบอร์พี่สาวแกได้อยู่เหร
“ต้องแบบนี้สิวะถึงจะเรียกว่าน้องเขย”วินทร์หันมายักคิ้วให้ชินกรก่อนจะดูดกาแฟเย็นของเขาต่อ วินทร์ยื่นชาเขียวแก้วใหม่ให้มิว“ไม่ต้องห่วงพี่อยู่ข้างมิวเสมอ ไม่ต้องกลัวเพราะแพรวากับพี่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยและพี่ไม่เคยล่วงเกินเธอ”“พี่เป็นพยานให้ไอ้วินทร์ได้ในเรื่องนี้ น้องแพรคนนั้นถ้ากูจำไม่ผิดมากับดาวคณะที่บอกว่าเป็นเพื่อนกัน สุดท้ายมาเพื่อจะเข้าหามึงใช่ไหม”“พอไอ้ธิศพูดกูก็นึกออกเพราะพวกเธอตบตีกันเองมึงเลยเลิกติดต่อทั้งคู่ น้องแพรวาอะไรนี่ดูเหมือนจะยังไม่ทันได้คบหากับมึงเลยด้วยนี่ แค่ให้มึงเดินไปที่คณะด้วยกันเพราะเป็นทางผ่าน ตอนนั้นกูก็ไปด้วย”“ไอ้ภัทรมึงความจำแม่นใช้ได้เลยนี่กูก็ลืมไปแล้ว”“ก็หลังจากวันนั้นพวกพยาบาลมาใช้ห้องของคณะเราไงล่ะ มึงกับไอ้ธิศเลยโดนน้องมิวด่าที่หน้าคณะจำได้ไหมล่ะ”“ไอ้เชี่ยภัทรไม่พูดก็ไม่มีใครว่านะ มึงรื้อฟื้นทำไมวะกูอุตส่าห์ลืมไปแล้ว”วินทร์หันมามองหน้ามิวและยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ มิวรู้ดีว่าตอนนี้วินทร์จะอยู่ข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจยังไงก็ยังมีวินทร์และชินกร พี่ชายของเธอที่พร้อมจะช่วยเหลืออยู่เสมอ“มิว พ่อโทรมาหาพี่บอกว่าเรื่องที่จะเข้าประกวดพ่อบอกว่าให้มิวทำ
“ฉันว่าคนที่น่าห่วงน่ะไม่ใช่มิวหรอก แต่เป็นคนขี้อิจฉาอย่างเธอมากกว่า”“ยัยแคร์ หมายความว่ายังไง”แคร์ ริชชี่และแยมเดินมาพอดีพร้อมกับดึงมิวเข้ามา ดูท่าทางแพรวาเองก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “ก็เธอโดนทิ้งก็ไม่ได้หมายความว่ามิวจะเป็นอย่างเธอ ที่ฉันเห็นนะมิวกับพี่วินทร์คบหากันมานานเกินครึ่งปีแล้ว อีกอย่างตอนที่มิวโกรธ พี่วินทร์ถึงกับตามไปง้อถึงที่เลยนะ เรื่องแบบนี้เธอเคยเจอบ้างหรือเปล่า”“แก!”“อ๊ะ ๆ แคร์พูดไม่จบฉันขอต่อให้ก็แล้วกันนะ เรื่องของเธอกับมิวมันเอามาเทียบกันไม่ได้ แค่คนที่เคยคุยกับ "แฟน" น่ะ มันก็คนละเรื่องกันแล้ว อีกอย่างนะตอนนี้พี่วินทร์ก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย ไม่คิดเลยนะว่าพี่วินทร์จะคลั่งรักขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไหมริชชี่"แพรวากำหมัดแน่นเพราะความอิจฉา เธอเคยคุยกับภาวินทร์และเคยควงเขาอยู่ไม่ถึงสิบวัน อาจเพราะเธอเซ้าซี้เขามากเกินไปและเรียกร้องขอให้เขามารับมาส่ง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ภาวินทร์จะทำตามที่เธอขอ ไม่เหมือนกับที่เขาถึงกับขับรถมาส่งมิวที่หน้าคณะอย่างเต็มใจแบบนี้“งานลอยกระทงปีนี้ ถ้าเธอคิดว่าเธอแน่จริงกล้ามาแข่งกับฉันไหมล่ะ”“อะไรนะ”“งานลอยกระทงของมหาวิทยาลั