ภัทรและธิศกินเสร็จแล้วก็เดินออกไปจากโรงอาหารทันที ไม่นานเขาก็เห็นเธอเดินมาสั่งของหวานที่ร้านน้ำแข็งไสตรงหน้าส่วนเขาก็เดินไปสั่งข้าวแกงร้านข้าง ๆ เมื่อเธอเดินกลับไปนั่งที่เดิมเขาจึงเดินตามเธอไปนั่งตรงข้าม มิวถึงกับตกใจเมื่อหันไปมองและเห็นว่าเพื่อนของเขาไปหมดแล้ว
“ไม่ต้องมองพวกมันไปหมดแล้ว”
“แล้วทำไมต้องมานั่งที่นี่ล่ะคะ”
“ก็อยากนั่ง มีเรื่องจะคุยด้วย”
“อะไรคะ”
“มิวทำพี่เป็นแผล คิดว่าอีกนานคงจะหายดังนั้นคงต้องรับผิดชอบสักหน่อย”
“อะไรนะคะ ก็มิว….”
เธอลดเสียงลงเมื่อหลาย ๆ คนเริ่มมองมาที่เธอ ทุกคนไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมภาวินทร์หนุ่มสุดหล่อคณะวิศวะที่สาว ๆ เฝ้าฝันว่าอยากจะกินข้าวกับเขาสักมื้อ ทำไมถึงต้องไปเลือกนั่งกับคนหน้าตาเฉิ่มแว่นหนาอย่างมิวคณะพยาบาล คนที่จืดชืดเหมือนกับกาแฟเย็นที่น้ำแข็งละลายผสมจนหมดรสชาติแบบนั้น
“เบาหน่อยสิ แต่ว่าพี่ต้องใช้นิ้วมือในการทำโปรเจคแต่ตอนนี้มันบาดเจ็บดังนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่มิวที่จะต้อง…”
“อะไรนะคะ เดี๋ยวก่อนนะคะแค่หน้าที่แม่บ้านสามวันต่อสัปดาห์…”
"ทุกวันพุธและวันศุกร์ไม่ต้องทำความสะอาด ทำแค่วันจันทร์วันเดียวพอ"
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะว่าพี่มีงานอื่นให้ทำ”
“งานอะไร ถ้า…”
“ไม่มีอะไรก็แค่ให้ช่วยพิมพ์งานและรวมเล่มโปรเจคจบน่ะ”
มิวขมวดคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย ภาวินทร์พึ่งจะสังเกตว่าเธอทำหน้าแบบนี้ถ้าหากว่าดึงแว่นหนา ๆ นั่นออกก็น่ารักจนทำให้หัวใจเขาเริ่มมีปฏิกิริยาอย่างที่ไม่ควรเป็นมาก่อน โดยเฉพาะกับคนจืดชืดอย่างลักษิกา
“พิมพ์งาน เข้าเล่ม”
“ใช่”
“แค่นี้เหรอคะ”
“ใช่ เบากว่างานแม่บ้านด้วยว่ายังไง”
“ตกลงค่ะ แล้วมิวจะเริ่มทำได้ยังไง”
“กินข้าวเสร็จค่อยว่ากัน”
“ค่ะ”
เขาหันไปมองของหวานที่เธอกินจนมิวหันมามองเขา
“พี่วินทร์อยากจะลองกินหน่อยไหมคะ”
“พี่ไม่ค่อยชอบของหวาน”
“แต่ที่นี่ไม่หวานมากหรอกค่ะ ก็แค่เม็ดบัวถั่วแดงใส่น้ำแข็งกินแล้วสดชื่นดี”
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ได้เดี๋ยว...”
“ไม่ต้องค่ะเดี๋ยวมิวไปซื้อให้ถ้าพี่วินไปรับรองว่าได้ถั่วแดงน้อยแน่ ๆ”
“หา? แบบนี้ก็ได้เหรอ”
ไม่นานมิวก็กลับมาพร้อมกับชามของหวานที่ภาวินทร์ไม่เคยลองกินมาก่อน แต่เพราะเห็นเธอกินอย่างเอร็ดอร่อยจึงนึกอยากจะลองบ้างในวันที่อากาศร้อน ๆ แบบนี้
“ลองชิมดูสิคะ”
“เอ่อ อ้อ ได้สิ”
เขาค่อย ๆ คนให้ละเอียดและเริ่มตักมากินคำแรกส่วนเธอหันไปกินชามของตัวเองแล้ว แค่คำแรกเขาก็รู้สึกว่าของหวานที่เขาไม่เคยชอบนี้กลับอร่อยมากอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่นานคนที่นั่งตรงข้ามก็ยิ้มออกมา
“อร่อยใช่ไหมคะ”
“อื้ม อร่อยมากเลย”
มิวยิ้มให้ก่อนจะเก็บจานของเขาและเธอรวมกันและนำไปเก็บ ภาวินทร์นั่งกินของหวานเมื่อเธอเก็บจานชามที่กินแล้วไปให้แม่บ้านที่เหมือนจะสนิทกัน
“เดี๋ยวป้าไปเก็บเองก็ได้หนูมิวน่ารักตลอดเลย วันก่อนขอบใจมากนะ ยาที่ให้มาใช้ดีมากเลย”
"ไม่เป็นไรค่ะป้าสาย มิวไปก่อนนะคะ"
“จ้า”
เมื่อเธอเดินกลับมาเขาก็กินเกือบจะหมดแล้ว มิวดึงกระดาษทิชชูส่งมาให้เขาและชี้ไปที่มุมปากที่มีเศษถั่วแดงติดอยู่
“อร่อยมากเลยเหรอคะ”
“อืม อร่อยมากไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อนเลย”
“มิวเก็บชามไปนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวก็มีคนมาเก็บรีบไปเถอะ พี่ต้องรีบหาหนังสือที่ไอ้กรมันฝากมายืมแล้วจะได้คุยรายละเอียดงานด้วย”
“อ้อ ก็ได้ค่ะ”
วันนั้นเขาได้อยู่กับมิวทั้งวันจนเริ่มรู้สึกว่าชีวิตของมิวในแต่ละวันแทบจะไม่ว่างคิดเรื่องอื่นเลย อีกอย่างทั้งเจ้าหน้าที่และอาจารย์แม้แต่คณะอื่นก็รู้จักเธอเป็นอย่างดีจนเขานึกชื่นชมอยู่ไม่น้อย
“เล่มสุดท้ายน่าจะอยู่ตรงนี้ พี่วินทร์”
“รู้แล้ว ๆ นอกจากจะขี้ตกใจเหมือนลูกแกะแล้วยังเตี้ยอีก”
“พี่วินทร์!!”
“ก็ได้ ๆ ไม่เตี้ยหรอกพี่แค่สูงร้อยแปดสิบเจ็ดเองก็เลยสูงกว่า เจอแล้ว”
เมื่อนำหนังสือลงมาได้มิวก็หันมาพอดี หน้าของเธอชนเข้ากับอกของเขาพอดี เสียงหัวใจของเขาที่เต้นอยู่ตรงหน้าทำเอาเธอหน้าแดงเพราะว่ามันเต้นแรงพอ ๆ กับใจของเธอที่หวังว่าคนสูง ๆ อย่างเขาจะไม่ได้ยิน
ภาวินทร์รู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเมื่ออยู่กับมิว เพราะแรกเริ่มคิดจะแก้แค้นและหลอกใช้งานเธอแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่เริ่มใจสั่นเสียเอง
“บอกแล้วว่าพี่สูงกว่ามิว เป็นไงล่ะสูงยังไม่พ้นไหล่พี่เลยยังจะไม่ยอมรับว่าเตี้ยอีก”
“มิว… ขอตัวก่อน”
เธอรีบเดินออกจากนั้นหนังสือทันที เขาทันเห็นหน้าแดงจัดของเธออีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าเธอจะน่ารักขนาดนี้และนับวันที่ได้พบก็จะน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ เขาคุยเรื่องโปรเจคให้เธอฟังและรายงานที่รวบรวมมาก่อนหน้านี้ให้เธออ่านดู
“อืม ถ้าแบบนี้มิวว่าควรจะต้องสรุปแล้วแยกส่วนออกมา ทำเป็นรายงานที่อธิบายเพื่อจะได้ใช้เวลานำเสนอกับชาร์ตและภาพประกอบ ที่จริงคณะวิศวะน่าจะมีคนทำแบบทรีดีเป็น ถ้าทำแบบนั้นคิดว่าจะเห็นภาพง่ายขึ้น”
“อืม เข้าท่านี่ยัยลูกแกะ ช่วยได้เยอะเลยงั้นก็เอาตามนี้ อ้อจริงสิเรื่องงานพิมพ์น่าจะยังไม่เริ่มเร็ว ๆ นี้คงต้องทำพวกโครงสร้างและเอกสารที่จะนำเสนอก่อนเอาไว้พี่จะมาแจ้งความคืบหน้า”
“ค่ะ”
“แย่จริงจะสองทุ่มแล้ว รีบกลับเถอะหอสมุดจะปิดแล้วนี่”
“อะไรนะคะสองทุ่มแล้วเหรอ อ้อแต่วันนี้วันพุธ โล่งอก”
“พี่เดินไปส่ง”
“แต่ว่า…”
“กลัวเป็นข่าวกับพี่เหรอ”
“ไม่อยากโดนถามมากต่างหาก”
“ก็ได้งั้นนั่งรถไป”
“นั่นมัน…”
“เรื่องมากจริง”
“มิว! กลับบ้านกัน”
“แยม มาได้ยังไงน่ะ”
“เราจะกลับหอพอดีไปพร้อมกัน…เลยไหม”
แยมหันมามองคนที่หอบหนังสือในชุดเสื้อชอปสีแดงคณะวิศวะ ถ้าเป็นคนอื่นเธอจะไม่ตกใจแต่นี่เขาคือ “ภาวินทร์” หนุ่มสุดฮอตในหมู่สาว ๆ ไม่ใช่เหรอ
“เอ่อ…ฉันมาผิดเวลาหรือเปล่าให้ฉันกลับก่อนก็ได้นะ”
“ไม่ ๆ ๆ กลับพร้อมกันเถอะ พี่วินทร์คะเอาเป็นว่า…เจอกันใหม่นะคะ”
“ก็ได้ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกัน"
"ค่ะ”
เมื่อภาวินทร์เดินแยกออกไปแล้วแยมจึงรีบเดินมาเขย่าแขนเธอด้วยความอยากรู้ วันนี้แยมคงไปที่โรงพยาบาลมาเพราะพวกเธอต้องผลัดกันไปฝึกงานที่นั่นเพื่อเก็บคะแนน
“มิวนี่แกไปญาติดีกับพี่วินทร์คณะวิศวะนั่นได้ยังไง ไหนก่อนหน้านี้ยังทะเลาะกันหน้าตึกวิศวะจนเป็นข่าวใหญ่อยู่พักหนึ่งเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้กลับมาพูดดีกันได้ล่ะ”
“เรื่องมันยาวนะ รีบกลับหอเถอะฉันจะเล่าให้ฟัง”
“อะไรกัน ก็ได้ ๆ รีบกลับเถอะหาข้าวกินก่อนนะฉันหิวมากเลยวันนี้ที่โรงพยาบาลคนเยอะมากเลย”
“ก็ได้ ๆ”
พวกเธอเดินกลับหอพักที่อยู่ไม่ไกลจากหน้ามหาลัย ก่อนจะกลับเข้าไปก็แวะทานข้าวก่อน เมื่อกลับมาที่ห้องมิวก็เริ่มเล่าเรื่องที่เขาพบกับภาวินทร์ในผับให้เพื่อนสนิทฟัง แยมตกใจจนพูดไม่ออกและมิวก็เล่าเรื่องต่อจากนั้นจนลงท้ายที่เธอต้องช่วยเขาพิมพ์เล่มโปรเจค
“นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะนี่ พวกเพื่อน ๆ ของเขาล้อเลียนและแซวแกมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับจะมาช่วยพวกบ้านั่นทำโปรเจคเพื่อเรียนจบเนี่ยนะ”
“โชคร้ายของฉันที่ดันไปเจอเขาที่ผับ จะไม่ทำก็ไม่ได้เพราะค่ารักษาของยายก็ใกล้จะมาอีกแล้ว หากครั้งนี้ไม่ผ่าตัดคงจะไม่มีทางรักษาแล้ว ฉันเลยจำเป็นต้องรับทุกเงื่อนไขที่พี่วินทร์เสนอมา”
นิธิศเดินมากอดเธอจากด้านหลัง และเริ่มซุกหน้ามาที่ซอกคอเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของเธอ“ไม่ต้องมาอ้อนเลย วันนี้...อื้อ อืออ”นิธิศรู้ว่าเธอกำลังจะเริ่มอีกแล้ว หาเรื่องทะเลาะ แต่เขารู้ทันและไม่ยอมให้เธอมีโอกาสหรอก เขาดื่มมานิดหน่อย เพราะต้องการปลุกอารมณ์เธอนี่แหละ“ที่รักคะ คุณ...ดูรีบร้อนจัง”“คุณไม่รู้หรอกว่า ผมรีบแล้วก็หิวแบบนี้ทุกคืนนั่นแหละ แต่ผมเข้าใจคุณ ที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งวัน ผมก็เลยไม่อยากกวนคุณ แต่คืนนี้ลูกชายของเราเป็นใจแบบนี้ ผมขอทวงคืนเวลาของผมบ้าง ได้ไหม”“ก็ได้ค่ะ”จูบที่เล้าโลม หวานซึ้งจนแยมแทบจะทนไม่ไหว เสียงรูดชุดเดรสของเขาทำเอาหลังเธอเย็นวาบเพราอากาศในห้อง ไม่นานชุดสวยก็ถูกดึงออกจากตัว ลิ้นทีเกี่ยววนพัลวันในปาก เริ่มทำให้หายใจติดขัด เมื่อเธอเริ่มผละออกมาและช่วยเขาถอดเสื้อผ้า“ไหนว่าจะไปแช่อ่าง”“เอาไว้ทีหลังเถอะ ผมทนไม่ไหวแล้ว”“อื้อ...”เขาอุ้มร่างของภรรยาสาว ไปที่เตียงทันที เมื่อกี้เขาคิดจะพาเธอไปอาบน้ำก่อนจริง ๆ นั่นแหละ แต่พอจับเธอถอดชุดแล้ว เขาก็เปลี่ยนใจ อยากทำอย่างอื่นแทน“อื้อ....ที่รักคะ เสียว อ๊า....”ลิ้นที่พรมจูบไปทั่วหน้าอก นิ้วมือที่บีบเคล้นสองเต้า และบดขยี้ส่
บ้านของภาวินทร์“เด็ก ๆ ครับ ไปล้างมือกันได้แล้ว จะได้มากินขนมกันเร็วเข้า”“ไปกันเถอะกองทัพ คุณพ่อเอาขนมมาให้แล้ว”“ครับ พี่คินทร์”กองทัพ เด็กน้อยซึ่งเป็นลูกของแยมและนิธิศ เพื่อนสนิทอีกคู่หนึ่ง ที่แต่งงานกันหลังจากภาวินทร์และลักษิกา คลอดภาคินทร์ได้เพียงหกเดือน“มาเร็ว ๆ ค่ะ ไปล้างมือให้สะอาด กองทัพแม่บอกว่ายังไงครับ”“รู้แล้วครับคุณแม่ ผมจะตามพี่คินทร์ไปเดี๋ยวนี้”“ดีมากเด็กดี”“อย่าไปดุลูกมากเลย ลูกกลัวจนไม่กล้ามองหน้าแกแล้วนั่น”“ฉันเหรอดุ แกไม่เห็นพ่อของกองทัพน่ะสิ พี่ธิศดุกว่าฉันเสียอีก ถ้าอะไรเกี่ยวกับลูกนะ ไม่ได้เลย นี่ฉันยังคิดอยู่เลยว่า เขาเรียนจบวิศวะมาจริงเหรอ ดูแล้วละเอียดมากกว่าพยาบาลวิชาชีพอย่างฉันเสียอีก”“จริงสิ ว่าแต่แกจะไม่กลับไปทำงาน ที่โรงพยาบาลแล้วจริง ๆ เหรอ”“แกดูหน้าผัวฉันก่อน ตอนนี้แค่พูดขึ้นมาว่า ขอไปเยี่ยมเพื่อน ๆ ที่โรงพยาบาล หน้าก็หงิกไปสองวัน อารมณ์อย่างกับสาววัยทอง”“พี่ธิศเขาขี้หึงขนาดนั้นเลยเหรอ ดูไม่ออกเลยว่า จะขี้หึงขนาดนั้น”“ใครจะไปเหมือนพี่วินทร์ของแกกันล่ะ รายนั้นทั้งขี้อ้อนทั้งกลัวเมีย น่าอิจฉาจะตายไป แกไม่รู้เหรอว่า คนอื่นเขาบอกกันว่า พี่วินทร์
ทั้งหมอฟิวส์และฝัน รุ่นน้องต่างคณะยืนนิ่งไปทันที เมื่อถูกวีรภัทร ที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุ และปากหมาของคณะวิศวะ ด่าสาดเสียเทเสียจนทำหน้าไม่ถูก“จริงเหรอแคร์... เขากับแคร์”“ยังไม่ชัดอีกเหรอ ถ้ามึงกล้ามายุ่งกับแฟนกูอีกละก็ อย่าหาว่ากูไม่เกรงใจ ไปบอกหมาตัวเมีย ที่หึงจนตกมันของมึงด้วย”“พี่ว่าใครเป็นหมาตกมัน! ทำไมหยาบคายแบบนี้”“ทำไม คนที่หยาบก่อนไม่ใช่เธอเหรอ โยนก้อนหินให้คนอื่นมา จะให้โยนทองให้หรือไง”“พี่ฟิวส์คะ อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย เรากลับบ้านกันดีกว่า”“เดี๋ยวก่อน”“คุณต้องการอะไรอีก”วีรภัทรที่ยืนกอดแคร์ ซึ่งกำลังช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ก็เลยพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ มีแต่วีรภัทรที่ยืนด่าแทนให้“มายืนด่าแฟนคนอื่นขนาดนี้ ขอโทษสักคำน่ะทำเป็นไหม ขอโทษแคร์เดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นอย่าหาว่ารุ่นพี่ไม่เตือน”“ผมน่าจะรุ่นเดียวกับคุณ หรือไม่ก็เป็นรุ่นพี่”“จะรุ่นไหนผมไม่สน แต่คนทำผิดก็ต้องขอโทษไม่ใช่เหรอหมอ หรือว่าคณะของหมอ ไม่สอนเรื่องมารยาท”“พี่ฟิวส์! อย่าไปเถียงกับพวกคณะหยาบคายนี่เลย เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”“ถ้าเธอกล้าเดินออกไป โดยไม่ขอโทษแคร์ หลังจากพรุ่งนี้ไป ก็เต
ประเทศอังกฤษ“ที่รักครับ ผมเก็บของที่มาส่ง เข้ามาให้แล้วนะ”“ขอบคุณค่ะพี่ภัทร”แคร์เดินมาดูของหลายอย่าง ที่ถูกส่งมาจากประเทศไทย เธอแต่งงานกับวีรภัทร และย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ หลังจากเรียนจบ ตอนนี้ทั้งคู่กำลังดูแลธุรกิจของที่บ้านวีรภัทรอยู่“นั่นกล่องอะไรเหรอ ดูจากชื่อนี้ เมียไอ้วินทร์ส่งมาให้ล่ะสิ”“รูปเก่า ๆ สมัยเรียนน่ะค่ะ ตายจริงไม่คิดว่ามิวจะมีเยอะขนาดนี้”“น้องมิวส่งรูปสมัยเรียนมาทำไมกัน”“แคร์บอกให้มิวส่งมาเองแหละค่ะ อยากจะเก็บเอาไว้ให้ “เฟรย์ย่า”ดูตอนที่ลูกโตขึ้นมา จะได้รู้ว่าสมัยเรียน พ่อกับแม่เป็นยังไง”“แต่ลูกยังไม่คลอดเลยนะที่รักจ๋า หรือแคร์กลัวว่า ลูกจะเกิดมาไม่สวยเหมือนแม่ แต่พี่ไม่กลัวเลยนะ เพราะพี่มั่นใจมากว่า เมียพี่สวยที่สุด”“เหรอคะ แต่ตอนนั้นพี่ภัทร ก็ไม่ได้คิดจะจีบแคร์ก่อนเลยนี่คะ เพราะแคร์ไม่ใช่ผู้หญิงที่ตรงสเป็กพี่”“โธ่ที่รัก เรื่องมันก็นานมาแล้วนะ ยังจำได้อีกเหรอ” “นี่ถ้าลูกคลอดออกมา แล้วพี่บอกว่า มาชอบแคร์ตอนที่นั่งเล่นไพ่ในงานศพ ลูกจะขำหรือเปล่านะ”“ใครบอกว่าพี่ชอบแคร์ ตอนที่เล่นไพ่กันล่ะ”แคร์หันมามองหน้าวีรภัทร เธอจำได้ว่า ครั้งนั้นที่ทั้งสองคนเริ่มสนิท และเร
สี่ปีผ่านไป“ดูสิคะรูปลูกของแคร์กับพี่ภัทร นี่พวกเขาไม่คิดจะกลับเมืองไทยมาให้เรารับขวัญหลานเลยสินะ”“ช่วยไม่ได้นี่นาเห็นว่าไอ้ภัทรเปิดบริษัทที่โน่น พ่อมันเองก็ไปอยู่ด้วยอีกนานเลยมั้งกว่าจะกลับเมืองไทย”“แยมกับพี่ธิศจะมาหาวันอาทิตย์นี้นะคะจะพา "กองทัพ" มาด้วย”“ได้สิ อย่างน้อยก็มีเพื่อนเล่นละนะ “ภาคินทร์” จะได้มีเพื่อนเล่น"“แล้วนี่ลูกไปไหนแล้วคะ”“โน่น ไปเดินเล่นกับพี่เรย์ พอมาเจอกันก็พากันซนเห็นว่าไปเล่นทราย”“อะไรนะ! เล่นทรายอีกแล้วเดี๋ยวก็เขาหูอีก…โอย…”“เมียจ๋าอย่าโวยวายสิ อย่าลืมสิครับว่าท้องเกือบเจ็ดเดือนแล้ว อย่าพึ่งวีนนะเดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง”“พี่วินทร์เป็นแบบนี้อีกแล้ว บอกแล้วว่าอย่าให้เล่นทรายบ่อย ๆ มันล้างออกยากถ้าลูกต้องไป…โอย”“ที่รักจ๋าอย่าโวยวายนะผัวผิดไปแล้วมา ๆ ตีมือผัวนี่ไม่เอาน่ามีพี่นัยช่วยดูอยู่เด็ก ๆ ไม่เป็นไรหรอกอีกอย่างมีป้ารินทร์เฝ้าอยู่ เจ้าคินทร์ตัวแสบนั่นไม่กล้าดื้อหรอก”“พยุงหน่อยเร็ว ๆ เข้า”“จ้า ๆ มาแล้ว ๆ ไม่ตะเบ็งเสียงแล้วนะครับคนดีค่อย ๆ เดินนะ มาพี่พยุงเข้าบ้าน”“ปึก!”“โอ๊ย! เจ็บนะทำไมความโหดไม่ลดลงเลยล่ะ สิบปีก็จะโหดแบบเดิมไม่ได้นะ หรือว่าพอจะได้ลูก
Q-Bar / 1 ปีถัดมา“ดรายมาร์ตินี่ครับ”ภาวินทร์นั่งที่หน้าบาร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มที่เขาชอบดื่ม และต้องเป็นบาร์เทนเดอร์สาวสวย “เรเน่” คนเดียวเท่านั้นที่เป็นชงให้ดื่ม เรเน่ในชุดบาร์เทนเดอร์สาวที่รัดกุมมากกว่าเดิมแต่ก็หรูหราและดูมีระดับมากขึ้นเริ่มชงเครื่องดื่มและเท ระหว่างที่เทก็ยิ้มให้เขาเมื่อเธอยกขึ้นมาก็ส่งให้เด็กเสิร์ฟทันที“ของโต๊ะห้าค่ะ”“ครับบอส”ภาวินทร์มองเครื่องดื่มที่เด็กยกออกไปแล้วหันมาค้อนภรรยาสาวอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เธอรับหน้าที่ดูแลบาร์แทนพัชรินทร์ที่ลาคลอดอยู่ ส่วนภาวินทร์รับหน้าที่ดูแลผับทั้งหมดแทนคุณพ่อที่กำลังเห่อหลานชาย“ที่รัก แล้วของผม…”“ตึง!”ลักษิกายกนมผลไม้คั้นสดมาให้เขาตรงหน้า ภาวินทร์ขมวดคิ้วมองเธอทันที“นี่อะไรน่ะ ทำไมผมต้องดื่มนมผลไม้นี่อีกแล้ว”“เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ”“แต่ว่าที่รัก… ผมขอแค่แก้วเดียวเองคุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ดื่มมากเหมือนเมื่อก่อน”“แต่คุณต้องขับรถให้มิวนะคะที่รัก เพราะฉะนั้นคืนนี้ดื่มไม่ได้ค่ะ”“อะไรกัน ไม่ยุติธรรมเลยรู้แบบนี้ไม่ให้มาทำหรอก”“คุณภาวินทร์คะขอร้องอย่ามางอแงแบบนี้ หรืออยากจะให้มิวกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลอีก”“ไม่เอา! ไม่เอาครับเมียจ๋า