Chapter 2
PART ROME
20.00 น.
@บริษัท RM CAR
หนุ่มหล่อเท่สมาร์ต ผู้นั่งแท่นผู้บริหารสูงสุดบริษัทยักษ์ใหญ่ยานยนต์ต่อจากนายโรจน์ เตชะธารา ผู้เป็นพ่อของเขา ชายหนุ่มนั่งฟังฝ่ายการตลาดนำเสนอแผนการเปิดตัวรถสปอร์ตหรูนำเข้าโฉมใหม่ด้วยท่าทางเคร่งขรึม ชายหนุ่มใช้สายตาคมกริบดุจเหยี่ยวจ้องมองหน้าจอโพรเจกต์เตอร์ขนาดใหญ่ด้วยสายตานิ่ง ๆ ดุดัน จนทำให้พนักงานในห้องประชุมต่างพากันนั่งตัวเกร็งกันไปหมด และเมื่อถึงเวลาที่ฝ่ายการตลาดนำเสนอสาวพริตตีที่จะมายืนสวยโพสท่าโพรโมตคู่กับรถสปอร์ตหรูในวันเปิดงาน ฝ่ายการตลาดก็เลื่อนเปิดรูปพริตตีให้ชายหนุ่มดูทีละคน จนกระทั่งฝ่ายการตลาดกำลังจะเลื่อนเปิดรูปพริตตีคนสุดท้ายให้เขาดูก็มีเสียงเคาะประตูมาขัดจังหวะซะก่อน
ก๊อก ๆ
“ขออนุญาตครับคุณโรม” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยขออนุญาตผู้เป็นเจ้านายของเขา
“มีอะไร” เขาถามเสียงเข้มออกไป เพราะถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรลูกน้องของเขาคงไม่กล้าเข้ามาโดยพลการแบบนี้ จากนั้นลูกน้องคนสนิทก็กระซิบเรื่องสำคัญให้เจ้านายหนุ่มของเขาทราบทันที
“เลิกประชุมแค่นี้” เสียงประกาศิตเอ่ยบอกกับพนักงานในห้องประชุม
“คุณโรมครับ คะ...คือ คุณโรมยังไม่ได้ดูพริตตีคนสุดท้าย อะ…เอ่อ…ผมขอเวลาสักครู่ได้ไหมครับ?” ฝ่ายการตลาดเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก กล้า ๆ กลัว ๆ
“...” สายตาคมกริบจ้องมองฝ่ายการตลาดคนนั้นนิ่ง ๆ ทันที
“ขะ...ขอโทษครับ คุณโรม” ฝ่ายการตลาดรีบก้มหัวและเอ่ยขอโทษชายหนุ่มทันที เมื่อเขาเห็นสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองเขานิ่ง ๆ
“พริตตีคนสุดท้ายก็เอาตามที่คุณหามาก็แล้วกัน” ชายหนุ่มเอ่ยบอกเสียงเรียบนิ่ง ก่อนที่ร่างสูงจะลุกขึ้นและเดินออกจากห้องประชุมทันที
@ บ่อนกาสิโน
เมื่อนักธุรกิจหนุ่มหล่อเจ้าของบ่อนกาสิโนเดินเข้าไปในห้องทำงานภายในบ่อน เขาก็เห็นชายสูงวัยผู้ทรงอิทธิพลนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเขาด้วยท่าทางเหมือนตนนั้นอยู่เหนือกว่าชายหนุ่มเจ้าของบ่อน
“คุณลุงมาถึงที่นี่ มีอะไรหรือเปล่าครับ?” โรมเอ่ยถามชายสูงวัยเสียงเรียบนิ่ง ชายหนุ่มพูดหยั่งเชิงไปอย่างนั้นเองแหละ เพราะเขานั้นรู้อยู่แล้วว่าที่ชายสูงวัยผู้นี้มาถึงที่นี่เพราะเรื่องอะไร
“ลุงจะขอเงินเพิ่มอีกสิบล้าน” ชายสูงวัยเอ่ยสิ่งที่ตนต้องการออกมา
“แต่ผมพึ่งให้เงินกับคุณลุงสิบล้านบาท เมื่อเดือนที่แล้วเองหนิครับ” โรมยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“แล้วถ้าลุงต้องการเพิ่มอีกสิบล้าน โรมจะให้ลุงได้ไหม?” ชายสูงวัยพูดด้วยท่าทางเหนือกว่า เพราะชายสูงวัยนั้นคิดว่าถ้าไม่มีตนเป็นคนเซ็นใบผ่านการตรวจสอบ บ่อนของชายหนุ่มคงไม่เปิดมาได้จนถึงทุกวันนี้แน่…
“หึ! ผมคงให้เงินตามที่คุณลุงขอมาไม่ได้หรอกครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก
“โรมเป็นคนเลือกแบบนี้เองนะ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน...” ชายสูงวัยพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและชี้หน้าชายหนุ่มทันที จากนั้นชายสูงวัยก็ลุกขึ้นด้วยท่าทางฟึดฟัด และในระหว่างที่ชายสูงวัยกำลังจะก้าวขาออกจากห้องไปนั้น...
“เดี๋ยวครับคุณลุง” ชายหนุ่มเรียกชายสูงวัยอีกครั้ง
“หึ! ว่าไง เปลี่ยนใจแล้วเหรอ” ชายสูงวัยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันทันที
“เปล่าครับ ผมแค่จะบอกว่าอย่ามาชี้หน้าคนอย่างผมอีก...เพราะไม่งั้นคุณลุงอาจจะได้ลงนรกเร็วขึ้น”
ปัง! ปัง! ปัง! ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว ก่อนที่เขาจะยกปืนกระบอกสั้น ยิงแสกกลางเข้าที่หน้าผากชายสูงวัยสามนัด จนชายสูงวัยล้มพับนอนตายแน่นิ่งไปกับพื้นทันที
“อย่าคิดจะมาเก่งกับคนอย่างกู...” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาน้ำเสียงนิ่ง ๆ เพราะถึงเขาจะไม่จ่ายค่าส่วยให้ชายสูงวัยผู้นี้ บ่อนเขาก็สามารถเปิดได้โดยไม่มีใครกล้าเขามายุ่ง เพราะตระกูลเขาก็มีอิทธิพลอันดับต้น ๆ เช่นกัน แต่ที่เขายอมจ่ายเงินให้ชายสูงวัยผู้นี้ เพียงเพราะจะเอามาเป็นไม้กันหมาก็แค่นั้น
“ลากศพมันออกไป” โรมเอ่ยสั่งลูกน้องคนสนิท ก่อนที่เขาจะเดินข้ามศพและเดินออกจากห้องไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ครับนาย”
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
@ งานมอเตอร์โชว์
นักธุรกิจหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาดุดัน กล่าวเปิดงานจัดแสดงรถนำเข้ารถสปอร์ตหรูโฉมใหม่ของค่ายรถยนต์ RM CAR ด้วยท่าทางมาดขรึม และเมื่อชายหนุ่มกล่าวเปิดงานเสร็จ ชายหนุ่มก็ยืนดูผู้คนที่มาร่วมงานอย่างคับคั่งด้วยความพึงพอใจ เพราะแต่ละคนที่มาร่วมงานล้วนแต่เป็นเศรษฐีกันทั้งนั้น เพราะรถสปอร์ตแต่ละคันมีมูลค่าคันละสิบล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจะต้องเป็นระดับเศรษฐีเท่านั้นถึงจะสั่งจองรถของ RM CAR ได้
“กูจองรถสปอร์ตสีแดงคันนี้ กูจองไว้ให้ลูกกู” ไอ้ภาคินเอ่ยขึ้น
“ลูกมึงยังไม่คลอดเลยไอ้ห่าคิน” ไอ้วาโยเอ่ยขึ้น พร้อมส่ายหัวไปมาเบา ๆ ด้วยท่าทางเอือมระอาไอ้ภาคิน
“ถ้ามึงได้ลูกชาย กูให้รถสปอร์ตคันนี้กับมึงเป็นของขวัญรับหลานกูเลย” ผมเอ่ยขึ้นเสียงเรียบนิ่ง
“มึงพูดแล้วนะ ไอ้โรม” ไอ้ภาคินเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจ สายตาของมันตอนนี้ดูแพรวพราวมาก เพราะรถสปอร์ตคันที่มันอยากได้มีมูลค่าสูงลิ่วเลยทีเดียว เพราะเป็นรถสปอร์ตพลังไฟฟ้ารุ่นแรกของอังกฤษ
“อืม” ผมตอบมันสั้น ๆ
“แล้วมึงรู้ยังว่าลูกมึงเป็นเพศไหน?” ไอ้วาโยเอ่ยถามไอ้ภาคิน
“ยัง...เมียกูพึ่งจะท้องได้เดือนกว่า ๆ เอง อีกอย่างเมียกูอยากรอลุ้นเอาตอนคลอดด้วย” ไอ้คินมันรักเมียเด็กของมันมาก ในเมื่อเมียมันอยากลุ้นเพศตอนคลอดมันก็ไม่กล้าขัดใจเมียมันหรอกครับ...ถึงมันจะอยากรู้เพศก่อนกำหนดคลอดก็เถอะ
“หึ...ยังไม่ทันจะแต่งงาน มึงก็กลัวเมียเด็กของมึงซะแล้วเหรอวะไอ้คิน” ไอ้วาโยพูดเย้ยหยันไอ้ภาคินทันที
“คะ…ใครกลัว กูแค่เกรงใจเมียกูโว้ย กะ…กูไม่อยากให้เมียกูเครียด ยิ่งเมียกูกำลังท้องอยู่ด้วย” ไอ้ภาคินพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“หึ” ผมส่ายหัวและหัวเราะเบา ๆ ให้กับท่าทางร้อนรนของไอ้ภาคิน
“เฮ้ย...นั่น น้องนิลินพริตตีชื่อดังนี่หว่า มึงจ้างน้องเขามางานนี้ด้วยเหรอวะไอ้โรม” เมื่อไอ้วาโยเอ่ยชื่อนิลิน หูของผมก็ผึ่งขึ้นทันที เพราะตอนที่ผมกล่าวเปิดงานผมเห็นพริตตีเพียงแค่หกคนเท่านั้น ก่อนที่ผมจะรีบหันหน้าไปมอง จากนั้นดวงตาของผมก็เบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นเธออยู่ที่นี่ ใช่! เธอจริง ๆ ด้วย...เป็นเธอจริง ๆ ด้วยสินะ เธอดูสวยขึ้นกว่าเดิมมาก
“มึงมองเหมือนมึงจะกินน้องเขาทั้งตัวเลยนะไอ้โรม” ไอ้ภาคินเอ่ยขึ้น เมื่อมันเห็นผมเอาแต่จ้องมองนิลินไม่วางตา
“หึ” ผมยกยิ้มมุมปากมองร่างบางไม่วางตา จนกระทั่งนิลินเธอรู้ตัวว่ามีคนมองเธออยู่ และเมื่อเธอหันมาเจอผมเข้า ดวงตาเธอเบิกกว้างตกใจขึ้นทันที แต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น จากนั้นเธอก็ปรับเปลี่ยนสายตามองผมนิ่ง ๆ แล้วหันใบหน้าไปทางอื่น นิลินเธอทำเหมือนไม่รู้จักผม ให้มันได้อย่างนี้สินิลิน ผมขบกรามทันทีเมื่อเห็นเธอเฉยชาใส่ผมแบบนี้
“น้องพริตตีคนนี้ หน้าตาดูคุ้น ๆ ว่ะ เหมือนกูเคยเจอที่ไหน พวกมึงว่าไหม?” ไอ้ภาคินมันเอ่ยขึ้น แล้วหันมาถามพวกผมด้วยความสงสัย
“อืม…กูก็ว่าหน้าเธอดูคุ้น ๆ แต่กูนึกไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน” ไอ้วาโยเอ่ยขึ้นอีกคน พร้อมกับทำท่าทางนึกคิดไปด้วย
“แล้วมึงล่ะไอ้โรม มึงมองเธอแบบนี้มึงรู้จักน้องเขาใช่ไหม?” ไอ้ภาคินเอ่ยถามผม
“อืม...กูรู้จักดีเลยแหละ แล้วกูก็ต้องได้เธอด้วย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มึงเอาจริงใช่ไหมวะ?” ไอ้วาโยหันมาถามผม
“อืม” ผมตอบไอ้วาโยเพียงสั้น ๆ แค่นั้น
สองชั่วโมงผ่านไป
ไอ้วาโยและไอ้ภาคินก็ขอตัวกลับ ตอนแรกผมกะจะมาแค่เปิดงานและอยู่ดูงานแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงแล้วผมก็กลับ แต่ผมต้องเลื่อนเวลาออกไป เมื่อผมต้องดักรอใครบางคนที่ผมตามหาเธอมาหลายปีซะก่อน และในระหว่างที่ผมกำลังรอเวลาเธอเลิกงาน ผมต้องหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเห็นผู้ชายหลายคนแวะเวียนไปยืนดูรถสปอร์ตคันที่นิลินยืนประจำอยู่
สักพักผ่านไป ผมเห็นเธอเดินออกจากบูท จากนั้นนิลินเธอก็รีบก้าวขาเรียวยาวของเธอเดินไปลานจอดอย่างเร่งรีบเหมือนเธอกำลังจะหนีใครอย่างนั้นแหละครับ ผมจึงรีบเดินก้าวเท้าตามเธอไปติด ๆ และจับไปที่แขนเรียวขาวของเธอทันที
หมับ!
“ว้าย...คุณเป็นใคร? แล้วมาจับฉันทำไมคะเนี่ย” เธอแกล้งจำผมไม่ได้ แต่น้ำเสียงที่เธอพูดออกมาเหมือนโกรธเกลียดผมเป็นชาติ
“หึ! เธอจำฉันไม่ได้อย่างงั้นเหรอ? นิลิน” ผมเลิกคิ้วยกยิ้มมุมปากถามเธอออกไป
“ค่ะ! ฉันไม่เคยรู้จักคุณ” เธอตอบผมด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ถ้างั้นฉันต้องทวนความจำให้เธอแล้วแหละ”
“ปะ...อื้อ” เธอยังเอ่ยไม่จบประโยค ผมก็จับล็อกใบหน้าเรียวสวยไว้ ก่อนที่ผมจะก้มเอาปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างหนักหน่วง จากนั้นผมสอดลิ้นควานหาความหวานจากปากอวบอิ่มระเรื่ออมชมพู อืม! ปากเธอยังหวานเหมือนเดิมเลย ผมจูบเธอด้วยความโหยหาอยู่แบบนั้นอยู่นานหลายนาที ส่วนฝ่ามืออีกข้างของผมก็จับขยำก้อนหน้าอกขนาดใหญ่ของเธอผ่านเนื้อผ้าไปด้วย และเมื่อผมจูบเธอจนพอใจแล้วผมก็ถอนริมฝีปากหนาของผมออก
เพียะ! เพียะ!
“สารเลว! อย่ามายุ่งกับฉัน!” เธอฟาดฝ่ามือน้อย ๆ ตบเข้าที่ใบหน้าของผมเต็มแรง ก่อนที่เธอจะพ่นคำหยาบคายด่าผมเสียงดังลั่น
“หึ! จากนี้ไปเธอคงต้องได้เจอคนเลว ๆ แบบฉันอีกนานเลยแหละ…นิลิน” ผมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์และเอาลิ้นกระทุ้งแก้มไปมา มองเธอด้วยสายตาแทะโลม
“...” เธอไม่เอ่ยอะไรออกมา แต่เธอกลับมองผมด้วยสายตาเกลียดชัง ก่อนที่เธอจะสะบัดตัวอย่างแรงจนหลุดพ้นจากพันธนาการของผม จากนั้นเธอก็รีบขึ้นรถอีโคคาร์คันเล็กของเธอแล้วขับออกไปจากตรงนั้นทันที
“แล้วเจอกันนิลิน…” ผมพูดไล่หลังมองตามรถที่เธอขับออกไปจนสุดสายตา...