เวินเหลียงกลับไปห้องนอนอีกครั้งเพื่อนอนกลางวันบ่ายสามกว่า ๆ ฟู่เจิงก็กลับมาจากข้างนอกด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เขาตรงดิ่งเข้าไปในห้องครัว แล้วรินน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่ง หลังจากนั้นก็ชำเลืองไปเห็นกองของขวัญที่อยู่ตรงมุมห้องครัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะถามขึ้นว่า “ป้าหวัง วันนี้มีคนมาเหรอ?”ป้าหวังตอบไปตามความจริง “เพื่อนของคุณผู้หญิงค่ะ”ป้าหวังทำท่าเหมือนอยากจะพูดต่อแต่ก็ชะงักไปฟู่เจิงมองเธอ “แล้วยังไงต่อ?”“คุณผู้หญิงให้ฉันเรียกเธอว่าคุณหนูต่อหน้าเพื่อนของเธอ”ฟู่เจิงขมวดคิ้วเข้าหากัน “เพื่อนของคุณผู้หญิงเป็นผู้ชายเหรอ?”“ใช่ค่ะ”ในใจของฟู่เจิงมีลางสังหรณ์ว่า เพื่อนที่มาบ้านในวันนี้คือคนที่เวินเหลียงชอบถึงขั้นเสแสร้งว่ายังไม่ได้แต่งงานต่อหน้าคนคนนั้น ดูท่าเวินเหลียงคงชอบเขามากจริง ๆ เดาว่าคงกลัวคนคนนั้นจะรังเกียจเธอเพราะฐานะการแต่งงานครั้งที่สองของเธอฟู่เจิงบีบแก้วน้ำพลางดื่มน้ำไปหนึ่งอึก แล้วถามต่อว่า “ผู้ชายคนนั้นเป็นยังไงบ้าง? ผมหมายถึงรูปร่างหน้าตา”“เหมือนจะเป็นดาราดังคนหนึ่งที่อยู่ในทีวีนะคะ”ป้าหวังไม่ค่อยได้ดูละครเรื่องใหม่ ๆ มากนัก รู้สึกแค่ว่าคุ้นหน้าคุ้
แต่ในตอนนี้คล้ายกับเธอไม่อยากฟังคำอธิบายของเขาแล้วในเมื่อเป็นคนที่กำลังจะหย่ากันแล้ว เขาอธิบายไปแล้วจะมีความหมายอะไร? ไม่ช้าก็เร็วเขากับฉู่ซืออี๋ก็คบกันอยู่ดีเพียงแต่เป็นปัญหาของเวลาเท่านั้น“เธอว่ามาสิ”“พรุ่งนี้หลังเราหย่ากันแล้ว ฉันอยากลาออก”เมื่อสิ้นเสียง ภายในห้องนอนก็เงียบกริบอยู่หลายนาทีผ่านไปนานสองนาน ฟู่เจิงถึงถามขึ้นว่า “เวินเหลียง เธอแน่ใจนะ? ว่าเธออยากลาออก?”“ค่ะ” เวินเหลียงพยักหน้าอย่างจริงจัง“เธออยากลาออกไปทำอะไร? ผู้จัดการแบรนด์ของเอ็มคิวไม่ดีเหรอ?” ฟู่เจิงขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ“ฉันอยากจะลาออกไปทำอะไร ฉันมีแผนของตัวเองอยู่แล้ว ในหนังสือสัญญาหย่าคุณทิ้งเงินเอาไว้ให้ฉันเยอะแยะขนาดนั้น ฉันยังจำเป็นต้องไปทำงานอยู่อีกเหรอ?” ฟู่เจิงอดไม่ได้ที่จะขำพรวดออกมาเหตุผลนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเขานิดหน่อยสองสามปีที่เข้ามาอยู่ในตระกูลฟู่ คุณปู่คุณย่าเอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก เงินค่าขนมที่ให้เธอพอจะทำให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องทำงานทว่าเวินเหลียงก็ขยันขันแข็งมาตลอดไม่เหมือนคนที่ชอบเอาแต่นั่งกินนอนกินเลยสักนิด“ถ้าเธอไม่บอกแผนของเธอให้ชัดเจน ฉันก็จะไม่มีวั
ใบหน้าของฟู่เจิงเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาพูดขึ้นพร้อมทั้งยิ้มเยาะว่า “ฉันไม่มีสิทธิ์สนใจเธอ? ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของฉัน เป็นน้องสาวของฉัน เธอคิดดูสิ ทำไมเขาถึงให้เธอไปเมืองนอก? หลังจากไปเมืองนอกเธอก็จะไร้ญาติขาดมิตร ถึงเวลานั้นจะเกิดอะไรขึ้น?”จะเกิดอะไรขึ้นเวินเหลียงไม่รู้เลยเวินเหลียงรู้แค่ว่าตอนนี้ตัวเองโมโหจะตายอยู่แล้ว!เธอเตะผ้าห่มออกอย่างหงุดหงิด“ซี๊ด...”ไม่รู้ว่าข้อเท้าที่ได้รับบาดเจ็บไปเตะชนถูกตรงไหนเข้า ทันใดนั้นความเจ็บแปลบก็แผ่ซ่านขึ้นมาเจ็บจนเวินเหลียงทำเสียงซี๊ด พร้อมทั้งน้ำตาไหลออกมาฟู่เจิงเลิกผ้าห่มออก จากนั้นก็จับข้อเท้าที่ได้รับบาดเจ็บของเธอเอาไว้ “เป็นอะไรไป? บาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า?”เวินเหลียงน้ำตาคลอพลางพยักหน้าอย่างเจ็บปวดฟู่เจิงช่วยหยิบยามาให้เธอ เปิดผ้าก๊อซบนเท้าออกใหม่อีกครั้ง หลังทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็ค่อย ๆ นวดเบา ๆ จากนั้นค่อยทายาที่เย็นเฉียบไปด้านบนอีกทีหนึ่ง ในตอนนี้เองความเจ็บปวดถึงได้ทุเลาลงไม่น้อยฟู่เจิงวางยาทากลับลงไป สีหน้าเคร่งขรึม “เวินเหลียง ฉันไม่มีมีวันยอมให้เธอลาออก ต่อไปอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก”เวินเหลียงถอนหายใจ กลัดกลุ้ม
จากมุมกล้องและระดับความละเอียดของภาพถ่ายแล้วนั้น เวินเหลียงมองเพียงแค่แวบเดียวก็มั่นใจได้ทันทีว่าพนักงานภายในเป็นคนทำในสายตาของแอคปั่นข่าวนี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญในสายตาของพวกเขาก็คือ ในภาพแอบถ่ายของฉู่ซืออี๋การแต่งตัวและการแต่งหน้าดูแปลกพิลึกเป็นพิเศษการแต่งหน้าเพื่อเน้นบุคลิกของฉู่ซืออี๋ โหนกแก้มเด่นเกินไป จากน้อยแต่มากเรียบแต่โก้เปลี่ยนเป็นดูดุร้ายโหดเหี้ยม จงใจวาดขอบริมฝีปากที่แดงก่ำและอวบอิ่มให้ดูโฉบเฉียว เผยบุคลิกของพี่สาวออกมา ทว่าในความไม่เจตนาได้ตัดระยะห่างระหว่างริมฝีปากบนและกระจับปากให้สั้นลงไป เผยความเยาว์วัยออกมาสองสามส่วน เห็นได้ชัดว่าไม่เข้ากันเลยสักอย่าง ยังมีคิ้วที่เขียนจนตรงและแข็งทื่อเกินไป ถูกเหล่าแฟนคลับวิจารณ์กันเป็นอย่างมากเช่นกันหลังภาพภ่ายเหล่านั้นถูกปล่อยออกมา แอคปั่นข่าวก็ต้องลงความเห็นชมแอมบาสเดอร์ของเอ็มคิวในครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัยคอมเมนต์แย่ ๆ พลั่งพลูเข้ามาพวกที่โห่ร้องก่อนใครก็คือแฟนคลับของหลินเยียนหรัน พวกเขาดีใจที่ได้เห็นความล้มเหลวของฉู่ซืออี๋ จากนั้นก็มาคอมเมนต์ใต้แอ็กเคานต์ทางการของเอ็มคิวว่า “ใครใช้ให้พวกคุณไม่เลือกเยียนหรันล่
ของที่อยู่ในกล่องถูกเทออกมาไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นเป็นอะไร ทว่ามีสีแดงและสีขาวสลับกัน เลือดเนื้อเปรอะเปื้อน ดูแล้วน่าคลื้นไส้เป็นอย่างมากของเหลวสีแดงสด กระจายไปทั่วพื้น มีกลิ้นเหม็นเน่าคละคลุ้งออกมาป้าหวังเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน เธอตั้งสติกลับมาได้ก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “คุณผู้หญิงคุณไม่ต้องกลัวไปนะคะ ฉันจะทำความสะอาดของพวกนี้เดี๋ยวนี้เองค่ะ”“ไม่ต้องทำความสะอาดค่ะ รีบแจ้งตำรวจเถอะค่ะ” เวินเหลียงเอามือปิดจมูก แล้วโซซัดโซเซลงมาจากเตียง “ได้ค่ะ ฉันจะไปแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้ คุณผู้หญิงอยากให้โทรบอกคุณผู้ชายด้วยไหมคะ?”เวินเหลียงชะงักไปครู่หนึ่ง “เขากำลังไปทำงานนอกสถานที่ ไม่ต้องบอกคุณผู้ชาย”“ค่ะ”ป้าหวังรีบแจ้งตำรวจให้ทำการตรวจสอบ ทางตำรวจมาด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด จัดการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ และทำการบันทึกสอบปากคำกับเวินเหลียงและป้าหวัง แสดงทีท่าว่าจะสืบทราบสาเหตุได้ในไม่ช้าหลังตำรวจจากไป ป้าหวังถึงได้รีบจัดการห้องรับแขก พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อและน้ำหอมปรับอากาศอย่างต่อเนื่องกลอุบายนี้มันง่ายเกินไปแล้วไม่นานตำรวจก็ตรวจสอบหาข้อมูลของพนักงานส่งพัสดุได้ผ่านกล้องวงจรปิดและบันทึกการเข้าออกข
มิหนำซ้ำ ความคิดเห็นข้างล่างก็ยังอยู่ และค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นจากความคิดเห็นของพวกเขา เวินเหลียงจับจุดได้คร่าว ๆ ว่า ต้องมีคนใส่ร้ายเธอแน่ ๆ บอกว่าเธอเป็นคนเปลี่ยนการแต่งหน้าและการแต่งตัวตามอำเภอใจถึงทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้เวินเหลียงเลื่อนขึ้นเลื่อนลงไปในเฟซบุ๊ก ไม่นานก็หาต้นตอของข่าวเจอในเทรนด์การถูกพูดถึงของฉู่ซืออี๋มีคนแคปภาพหน้าจอคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้ดูแลกลุ่มแฟนคลับมาลงแน่นอนว่าผู้ดูแลกลุ่มย่อมเป็นคนของทีมฉู่ซืออี๋อยู่แล้วผู้ดูแลกลุ่มส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มว่า หวังว่าแฟนคลับทุกท่านจะใจเย็นลงก่อน อย่าไปคอมเมนต์อย่างสุดโต่งอะไรใต้แอ็กเคานต์ทางการของเอ็มคิว ไม่อย่างนั้นจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อพี่ฉู่เอาได้ อันที่จริงเรื่องนี้พวกเราเองก็โมโหมากเหมือนกัน ทีแรกการแต่งหน้าของพี่ฉู่ก็ดีอยู่แล้วเชียว สุดท้ายผู้อำนวยการเวินอะไรนั่นจะให้เปลี่ยนการแต่งหน้าให้ได้ จะให้เปลี่ยนการแต่งหน้าให้ได้ท่าเดียว! เพียงแต่เธอเป็นผู้รับผิดชอบโปรเจกต์ พี่ฉู่เองก็ไม่มีทางเลือก ทำได้แต่เชื่อฟังฝ่ายเขามีคนถามขึ้นมาในกลุ่มว่า พี่ฉู่มีความสัมพันธ์กับประธานฟู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเรื่องแค่นี้ก็จัดการอะไรไม่ได้
เวินเหลียงเงียบไป เธอเผยอริมฝีปาก แต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปดีเธอสูดลมหายใจเข้าลึกเบา ๆ ในใจขมขื่นและเจ็บปวดเธอไม่กล้าเธอไม่กล้าวางเดิมพันนี้เธอรู้ดีตั้งนานแล้วว่า ในใจของฟู่เจิง เมื่อเทียบกันระหว่างเธอกับฉู่ซืออี๋ มันเทียบอะไรกันไม่ติดเลยสำหรับฟู่เจิงแล้ว เขาถึงขั้นผลักให้เธอออกไปรับชั้นวางของที่หล่นลงมาแทนฉู่ซืออี๋ได้ ทำไมจะผลักเธอให้ออกไปรับคำด่าทอสาดเสียเทเสียแทนฉู่ซืออี๋ไม่ได้ล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดพวกนั้นก็เป็นเพียงแค่คำพูดจาให้ร้ายบนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ทำร้ายเธอไม่ได้อยู่แล้วอู๋หลิงเห็นเวินเหลียงเงียบ ก็ยิ่งกำแหงเข้าไปใหญ่ “ผู้อำนวยการเวิน คุณกล้าพนันไหม?”เวินเหลียงไม่ตอบ ทว่าตัดสายทิ้งไปเลยเธอรู้ดีว่า นี่คือเดิมพันที่มีแต่แพ้กับแพ้ ไม่มีความจำเป็นต้องไปพนันเลยต่อให้ฟู่เจิงไม่รู้เรื่องนี้ ถึงเขารู้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะสนับสนุนด้วยซ้ำไปเพียงแต่เธอจะยอมรับความพ่ายแพ้ไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ เรื่องนี้ต้องมีคนหาคำอธิบายมาให้เธอผู้รับผิดชอบสตูดิโอส่งคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดภายในห้องแต่งตัวของวันนั้นมาให้เธอแล้วมันดันไม่มีเสียง ทว่า ด้วยเหตุการณ์ ณ ตรงนั้นและการกระ
เวินเหลียงขำพรวดออกมาเขาทำไม่ได้อย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ เพียงแต่เขาโลภอยากจะได้ทุกสิ่งเขาอยากจะหย่ากับเธอ แล้วไปคบกับคนรักเก่าของเขา มิหนำซ้ำยังอยากให้เธอเป็นแพะรับบาปแทนคนรักเก่าของเขา รับคำสาดเสียเทเสียของทุกคน“ฉันคิดว่าคุณก็คงเข้าใจ ในเมื่อคนข้างนอกไม่พอใจที่ฉันนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการนี่ งั้นฉันก็จะลาออก ได้ไหม?”“ไม่ได้ ฉันไม่ตกลงเงื่อนไขนี้” ฟู่เจิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเวินเหลียงเหน็ดเหนื่อยอยู่เล็กน้อย เธอรู้ดีว่าเธอขอร้องอะไรจากฟู่เจิงไม่ได้ สิ่งที่ฟู่เจิงให้เธอได้มีเพียงแค่เงินเท่านั้น เพียงแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ ในสามปีมานี้เธอได้เงินเดือนและโบนัสจากฟู่ซื่อมาเป็นจำนวนมากแล้ว“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ฟู่เจิง มากกว่านี้ฉันก็ไม่พูดแล้ว แค่นี้นะ”เวินเหลียงตัดสายทิ้งไปเลย เธอล้มตัวลงบนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไรริงโทนของโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเวินเหลียงรับสาย “ฉันบอกแล้วไงว่าแค่นี้นะ ไม่ต้องโทรมาอีกแล้ว”“อาเหลียงฉันเอง” เสียงของโจวอวี่แว่วมาจากปลายสายเวินเหลียงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองที่หน้าจอโทรศัพท์ “ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันจำผิดคนน่ะ”