ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไรฟู่เจิงหน้าขรึมมากขึ้นทุกที “ได้ ผมรู้แล้ว ผมจะไปเดี๋ยวนี้”เขาแต่งตัวให้เรียบร้อยทันที ใส่เสื้อตัวนอกและพูดกับเวินเหลียงที่อยู่บนเตียงว่า “ฉันมีธุระจะออกไปหน่อย”“มีอะไรเหรอคะ” เวินเหลียงใช้ผ้าห่มคลุมตัวเอง ยันตัวขึ้น “ดึกอย่างนี้แล้วต้องไปให้ได้เหรอคะ?”มือที่กำลังจัดระเบียบเสื้อของฟู่เจิงหยุดชะงัก“คุณหวัง คงเป็นหวังเหยียนละสิ? ฉู่ซืออี๋เกิดเรื่องอะไรเหรอคะ?”เห็นเขานิ่งไป อารมณ์ในดวงตาเวินเหลียงสงบลง เย็นเฉียบไปทั้งตัว“ซืออี๋หายตัวไป”“หายตัวไป? งั้นก็ควรแจ้งความก่อน คุณไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรนะคะ?”หรือว่าฉู่ซืออี๋กำลังรอให้เขาไปหา?“อาการซืออี๋ไม่ค่อยนิ่ง เขาออกไปคนเดียวอันตรายมาก อีกอย่างเขาเป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าแจ้งความเป็นส่งผลกับเขา ฉันจะหาเขาให้เจอให้เร็วที่สุด ฉันรับปากนะ หาเขาเจอแล้วฉันจะกลับมา”เห็นสีหน้าแน่วแน่ของฟู่เจิง เวินเหลียงเจ็บจี๊ดในใจเรียกว่าห่วงใยจึงว้าวุ่นคงเป็นข้ออ้างที่ฉู่ซืออี๋ใช้เรียกฟู่เจิงไปหา เธอดูออก แต่น่าเสียดายที่ฟู่เจิงดูไม่ออกในสายตาของเขา จะให้ฉู่ซืออี๋เป็นอะไรไปแม้แต่น้อยไม่ได้เขาจะไม่กลับมาหรอกเธอ
ฟู่เจิงพาฉู่ซืออี๋มาเยี่ยมคุณปู่แล้ว เขาพาคนรักของเขามากราบคุณปู่ถึงที่แล้วเวินเหลียงคับอกคับใจ ราวกับสายฝนที่เย็นเฉียบเทกระหน่ำลงมาท่ามกลางวายุคลั่ง โถมใส่เธอจนหัวใจหนาวเหน็บทำไมเขาต้องทำกับเธออย่างนี้?ตอนที่พวกเขาหวานแหววกัน ฟู่เจิงถูกฉู่ซืออี๋เรียกไปด้วยโทรศัพท์กริ๊งเดียว หนึ่งข้อความก็ไม่มี กลับพาฉู่ซืออี๋มาพบคุณปู่ที่โรงพยาบาลโดยตรงเขาเอาเธอที่เป็นภรรยาไปไว้ที่ไหน!เวินเหลียงยืนอยู่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วย ฟังพวกเขาสนทนากันเงียบ ๆน้ำเสียงของฉู่ซืออี๋เชิงประจบประแจงเล็กน้อย ท่าทีของคุณปู่คุณย่าไม่ได้ยินดียินร้าย “ขอบคุณคุณฉู่ที่อวยพร”ระหว่างการสนทนา คุณย่าเบี่ยงประเด็นไปที่ฟู่เจิง ทั้งยังตำหนิอีกเล็กน้อย “อาเจิง เมื่อวานแกกลับไปกับอาเหลียงไม่ใช่เหรอ? ทำไมวันนี้แกถึงมาคนเดียวล่ะ แล้วยังพาคุณฉู่มาด้วยกันอีก? คุณฉู่น่าจะมีงานยุ่ง ทำไมแกต้องพาเขามาให้ลำบากด้วย? ถ้าถูกสื่อกับนักข่าวถ่ายแล้วเอาไปเขียนไร้สาระอีก จะไม่ส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของคุณฉู่เหรอ?”ฉู่ซืออี๋จึงพูดขึ้นทันที “คุณย่าฟู่ หนูอยากจะมาเองค่ะ ได้ยินว่าคุณปู่อยู่โรงพยาบาล เป็นห่วงมากก็เลยให้อาเจิงพามา”คุณย่า
ฉู่ซืออี๋เดินกรีดกรายมาสองก้าว ใบหน้าพกพารอยยิ้มสง่างาม “ฉันได้ยินมาว่าหลายวันก่อนเธอรถชนเหรอ คนที่ชนเธอเป็นแฟนคลับฉัน รู้ไหมว่าทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนี้?”เวินเหลียงมองฉู่ซืออี๋อย่างสงบฉู่ซืออี๋พูดต่อ “เพราะเธอคือมือที่สามระหว่างฉันกับฟู่เจิงยังไงล่ะ!”เวินเหลียงหัวเราะ “คุณก็ช่างกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าฉันนะคะ ใครกันแน่ที่เป็นมือที่สาม คุณรู้ดีอยู่แก่ใจ คุณมาโอ้อวดต่อหน้าฉัน ไม่กลัวว่าฉันจะไปชี้แจงต่อหน้าสื่อ แปะป้ายชื่อมือที่สามให้คุณเหรอ?”ฉู่ซืออี๋หัวเราะฮ่า ๆ“คุณหัวเราะอะไร?” เวินเหลียงไม่เข้าใจ“ฉันหัวเราะ หัวเราะที่เธอโง่สุด ๆ ไปเลย ตอนนี้ตรงหน้าสื่อกับชาวเน็ต เธอต่างหากที่เป็นมือที่สาม!”เห็นเวินเหลียงเงียบ ฉู่ซืออี๋จึงพูดต่อ “นานขนาดนี้แล้วยังเป็นกบอยู่ในกะลา ถ้าเธอดูเฟซบุ๊กของตัวเองสักหน่อยก็จะไม่พูดอย่างนี้แล้ว”เวินเหลียงหัวใจหล่นตุบ หลายวันนี้เธอเห็นอะไรไม่ชัด โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างโทรศัพท์มือถือ เธอเปิดดูน้อยมาก ไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กหลายวันแล้วช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น?ทำไมไม่มีใครบอกเธอเลยล่ะ?ฟู่เจิงปิดบังเธอใช่ไหม?“ทำไม เธอไม่กล้าดูเหรอ?”สองมือที่ทิ้งตั
เวินเหลียงตัวแข็งเกร็ง แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก หัวใจราวกับถูกกรีดจนเจ็บทำไมเธอจะไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้ เพียงแค่ไม่อยากคิดเท่านั้น“เพราะอาเจิงจงใจปิดบังเธอ วันนั้นเธอนึกว่าอาเจิงเผลอเอามือถือของเธอไปเหรอ? ไม่ใช่ เขาจงใจ เขาบอกว่าเธอเห็นข่าวแล้วต้องไปชี้แจงแน่ ดังนั้นเขาเลยเอามือถือของเธอไป แถมยังไม่ให้แม่บ้านพูดต่อหน้าเธอด้วย”เสียงได้ใจของฉู่ซืออี๋ที่ส่งมาเหมือนอสุราเหี้ยมโหดในนรก“เธอลองทายดูสิว่าทำไมถึงไม่มีใครช่วยเธอชี้แจง? ก็อาเจิงไม่อนุญาตยังไงล่ะ เขาไปหาคุณปู่กับคุณย่าเอง แถมยังเหยียบทุกสัญญาณที่จะชี้แจง เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนี้? เพราะเขาจะไม่ยอมให้ฉันแบกรับชื่อมือที่สามไง ในใจของเขา ฉันต่างหากที่เป็นภรรยาของเขา คนที่เขารักที่สุด!”“ส่วนเธอ ในใจเขาเธอเป็นแค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไร ผลักออกไปเป็นโล่กำบังให้ฉันได้ทุกเมื่อ ในใจของเขา เธอนั่นแหละที่เป็นมือที่สาม! ในเรื่องของความรัก คนที่ไม่ถูกรักถึงจะเป็นมือที่สาม!”หัวสมองเวินเหลียงดังวิ้ง ๆเธอไม่อยากเชื่อเธอเปิดโทรศัพท์มือถือค้นหาไลน์แบบมือไม้พัลวัน เลื่อนดูข้างล่าง หาห้องแชตของถังซือซือพอเห็นตัวหนังสือแปลกหน้าใน
เธอก็อยากให้คุณปู่มีความสุขในช่วงนี้เหมือนกัน เธอจะเล่นละครเป็นเพื่อนเขา เธอจะไม่ตื้อเขาหัวใจของเธอจะไม่มีความหวัง และจะไม่ผิดหวังเห็นปฏิกิริยาของเวินเหลียง ฉู่ซืออี๋ปลอดโปร่งโล่งสบายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “เวินเหลียง ตอนนี้เธอน่าจะเข้าใจแล้วนะ เธอไม่ใช่อะไรสำหรับอาเจิงทั้งนั้น คนในดวงใจของอาเจิงคือฉัน ต่อให้ตอนนี้เขารับปากว่าจะอยู่กับเธออย่างสันติเพื่อสุขภาพของคุณปู่ แต่สุดท้ายเขาก็จะอยู่กับฉันอยู่ดี ฉันรู้ว่าเธอชอบเขา ดังนั้นเธอหวงแหนช่วงเวลาสุดท้ายนี้ให้ดีเถอะ ฉันรับรองนะว่าจะไม่แย่งชิงกับเธอ”เวินเหลียงหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก “คุณพูดจบหรือยังคะ? ถ้าพูดจบแล้วฉันขอตัวก่อนนะ”จะว่าเธอล้มเหลวก็ดี ไร้ความสามารถก็ช่าง ตอนนี้เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อสักนิด“เดี๋ยว” ฉู่ซืออี๋ฉุดมือเธอไว้เวินเหลียงสะบัดเธอออกด้วยความรำคาญ“ว้าย...”ได้ยินเสียงฉู่ซืออี๋กรีดร้องแล้วเอียงตัวไปด้านข้างเกือบจะล้มไม่รู้ว่าฟู่เจิงปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร รีบประคองฉู่ซืออี๋อย่างทันทีทันใด ถามด้วยความเป็นห่วง “ซืออี๋ คุณไม่เป็นไรนะ”เห็นชายหล่อหญิงสวยตรงหน้า เวินเหลียงรู้สึกเพียงน่าขำเธอช่างน่าหัวเราะ
เวินเหลียงเดินออกจากโรงพยาบาลช้า ๆ เดินอยู่บนถนนแบบไร้จุดหมายเธอไม่รู้ว่าตัวเองควรไปที่ไหนวันนี้แสงแดดเจิดจ้า แต่เธอกลับรู้สึกหนาว ความหนาวแผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดเฟซบุ๊กและสลับแอ็กเคานต์สำรอง เลื่อนดูต้นสายปลายเหตุของวันนั้นทั้งที่รู้ว่าคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร แต่เธอก็ยังกดเข้าไปดู ราวกับเป็นกับทรมานตัวเอง กดอ่านลงไปเรื่อย ๆ อ่านข้อความที่ด่าทอเหยียดหยามทั้งหมดยังมีช่องแสดงความคิดเห็นใต้ข่าวที่เกี่ยวข้องในเบราว์เซอร์ดัง เว็บไซต์วิดีโอต่าง ๆ เธอก็เลื่อนอ่านจนหมดรอบหนึ่ง ในที่สุดก็เข้าใจต้นตอของเรื่องสักทีสุดท้ายเธอก็เปิดซูเปอร์ท็อปปิกเรื่องคู่จิ้น อ่านตั้งแต่ต้นจนจบหลังจากมีข่าวว่าฟู่เจิงนอกใจ ซูเปอร์ท็อปปิกเรื่องคู่จิ้นก็ซาไปไม่น้อย แต่ก็ยังมีคนยืนหยัดแม้แต่เธอยังต้องยอมรับ ในคลิปวิดีโอกับรูปภาพพวกนั้น ฟู่เจิงกับฉู่ซืออี๋ในภาพราวกับกิ่งทองใบหยก คู่สวรรค์สรรค์สร้างคนหนึ่งเป็นคุณชายตระกูลไฮโซ อีกคนหนึ่งเป็นดาราสาวสวย ราวกับเป็นคู่สร้างคู่สมในเรื่องราวของทั้งสองไม่มีเวินเหลียงอยู่ เธอเป็นแค่ตัวละครส่วนเกินคนหนึ่ง เพร
เธอทำหน้าบึ้ง ไม่อยากมากความกับพวกเขา เพียงแต่คิดจะไปแต่ก็ไปไม่ได้เวินเหลียงหงุดหงิดถึงขีดสุด “ฉันจะพูดอีกครั้ง กรุณาให้ฉันไปด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความว่าพวกคุณรบกวน”เมื่อนั้นบรรดานักข่าวจึงปล่อยให้เธอไปแบบไม่ยินยอมละแวกโรงพยาบาลมีคนพลุกพล่านหลังจากออกจากวงนักข่าวไปได้ คนสัญจรแถวนั้นก็พากันชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์เวินเหลียงเวินเหลียงหงุดหงิดสับสน เดินตรงไปอีกระยะหนึ่ง ขณะถึงป้ายรถประจำทางก็มีรถประจำทางผ่านมาคันหนึ่งพอดี เธอไม่ได้ดูว่าเป็นสายไหนก็ขึ้นรถไปเลยมีผู้โดยสารลงที่สถานีโรงพยาบาลเต๋อซิงไม่น้อย ห้องโดยสารของรถประจำทางจึงโล่ง เวินเหลียงเดินไปถึงท้ายรถและหาที่นั่งริมหน้าต่างนั่ง ดวงตาทั้งคู่เหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่างในฐานะที่เจียงเฉิงเป็นเมืองใหญ่ของมณฑล หลายปีนี้จึงพัฒนาไวที่สุดแถว ๆ โรงพยาบาลคึกคักที่สุด ร้านอาหารโรงแรมเกลื่อนกลาดผู้คนสัญจรเร่งรีบ บ้างในมือถือซองรายงานของโรงพยาบาลตัวอำเภออื่นผ่านไปอีกสองสามสถานี คนสัญจรข้างทางน้อยลง แสงสีข้างทางดึงดูดสายตา สองฝั่งล้วนเป็นตึกสูงใหญ่นี่คือถึงย่านใหม่แล้วหลังจากผ่านย่านใหม่ ผู้โดยสารในรถประจำทางทยอยลงอย่างต
เวินเหลียงใช้โทรศัพท์มือถือจ่ายเงินแล้วจึงกดเปิดประวัติการโทร ในนั้นมีสายที่ไม่ได้รับของฟู่เจิงหลายสิบสายกับข้อความของฟู่เจิงอีกสามสี่ข้อความเธอเปิดออกอ่านทีละข้อความ ข้อความแรกเขียนว่า : เวินเหลียง เธออยู่ที่ไหน? ฉันจะไปรับเธอข้อความที่สอง : เรื่องข่าวฉันอธิบายได้ข้อความที่สาม : ขอโทษพอเห็นสองคำนี้แล้วเวินเหลียงก็หัวเราะขอโทษเหรอขอโทษอีกแล้วเขาพูดเป็นอยู่แค่ประโยคเดียวเสมอรู้ทั้งรู้ว่าทำผิด แต่ก็ยังจะทำผิดต่อไปข้อความที่สี่เวลาห่างจากข้อความที่สามประมาณหนึ่ง : เวินเหลียง การสัมภาษณ์ของเธอที่หน้าโรงพยาบาลถูกคนประสงค์ร้ายตัดต่อ ฉันให้คนกดกระแสเอาไว้แล้ว เธออยู่ที่ไหน? ฉันจะไปรับเธอ เห็นข้อความนี้แล้วอย่าลืมโทรกลับหาฉันด้วยเวินเหลียงเปิดเฟซบุ๊กค้นหา เห็นข่าวที่เกี่ยวกับตัวเองดังคาด เป็นของแอคปั่นข่าวเพิ่งเผยแพร่ไม่นานนี้สื่อต่าง ๆ ตั้งชื่อข่าวนี้ว่าการตอบกลับล่าสุดของเวินเหลียง คนที่ฟู่เจิงนอกใจด้วยตอบกลับอะไร?ไม่ได้ตอบกลับอะไรสักหน่อยแค่แอคปั่นข่าวกับสื่อชักจูงว่าท่าทีแบบนี้ของเวินเหลียงคือละอายใจ ไม่กล้าตอบซึ่งหน้า คอมเมนต์ข้างล่างล้วนเป็นการโจมตีเวินเหลียงแ