ญริดานิ่งเงียบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เยาะเย้ยถากถางเธอก็ช่าง อยากทำอะไรก็เชิญ สมสู่กันให้พอ สารเลวทั้งคู่
“ก็ดีแล้วนิสา ที่เธอได้อย่างที่ต้องการ แต่เธอเชื่อไหมสา...” เธอยิ้มเย็น “อีกไม่นานเขาก็ทิ้งเธอ เพราะคนอย่างเขาคงหาผู้หญิงมีอนาคตมาไว้เป็นคู่ชีวิต ถ้าอย่างเธอคงได้แค่คู่นอนแก้เงี่ย...” ญรินดาไม่พูดต่อ แค่เลิ่กคิ้วแล้วหันมองตัวเองหน้ากระจกต่อ
เจ๊นกยูงฟังบทสนทนาสองคนแล้วสับสน เคยเป็นเพื่อนสนิทกันทำไมถึงแสดงท่าทีราวกับศัตรูแบบนี้
“อีริน!” นาริสาตะโกนลั่น แล้วง้างมือหมายจะตบ
ญรินดาลุกขึ้นจ้องมองแววตาวาวโรจน์ เจ๊นกยูกรีบโบกมือไม้
“อย่าเชียวนะนังสา ถ้าแกตบรินแกโดนเจ๊ราตรีตบ เลือดกลบปากแน่ ไม่รู้หรือไงว่ารินเป็นเด็กใคร!”
คนถูกเข้าข้างเชิดหน้าท้าทาย นาริสาได้แต่เก็บความเดือดดาลไว้ลดมือลงกระแทกก้นลงนั่งตามเดิม
สองทุ่มตรง...
ญรินดานั่งมองนาฬิกาด้วยความแปลกใจ เมื่อเจ๊ราตรีบอกให้เด็กทุกคนออกไปทำงานยกเว้นเธอ นี่กำลังรออะไรกันแน่ไม่เข้าใจเลย
“รินออกไปได้แล้วจ้ะ”
เธอทำตามความต้องการของเจ๊นกยูง ในผับเสียงยังคงดังเหมือนทุกวัน หากเธอไม่ได้อยู่ในชุดนี้ และไม่ได้เปลี่ยนสถานะใหม่ในร้าน ก็คงชินชาไปกับมัน ทว่าวันนี้เลือดในกายมันดันสูบฉีด ผิวแก้มร้อนกว่าทุกวัน เมื่อสายตานับร้อยคู่กำลังจ้องมองมา ญรินดารู้สึกประหม่า แต่ไม่อาจทำอะไรได้ ในเมื่อเธอเลือกทางนี้แล้ว
“เดี๋ยวนั่งรอตรงนี้ก่อนนะริน” เจ๊นกยูงบอก เธอนั่งลงบนโซฟาตัวยาว เพื่อรอ โดยมีเพื่อนร่วมงานต่างมองมาเป็นตาเดียว
ปกติแล้วพวกเด็กนั่งดริงก์มักพูดคุยเป็นมิตรกับเธอเสมอ แต่พอเปลี่ยนสถานะแล้ว เรื่องนั้นเลยหมดไปด้วย อาจเพราะพวกเธอคงคิดว่า จะถูกแย่งลูกค้าไปล่ะมั้ง
ไม่นานนัก เจ๊นกยูงออกมาอีกครั้ง โดยมีเจ้าของร้านตามมาด้วย
“อ้าวเด็กๆ ไปนั่งประจำที่กันได้เลยจ้ะ”
ญรินดาก้าวตาม โดยมีเจ๊ราตรีคอยดูแลหน้างาน ในร้านจะมีโซฟาเฉพาะสำหรับเด็กนั่งดริงก์ พวกเราร่วมกลุ่มกันตรงนนั้นเพื่อรอให้แขกมาเรียก หรือไม่เจ๊นกยูง หรือเจ๊ราตรีก็พาเราไปแนะนำตัวให้กับลูกค้า หากใครสนใจก็เลือกให้เรานั่งร่วมโต๊ะ
ร่างบางนั่งลงอีกครั้ง กวาดตามองรอบๆ บรรยากาศคุ้นเคยแต่ทำไมมันถึงอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก พักใหญ่ได้ยินเสียงฮือฮาพูดคุยกัน แขกบางคนเดินมาตรงที่พวกเธอนั่ง และสอบถามเจ๊ราตรี ส่งสายตามาที่เธอ แต่บางคนส่ายหน้าแล้วเลือกคนอื่นแทน เจ๊ราตรีไม่ได้รู้สึกอะไร กับยิ้มแย้มเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง
พักใหญ่เด็กนั่งดริงก์รอบเธอก็หายกันแทบหมด นาริสาเองก็ยิ้มเย้ยก่อนออกไปกับแขก ปล่อยให้เธอต้องกัดฟันข่มความแค้นไว้ภายใน อยู่ๆ มีเสียงฮือฮาแขกในร้านดังขึ้น ประตูผับเปิดออก ญรินดาชะเง้อมองเห็นร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดขนาบ ข้างกายมีสาวรูปร่างดีสวมเดรสรัดรูปสีชมพูเข้ม
เจ๊ราตรีผละจากพวกเด็กไป แล้วต้อนรับแขกคนใหม่ ท่าทางเธอเกรงใจเขามาก จัดแจงหาเครื่องดื่มและกับแกล้มให้พร้อม เมื่อเรียบร้อยจึงเดินมาหาญรินดา
“รินไปกับเจ๊หน่อยจ้ะ”
ญรินดาเม้มริมฝีปากสีหน้าสับสน แต่ยอมทำตามความต้องการของเจ๊ราตรี เดินตามไปจนกระทั่งถึงโต๊ะแขกวีไอพี ดวงตาสบกัน ชายคนนั้นใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมเข้ม คิ้วไม่หนาเรียวยาว ริมฝีปากไม่หนาไม่บางมันหยักลึก ไม่แปลกใจทำไมทุกคนในร้านถึงให้ความสนใจ การแต่งกายเนี้ยบ กลิ่นน้ำหอมก็รู้ว่าแบรนด์ดัง ยิ่งเห็นนาฬิกาแล้วญรินดาลมแทบจับ เพราะมันเรือนไม่ต่ำกว่าล้านเป็นแน่
เธอเห็นดวงตาคมวาววับ ครู่หนึ่งเขากวาดตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า แล้วหันไปทางเจ๊ราตรี
“เด็กใหม่เหรอเจ๊ราตรี” เขาถาม แล้วรับแก้วเหล้าจากบอดี้การ์ดซึ่งส่งให้
“ใช่แล้วค่ะคุณธีภพ เด็กใหม่สดๆ ซิงๆ เชียวล่ะค่ะ” เจ๊ราตรีโฆษณา
เขาหันกลับมามองอีกครั้ง คราวนี้มันนานกว่าเดิม มองราวกับจะเปลื้องผ้าเธอออกอย่างนั้น ญรินดาอึดอัดขึ้นมา แววตาคู่นั้นดูมีมนต์ และมันน่ากลัวมากหากเธอต้องเผชิญกับสายตาคู่นี้หลายครั้ง
หญิงสาวที่มาด้วย ญรินดาพอจำหน้าได้ ดูเหมือนเป็นนางแบบชื่อดัง หน้าตาดูสวย เฉียว มีความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม เธอชื่อจีน่า แต่ดูเหมือนสายตานางแบบจะไม่ชอบหน้าเด็กนั่งดริงก์สักเท่าไหร่
“ซิงน่ะคงไม่ใช่หรอกค่ะ เด็กนั่งดริงก์หาซิงคงยาก” เธอบอกแล้วเบ้ปาก
“ทำอย่างกับเธอซิงอย่างนั้นแหละจีน่า” ธีภพย้อนเพื่อนสาวทันที จีน่าสะบัดหน้าหนีเพราะไม่พอใจที่เขาพูดจาออกมาแบบนั้น
“เอ่อ... ว่าแต่คุณธีภพสนใจหรือเปล่าคะ” เจ๊ราตรีถาม
เขาวางแก้วเหล้า “เท่าไหร่”
คนถูกถามกระดกนิ้วชี้นิ้วเดียวออกมา
“แสนหนึ่งเหรอ” ธีภพถามกลัวแล้วปรายตามองเด็กนั่งดริงก์อีกครั้ง
“แหม... คุณธีภพรู้จริงจังเลยนะคะ”
คนถูกประเมินราคานิ่งเงียบ ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะมีค่าแสนหนึ่ง มันมากไปหรือเปล่า นี่ไม่ใช่การขายตัวใช่ไหม
“ได้สิเจ๊ราตรี ผมขอจองตัวเลยแล้วกัน”
คนถูกถามยังคงดึงดัน สะโพกหนาเลยกระแทกหนักจนร้องลั่น“ตอบมาเร็วเข้า!”“ชะ...ชอบ...” เสียงหวานตอบแผ่วคนชนะกระตุกยิ้มมุมปาก เร่งความเร็วมากขึ้น ร่างบางกระตุกเกร็ง น้ำหวานทะลักทะลายออกมา เป็นจังหวะที่เขาปล่อยน้ำรักตนสวนทางเข้าไปแล้วโน้มกายลงจุมพิตริมฝีปาก ถอนแก่นกายแล้วพลิกมานอนเคียงข้างญรินดาหอบสะท้าน ร่างกายยังมีไออุ่นสัมผัสอันเร้าร้อนเมื่อครู่ คิดแล้วอยากตีตัวเองนัก ทำไมถึงยอมเขาง่ายๆ แบบนี้ มือใหญ่เอื้อมจับไหล่บางคนตัวเล็กสะดุ้ง แล้วเหลือบมอง“หิวหรือเปล่า”“มะ..ไม่ค่ะ”เขาช้อนสายตามองแล้วระบายลมหายใจ“พี่ชายเธอ สัญญากับฉันไว้แล้ว เพราะฉะนั้นเธอต้องอยู่ที่นี่กับฉัน”“จนถึงเมื่อไหร่ล่ะคะ!” เธอย้อนถามทันควันดวงตาคมไหววูบ สีหน้าครุ่นคิด“จนกว่า...ฉันจะเบื่อ” ธีภพตอบแล้วลุกยืนเห็นแก่ตัวชะมัด จนกว่าจะเบื่องั้นเหรอ เธอไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่สักนิด สิ่งที่เขาทำมันสร้างความอับอาย น่าละอายมากแค่ไหนเคยรู้บ้างไหม“ฉันจะลงไปข้างล่างมีเรื่องงานต้องทำ นอนพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน” เขามองไปยังตู้เย็น “มีของกินในตู้เย็น หิวหยิบเลยไม่ต้องขออนุญาต เพราะห้องนี้คือห้องของเธอเหมือนกัน ต่อไปเธอต้องนอนที่ห้องนี
ประตูห้องเปิดออก ร่างบางลุกยืนแววตาตระหนก เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามา ประตูปิดลงตามเดิม ท่าทางเขาดูคุกคามและน่ากลัว ญรินดาระแวดระวังสุดท้ายตัดสินใจกระโจนหนีไปอีกทาง ทว่าเอวบางกลับถูกรวบไว้อย่างรวดเร็ว สองร่างล้มลงบนเตียง“อย่านะ ฉันจะไม่ยอมให้คุณทำอะไรฉันอีกแล้ว!” เธอดิ้นรน ตะเกียกตะกายหนีแต่ไม่เป็นผล เมื่อคนจับดูไม่สะเทือนต่อแรงเธอแม้แต่น้อยญรินดาหอบ ร่างกายถูกกอดรัดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ธีภพจ้องมอง“ทำไมเธอต้องกลัวฉันด้วย ทั้งที่เรามีอะไรกันมาสองครั้งแล้ว หรือเธอลืมไปแล้ว” ชายหนุ่มย้ำความทรงจำผิวแก้มคนฟังแดงระเรื่อ ยกมือผลักดันแผงอกให้ออกห่าง ก็เพราะเคยมีอะไรกัน เธอถึงกระดากอายจนถึงตอนนี้ อาชีพเด็กนั่งดริงก์เธอเลิกทำอย่างถาวร ได้รับอิสรภาพคืนมา แต่ก็ต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไป“มีแล้วยังไงคะ ถึงฉันจะมีอะไรกับคุณมากี่ครั้งก็ยังเป็นได้แค่ของเล่นอยู่ดี!”เขาเลิ่กคิ้ว “แล้วเธออยากเป็นอะไรสำหรับฉันเหรอญรินดา”คนถูกถามไม่ตอบหลบสายตา ไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่าการรอดพ้นจากเรื่องวุ่นวายของพี่ชาย นอนกับเขาแค่ครั้งนั้นควรจบกันไปไม่มีอะไรต่อกัน แล้วทำไมเขาต้องพยายามดึงตัวเธอกลับมาอีก“ฉันไม่อยากเป็นอะ
ญรันต์ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าสับสน“ต้องการให้ผมแข่งรถนะเหรอ”“ใช่”“ให้ผมแข่งกับใคร แล้วของเดิมพันล่ะคืออะไร!” สีหน้าญรันต์แช่มชื่นขึ้นเมื่อได้ยินกติกา“แข่งวิศรุต นักแข่งในสังกัดฉันเอง”ญรันต์เงียบลงเมื่อรู้ชื่อคนแข่งด้วย วิศรุตเป็นนักแข่งดีกรีแชมป์ประเทศไทย แล้วเขาจะมีปัญญาสู้ได้หรือไงกัน“ว่ายังไง จะแข่งหรือเปล่า” ธีภพถามย้ำคนถูกถามช้อนสายตามองสีหน้าเคร่งเครียด“ของเดิมพันล่ะครับ”อยุทธ์กัดฟันจ่อปืนไปที่ศีรษะมันทันทีด้วยความขุ่นเคือง ติดหนี้เจ้านายเกือบห้าแสนยังถามหาของเดิมพันอีก ไอ้นี่มันเลวได้ใจธีภพโบกมือห้าม “เงินสดหนึ่งล้าน คือของเดิมพันของฉันไอ้ญรันต์ แล้วแกล่ะ ของเดิมพันของแกคืออะไร”สีหน้ามันสับสนครุ่นคิดหนัก สิ่งใดราคาเทียบเงินหนึ่งล้านนั้นไม่มีเลย“ผะ...ผมไม่มีหรอกครับ คุณต้องการอะไรจากผมถึงได้เสนอเงื่อนไขการแข่งรถ คุณต้องมีของที่ต้องการอยู่ในใจแล้วใช่ไหม”ดวงตาคมหรี่มอง ใครว่ามันโง่ ไม่เลยมันฉลาด แถมรู้ด้วยว่าเขาต้องการอะไร เพราะสายตามันกำลังจ้องมองน้องสาวตัวเอง“น้องสาวของแกไงไอ้ญรันต์” เขาตอบ แล้วปรายตามองสินค้าเดิมพันดวงตาเรียวสวยเบิกกว้าง ถลาเข้าหาพี่ชาย“พี่อย่านะ
พอคำนวณดูแล้ว มันมีความเป็นไปได้อยู่ เพราะเงินที่เขาให้เจ๊ราตรีมูลค่าสองแสน หัวเตียงอีกห้าหมื่น คงใช้หนี้ได้หมด ดูท่าแล้ว ญรินดาคงต้องทรมานจากพี่ชายตัวเองไปอีกนาน เพราะคนอย่างไอ้ญรันต์มันเคยหยุดทำเรื่องชั่วๆ“เจ้านายจะให้ผมทำยังไงดีครับ” อยุทธ์ถามความเห็น พอเจอเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น เลยคันไม้คันมืออยากอัดไอ้ญรันต์ให้ปางตายสักที“ไปจับตัวไอ้ญรันต์มาให้ได้ก่อน ทีเหลือเราค่อยว่ากัน”“ครับเจ้านาย” เขารับคำแล้วเดินออกจากห้องทันทีร่างสันทัดถูกกระชากลากเข้ามาในห้อง ญรันต์กวาดตามองรอบๆ สีหน้าตื่นตระหนก พอเห็นหน้าคนในห้องแข้งขาพาลอ่อนแรงทรุดลงกองกับพื้นแววตาไหวสั่น ธีภพเดินเข้าหามันกำคอเสื้อแล้วกระชากเข้าหา“แกกล้าโกงฉันเหรอญรันต์” ธีภพถามเสียงเหี้ยม“ผะ...ผมเปล่า ผะ...ผมจะเอามาใช้ให้คุณธีภพอยู่แล้ว พรุ่งนี้ผมแข่งผมก็ได้เงินแล้วครับ!” เสียงคนตอบสั่นเครือ ร่างกายมันสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้เขาปล่อยคอเสื้อมันเป็นอิสระ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก แล้วพับแขนจ้องมองมันแววตาแข็งกร้าว หายใจหนักขึ้นทุกขณะเพราะความเดือดดาล“คนอย่างแกนะเหรอไอ้ญรันต์ แค่ตัวแกเองยังรับผิดชอบไม่ได้ จะมาแข่งรถหาเงิน!” เขาด่าด้วยคว
ภาพเบื้องหน้าทำเอาน้ำตาตก รอยแดงทั่วกาย กลางกายปวดร้าวจนแสบไปหมด ช่องท้องจุกแน่นเสียจนตัวงอ เปิดฝักบัวรดกายพยายามถูกคราบคาวออก แม้รู้ดีว่าไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทุกอย่างมันเสียไปแล้วญรินดาออกมาจากห้อง มองดูเงินบนโต๊ะหัวเตียง ริมฝีปากบางเม้มแน่น หยิบมันนับดู น้ำตาไหลรินไม่ขาด เหมือนผู้หญิงขายตัวไม่มีผิด แต่ให้ทำอย่างไรในเมื่อเธอไม่มีทางเลือกอะไรเลย กำเงินในมือแน่นแล้วค่อยๆ เดินออกมาด้านนอกร่างบางถูกขวางด้วยชายใส่ชุดสูท รีบถอยหลังครูดด้วยความกลัว หรือว่าเขายกเธอให้คนอื่นอีก“ผมจะไปส่งที่บ้านครับ คุณธีภพสั่งไว้”แววตาคนบอกไม่มีสิ่งผิดปกติ เธอไว้ใจเขาได้ใช่ไหม แต่ตอนนี้ไม่อยากเชื่ออะไรใครอีก แม้แต่เจ๊ราตรีก็ไว้ใจไม่ได้“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจะกลับไปเอง” เธอบอกแล้วเดินหนีออกมาบ้านเขาหลังใหญ่โอ่อ่า แต่เธอกลับต้องเจอเรื่องเลวร้าย ณ สถานที่แห่งนี้ ปาดน้ำตาพร้อมก้าวยาวจนถึงรั้ว มีคนคอยเปิดให้ ออกมายืนด้านนอกมีรถแท็กซี่มาจอดรับพอดี รีบขึ้นนั่งแล้วบอกจุดหมายเขาอยุทธ์หยิบโทรศัทพ์ติดต่อเจ้านายทันที“ครับนาย ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”“ขอบใจมาก” ธีภพวางสายสีหน้าครุ่นคิด เรือนร่างเธอยังติดอยู่ใ
คนถูกห้ามกระตุกยิ้มมุมปาก“เมื่อคืนเธอบอกฉันเองว่า ไม่ไหวแล้วช่วยฉันด้วย ในเมื่อบอกให้ช่วยฉันคงไม่ปฏิเสธ ผู้หญิงสวยๆ อย่างเธอ ใครปล่อยไปก็คงโง่จริงไหม”มือบางยกปิดปากสะอื้นแผ่ว เขาไม่ผิด ผิดที่เธอ ปล่อยตัวปล่อยใจ แถมยังไม่ระวังตัวเองอีก ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับเธอด้วย“หยุดพูดแบบนี้สักทีเถอะค่ะ” คนตัวเล็กเริ่มอ้อนวอน“ก็ได้ ฉันจะไม่พูด” ดวงตาคมพิศมองใบหน้าของอีกฝ่าย หัวใจเต้นโครมคราม ความต้องการดันตีตื้นขึ้นมาอีก “ฉันมีเรื่องอยากถามสักหน่อย”เธอเงยหน้ามองทั้งน้ำตา กลั้นสะอื้นเอาไว้“เรื่องอะไรคะ”“เธอ... อยากเป็นผู้หญิงของฉันไหม ฉันยินดีดูแลเธออย่างดี”ริมฝีปากบางสั่นระริก นี่หมายความว่ายังไง เขาเห็นเธอเป็นตัวอะไร เรื่องที่ผ่านมาไม่เคยต้องการให้มันเกิด แต่ทำอะไรเพราะเธอทำพลาดเอง แต่ตอนนี้กลับถูกขอให้เป็นของเล่นนะเหรอ“ฉันไม่อยากเป็น!” ญรินดาสวนกลับทันทีคนถามเริ่มหงุดหงิด อะไรกัน ผู้หญิงมากมายต้องการตำแหน่งที่เขาเสนอให้เธอทั้งนั้น“ทำไมกัน”“ก็ฉันไม่อยากเป็น ไม่มีเหตุผล!”พอเจอคำพูดแบบนี้ หัวใจชายหนุ่มเต้นรัว“เธอแค่เด็กนั่งดริงก์ จะห่วงอะไรหนักหนา ในเมื่อตัดสินใจทำงานแบบนี้ ยังไงม