‘ผมเข้าใจพี่ฝนนะฮะ แต่แม่คงไม่ได้คิดแบบนั้น’
‘เรื่องแม่นะ ช่างเถอะ พี่ขอแค่ตรีกับหลานโมกข์เข้าใจพี่ก็พอ’
‘ผมเรียนจบแล้วจะรีบหางานทำ แบ่งเบาภาระพี่ฝนนะฮะ’
‘ไม่ต้องๆ พี่ดูแลตัวเองได้ แค่โมกข์ไม่อายที่มีพี่อย่างพี่ พี่ก็ดีใจแล้ว’
‘ทำไมผมต้องอายด้วยเล่า พี่สาวผมทั้งสวยทั้งเก่ง ผมน่ะ ภูมิใจในตัวพี่ฝนนะ’
‘อย่าลืมคำพูดตัวเองล่ะกัน’
‘แน่นอนครับ!’
รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นที่ใบหน้า รมิดาตากเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เดินกลับเข้ามาด้านใน ห้องของเธอมีฟอร์นิเจอร์ครบครัน เครื่องครัว รวมทั้งเครื่องซักผ้าขนาดเล็กและตู้เย็นที่อัดแน่นด้วยน้ำดื่มและขนมของว่างที่แจกในห้องประชุม ตั้งแต่ทำงานในตำแหน่งเลขา เธอไม่ได้อดยากหิวโหยเหมือนเมื่อก่อน แต่เพราะรู้ว่าความหิวมันทรมานเพียงใด ยิ่งขนมพวกนี้เธอไม่เคยมีเงินซื้อกินเอง ลำพังแค่มีข้าวกินครบสามมื้อก็ลำบากแล้ว จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อขนมมากิน
วันหยุดซึ่งนานๆ จะมีสักทีเพราะเจ้านายของเธอเป็นคนบ้างาน นอกจากงานที่บริษัทแล้วยังมีกิจการส่วนตัวหลายอย่าง หลายครั้งที่เธอต้องตามเขาไปหลายที่ ต้องท่องจำข้อมูลต่างๆ บันทึกตารางงานอย่างชัดเจน และยังต้องพัฒนาตัวเองเพื่อตามเขาให้ทันอีก ถึงเขาจะเป็นเจ้านายปากร้าย แต่เมื่อเธอทำงานผิดพลาด เขาก็พร้อมจะสอนงานให้เธอเข้าใจ จนเธอแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเขาไม่ต่อสัญญาจ้างเธอทำงานอีกห้าปี เธอก็มีทักษะการทำงานที่ยอดเยี่ยมไปสมัครงานที่อื่นได้ แต่...คงไม่สามารถหาเงินเดือนครึ่งแสนแบบนี้ แถมมีห้องพักฟรีไม่ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟแบบนี้ได้ที่ไหน โมกข์เหลืออีกปีเดียวก็จบ แต่เธอยังต้องดูแลน้องกายอีก ภาระไม่จบสิ้นแบบนี้ เธอถึงได้รักเงินมากอย่างไรล่ะ
รมิดาร้องเพลงพลางทำความสะอาดห้องไปด้วย หากไม่ถูกเรียกกระทันหันเธอคงทำความสะอาดห้องเสร็จและนอนแผ่หราไปนานแล้ว แต่เอาเถอะ เพื่อของกินแสนอร่อย เธอทำได้เสมอ โดยเฉพาะของอร่อยที่ไม่ต้องเสียเงิน ส่วนที่ได้เห็นอะไรวับๆ แวบๆ ของท่านประธาน ก็คิดเสียว่าเป็นอาหารตาก็แล้วกัน
ไม่รู้ว่ารมิดาคิดไปเองหรือเปล่า ท่าทางบอสดูแปลกๆ ชอบกล หรือเขาจะหาเรื่องจับผิดไม่อยากต่อสัญญาจ้างงานกับเธออีก ช่วงนี้ไม่เห็นมีนัดกับสาวๆ ที่ไหน ปกติเธอต้องทำตารางนัดสับรางรถไฟฟ้ามหานคร รวมทั้งส่งดอกไม้และของขวัญให้ผู้หญิงของเขา หรือเขาจะหมายตาผู้หญิงคนใหม่เลยเคลียร์ของเก่าในสต็อก
มือเรียวหยิบขนมส่งเข้าปาก แล้วเปิดโน้ตบุ๊กอ่านสรุปการประชุม กล่องข้อความในเฟซบุ๊กก็เด้งข้อความของเพื่อนรักขึ้นมาทันที
ไลลา : กระเป๋ามือสองมาแล้ว คัดมาให้กับมือ อย่างสวย
ฝนในเดือนมีนา : จัดมาคุณเพื่อน
ไลลา : ชุดสูทที่ให้หาก็ได้มาแล้วนะ
ฝนในเดือนมีนา : น่ารักที่สุด
ไลลา : เงินเดือนก็เยอะ ทำไมซื้อแต่ของมือสอง ลงทุนอีกหน่อยซื้อของมือหนึ่งไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ
ฝนในเดือนมีนา : ภาระเยอะ ก็รู้นี่น่า ประหยัดเงิน5บาท 10 บาท ก็เอา
ไลลา : แกเป็นลูกค้าฉันก็จริง แต่ก็ไม่อยากเห็นแกประหยัดจนกดดันตัวเองขนาดนี้
ฝนในเดือนมีนา : ขอบใจ ก็มีแต่แกที่คบฉันมาถึงทุกวันนี้
ไลลา : นี่ก็พูดเกินไป คิดมากจัง
ฝนในเดือนมีนา : คิดถึงแกไง
ไลลา : ไม่ต้องมาทำปากหวานใส่ เสื้อผ้ากระเป๋าจะให้แกร๊ปไปส่งให้นะ จะให้ส่งที่ไหนบอกมาด้วย
ฝนในเดือนมีนา : ส่งมาที่คอนโดนี่แหละ ฝากที่นิติคอนโดเหมือนเดิม
ไลลา : ตามนั้น อยากได้อะไรอีกไหม
ฝนในเดือนมีนา : เอาตัวแกมาได้ไหม
ไลลา : โอ๊ย! หลอนไม่ต้องมาทำเป็นจีบฉัน ไปเล่นที่อื่นไป
ฝนในเดือนมีนา : ไม่เล่นกับแกแล้วจะเล่นกับใคร ยังไงก็ส่งยอด+เลขบัญชีมาด้วย
ไลลา : จ้า ฉันไปขายของก่อนนะ แกดูแลตัวเองด้วย
ฝนในเดือนมีนา : ขอบใจจ้า
รมิดากัดขนมพลางเปิดดูรูปกระเป๋าและชุดสูทผู้หญิงที่เธอฝากไลลา-เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมหาซื้อให้ เธอไม่มีเวลาออกไปหาซื้อเสื้อผ้าเอง และที่สำคัญ เธอทนเห็นราคาที่ป้ายเสื้อไม่ได้ ทำงานข้างกายหัสวีร์ เสื้อผ้าหน้าผมต้องดูดี ซื้อของมือหนึ่งไม่ได้ก็ต้องอาศัยมือสองมือสาม หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา และเริ่มอ่านสรุปการประชุมอีกครั้ง วันหยุดของเธอมีค่าเกินกว่าจะคิดเรื่องไร้สาระ และเผื่อให้ได้ต่อสัญญางานอีกห้าปี เธอต้องเป็นเลขาสมบูรณ์แบบที่เขาต้องรู้สึกว่าขาดเธอไม่ได้!
หัสวีร์ติดค้างรมิดามากเหลือเกิน แม้มีทรัพย์สมบัติเป็นพันล้านก็ชดเชยให้เธอได้ไม่หมด แค่เรื่องง่ายๆ อย่างพาเธอมาเที่ยว ‘ทะเล’ ก็ต้องรออยู่หลายปี ยังไม่ได้ทันได้ไปฮันนีมูนก็มีเรื่องเสียก่อน เขาอยากพาเธอไปต่างประเทศ แต่รมิดาก็เป็นห่วงลูกชายทั้งที่มีคนอาสาเลี้ยงลูกเป็นขโยง แต่ในที่สุด ก็ได้พาเมียมาทะเลเสียที “พี่วีร์ ตลกไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามเรียกชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ หัสวีร์หันไปตามเสียงก็พบรมิดาอยู่ในชุดว่ายน้ำทูพีชสีชมพูหวานฉ่ำ แม้จะเป็นชุดว่ายน้ำแบบเรียบๆ แต่รูปร่างอวบอิ่มของหญิงสาวก็ทำเอาทะเลเดือดได้เหมือนกัน “พี่วีร์” รมิดาทำหน้ามุยที่เห็นหัสวีร์มองหน้านิ่ง เธอก้มมองตัวเองแล้วก็ถอนหายใจ ว่ากันว่าหลังคลอดลูกแล้วรูปร่างเปลี่ยน มันก็จริงนะ ตอนนั้นเธอห่วงแค่ต้องเลี้ยงลูก และยังช่วยพี่สาวเปิดร้านเบเกอรี่ไม่มีเวลามาดูแลรูปร่างให้เข้าที่เหมือนคนอื่นเสียด้วย “อ๊ะ!” หัสวีร์ได้สติก็คว้าเอวคอดมานั่งตักแล้วกดปลายคางกับไหล่เนียนนุ่ม “ฝนทำให้พี่ตะลึงเลย หุ่นแบบนี้บอกว่ามีลูกแล้วคงไม่มีใครเชื่อ” “สรุปว่าดีหรือไม่ดีคะ”
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง รมิดานั่งอ่านข่าวจากหน้าจอเครื่องไอแพด ข่าวตำรวจทลายแหล่งค้ามนุษย์เป็นที่พูดถึงในโลกโซเซียลอยู่หลายวันและมีการสืบขยายผลผู้เกี่ยวข้องอีกหลายฝ่าย ไม่เพียงแค่ค้ามนุษย์แต่ยังมีเรื่องยาเสพติดสิ่งผิดกฎหมายอีกหลายอย่าง แต่ไม่มีการพาดพิงถึงเรื่องที่รวิศถูกจับตัวไป การมีเงินใช้เงินให้ถูกที่ก็ไม่ได้แย่นัก รมิดารู้ดีว่าที่หัสวีร์ทำไปทั้งหมดก็เพื่อลูก เขาไม่ต้องการให้ลูกกลายเป็นเป้าสนใจของสื่อทุกแขนงและยังจะกระทบกระเทือนจิตใจลูกด้วย รวิศเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด นอกจากการขาดน้ำ-อาหารและบาดแผลถลอกที่ไม่ติดเชื้อแล้วก็นับว่าร่างกายแข็งแรงดี ส่วนสภาพจิตใจนั้น จิตแพทย์เด็กได้ให้การดูแลอยู่เชื่อว่าความรักจากคนในครอบครัวจะทำให้เด็กน้อยผ่านความทรงจำเลวร้ายนี้ได้ แต่เพราะความเป็นห่วงของปู่ย่าจึงอยากให้รวิศอยู่โรงพยาบาลสักวันสองวันเพื่อความมั่นใจ แต่คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือเพื่อนใหม่ของรวิศ...เด็กหญิงผักหอม เด็กแข็งแกร่งที่รมิดาเห็นแล้วก็นึกถึงตัวเองในวัยเด็ก หัสวีร์ให้คนสืบเรื่องของผักหอมและเมื่อรู้ว่าครอบครัวไม่ได้อบอุ่นและยังทำร้ายร่างกายเด็ก ทำให้ทั้งสองปรึก
มือเล็กๆ จับกันแน่น รวิศเผลอหันไปมองด้านหลังทำให้เท้าที่ไม่มีแรงสะดุดก้อนอิฐที่ปูไม่เรียบตรงหน้า ร่างเขาเซถลาล้มลงแต่ผักหอมก็ไม่ยอมปล่อยมือ “อย่าหยุดนะ คนใจร้ายตามมาแล้ว!” “อื้อ” น้ำตาคลอเบ้าตา รวิศเจ็บมากแต่ไม่กล้าร้องไห้และไม่กล้ามองเข่าที่เจ็บมากและรู้ว่าเลือดไหลซึมออกมา ผักหอมออกแรงดึงแขนรวิศแล้วสบตากัน เด็กหญิงก็หวาดกลัวไม่น้อยแต่ก็ฝืนยิ้มแล้วพูดออกมา “เพี้ยงงงง หาย ไม่เจ็บแล้วนะ” ดวงตากลมกะพริบตาปริบๆ เหมือนความเจ็บนั้นจะหายไปชั่วขณะ เสียงคนโวยวายดังไล่หลังทำให้เด็กน้อยทั้งสองสะดุ้งโหย่ง ผักหอมเห็นท่าไม่ดีดึงแขนของรวิศให้มาหลบอยู่หลังกองไม้ “หลบอยู่ตรงนี้ อย่าสงเสียงนะ รอจนกว่าคนใจร้ายไปแล้วค่อยออกมาล่ะ” “แล้วเธอล่ะ มาหลบด้วยกันสิ” รวิศกระถดกายเข้าไปด้านในเพื่อให้ผักหอมเข้ามาหลบด้วยกัน แต่เด็กหญิงส่ายหน้ารัวๆ “นายเข่าเจ็บ วิ่งไม่ทันแน่ ฉันจะหลอกพวกมันไปอีกทางเอง” “ไม่ได้นะ! พวกมัน...พวกมัน...” เด็กหญิงฉีกยิ้มเศร้า เธอรู้...เธอเป็นคนจน...พวกมันเอาเธอไปขาย แต่ถ้าเ
รมิดาเผชิญหน้ากับชายสวมหน้ากากอนามัยสีดำ ความหวาดกลัวที่มีหายไปหมดสิ้นเมื่อคิดว่าต้องช่วยลูกออกมาให้ได้ แม้จะมีหน้ากากปิดครึ่งหน้าแต่แววตามันกำลังแสยะยิ้มให้เธออยู่ “น่าปรบมือให้จริงๆ ภรรยาของประธานหัสวีร์กล้ามาด้วยตัวเองคนเดียวจริงๆ” ภาคภูมิที่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองพูดน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาหรี่มองอย่างประเมิน มิน่าเล่า จากเลขาถึงกลายเป็นเมียได้ ก็สวยขนาดนี้เลยนี่ สวยกว่ายัยปอไหมนั้นอีก “ลูกชายฉันอยู่ที่ไหน” รมิดาถามรักษาระดับน้ำเสียงไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเธอหวาดกลัวมากแค่ไหน เธอไม่ได้ตัวเองเป็นอันตรายแต่เป็นห่วงลูก กลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัย “ผมต้องค้นตัวคุณก่อน” ภาคภูมิสาวเท้าเข้าไปใกล้หญิงสาวไม่ถอยหลังหนีซ้ำยังยืนนิ่งเชิดใบหน้าขึ้นไร้ความเกรงกลัว เขายิ้มพอใจแล้วยื่นมือข้างใบหูเพื่อสำรวจว่าเธอติดเครื่องมือสื่อสารอะไรมาหรือเปล่า “ฉันพกโทรศัพท์มือถือมา มันต้องใช้โอนเงิน” เธอยื่นโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องให้มันด้วยตัวเอง ชายหนุ่มยื่นมือไปรับแล้วใช้มืออีกข้างแตะที่กระดุมเสื้อเชิ้ตของรมิดา หญิงสาวปัดมือเขาออกทำให้โจรชั่วเลิกคิ้วขึ้นเล
เด็กชายวัยสามขวบเศษเนื้อตัวมอมแมมแต่กระนั้นยังเห็นได้ชัดว่าเป็นมีเชื้อชาวต่างชาติ รวิศยกหลังมือจะเช็ดน้ำตาแต่ก็นึกได้ว่าแม่สอนไว้ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้า เขาล้วงมือในกระเป๋ากางเกงเจอแท่งช็อกโกแลต เขาเผลอยิ้มอย่างดีใจเพราะตั้งแต่กินมื้อเที่ยงไปยังไม่ได้กินอะไรอีกเลย ขณะกำลังฉีกห่อขนมก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่ เขามองกลับเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เนื้อตัวมอมแมมเหมือนเขาและน่าจะอายุพอๆกัน หรืออาจจะถูกคนใจร้ายจับมาเหมือนกัน “กินด้วยกันไหม” รวิศถามแล้วลุกขึ้นเดินไปยังมุมห้องที่เด็กผู้หญิงนั่งกอดเข่าอยู่ เขาเอียงหน้ามองแล้วก็อุทานตกใจคว้าหาผ้าเช็ดหน้าแล้วยื่นไปแตะๆที่หน้าผากของเด็กหญิงคนนั้น “เธอมีแผล ต้องเช็ดแผล” “เจ็บ” เด็กหญิงแบะปากอยากร้องไห้ แต่ท่าทางจะร้องมาหนักแล้วจนดวงตาบวมแดงและแห้งผาก “มาๆ เราเป่าให้นะ เพี้ยง!หาย” “ยังเจ็บอยู่เลย” “เราทำแบบที่แม่สอน เดี๋ยวเป่าอีกทีนะ เพี้ยงงงง หายยยย” อาจเพราะไม่ได้อยู่คนเดียว เด็กหญิงจึงอารมณ์ดีขึ้น เธอเผลอยิ้มแต่ก็ต้องร้อ
เสียงลูกชายดังขึ้นมาทันทีที่ยังพูดไม่จบ รมิดามือไม้สั่นไปหมดแทบจับโทรศัพท์ไม่อยู่ หัสวีร์รีบยื่นมือไปประคองมือของเธอไว้ ปลายสายตัดสัญญาไปแล้ว ร่างบางถึงกับเข่าอ่อนแต่เพราะมีหัสวีร์ประคองอยู่จึงไม่ได้ลงไปนั่งกับพื้น “สงสัยปู่ต้องรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับกำนันคมคายเสียหน่อย” เมื่อก่อนปู่ก็จัดว่าเป็นนักเลงเก่ามาก่อน เพราะได้เมียดีคอยเตือนสติไม่หลงเดินทางผิดจึงสร้างอาณาจักรศาตนันท์ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ก็มี...เลี้ยงคนไว้ใช้งานอยู่บ้าง “ตั้งสติ” เสียงย่าพูดกับรมิดา “ผู้หญิงบ้านนี้ห้ามอ่อนแอ” “ค่ะ” รมิดาสูดลมหายใจลึกแล้วพยุงตัวเองขึ้น เธอยังสวมชุดกระโปรงที่ใส่ไปทำงานอยู่ “ฝนขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ พี่วีร์จัดการเรื่องเงินรอได้เลย จะให้ฝนทำอะไร ฝนพร้อมค่ะ” เงินห้าสิบล้านไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหัสวีร์ รมิดาเป็นเลขาของเขามาห้าปีจัดการเรื่องการเงินให้เขาย่อมรู้ดีทุกอย่าง แต่การไม่รู้ว่าต้องเตรียมเงินเพื่อโอนไปที่ไหนหรือจะทำเอาไปให้ใครทำให้เธอหงุดหงิดมากกว่า รมิดาสวมกางเกงยีนกับเสื้อยืดพอดีตัว ผมยาวรวบขึ้นเป็นหางม้าท่