เพราะลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่ทำงาน แพรดาวจำเป็นและจำใจต้องขอยืมโทรศัพท์จากชายแปลกประหลาดคนนี้ เขาทำหน้านิ่งแต่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้เธอใช้ แพรดาวรีบโทรหาผู้จัดการดารินแล้วก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้ากังวลอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม เขาหรี่ตามองก่อนพูดออกมา
“มีอะไร”
“เปล่าคะ”
“ใช้เสร็จแล้วก็คืนมา”
“ขอโทษค่ะ” แพรดาวรู้ว่าต้องคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของ แต่เธอยังลังเลอยู่จึงยังกุมโทรศัพท์ของเขาไว้อย่างไม่รู้ตัว
“มีคนที่ต้องโทรหาเหรอ ให้โทรให้ไหม?”
“ไม่ๆ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่รบกวน” มือเรียวยื่นโทรศัพท์คืนให้
“โทรหาแฟนเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ! ฉันไม่มีแฟน”
“ฉันไม่ได้สนใจเธอหรอกนะ” ชายหนุ่มพูดแล้วมองด้วยหางตา ตัวก็เล็ก ทั้งผอมทั้งบางอย่างกับเด็กขาดสารอาหาร มีอะไรน่ามองกันเล่า
ริมฝีปากอิ่มสวยอ้าปากจะโต้เถียงแต่คุณหมอออกมาจากห้องตรวจพอดีทำให้แพรดาวหุบปากในทันที
“น้องแมวมีขาดน้ำและมีภาวะขาดสารอาหาร ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดแต่แผลที่เท้าหน้าไม่น่าเป็นห่วงมากนักค่ะ ยังไงฝากน้องไว้ที่นี่สักสองวันน้องจะอาการดีขึ้นค่ะ”
“ได้ครับ เรื่องค่ารักษาผมจ่ายให้ก่อนเลย ถ้าไม่พอก็โทรบอกได้ แต่ให้คนนี้ดูแลไป” เขาใช้หางตา มองไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
‘จำได้ว่าแนะนำตัวไปแล้ว หรือรังเกียจขนาดไม่อยากเรียกชื่อกัน’
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าของน้องแมวติดต่อฝ่ายการเงินเลยนะคะ”
แพรดาวเห็นเขาเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อชำระเงิน หญิงสาวขอเดินไปดูเจ้าแมวน้อยตัวต้นเรื่องอีกครั้ง น้องอยู่ในกรงเล็กๆ มีสายน้ำเกลือติดอยู่ พอเห็นแบบนี้แล้วใจก็สั่นไหว ทั้งสงสารและดีใจที่ได้ช่วยแมวน้อย จะว่าไป คนที่ช่วยไม่ใช่เธอแต่เป็นผู้ชายชุดดำคนนั้นต่างหาก
“อดทนหน่อยนะ แล้วก็แข็งแรงเร็วๆนะ ไม่ต้องหวงนะ ไม่ทิ้งแน่นอนแต่ตอนนี้อยู่กับคุณหมอก่อนนะ”
“อืม ต้องแข็งแรงให้คุ้มกับเงินหมื่นที่จ่ายไปด้วยนะ”
เพราะเสียงที่ได้ยินดังอยู่ข้างใบหูทำให้แพรดาวสะดุ้งโหยงแล้วหันไปมองทันที ปลายจมูกสัมผัสแก้มของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“อ๊ะ!”
“อะไรของเธอ” ชายหนุ่มทำหน้าหงุดหงิดแล้วยื่นนิ้วไปแตะๆ เท้าของแมวน้อยเบาๆ “ตัวแค่นี้ค่าตัวเป็นหมื่น แพงกว่าพวกเบอร์ตองเสียอีก”
“เบอร์ตองอะไรคะ” หญิงสาวเอียงคออย่างงุนงง แต่ทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
“ไปเถอะจะตีสี่อยู่แล้ว”
“อ๊ะ! จริงด้วย ต้องกลับบ้านแล้ว”
“งั้นก็แยกกันตรงนี้ เรื่องแมวก็ฝากด้วยแล้วกัน”
“ค่ะๆ ขอบคุณที่ช่วยน้องมากๆค่ะ”
แพรวดาวปล่อยให้ชายหนุ่มเดินออกไปก่อน เธอลาเจ้าแมวสีดำอีกครั้งแล้วเดินออกมาหน้าโรงพยาบาลรักษาสัตว์ที่เปิดแบบ 24 ชั่วโมง เพราะลืมโทรศัพท์มือถือและยังไม่มีนาฬิกาเลยไม่รู้ว่าเวลาผ่านมาจนตี4แล้ว ขณะที่ยืนคิดอยู่ว่ารถเมล์เที่ยวแรกวิ่งหรือยังนะ หรือจะเรียกแท็กซี่กลับบ้านดี รถสปอร์ตคันหรูก็เคลื่อนมาหยุดตรงหน้าเธอ กระจกรถเลื่อนลงตามด้วยเสียงของเจ้าของรถ
“ขึ้นรถ จะไปส่ง”
“ไม่เป็นไรคะ”
“เป็น เพราะฉันหวงว่าแมวค่าตัวแพงตัวนั้นจะไปอยู่บ้านแบบไหน หรือมีคนช่วยแมวเอาไปทำคอนเท้นต์บ้าๆบอๆ ขอรับเงินบริจาคนะสิ”
ผู้ชายคนนี้ ทั้งที่ช่วยจ่ายค่ารักษาแมว แต่ทำไมปากร้ายขนาดนี้นะ!
“ได้ค่ะ เชิญไปตรวจสอบบ้านฉันได้เลย”
แพรดาวพูดน้ำเสียงไม่พอใจเต็มเปี่ยมแล้วเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง เธอบอกทางเขาแล้วก็นั่งกอดกระเป๋าเงียบ ชายหนุ่มไม่พูดอะไรอีก ในรถจึงมีแต่ความเงียบและเสียงแอร์รถยนต์ที่ทำงานเต็มประสิทธิภาพจนผู้โดยสารสาวตัวสั่นน้อยๆ ระหว่างที่รถติดไฟแดงชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปด้านหลังหยิบเสื้อสูทของตนมาวางบนตักของผู้โดยสารสาว
“คะ?”
“ห่มซะ กว่าจะถึงบ้านจะเป็นหวัดเอาเสียก่อน ประเดี๋ยวไม่มีแรงดูแลแมวดำตัวนั้น”
“คุณก็หรี่แอร์สิคะ” เธอบ่นพึมพำแต่ยอมใช้เสื้อของเขามาห่มตัว
เขาชะงักไปเล็กน้อย ลืมเรื่องง่ายๆไปได้ยังไงกัน เขาเองก็ไม่เอาเสื้อของตนให้คนอื่นใช้แบบนี้ด้วย หรือจะเป็นจิตใต้สำนึกของ ‘ดิน’ สั่งให้เขาทำอย่างนี้ รถสปอร์ตหรูขับไปตามเส้นทางที่หญิงสาวบอก เขาขมวดคิ้วไม่คิดว่าปลายทางจะเป็นบ้านที่เขารู้จักดี
‘บรรพต’ นี้บ้านของบรรพตนี่...
“เธออยู่ที่นี่เหรอ” เขาถามหลังจากจอดรถแล้ว
“ค่ะ บ้านหลังเล็กๆ ด้านข้างค่ะ ฉันกับแม่เช่าบ้านอยู่ค่ะ ส่วนหลังใหญ่นั้นของเจ้าของบ้านค่ะ”
“เธอ...”
“มีอะไรหรือคะ”
“ช่างเถอะ” เขาส่ายหน้าไปมาแล้วโบกมือไล่ “ไปเถอะ ฉันอยากกลับไปนอนแล้ว”
“ขอบคุณมากนะคะ” ประโยคนี้พูดจากใจจริง เธอยกมือไหว้ขอบคุณเขาแล้วส่งเสื้อคืนให้ ร่างเล็กก้าวลงจากรถแล้วเดินเปิดประตูรั้วเดินเข้าไปที่บ้านหลังเล็กที่อยู่ใกล้ๆ บ้านหลังใหญ่ ที่ดินแปลงนี้มีบ้านสองหลังปลูกใกล้กัน รอบบ้านมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นหนาแน่นจนทำให้มองแทบไม่เห็นบ้านอีกหลัง
นิ้วกร้านเคาะกับพวงมาลัยรถยนต์ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ แต่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาเดินหมากรุกกับคนแก่ รถยนต์หรูค่อยๆ เคลื่อนกลับมาที่พักของตนเอง เมื่อเข้ามาในห้องเขาก็โยนกุญแจรถในตะกร้าใบน้อยที่วางอยู่ข้างประตู รสนิยมนุ่มนิ่มทำให้เขาเบ้ปากแต่ทำไงได้เล่า ต่อให้เขาเอาไปทิ้ง พรุ่งนี้มันก็กลับมาใหม่เพราะ ‘ดิน’ ชอบแบบนี้
วันนี้เขาไปตรวจงานที่ซีเคร็ท คลับ ไม่คิดว่าจะได้เจอเรื่องแบบนี้ แมวหนึ่งตัว กับผู้หญิงหนึ่งคน และยังเป็นคนที่ ‘บรรพต’ เคยขอความช่วยเหลือไว้
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าตาแก่บรรพตเคยเป็นนักเลงหัวไม้มาก่อน ล้างมือจากวงการนักเลงไปเป็นสิบปีแต่ชื่อเสียงและเรื่องเล่ายังมีอยู่ หลายคนคิดว่าตาบรรพตตายไปแล้ว แต่แท้ที่จริงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวง และเป็นคนที่รู้จัก ‘ดาร์ก’ และ ‘ดิน’ เป็นอย่างดี
ชายหนุ่มถอดเสื้อแล้วเหวี่ยงทิ้งไว้ไม่ไยดีว่ามันจะหล่นที่ตรงไหน ทว่าเพิ่งนึกได้ว่าถูกแมวกัดที่หลังมือ เขาหยิบสมาร์ทโฟนแล้วกดบันทึกเสียงของตนเอง เล่าเรื่องราวที่เกิดขั้นสั้นๆ กระชับ ได้ใจความแล้ววางวางบนโต๊ะ เขาเอนตัวลงนอนบนโซฟาด้วยความอ่อนล้าแต่เมื่อหลับตากลับคิดถึงสัมผัสจากริมฝีปากนุ่มที่สัมผัสแก้มเขาอย่างไม่ตั้งใจ
ให้ตายสิ! เขาต้องหลับ! เขาต้องการพักผ่อน จะมาคิดถึงเด็กขาดสารอาหารคนนั้นไม่ได้
จะว่าไป ทั้งคนทั้งแมวก็เหมือนกันเลย...
เพราะลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่ทำงาน แพรดาวจำเป็นและจำใจต้องขอยืมโทรศัพท์จากชายแปลกประหลาดคนนี้ เขาทำหน้านิ่งแต่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้เธอใช้ แพรดาวรีบโทรหาผู้จัดการดารินแล้วก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้ากังวลอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม เขาหรี่ตามองก่อนพูดออกมา “มีอะไร” “เปล่าคะ” “ใช้เสร็จแล้วก็คืนมา” “ขอโทษค่ะ” แพรดาวรู้ว่าต้องคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของ แต่เธอยังลังเลอยู่จึงยังกุมโทรศัพท์ของเขาไว้อย่างไม่รู้ตัว “มีคนที่ต้องโทรหาเหรอ ให้โทรให้ไหม?” “ไม่ๆ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่รบกวน” มือเรียวยื่นโทรศัพท์คืนให้ “โทรหาแฟนเหรอ” “ไม่ใช่ค่ะ! ฉันไม่มีแฟน” “ฉันไม่ได้สนใจเธอหรอกนะ” ชายหนุ่มพูดแล้วมองด้วยหางตา ตัวก็เล็ก ทั้งผอมทั้งบางอย่างกับเด็กขาดสารอาหาร มีอะไรน่ามองกันเล่า ริมฝีปากอิ่มสวยอ้าปากจะโต้เถียงแต่คุณหมอออกมาจากห้องตรวจพอดีทำให้แพรดาวหุบปากในทันที “น้องแมวมีขาดน้ำและมีภาวะขาดสารอาหาร ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดแต่แผลที่เท้าหน้าไม่น่าเป็นห่วงมากนักค่ะ ยังไงฝากน้องไว้ที่นี่ส
แพรดาวเคยผ่านโรงพยาบาลรักษาสัตว์แห่งนี้ แต่มองจากด้านนอกเท่านั้น แต่เมื่อรถสปอร์ตหรูจอดนิ่งสนิทแล้ว เธอก็ทำตาโตจนกระทั่งประตูรถฝั่งเธอเปิดออก ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้ แสงสว่างจากหน้าโรงพยาบาลทำให้เธอเห็นใบหน้าเขาชัดเจนกว่าลานจอดรถ “เธอเป็นคนแรกที่ฉันเปิดประตูให้แบบนี้เลยนะ” “คะ? อ๊ะ! ขอโทษค่ะ” หญิงสาวได้สติรีบก้าวลงจากรถทั้งที่ประคองเจ้าแมวน้อยตัวสั่นในอ้อมอก แต่สายตาที่จ้องมองอย่างเปิดเผยทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิด “เป็นอะไรไปอีก” “พี่...พี่ดิน...พี่ดินเองเหรอคะ” ใบหน้านี้คือ ‘พี่ดิน’ หรือ ‘หัสดิน’ เมื่อครู่อยู่ในลานจอดรถแสงไม่ค่อยสว่างนัก เธอจึงมองเห็นเขาไม่ชัด มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนยื่นหน้าไปใกล้จนหญิงสาวถอยหลังไปครึ่งก้าว “มุกนี้เจอมาเยอะแล้ว เปลี่ยนมุกเล่นบ้างเถอะ” “เอ่อ...คุณ...มะ...ไม่ใช่...” หน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนจนแทบจะพิมพ์เดียวกัน แต่นิสัยต่างกันราวกับฟ้ากับเหว ‘พี่ดิน’ ใจดีและอ่อนโยน ส่วนผู้ชายคนนี้...ดุชะมัด! “จะพาแมวไปหาหมออยู่ไหม?”
หญิงสาวหิ้วถุงขยะไปไว้ที่ถังขยะด้านหลังร้าน จู่ๆ ก็มีแมวตัวน้อยโผล่หน้ามาจากหลังถังขยะ แพรดาวจ้องมองดวงตากลมโตที่มีความหวาดกลัว เธอคอยๆ วางถุงขยะใส่ในถังเพื่อไม่ให้เจ้าแมวน้อยตกใจแล้วยื่นมือไปหา “สวัสดีตัวเล็ก มาจากไหนเหรอ” แพรวดาวพยายามผูกมิตรกับแมวน้อย บริเวณนี้แสงไม่สว่างมากนัก เธอเพ่งมองว่าเจ้าแมวตัวจิ๋วสีอะไร ขณะที่ยื่นมือไปหา เจ้าจิ๋วมอมแมวก็วิ่งหนีไปทิศทางอื่น “เดี๋ยวก่อนสิ! อย่าไปทางนั้น แถวนั้นมีพี่หมาจรนะ!” เธอร้องบอก แต่เจ้าแมวน้อยก็วิ่งปรู๊ดไปบริเวณที่จอดรถ ด้วยความเป็นห่วงทำให้สองเท้าวิ่งตามลูกแมวน้อยจนเห็นมันผลุบหายไปใต้ท้องรถยนต์ที่จอดอยู่ “นี่ๆ ออกมานะเจ้าตัวเล็ก” แพรดาวเดินรอบรถหรู เธอกลัวว่าเจ้าแมวจะเข้าไปในห้องเครื่องยนต์เหมือนที่เห็นออกข่าวอยู่บ่อยๆ เจ้าของร่างเล็ก ก้มๆ เงยๆ มองหาเจ้าแมวน้อยพลางส่งเสียงร้องเหมียวๆ แล้วเธอก็เห็นความเคลื่อนไหวอยู่บริเวณใต้ท้องรถ หญิงสาวจึงนั่งลงแล้วก้มตัวมองไปใต้รถ “เหมี๊ยวๆ ออกมาเร็ว หิวไหม ออกมาแล้วจะหาของอร่อยให้กิน” เพราะมัวแต่สนใจลูกแมวน้อยจึงไม่รู้ว่าม
ผู้จัดการดารินหรือดาด้ายืนมองหญิงสาวร่างเล็กแต่ปราดเปรียวทำงานอย่างคล่องแคล่วด้วยสายตาที่ชื่นชมในความสามารถ เด็กคนนี้ไม่ควรทำเป็นพนักงานเสิร์ฟ น่าจะหางานที่ดีกว่านี้ได้ แต่ก็ช่างเถอะ เพราะพนักงานเสิร์ฟเก่งๆ ก็หายาก บางคนอาจคิดว่าแค่เสิร์ฟเครื่องดื่มหรืออาหารก็จบ แต่จริงๆ เป็นการดูแลลูกค้า แนะนำเมนูเด่น เทคแคร์แต่ไม่วุ่นวาย ทำงานมาครึ่งเดือน ยัยเด็กแพรดาวน่าจะได้ทิปเกินครึ่งหมื่นไปแล้ว ถ้าแบบนี้ก็ไปด้วยสวย ทิปอาจได้เยอะกว่าเงินเดือนเสียอีก ตั้งแต่ได้ทำงานที่นี่ แพรดาวก็ตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่ได้สนใจเรื่องอื่น เธอเจอเกรซแค่สองหรือสามครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไรกันเป็นพิเศษ เพราะงานของเธอค่อนข้างยุ่ง นอกจากค่าแรงรายวันแล้วเธอยังได้รับทิปจากลูกค้าที่ให้แบงค์ม่วง แบงค์เทาเป็นว่าเล่น เงื่อนไขหลักคือไม่วุ่นวายแต่ไม่ละเลย ชุดพนักงานของเธอเป็นสีดำทั้งชุด มีเข็มกลัดโลโก้ร้านติดที่อกเสื้อ แต่ที่สำคัญ เธอต้องใส่หน้ากากปิดครึ่งซีกของใบหน้า แรกๆ เธอก็รู้สึกเหมือนเป็นโจรมุมตึกในหนังสือการ์ตูนที่เคยอ่าน แต่เพื่อนร่วมงานคนอื่นก็ทำเหมือนกัน กวาดตามองผ่านๆ ทุกคนหน้าตาเหมือนกัน แยกได
หัสดินรู้ว่าคำพูดของตัวเองดูประหลาด แต่เขาก็รู้อีกนั้นแหละว่า เธอคงเจอกับตัวตนอีกด้านหนึ่งของเขาไปแล้ว ในห้องมีกล้องวงจรปิดซ่อนไว้ทำให้รู้ว่าวันนั้นเธอเจออะไรไปบ้าง และเจ้าดาร์กก็ไม่ยอมบอกเขาเสียด้วย “ขนมอร่อยมาก แพรไม่เคยกินเค้กอร่อยๆแบบนี้มาก่อนค่ะ” หญิงสาวพูดไปตามที่รู้สึก “พูดเกินไป ฝีมือพี่ไม่เท่าไหร่หรอก” เขาพูดยิ้มๆ พยายามเพิ่มความสนิทสนมยิ่งขึ้น “อร่อยจริงๆค่ะ” จะเรียกว่าถูกหลอกด้วยของอร่อยก็ไม่ผิดนัก แพรดาวรู้สึกดีกับผู้ชายคนนี้จริงๆ “แพรขอเอากลับไปฝากแม่ได้ไหมคะ แพรอยากให้แม่ได้กินของอร่อยๆ แบบนี้” “ไม่ได้” เขาตอบแสร้งทำหน้าจริงจัง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าเสียก็รีบพูดขึ้นทันที “พี่หมายถึง ชุดนี้พี่เตรียมมาให้แพร แต่ครั้งหน้าพี่จะเตรียมไว้ให้คุณแม่ของแพรก็แล้วกัน” “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจมากแล้ว แต่ละอย่างดูแพงๆทั้งนั้น” หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อยก็พูดออกไป “คุณ...” “พี่” “เอ่อ...” “เรียกพี่ดินก็ได้ ชื่อเต็มพี่ก็คงรู้แล้ว” “เอ่อ...พี่ดิน” ช่างเถอะ เธ
เพราะเคยมีประสบการณ์ทำงานตามงานเลี้ยงมาบ้าง สำหรับแพรดาวจึงไม่ยากนัก การจำชื่อเมนูเครื่องดื่มเด่นๆ มาวันแรกไม่ได้ทำงานจริงแต่เรียนรู้งาน คนที่มีประสบการณ์ได้ทำงานที่โซนB ซึ่งเป็นชั้นบนที่แบ่งเป็นห้องพิเศษอีกหลายห้อง ส่วนแพรดาวทำงานที่โซนA ซึ่งดูแล้วก็ไม่ต่างจากร้านเหล้าทั่วไปที่มีเวทีเล็กๆ สำหรับการเล่นดนตรีสด เสื้อพนักงานเป็นเสื้อโปโลสีดำคลิบแดง บนอกเสื้อปักโลโก้ร้าน กางเกงผ้าขายาวกับรองเท้าคัชชูทำให้เดินสบายคล่องตัว เธอไม่คิดว่าที่นี่จะเตรียมให้พนักงานขนาดนี้ แต่ก็นับว่าดีมากแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ แพรดาวเรียนรู้งานจากผู้จัดการหรือพี่ดาด้ารวมทั้งคนอื่นๆ 3 วัน ทุกอย่างไปอย่างราบรื่นด้วยดี กลางวันแพรดาวไปทำงานตามที่บริษัทนัดหมาย เดี๋ยวนี้มีคนมาทำงานเป็นแม่บ้านกันมากขึ้น เธอไม่ได้มีงานทำทุกวัน การมีรายได้กลางคืนจึงเป็นความหวังกับเธอมากทีเดียว แต่ที่สุดแล้วเธอก็หวังจะได้ทำงานประจำที่มั่นคง ระหว่างนี้แพรดาวก็ยังอ่านหนังสือทบทวนความรู้ของตัวเองตลอดเพื่อจะได้สอบเข้าทำงานราชการ หญิงสาวหยุดหน้าประตูห้องที่คุ้นเคย
อินฟลูสาวมองด้วยรอยยิ้มดีใจ เธอทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนคลับสำเร็จแล้ว เชฟหนุ่มเลื่อนรูปและคืนปากกาให้ บนกระดาษแผ่นนั้นมีลายเซ็นชื่อ ‘หัสดิน’ และคำอวยพรให้การรักษาราบรื่นด้วยดี “ขอบคุณมากนะคะ และขอโทษที่รบกวน” พลอยไพลินเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋า และเตรียมตัวกลับ เธอมีข้อมูลของเชฟดินอยู่บ้าง ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบให้คนอื่นเข้าใกล้มากเกินไป “คุณจะไปพบน้องอันดาเมื่อไหร่ครับ” “ออกจากนี้ก็ไปโรงพยาบาลค่ะ คงไม่ทันเวลาเยี่ยมแต่จะฝากคุณแม่ของน้องไว้” “รอสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหลังร้าน และไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เดินออกมาพร้อมถุงขนมสองถุง “ถุงนี้ฝากให้น้องอันดา ถ้ากินไม่ได้ก็ให้คุณแม่หรือคนในครอบครัวก็ได้ครับ ส่วนถุงนี้ของคุณกับเพื่อน” “เกรงใจจัง” “คราวหน้ามาเวลาร้านเปิดนะครับ” “ขอบคุณมากค่ะ” เป็นเกรซที่พูดขึ้นแล้วรับถุงขนมทั้งสองถุงไว้ พลอยไพลินได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งแล้วขอตัวกลับ ระหว่างที่เดินมาที่รถยนต์ของตนก็อดหันไปมองที่ร้านขนมไม่ได้ “เชฟดินตัวจริงหล่อกว่าในช่องยูทูปเสียอีก” เกรซเปรยแล้วกระแซะไหล่เพื่อนเบาๆ “ชอบล่ะสิ” หญิงสาวได้แต่ยิ้มหน้าแดง แล้วตั้งใจว่าจะต้องกลับม
สัมพันธ์ลับ(รัก) สุดยอด ตอนที่12 ชายหนุ่มบรรจงแต่งหน้าเค้กด้วยแววตามุ่งมั่น ผู้ช่วยยืนมองอย่างชื่นชมในความสามารถ จนเมื่อหัสดินเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเชฟหนุ่มคนนี้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับรอยยิ้มตลอดเวลา ไม่แปลกใจเลยที่เป็นเชฟทำขนมหวาน ก็หวานตั้งแต่รอยยิ้มของเชฟแล้ว “เรียบร้อย หยิบมือถือให้หน่อย” หัสดินพูดแล้วยื่นมือไปรับรับสมาร์ทโฟนจากผู้ช่วยเชฟอีกคนที่ถือโทรศัพท์ให้เขา ชายหนุ่มรับมาแล้วถ่ายรูปหลายๆมุมก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วยื่นมือไปทางผู้ช่วยอีกคน “ขอมีดหน่อย” “นี่ค่ะ” ผู้ช่วยส่งมีดตัดเค้กให้ เชฟหนุ่มรับมือแล้วบรรจงตัดสี่ชิ้นแล้วหยิบมาวางบนจานเล็กเรียบหรูสีเข้มขับเน้นให้เนื้อเค้กสีครีมดูสวยน่ากินมากยิ่งขึ้น “ชิ้นนี้ของผม ที่เหลือพวกคุณช่วยกันชิม ชิมแล้วบอกด้วยว่าเป็นไง” “อร่อยสุดยอดค่ะ” พนักงานคนหนึ่งรีบพูดขึ้นสร้างเสียงหัวเราะในห้องครัว แต่หัสดินกลับส่ายหน้าระอาใจ อาจเพราะใบหน้าเขาอมยิ้มตลอดจึงเหมือนเอ็นดูอีกฝ่ายมากกว่า “ลิ้นยังไม่ได้สัมผัสเลย บอกอร่อยแล้วได้ไง”
สัมพันธ์ลับ(รัก) สุดยอด ตอนที่11 “แม่ไม่เห็นด้วย” “แต่...แพรรับปากผู้จัดการแล้วว่าจะไปทำงานนี่คะ” “ไม่ได้ แม่ไม่อนุญาต ทำงานกลางคืนอันตรายเกินไป แม่เป็นห่วง” แม่จ๋าหรือจริยาพูดน้ำจริงจัง “ที่นั้นเขารับรองลูกค้าชั้นสูง ต้องการคนพูดได้หลายภาษา ถ้าทำงานดีผ่านช่วงทดลองงานก็จะได้ทำแบบประจำมีเงินเดือนด้วยนะคะแม่จ๋า” “ลูกแพรก็อดใจรออีกหน่อยสิลูก หนูสมัครไปตั้งหลายที มันต้องสักทีสิ” คุณจริยาพูดด้วยความหงุดหงิด มือที่กำลังซ่อมเสื้อให้ลูกค้าถึงกับสั่นจนลูกสาวสังเกตเห็น แพรดาวปราดเข้าไปหาแล้วยื่นมือไปจับมือที่หยาบกร้านของแม่ไว้ “แม่จ๋า แพรโตแล้วเรียนจบแล้ว แพรไม่อยากเป็นภาระให้แม่ งานสมัยนี้หายากเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี ให้แพรไปทำงานเถอะนะ” “ใช่สิ แพรโตแล้ว แม่ห้ามอะไรก็ไม่ฟังแล้ว” “ไม่ใช่แบบนั้น แพรไม่อยากให้แม่จ๋าลำบาก ตั้งแต่จำความได้แม่จ๋าไม่เคยสุขสบายเลย ต้องทำงานหนักเลี้ยงแพรคนเดียว ขนาดแม่ประสบอุบัติจนเป็นแบบนี้ก็ยังไม่ได้หยุดเลย แม่จ๋าจะให้แพรใช้ชีวิตทีความสุขได้ยังไง” “โธ่ลูก” แม่พูด