ธนาขับรถตามมาทันเห็นสองหนุ่มสาวในชุดนักศึกษานั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่ เส้นผมยาวปลัวไสว เอาแขนกอดเอวผู้ชายราวกับเป็นแฟน ดูจากทรวงทรงองค์เอวเขาก็จำได้ทันทีว่านี่คือคนที่เขาบอกให้รอเมื่อวาน
คิดอะไรอยู่นะคำแพง ทำไมถึงได้เลือกที่จะท้าทายเขาโดยการมากับคนอื่นแบบนี้
รถบิ๊กไบค์มาหยุดลงข้างตึกเรียนของหญิงสาว ก่อนที่คำแพงจะถอดหมวกกันน็อกออกแล้วยื่นกลับให้โจ้
"ขอบใจ๋เด้อโจ้" (ขอบใจนะโจ้)
ตั้งแต่ปวส.ปี1 เธอเทียวไปกลับกับอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ เวลามีเรียนและเลิกเรียนตรงกัน มาห่างตอนช่วงฝึกงาน และนี่เพิ่งกลับมาเทียวด้วยกันอีกครั้งในเทอมสุดท้าย
"เต็มใจ๋" (เต็มใจ)
ไม่บอกเปล่า แต่มือกลับจัดแต่งทรงผมช่วยหญิงสาวให้เป็นระเบียบ มาด้วยกันทีไรคำแพงหัวฟูทุกที ด้วยความที่เขาชอบขับรถมอเตอร์ไซต์ ทำให้คำแพงต้องมีสภาพแบบนี้ทุกครั้ง
แต่คำแพงคือคนสวย ไม่ว่าสภาพไหนอีกคนก็ยังสวยอยู่ดี ทำคนแอบชอบอย่างเขามองยังไงก็ไม่เบื่อเลยสักนิด
เคยเปรยไปบ้างว่าชอบหลายต่อหลายรอบ แต่คำแพงก็ยังให้แค่สถานะเพื่อนกับเขาอยู่ดี ไม่รู้ว่าสวยแบบนี้มีคนในใจอยู่แล้วหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่เคยเห็นคำแพงไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนอื่นเลยนะยกเว้นเขา
วันนี้ยังไม่ใจอ่อน อนาคตข้างหน้าก็ไม่แน่ สักวันผีอาจผลักใบหน้าหล่อๆ ของเขาไปสะกิดใจคำแพงก็ได้
"ไปแล้วเด้อ" (ไปแล้วนะ)
โจ้โบกมือให้ ก่อนจะขับบิ๊กไบค์ไปทางตึกเรียนของตัวเองที่อยู่อีกฝั่ง
คำแพงหมุนตัวกลับหมายจะเดินเข้าอาคารเรียน ทว่าเหมือนได้ยินเสียงมือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างสีดำสั่นเตือน
หญิงสาวหยิบมันออกมาดู ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก หากแต่งอย่างนั้นก็ลองกดรับ หากไม่ใช่คนที่เธอรู้จักก็แค่วาง ไม่มีเงินในบัญชีเยอะแยะให้ใครมาหลอกหรอก
ติ๊ด!
(เดินมาด้านหลังอาคารหน่อยครับ)
หญิงสาวทำหน้างง เป็นใครกันถึงบอกให้เธอเดินไปหา แต่ไม่ใช่มิจฉาชีพมาหลอกเอาเงินแบบในข่าวหรอกนะ
"ใครคะ"
(ถ้าจำเสียงผมไม่ได้ เดี๋ยวผมเป็นฝ่ายเดินไปให้คุณเห็นหน้าเอง)
"อะ..อาจารย์!"
(หึ จำได้แล้วเหรอครับ เดินมาด้านหลังตึกเรียนของคุณหน่อยผมรออยู่ในรถ)
"ตะ..แต่"
ติ๊ด!
คำแพงไม่ทันได้อ้าปากบอกว่าจะรีบไปเรียน เขากลับวางสายไปเสียแล้ว
แต่จะให้เธอไปหาตอนนี้เนี่ยนะ เธอไม่ไปหรอก คนก็เยอะ หากมีใครจำรถเขาได้แล้วเห็นเธอเดินขึ้นรถเขาก็ซวยกันพอดี
คำแพงไม่สนใจเดินเข้าตัวอาคาร ทว่าร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าในระยะสามสิบเมตรทำให้เธอก้าวขาเดินต่อไปไม่ออก หญิงสาวเม้มปากตัวเองแน่น
คำแพงตันสินใจรีบเดินหันหลังกลับทันทีก่อนจะเดินอ้อมไปทางด้านหลังตึกเรียนด้วยใจที่เต้นเร็ว เขาไม่ได้แค่ขู่แต่พูดจริง เขาเดินลงมาหาเธอจริงๆ โดยเข้าประตูจากทางด้านหลังตึกเรียน
หญิงสาวเดินถึงรถเขาก่อนแล้วรีบเปิดประตูเข้าไปนั่ง ไม่นานเขาก็เข้ามานั่งในรถคันเดียวกัน จากนั้นสตาร์ตรถ
"จะไปไหนเหรอคะหนูมีเรียน" คำแพงรีบทักท้วงเพราะกลัวเขาจะพาออกไปด้านนอกทำให้เธอโดดเรียนคาบสำคัญนี้ได้
"แค่เปิดแอร์ครับ"
"ค่ะ" หญิงสาวพยักหน้า "อาจารย์มีอะไรจะคุยกับหนูเหรอคะ พอดีหนูต้องรีบไปเรียนค่ะ" ถามในสิ่งที่สงสัยว่าเรียกเธอมาทำไม
"อีกตั้งครึ่งชั่วโมง วันนี้คุณมีเรียนเจ็ดโมงไม่ใช่เหรอ"
".." ทำไมเขารู้ล่ะ แม้กระทั่งเบอร์โทรของเธอ เขาต้องมีข้อมูลของเธออยู่ในมือแน่ๆ
ใช่สิ ก็เขาเป็นหลานเจ้าของวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้นี่
"ขึ้นมานั่งนี่" บอกพร้อมเลื่อนเบาะออกไปด้านหลังแล้วตบหน้าขาตัวเองเบาๆ
"อะ..อาจารย์" คำแพงเบิกตาโต ไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรออกมาแบบนี้ นี่ในวิทยาลัยนะ ไม่ได้อยู่ในห้องด้วย หากเกิดมีใครมองเข้ามาเห็นทำไงดี
"เร็ว ขึ้นมานั่งคร่อมผม"
"มะ..ไม่เอาหรอกค่ะ หากใครมองเข้ามาเห็นทำไงคะ"
"รถผมฟิล์มมืด ไม่มีใครมองเข้ามาเห็นหรอก เร็ว"
"มะ..ไม่เอาค่ะ กระโปรงหนูตึงนั่งไม่สะดวก ถ้าอาจารย์มีอะไรจะก็คุยมาเลยนะคะหนูจะได้รีบไป"
"ทีนั่งคาบเบาะรถไอ้นั่นยังนั่งได้" คิดว่าเขาตาบอดหรือไง
".." คำแพงพูดไม่ออก เขาเห็นงั้นเหรอว่าเธอมากับโจ้
"หนึ่ง"
"อาจารย์.."
"สอง"
คำแพงรีบปีนขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักของเขาเพราะถ้อยคำที่กดดัน ไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำอะไรหากเธอไม่เชื่อฟัง แต่ก็ได้เห็นจากเหตุการณ์เมื่อวานแล้วว่าเขากล้าทำมากกว่าที่คิด
ด้วยความตึงของกระโปรงทำให้หญิงสาวนั่งลงได้ไม่ถนัดดี จนเป็นธนาที่เลิกกระโปรงตัวสวยนั้นขึ้นสูงอีกจนมันเห็นแพนตี้สีชมพูตัวจิ๋ว คำแพงรีบเอามือปิดของสงวนตัวเองเอาไว้ทันที
ฝากท้องเสร็จธนาพาว่าที่คุณแม่ไปกินข้าวที่ห้าง ก่อนเราจะไปเดินซื้อของกันอีกนิดหน่อย และเหมือนเดิม หลักๆ คำแพงเลือกซื้อแต่ของกิน เพราะเราจะกลับบ้านของพี่สาวคำแพงกันเขาไม่ขัด เมียอยากไปไหนเขาพาไปได้หมด เข้าใจว่าคำแพงคงคิดถึงพี่สาวและสถานที่ที่เคยอยู่มาเราได้ของกินเต็มไม้เต็มมือแล้วเดินมายังที่จอดรถ เดินทางไปยังหมู่บ้านเนินสามเหลี่ยมคำแพงไม่ได้บอกพี่สาวก่อนว่าจะกลับไปเยี่ยมเพราะกะจะไปเซอร์ไพรส์ และตั้งใจจะไปบอกเรื่องหลานกับพี่ด้วยทว่าพอลงจากรถคำแพงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าพี่สาวไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะตอนนี้มีหนุ่มๆ ที่ไหนก็ไม่รู้กำลังนอนหนุนตักให้พี่คำหล้าหาผมหงอกให้อยู่บนแคร่ไม้"เอื้อยคำหล้า!" (พี่คำหล้า!)คำหล้าเงยหน้าขวับเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อตัวเอง ก่อนจะตกใจเมื่อพบว่าเป็นน้องสาวอย่างคำแพง"คำแพง!" คำหล้าทำสีหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนจะสะกิดให้ฝ่ายนั้นลุกขึ้นนั่ง คำแพงจึงได้เห็นชัดว่าเป็นลูกชายร้านขายหัวอาหารสัตว์ในหมู่บ้านเรานี่เอง"อ้ายอาร์ต" (พี่อาร์ต) คำแพงมองหน้าพี่ชายคนนั้นสลับกันกับพี่สาวตัวเองอย่างขอความเห็น เธอไปนอนบ้านคุณปู่ได้แค่สองวันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น"อ้ายเมือก่อนอ้ายอาร์ต"
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงหมูอบสุกเรียบร้อย ธนากะเวลาก่อนหน้าเอาไว้สิบนาทีแล้วตำส้มตำรอ ตักใส่จานเดินออกมาพร้อมกับหมูอบที่ถูกหั่นส่วนคำแพงตักข้าวใส่จานสองใบสำหรับของเขาและของเธอเดินตามออกมา มื้อเช้ามีเพียงเราสองคนที่นั่งกินข้าว"แล้วคุณปู่คุณย่าไม่กินกับเราเหรอคะ" คำแพงถามถึงคนที่อยู่ในบ้านด้วย พวกท่านกลับมาจากไปวัดกันแล้ว"คนแก่ทานสายหน่อยครับ นอกจากช่วงเย็นที่พวกเราจะทานอาหารด้วยกัน ส่วนเช้าฟรีสไตล์ใครหิวก็หากินก่อนได้เลยครับ""อ๋อ" คำแพงพยักหน้าเบาๆ อย่างนี้นี่เอง บ้านเขาอยู่กันแบบสบายๆ จริงๆ"ชิมส้มตำหน่อยครับอร่อยไหม" บอกแล้วใช้ส้อมตักเข้าปากให้เมียสาว คำแพงก็อ้าปากรับเอา สัมผัสแรกคือนัวมากคำแพงพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นให้สามีดู "คุณทำอร่อยมากเลยค่ะ" นัวไม่ติดหวานรสนี้คือใช่เลย"ชิมหมูอบด้วยหน่อยครับ" ใช้ส้อมจิ้มเข้าปากให้เมียอีกที คำแพงก็รีบอ้าปากงับเอา หญิงสาวเคี้ยวตุ้ยๆ สองสามครั้งแล้วบอก"อร่อยค่ะ อร่อยทุกอย่างเลย ขอบคุณที่ทำอาหารอร่อยๆ ให้ทานนะคะ""ขอบคุณผมให้ทำแบบนี้ครับ" เอ่ยแล้วเอียงหน้าไปหาเมีย คำแพงหอมแก้มสามีฟอดใหญ่ทันที ต่อจากนี้ไปเธอจะหมั่นเติมกำลังใจให้เขาทุกวัน"
ธนาเดินค้ำเอวเข้ามาในตลาดสดคันคายแต่เช้า เมื่อคืนเรานอนที่บ้านของปู่เขากันเขาซื้อที่ดินเอาไว้แปรงนึ่งใกล้บ้านพี่สาวคำแพง แต่กำลังรอทีมช่างก่อสร้าง ทำให้ตอนนี้เราต้องมาอยู่อาศัยที่บ้านของปู่ย่าเขาเสียก่อนเนื่องจากว่าคำแพงบ่นหิวส้มตำแต่เช้า ถ้าจะเอาเงินให้แม่บ้านไปซื้อมาให้ก็ได้ แต่กลัวเมียไม่ประทับใจเขาจะลงมือตำเองก็อยากนอนต่อนะเพราะเมื่อวานร่อนเอวหน้าเวทีจนเมื่อย แต่รับปากคำแพงไปแล้วว่าจะดูแลเธอให้ดีเดินเลือกซื้อของสดในตลาด มะละกอ พริก มะนาว กระเทียม มะเขือเทศ ส่วนเครื่องปรุงอื่นๆ บ้านเรามีครบผมเอาเท่านี้ครับ ธนาบอกกับแม่ค้าขายผักสดแล้วรอคิดตังค์"หกสิบค่ะอาจารย์ แต่คิดสี่สิบพอค่ะ" แม่ค้าขยิบตาให้ ทว่าได้ยินเสียงใครบางคนลอยมาแต่ไกลๆ"แม่งมึงเห็นลูกค้าหล่อๆ ลดให้หมดอีนี่ มิน่ากำไรน้อยลงทุกวันๆ""แน่นอนอยู่แล้ว" คนเป็นเมียไม่เถียงกลับ แต่ยอมรับออกมาหน้าชื่นตาบานธนาอมยิ้มแล้วรับเงินทอนกลับ เดินไปร้านขายหมูต่อ"ผมเอาสันคอสองชิ้นครับ""พริกแกงเผ็ดสิบบาท!" น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากคุ้นหูทำให้ธนาหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นเข้มที่เอามือปิดปากหาวหวอดๆ มายืนอยู่หน้าร้านขายผักเมื่อกี้ กระนั้นแว่นตาก
"สนใจดวลเหล้ากันมั้ยคะผอ."ทุกคนในโต๊ะหันมองขวับ ไม่เว้นแม้แต่ธรรศภาคย์ที่นั่งหันหลังให้อยู่ก็หันกลับไปมองทับทิมมาพร้อมกับเหล้ากลมหนึ่งที่กอดอยู่ในมือแนบอก ส่วนมืออีกข้างมีถุงใส่โซดาประมาณห้าขวด กับกระป๋องใส่น้ำแข็งแบบอะลูมิเนียมใบเล็กมีที่คีบที่ดูเหมือนว่าเพิ่งไปตักจากถังแดงในงานมา"สวัสดีค่ะ" ทับทิมรีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกท่านด้วยความนอบน้อมอย่างที่เด็กคนหนึ่งจะสามารถทำความเคารพผู้ใหญ่ได้อย่างสวยงามที่สุดไหว้ย่อจนเข่าแทบถึงพื้นอยู่แล้ว ทำเอาทุกคนหัวเราะร่วนออกมากับท่าทางของเด็กคนนี้ เจอหน้าทีไรมีเรื่องให้ได้ขำทุกที"หนูขออนุญาตชวนผอ.ไปดวลเหล้าได้ไหมคะ"ธรรศภาคย์หันกลับมา กล้ามากเดินมาท้าเขาให้ดื่มต่อหน้าพ่อกับแม่พี่ชายเขา คิดว่าวันนั้นพวกท่านให้ท้ายแล้วอยากทำอะไรก็ได้เหรอ"ป๊อดเหรอคะ"ธรรศภาคย์หันขวับ ท่ามกลางคนที่นั่งร่วมโต๊ะพากันหลุดขำเมื่อได้ยินดังนั้น"นั่นสิ ป๊อดเหรอภาคย์" พี่ชายคนโตถามออกมา"ผมไม่ได้ป๊อด" มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องไปดื่มกับเด็กคนนี้ด้วยล่ะ"งั้นก็เอาหน่อยสิ อย่าให้เสียชื่อบ้านเรา ศึกนี้เพื่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล" พี่ชายคนโตเป็นคนกระตุ้นน้องชายตัวเองให้รับคำท้
"ฮักเอื้อยคำแพงหลายจนว่าเพิ่นแต่งงานแล้วยังบ่ตัดใจอยู่เนาะอ้ายโจ้" (ชอบพี่คำแพงมากจนว่าเขาแต่งงานแล้วยังไม่ตัดใจอีกนะพี่โจ้)สีดาที่มางานแต่งเหมือนกัน พอเห็นรุ่นพี่ที่เธอรู้จักมองเจ้าสาวคนสวยไม่วางอดเดินมาแซวไม่ได้"เว่าอิหยัง" (พูดอะไร)โจ้กำลังกรึ่มเมามองหน้าเด็กสาวอายุสิบแปดปีในหมู่บ้านตัวเองเดินมานั่งร่วมโต๊ะ เขานั่งคนเดียวเพราะเพื่อนอีกคนเดินไปเข้าห้องน้ำ"สีเว่าถึงอ้ายนั่นล่ะ เอื้อยคำแพงเพิ่นแต่งงานไปแล้วอ้ายกะยังแนมเพิ่นบ่เซาอยู่เนาะ" (สีพูดถึงพี่นั่นแหละ พี่คำแพงแต่งงานไปแล้วพี่โจ้ยังมองเขาไม่หยุดเลยนะ)กินเหล้าไปด้วย มองไปด้วย แบบนี้เขาเรียกว่ากินย้อมใจตัวเองใช่ไหม"แล้วมีปัญหาหยังคันอ้ายสิแนมคำแพง" (แล้วมีปัญหาอะไรถ้าพี่จะมองคำแพง)"กะบ่ได้มีปัญหาหยังดอกถ้าแนมปกติ แต่นี่เพิ่นแต่งงานแล้ว อ้ายฮู้บ่ว่าแนมคนที่เขามีเจ้าของด้วยสายตาแบบนี้มันบ่ดี ถ้าผัวเพิ่นเห็นอาจสิบ่พอใจได้" (ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้ามองปกติ แต่นี่เขาแต่งงานแล้ว พี่รู้มั้ยว่ามองคนมีเจ้าของด้วยสายตาแบบนี้มันไม่ดี ถ้าผัวเขาเห็นอาจจะไม่พอใจก็ได้)สีดาได้ยินแบบนี้ยอมรับว่าน้อยใจ ขนาดพี่คำแพงแต่งงานไปแล้วพี่โจ้ก็ยังดูร
จากนั้นเป็นการเชิญญาติผู้ใหญ่ออกไปทานข้าวพร้อมทั้งรับฟังดนตรีจากหมอลำซิ่งแถวๆ หมู่บ้าน เวทีไม่ใหญ่มาก แต่นักร้องและหางเครื่องเด็ดเลยทีเดียว"นั่งหน้าๆ" เข้มพยักพเยิดหน้าบอกสิงห์กับแสนที่ผูกข้อต่อแขนธนาเสร็จเหมือนกันให้ไปนั่งโต๊ะแดงตรงด้านหน้า แม่งแดนเซอร์งานดีขนาดนี้นั่งไกลได้ไงตากูยิ่งไม่ดีงานทางฝั่งบ้านเมียไอ้ธนาจ้างหมอลำซิ่งมาดู ถึงจะไม่ใหญ่เหมือนหมอลำหมู่งานของเขากับช้องนาง ทว่าเสียงดนตรีจ๊วดจ๊าดมาก ได้ยินแล้วก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายกูเต้นตุบๆ มันอยากไปเต้นหน้าฮ้านแต่อันดับแรกกูควรเมาก่อนจะได้ไม่อายใคร ยกมือเรียกเด็กมาเสิร์ฟเหล้าถึงที่ส่วนเมียกับลูกอย่างช้องนางและข้าวสวยนั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับเมียไอ้คินและเมียไอ้ดนย์ ก็คงคุยกันเรื่องลูก ดี วันนี้ไอ้เข้มจะปล่อยผีในตัว!สองหนุ่มจึงเดินตามหลังเข้มไป และเป็นโต๊ะกลางตรงด้านหน้าเวที พอสาวๆ ที่รับหน้าที่เป็นแดนเซอร์เห็นหนุ่มหล่อมานั่งใกล้เด้งใส่ไม่ยั้ง"เหล้ามาถึงยัง" เข้มเมียงมองหาเด็กเสิร์ฟ ช้าจังวะ! กูเปรี้ยวปากไม่ไหวแล้ว ตั้งแต่มีเมียยังไม่ได้ดื่มเลย กินแต่ชาเย็นจนจะเป็นเบาหวานแล้วแม่ง!ธนาเสร็จจากการผูกข้อต่อแขนมองสามหนุ่มที่นั่งอยู