"เอาแต่เปิดเทอมวันแรกเลยมึง" ธีรดนย์ยื่นแก้วที่ชงเหล้าให้ธนาเรียบร้อย ฝ่ายนั้นก็กระดกรวดเดียวจนหมด
"เบา จะรีบไปไหน" เปิดเทอมวันแรกชวนพวกเขามาดื่มเลยมีเรื่องกลุ้มใจอะไร
"เหนื่อย อากูแม่งยัดคาบสอนจนเต็ม หมดแล้วมั้งอาจารย์ในวิทยาลัย!"
"มึงจะได้ไม่ฟุ้งซ่านไง" ปลัดหนุ่มว่าขำๆ รับรู้ว่าอาของธนาจะดัดนิสัยเรื่องอะไร ธนาจะได้ไม่มีเวลาไปล่อใครในรั้ววิทยาลัยไง
"มึงพูดเหมือนอาภาคย์เด๊ะ หรือความจริงมึงซี้กับอากูด้วย"
"เปล่า แล้วความยุ่งของมึงทำให้มีเวลาไปล่อสาวๆ หรือไง"
"ไม่มีสิ แต่กูว่าจะเลิกทำแล้ว อยากเป็นคนที่ดีขึ้น"
"จริง?"
"อืม แต่เมื่อเช้าเพิ่งไปล่อมา"
"ไอ้ห่า" ธีรดนย์ส่ายหัวก่อนจะขำออกมา ธนาเหรอจะหยุดได้
"เพราะอะไรรู้ไหมกูถึงเลิกไม่ได้"
"เพราะ?"
"มึงจำคนเมื่อคืนนี้ได้ไหม ที่เราไปดูหมอลำงานแต่งไอ้เข้มกับเมียมัน คนที่แอบมองเป้ากู"
"สาวสวยสองคนนั้นน่ะเหรอ" เขาจำได้ แต่มันลืมรูดซิปเอง จะไปกล่าวหาเขาได้ไง
"ใช่ หนึ่งในนั้นกูได้ไปส่งเขาที่บ้าน"
"คนไหน คนขาวๆ น่ะเหรอ" ที่เอามือปิดปากตัวเองกลั้นยิ้ม
"ใช่ พี่เขาวานกูไปส่งน้องสาวเขา"
"พี่เขาก็กล้าปล่อยน้องสาวตัวเองไปกับมึงเนอะ เขาคิดอะไรกับมึงเปล่าเนี่ย"
"มึงคิดว่าไงล่ะ"
"กูก็ต้องบอกว่าเขาคงอยากให้น้องสาวเขาได้กับมึง"
"อืม กูรู้ กูก็เลยไม่ลังเลที่จะไปส่งเขา เพราะเขาสวยถูกใจกูด้วย กูอ้อนจนเกือบได้กินเขาแล้ว แต่เขาบอกไม่พร้อม"
"สรุปว่ายังไม่ได้กิน?"
"ยัง"
"สานต่อมั้ย?"
"แน่นอน กูว่ากูต้องหาโอกาสไปเจอเขาอีกแน่ๆ แต่พอเช้ามาแม่ง เขาดันคือนักศึกษาที่กูสอน"
"โห วาสนาของมึงเนอะ" ภาคินที่ฟังมาตลอดส่ายหัว ไอ้นี่มันก็วนเวียนอยู่แต่กับเด็กเนี่ยแหละ
"กูก็ว่าจะเลิกนิสัยแบบนั้นแล้ว แต่ดันมาเจออีกให้ทำไง"
"ทำใจแล้วเอาคนอื่นไง"
"กูค้างกับเขา ไม่ได้ค้างกับคนอื่น ใครที่มาทำให้กูจูนติดก็ต้องเป็นฝ่ายปิดจบให้กูป่าววะ"
"ถ้าได้ปิดจบแล้วจะไม่กลับไปสานต่อว่างั้นเถอะ"
ธนาเงียบไม่ตอบ ยกเหล้าขึ้นกระดกแทน ความจริงก็อยากได้มาเป็นลูกสะใภ้แม่ ในเมื่อเธอตรงสเปกเขาทุกอย่าง ไม่อยากกินแค่ครั้งสองครั้งแล้วก็จากไป
"จะเอาให้ได้ว่างั้น?" ภาคินถามใหม่
"แน่นอน" อย่างที่เขาบอกว่าเขาไม่ผิดเพราะไม่รู้มาก่อนไง
เธอยอมรับว่ารักเขา แล้วเขาต้องกังวลอะไร ในเมื่อเขาก็พึงพอใจในตัวคำแพง
ยิ่งไอ้ที่เห็นเมื่อเช้าแดงแจ๋จนอยากยัดลูกชายเข้าใส่ แต่ตัดใจไม่ทำ นี่ก็คิดว่าทนสุดๆ แล้วนะ
เหี้ยมั้ย ก็เหี้ยอยู่ ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนดี แต่อยากทำให้ดีขึ้น ก็คิดอยู่ว่าจะดีได้ไปในทิศทางไหน
คำแพงเรียนทั้งปีทั้งชาติเสียเมื่อไหร่ อีกเทอมเดียวก็จบแล้วป่ะ
@เช้าวันต่อมา
"เอื้อยคำหล้า คำแพงไปเรียนไป่" (พี่คำหล้า คำแพงไปเรียนยัง)
หนุ่มหล่อสาขายานยนต์มีเรียนเช้าคาบเดียวกันกับคำแพงเมื่อไหร่จะแวะมาหาตลอด เพื่อจะชวนอีกคนนั่งรถบิ๊กไบค์ไปเรียนด้วยกัน
"ยัง เดี๋ยวเอื้อยบอกให้" (ยัง เดี๋ยวพี่บอกให้)
เอ่ยแล้วเดินเข้าไปเรียกคำแพงในบ้าน น้องสาวก็เดินถือรองเท้าออกมาพอดี
"คำแพง โจ้มันมาซวนนั่งรถไปกับมันน่ะ" (คำแพง โจ้มันมาชวนนั่งรถไปกับมันน่ะ)
เธอรู้ว่าโจ้ชอบน้องสาวตัวเอง จีบมาตลอด แต่คำแพงไม่ตกลงปลงใจสักที สงสัยคำแพงคงไม่ได้รักโจ้แบบนั้น
ส่วนเธอน่ะไม่ติดหรอกนะหากว่าน้องสาวจะชอบใคร หล่อหรือไม่หล่อก็ได้ ฐานะทางบ้านไม่ว่ารวยหรือจน
เพราะครอบครัวพวกเราก็ไม่ได้เริศหรูขนาดที่ต้องเลือกคนมีโปรไฟล์โดดเด่นเท่านั้นมาเป็นคู่ชีวิต ขอแค่รักกันและมีความจริงใจให้กันก็พอ พากันสร้างเนื้อสร้างตัวได้ก็โอเคแล้ว
แต่ทางบ้านโจ้ก็ถือว่ามีฐานะมากนะหากเทียบกับคนในหมู่บ้าน เพราะบ้านของอีกฝ่ายมีอู่ซ่อมรถยนต์ขนาดใหญ่
คำแพงเดินออกจากบ้านไปยิ้มให้โจ้ เราสองคนมีตารางเรียนตรงกันอาทิตย์ละสองวัน นอกนั้นเธอเข้าเรียนเช้ากว่าหรือสายกว่า
หันมารับเงินกับพี่สาว แล้วเดินไปซ้อนท้ายรถบิ๊กไบค์สีดำคันโตอย่างทุลักทุเลเพราะกระโปรงมันตึง รับหมวกกันน็อกที่โจ้เตรียมมาให้ทุกครั้งใส่หัว กอดเอวอีกฝ่าย แล้วรถก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป
คำหล้ากำลังจะเดินไปปิดบ้านเพื่อออกไปทำงานเหมือนกัน ทว่ามีรถเก๋งยี่ห้อยุโรปสีดำคันหนึ่งมาจอดที่หน้าบ้าน มองดูคุ้นๆ กระทั่งเจ้าตัวเดินลงมาจากรถ
"สวัสดีครับ" ธนามาในลุคไปสอนนักศึกษา เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอมเทาอ่อนๆ กับกางเกงสแล็คสีเทาเข้ม ด้านล่างสวมเป็นรองเท้าหนังสีดำถูกขัดจนขึ้นเงา
ยกมือไหว้คนที่ให้เขามาส่งน้องสาวถึงที่บ้าน อายุมากหรือน้อยกว่าเขาไม่รู้ แต่อนาคตเขาก็คือน้องเขยต้องเคารพพี่เมียอยู่ดี
"คุณมาทำอะไรคะ" คนอะไรข๊าวขาว หล๊อหล่อ แต่งตัวก็ดี เซตผมแบบนี้นึกว่าดาราเกาหลี ขนาดอยู่ข้างเวทีหมอลำตอนกลางคืนยังพาออร่ากระจาย อยากถามว่าเคยตากแดดบ้างไหม
"ผมมาหาคำแพงครับ ผมจะมารับคำแพงไปเรียน"
"อะ..อ๋อ คำแพงไปกับโจ้แล้วค่ะ" ชี้มือไปทางถนนเข้าไปในตัวอำเภอ
"ไปไหนครับ"
"ไปเรียนค่ะ โจ้มารับไปเมื่อกี้ ปกติหากมีเรียนเวลาเดียวกันโจ้ก็จะมารับค่ะ"
".." ธนาได้ยินก็นิ่ง ที่บอกไปเมื่อคืนไม่ฟังเลย สงสัยอยากโดนดี!
"งั้นผมไปแล้วนะครับ" ยกมือไหว้อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไป
คำหล้ายืนประมวลเหตุการณ์ แหม..คำแพงมีอะไรปิดบังเธออยู่หรือเปล่าเนี่ย ที่บอกไม่มีอะไรเชื่อได้แค่ไหนกัน
ฝากท้องเสร็จธนาพาว่าที่คุณแม่ไปกินข้าวที่ห้าง ก่อนเราจะไปเดินซื้อของกันอีกนิดหน่อย และเหมือนเดิม หลักๆ คำแพงเลือกซื้อแต่ของกิน เพราะเราจะกลับบ้านของพี่สาวคำแพงกันเขาไม่ขัด เมียอยากไปไหนเขาพาไปได้หมด เข้าใจว่าคำแพงคงคิดถึงพี่สาวและสถานที่ที่เคยอยู่มาเราได้ของกินเต็มไม้เต็มมือแล้วเดินมายังที่จอดรถ เดินทางไปยังหมู่บ้านเนินสามเหลี่ยมคำแพงไม่ได้บอกพี่สาวก่อนว่าจะกลับไปเยี่ยมเพราะกะจะไปเซอร์ไพรส์ และตั้งใจจะไปบอกเรื่องหลานกับพี่ด้วยทว่าพอลงจากรถคำแพงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าพี่สาวไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะตอนนี้มีหนุ่มๆ ที่ไหนก็ไม่รู้กำลังนอนหนุนตักให้พี่คำหล้าหาผมหงอกให้อยู่บนแคร่ไม้"เอื้อยคำหล้า!" (พี่คำหล้า!)คำหล้าเงยหน้าขวับเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อตัวเอง ก่อนจะตกใจเมื่อพบว่าเป็นน้องสาวอย่างคำแพง"คำแพง!" คำหล้าทำสีหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนจะสะกิดให้ฝ่ายนั้นลุกขึ้นนั่ง คำแพงจึงได้เห็นชัดว่าเป็นลูกชายร้านขายหัวอาหารสัตว์ในหมู่บ้านเรานี่เอง"อ้ายอาร์ต" (พี่อาร์ต) คำแพงมองหน้าพี่ชายคนนั้นสลับกันกับพี่สาวตัวเองอย่างขอความเห็น เธอไปนอนบ้านคุณปู่ได้แค่สองวันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น"อ้ายเมือก่อนอ้ายอาร์ต"
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงหมูอบสุกเรียบร้อย ธนากะเวลาก่อนหน้าเอาไว้สิบนาทีแล้วตำส้มตำรอ ตักใส่จานเดินออกมาพร้อมกับหมูอบที่ถูกหั่นส่วนคำแพงตักข้าวใส่จานสองใบสำหรับของเขาและของเธอเดินตามออกมา มื้อเช้ามีเพียงเราสองคนที่นั่งกินข้าว"แล้วคุณปู่คุณย่าไม่กินกับเราเหรอคะ" คำแพงถามถึงคนที่อยู่ในบ้านด้วย พวกท่านกลับมาจากไปวัดกันแล้ว"คนแก่ทานสายหน่อยครับ นอกจากช่วงเย็นที่พวกเราจะทานอาหารด้วยกัน ส่วนเช้าฟรีสไตล์ใครหิวก็หากินก่อนได้เลยครับ""อ๋อ" คำแพงพยักหน้าเบาๆ อย่างนี้นี่เอง บ้านเขาอยู่กันแบบสบายๆ จริงๆ"ชิมส้มตำหน่อยครับอร่อยไหม" บอกแล้วใช้ส้อมตักเข้าปากให้เมียสาว คำแพงก็อ้าปากรับเอา สัมผัสแรกคือนัวมากคำแพงพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นให้สามีดู "คุณทำอร่อยมากเลยค่ะ" นัวไม่ติดหวานรสนี้คือใช่เลย"ชิมหมูอบด้วยหน่อยครับ" ใช้ส้อมจิ้มเข้าปากให้เมียอีกที คำแพงก็รีบอ้าปากงับเอา หญิงสาวเคี้ยวตุ้ยๆ สองสามครั้งแล้วบอก"อร่อยค่ะ อร่อยทุกอย่างเลย ขอบคุณที่ทำอาหารอร่อยๆ ให้ทานนะคะ""ขอบคุณผมให้ทำแบบนี้ครับ" เอ่ยแล้วเอียงหน้าไปหาเมีย คำแพงหอมแก้มสามีฟอดใหญ่ทันที ต่อจากนี้ไปเธอจะหมั่นเติมกำลังใจให้เขาทุกวัน"
ธนาเดินค้ำเอวเข้ามาในตลาดสดคันคายแต่เช้า เมื่อคืนเรานอนที่บ้านของปู่เขากันเขาซื้อที่ดินเอาไว้แปรงนึ่งใกล้บ้านพี่สาวคำแพง แต่กำลังรอทีมช่างก่อสร้าง ทำให้ตอนนี้เราต้องมาอยู่อาศัยที่บ้านของปู่ย่าเขาเสียก่อนเนื่องจากว่าคำแพงบ่นหิวส้มตำแต่เช้า ถ้าจะเอาเงินให้แม่บ้านไปซื้อมาให้ก็ได้ แต่กลัวเมียไม่ประทับใจเขาจะลงมือตำเองก็อยากนอนต่อนะเพราะเมื่อวานร่อนเอวหน้าเวทีจนเมื่อย แต่รับปากคำแพงไปแล้วว่าจะดูแลเธอให้ดีเดินเลือกซื้อของสดในตลาด มะละกอ พริก มะนาว กระเทียม มะเขือเทศ ส่วนเครื่องปรุงอื่นๆ บ้านเรามีครบผมเอาเท่านี้ครับ ธนาบอกกับแม่ค้าขายผักสดแล้วรอคิดตังค์"หกสิบค่ะอาจารย์ แต่คิดสี่สิบพอค่ะ" แม่ค้าขยิบตาให้ ทว่าได้ยินเสียงใครบางคนลอยมาแต่ไกลๆ"แม่งมึงเห็นลูกค้าหล่อๆ ลดให้หมดอีนี่ มิน่ากำไรน้อยลงทุกวันๆ""แน่นอนอยู่แล้ว" คนเป็นเมียไม่เถียงกลับ แต่ยอมรับออกมาหน้าชื่นตาบานธนาอมยิ้มแล้วรับเงินทอนกลับ เดินไปร้านขายหมูต่อ"ผมเอาสันคอสองชิ้นครับ""พริกแกงเผ็ดสิบบาท!" น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากคุ้นหูทำให้ธนาหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นเข้มที่เอามือปิดปากหาวหวอดๆ มายืนอยู่หน้าร้านขายผักเมื่อกี้ กระนั้นแว่นตาก
"สนใจดวลเหล้ากันมั้ยคะผอ."ทุกคนในโต๊ะหันมองขวับ ไม่เว้นแม้แต่ธรรศภาคย์ที่นั่งหันหลังให้อยู่ก็หันกลับไปมองทับทิมมาพร้อมกับเหล้ากลมหนึ่งที่กอดอยู่ในมือแนบอก ส่วนมืออีกข้างมีถุงใส่โซดาประมาณห้าขวด กับกระป๋องใส่น้ำแข็งแบบอะลูมิเนียมใบเล็กมีที่คีบที่ดูเหมือนว่าเพิ่งไปตักจากถังแดงในงานมา"สวัสดีค่ะ" ทับทิมรีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกท่านด้วยความนอบน้อมอย่างที่เด็กคนหนึ่งจะสามารถทำความเคารพผู้ใหญ่ได้อย่างสวยงามที่สุดไหว้ย่อจนเข่าแทบถึงพื้นอยู่แล้ว ทำเอาทุกคนหัวเราะร่วนออกมากับท่าทางของเด็กคนนี้ เจอหน้าทีไรมีเรื่องให้ได้ขำทุกที"หนูขออนุญาตชวนผอ.ไปดวลเหล้าได้ไหมคะ"ธรรศภาคย์หันกลับมา กล้ามากเดินมาท้าเขาให้ดื่มต่อหน้าพ่อกับแม่พี่ชายเขา คิดว่าวันนั้นพวกท่านให้ท้ายแล้วอยากทำอะไรก็ได้เหรอ"ป๊อดเหรอคะ"ธรรศภาคย์หันขวับ ท่ามกลางคนที่นั่งร่วมโต๊ะพากันหลุดขำเมื่อได้ยินดังนั้น"นั่นสิ ป๊อดเหรอภาคย์" พี่ชายคนโตถามออกมา"ผมไม่ได้ป๊อด" มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องไปดื่มกับเด็กคนนี้ด้วยล่ะ"งั้นก็เอาหน่อยสิ อย่าให้เสียชื่อบ้านเรา ศึกนี้เพื่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล" พี่ชายคนโตเป็นคนกระตุ้นน้องชายตัวเองให้รับคำท้
"ฮักเอื้อยคำแพงหลายจนว่าเพิ่นแต่งงานแล้วยังบ่ตัดใจอยู่เนาะอ้ายโจ้" (ชอบพี่คำแพงมากจนว่าเขาแต่งงานแล้วยังไม่ตัดใจอีกนะพี่โจ้)สีดาที่มางานแต่งเหมือนกัน พอเห็นรุ่นพี่ที่เธอรู้จักมองเจ้าสาวคนสวยไม่วางอดเดินมาแซวไม่ได้"เว่าอิหยัง" (พูดอะไร)โจ้กำลังกรึ่มเมามองหน้าเด็กสาวอายุสิบแปดปีในหมู่บ้านตัวเองเดินมานั่งร่วมโต๊ะ เขานั่งคนเดียวเพราะเพื่อนอีกคนเดินไปเข้าห้องน้ำ"สีเว่าถึงอ้ายนั่นล่ะ เอื้อยคำแพงเพิ่นแต่งงานไปแล้วอ้ายกะยังแนมเพิ่นบ่เซาอยู่เนาะ" (สีพูดถึงพี่นั่นแหละ พี่คำแพงแต่งงานไปแล้วพี่โจ้ยังมองเขาไม่หยุดเลยนะ)กินเหล้าไปด้วย มองไปด้วย แบบนี้เขาเรียกว่ากินย้อมใจตัวเองใช่ไหม"แล้วมีปัญหาหยังคันอ้ายสิแนมคำแพง" (แล้วมีปัญหาอะไรถ้าพี่จะมองคำแพง)"กะบ่ได้มีปัญหาหยังดอกถ้าแนมปกติ แต่นี่เพิ่นแต่งงานแล้ว อ้ายฮู้บ่ว่าแนมคนที่เขามีเจ้าของด้วยสายตาแบบนี้มันบ่ดี ถ้าผัวเพิ่นเห็นอาจสิบ่พอใจได้" (ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้ามองปกติ แต่นี่เขาแต่งงานแล้ว พี่รู้มั้ยว่ามองคนมีเจ้าของด้วยสายตาแบบนี้มันไม่ดี ถ้าผัวเขาเห็นอาจจะไม่พอใจก็ได้)สีดาได้ยินแบบนี้ยอมรับว่าน้อยใจ ขนาดพี่คำแพงแต่งงานไปแล้วพี่โจ้ก็ยังดูร
จากนั้นเป็นการเชิญญาติผู้ใหญ่ออกไปทานข้าวพร้อมทั้งรับฟังดนตรีจากหมอลำซิ่งแถวๆ หมู่บ้าน เวทีไม่ใหญ่มาก แต่นักร้องและหางเครื่องเด็ดเลยทีเดียว"นั่งหน้าๆ" เข้มพยักพเยิดหน้าบอกสิงห์กับแสนที่ผูกข้อต่อแขนธนาเสร็จเหมือนกันให้ไปนั่งโต๊ะแดงตรงด้านหน้า แม่งแดนเซอร์งานดีขนาดนี้นั่งไกลได้ไงตากูยิ่งไม่ดีงานทางฝั่งบ้านเมียไอ้ธนาจ้างหมอลำซิ่งมาดู ถึงจะไม่ใหญ่เหมือนหมอลำหมู่งานของเขากับช้องนาง ทว่าเสียงดนตรีจ๊วดจ๊าดมาก ได้ยินแล้วก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายกูเต้นตุบๆ มันอยากไปเต้นหน้าฮ้านแต่อันดับแรกกูควรเมาก่อนจะได้ไม่อายใคร ยกมือเรียกเด็กมาเสิร์ฟเหล้าถึงที่ส่วนเมียกับลูกอย่างช้องนางและข้าวสวยนั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับเมียไอ้คินและเมียไอ้ดนย์ ก็คงคุยกันเรื่องลูก ดี วันนี้ไอ้เข้มจะปล่อยผีในตัว!สองหนุ่มจึงเดินตามหลังเข้มไป และเป็นโต๊ะกลางตรงด้านหน้าเวที พอสาวๆ ที่รับหน้าที่เป็นแดนเซอร์เห็นหนุ่มหล่อมานั่งใกล้เด้งใส่ไม่ยั้ง"เหล้ามาถึงยัง" เข้มเมียงมองหาเด็กเสิร์ฟ ช้าจังวะ! กูเปรี้ยวปากไม่ไหวแล้ว ตั้งแต่มีเมียยังไม่ได้ดื่มเลย กินแต่ชาเย็นจนจะเป็นเบาหวานแล้วแม่ง!ธนาเสร็จจากการผูกข้อต่อแขนมองสามหนุ่มที่นั่งอยู