พอนางเห็นว่าซ่งหยูชุนมองกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงสาวจึงเอ่ยว่า
“ท่านแม่ ลูกสะใภ้เพียงแต่อยากปรนนิบัติท่าน เช้าวันแรกหลังจากเข้าหอกับท่านแม่ทัพร่างกายข้าไม่อำนวยให้เดินเหิน แล้วสองสามวันต่อมา บ่าวและสาวใช้ที่ท่านช่วยจัดแจงส่งไปยังเรือนหลังเล็ก ๆ ของข้า มีจำนวนมากเหลือเกิน กว่าจะคัดเลือกคนที่เหมาะสม แล้วที่เหลือก็ส่งคืนให้พ่อบ้าน ต้องใช้เวลาจนล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ดูเอาเถิด ลูกสะใภ้ก็เหมือนนกหลงทางที่มาอาศัยจวนจิ่งอันยิ่งใหญ่ หลบฝนหลบแดด แต่กว่าจะมีโอกาสทำดีเพื่อท่านแม่ เวลาล่วงผ่านมาจนยามสายวันนี้”
คำพูดเนี่ยหยวนซูทำให้ทั้งแม่และลูกชายอึ้ง ฝ่ายจิ่งป๋อมองหญิงสาวคนนี้ อายุนางไล่เลี่ยเขาแต่ฝีปากไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นการแสดงงิ้วชั้นเยี่ยมได้เลย
“พี่สะใภ้ ท่านช่างเจรจายิ่ง พี่ใหญ่ข้าคงไม่เหงา!”
จิ่งป๋อผู้อยู่ฝ่ายมารดา เขาเป็นผู้ชายหน้าเปื้อนยิ้มเสมอและหน้าตาดี ซึ่งกระเดียดไปทางงามแบบบุรุษล่มเมือง ผิดแต่ไม่ชอบงานด้านบู๊ ส่วนด้านบุ๋นก็ไร้ทักษะ แต่หากให้ร้องรำทำเพลงหรือวาดภาพ เขานับว่าเลื่องชื่อทีเดียว
“โอ้ คุณชายสาม ตัวข้าอย่างที่บอก ต้องพึ่งทุกคนในจวนจิ่งอีกนาน แค่ปรุงน้ำแกงเช่นนี้นับว่าเล็กน้อย เอาละ ท่านแม่ก็ดื่มสิเจ้าคะ ช้าเดี๋ยวเย็นชืด ส่วนคุณชายสามไม่ต้องห่วง ข้าย่อมเตรียมของดีไว้ให้ท่านเช่นกัน”
เนี่ยหยวนซูเอ่ยจบ จึงหันไปกระดิกนิ้วเรียกฝานเหอ จากนั้นถ้วยอาหารบนถาดไม้ที่มีฝาครอบมาวางลงตรงหน้าจิ่งป๋อ
“ข้างในนี้ คือน้ำแกงเช่นกัน ของท่านแม่เป็นแกงใส แต่ของคุณชายสาม คือแกงข้น เรียกว่าน้ำแกงเห็ด กินคู่กับแป้งอบกรอบ สมควรซดตอนร้อน ๆ รับรองว่าอิ่มท้อง ทั้งยังช่วยให้อารมณ์ดี”
เมื่อหญิงสาวเปิดฝาปิดน้ำแกงเห็ดข้นออก กลิ่นที่หอมอ่อน ๆ ก่อนหน้าก็ลอยฟุ้ง ทำให้จิ่งป๋อนิ่งค้าง ส่วนซ่งหยูชุนถึงกับกลืนน้ำลาย เนื่องจากอาหารถ้วยดังกล่าว คือ ซุปครีมเห็ด กินกับขนมปังอบ
“ท่านแม่...หากอยากลองชิม น้ำแกงเห็ดข้นอาจไม่เหมาะกับท่าน ข้าคิดว่าน้ำแกงเก้ายอดชั้นฟ้าซึ่งเป็นน้ำใสดีที่สุดสำหรับผู้สูงวัย เชื่อข้าเถิด ข้าดูแลผู้สูงอายุมาหลายคนแล้ว!”
เนี่ยหยวนซูกล่าวจบก็ใช้สายตากลมโต จับจ้องทั้งแม่สามีและจิ่งป๋อ เป็นการเชิญชวนให้ดื่มด่ำอาหารที่นางตั้งใจปรุงขึ้น เพื่อเลี้ยงส่งบรรดารุ่นพี่ในจวนจิ่ง!
เชามี่ไม่ได้ตรงไปที่เรือนไท่ฮูหยินอย่างที่นางตั้งใจตอนแรก ด้วยบ่าวอีกคนที่นางให้คอยสอดส่องอยู่หน้าประตูใหญ่ รีบเข้ามารายงานว่าวันนี้จิ่งหลัวคุนกลับมาจากไปราชการนอกเมืองและตอนนี้อยู่ที่เรือนหลักของเขา
หญิงสาวเปลี่ยนชุดคลุมตัวนอก เลือกเสื้อผ้าเบาบาง และแต้มสีปากอ่อน ๆ ให้น่ามอง เน้นอ่อนเยาว์ดั่งดรุณีไร้เดียงสา ไม่ใช่แดงดั่งเลือดเฉกเช่นนางจิ้งจอกเก้าหาง จากนั้นก็ตรงไปยังเรือนของจิ่งหลัวคุน
“ท่านแม่ทัพ...ผู้น้อยอนุเชา...มีเรื่องร้อนใจเหลือเกิน”
ด้วยรู้ว่าตนเป็นคนโปรดของจิ่งหลัวคุน นางจึงส่งเสียงหวานหยดออกไป ทั้งที่เกอสวินแจ้งว่าชายหนุ่มต้องการพักผ่อน
“ท่านแม่ทัพ ยามนี้นายหญิงใหญ่กำลังก่อเรื่องนะเจ้าคะ” นางร้องขึ้นอีกหน พอรู้ว่าข้างในยังเงียบ จึงใช้แผนขั้นสูงด้วยการแสร้งเซเสียหลักแล้วค่อย ๆ ล้มลงไปกองบนพื้น
“โอ้ นายหญิงเชา...ใครก็ได้ ช่วยที” อ้ายเหมยเข้าไปประคองนายของตน ปากก็ร้องเสียงดังว่า
“โถ เพราะเป็นห่วงไท่ฮูหยิน อีกทั้งข้าวปลาไม่ได้กิน เช่นนี้นายหญิง เชาเลยไม่มีแรง นางช่างน่าสงสารจริง ๆ สวรรค์โปรดเห็นใจความกตัญญูของสตรีผู้นี้ด้วยเถิด”
แต่เดิมจิ่งหลัวคุนไม่อยากสนใจเรื่องในจวนจิ่ง ทว่าเมื่อเนี่ยหยวนซู แต่งเข้ามาแล้ว ย่อมต้องดูว่านางวางตัวเหมาะสมหรือไม่ ที่สำคัญมารดาเขานั้น แม้นางไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดจิ่งหลัวคุน มีศักดิ์เป็นแม่เล็ก หากนางคือสตรีที่บิดาเลือกและยกให้เป็นฮูหยินใหญ่ นางเพียบพร้อมทั้งชาติตระกูล มีความรู้ความสามารถ เมื่อมารดาเขาจากไป ซ่งหยูชุนจึงกลายเป็นไท่ฮูหยินแห่งจวนหลังนี้
จิ่งหลัวคุนสั่งให้คนพาเชามี่เข้าไปในส่วนโถงรับรองและให้นำยาดมกับน้ำแกงสมุนไพรให้นางดื่ม สักพักหญิงสาวก็ได้สติ
“โอ้ ท่านแม่ทัพ อนุผู้น้อยหาได้อยากแสดงความอ่อนแอให้ท่านเคืองใจ แต่หลายวันที่ท่านไม่อยู่จวนเกิดเรื่องมากมายเหลือเกิน อีกอย่างสิ่งที่ข้าอยากให้ท่าน
ยื่นมือเข้าไปช่วยไท่ฮูหยิน คือนายหญิงใหญ่ต้มน้ำแกงที่น่ากลัวให้ไท่ฮูหยินดื่ม!”
“เจ้ากำลังกล่าวสิ่งใด”
“ท่านแม่ทัพไปราชการจึงไม่ล่วงรู้ว่านายหญิงใหญ่กำลังคิดวางแผนร้ายโดยเฉพาะคิดหาทางกำจัดคนรับใช้ในจวนเก่าแก่ออกไปทีละคน แล้วหาคนของตนเข้ามาแทน รวมถึงการเอ่อ...”
เชามี่กำลังจะกล่าวสิ่งที่น่ากลัวและเป็นความลับ นางจึงกระอึกกระอัก พลางมองคนสนิทของชายหนุ่มและสาวใช้นางอื่น
“ออกไปให้หมด!”
เมื่อภายในโถงรับรองเหลือเพียงสองคน เชามี่จึงกล่าวต่อ
“น้ำแกงเก้าชั้นยอดฟ้านั้น อนุผู้น้อยเคยได้ยินมาว่าเป็นตำรับชั้นสูง ดื่มกินเฉพาะเจ้านายในวังหลัง อีกอย่างตำรับน้ำแกง ให้ดีก็น่ายกย่อง ทว่ามันกลับมีส่วนผสมที่อาจให้โทษถึงแก่ชีวิตหากดื่มในปริมาณมากจนเกินไป”
“แล้วเกี่ยวสิ่งใดกับฮูหยิน”
เชามี่ถอนหายใจแรง ๆ ออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนบีบน้ำตาออกมาราวกับสั่งได้ “ย่อมต้องเกี่ยวพันแน่นอน นายหญิงใหญ่ต้มน้ำแกงนี้และนางต้องการใช้เป็นยาบำรุงแก่ไท่ฮูหยิน แต่ด้วยความไม่รู้หรือตื้นเขินอาจส่งผลร้ายให้โรคที่อยู่ภายในร่างกายไท่ฮูหยินกำเริบได้!”
ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย เชามี่อยู่เรือนหลังนี้มาเกือบห้าปี นางย่อมทราบถึงอาการป่วยของซ่งหยูชุน และการแสดงออกว่าห่วงใยอีกฝ่ายนับว่าสมควร ทว่าถึงขั้นที่นางสามารถจำแนกส่วนผสมน้ำแกงของเนี่ยหยวนซูได้ มิใช่เรื่องที่เขาจะมองข้าม!
“เอาละ เรื่องนี้ข้าจะสอบสวนเอง หากฮูหยินจงใจทำให้แม่เล็กป่วย นางย่อมต้องมีความผิดตามกฎจวนหลังนี้”
เอ่ยจบชายหนุ่มก็เตรียมไปยังเรือนของไท่ฮูหยิน
“เอ่อ ท่านแม่ทัพ ให้อนุผู้น้อยติดตามไปด้วยได้หรือไม่”
“เมื่อครู่ เจ้ายังดูเหมือนคนพักผ่อนน้อยและไร้เรี่ยวแรงอยู่มิใช่หรือ”
“เป็นเช่นนั้นจริง แต่ความกตัญญูต่อไท่ฮูหยินย่อมสำคัญกว่าชีวิตข้า ที่เทียบแม้แต่ฝุ่นผงยังไม่ได้” เชามี่กล่าวจบก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น หากมิวายเซเสียหลัก ก่อนโผเข้าไปซบอกกว้าง ๆ พร้อมจับท่อนแขนกำยำของชายหนุ่มเพื่อใช้เป็นหลักยึด
“อนุผู้น้อยภักดีต่อสกุลจิ่งเสมอและปรารถนารับใช้ท่านแม่ทัพไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ” น้ำเสียงนางออดอ้อน เนื้อตัวนุ่มนิ่มก็เบียดชิดกายแกร่งอย่างจงใจ
7 เดือนต่อมา หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย เนี่ยหยวนซูที่ยามนี้ท้องโตใกล้คลอด มีความสุขในการกินกว่าใคร ส่วนจิ่งหลัวคุนแม้จะเลิกแพ้อาหารแทนนางและไม่ค่อยเป็นลมหรือมีอาการหน้ามืด แต่เขากลับเป็นห่วงภรรยาชนิดที่เรียกว่าไม่ยอมห่างไปไหน ด้วยได้ยินเรื่องสตรีเสียชีวิตระหว่างคลอดบุตร รวมถึงอันตรายหลังการคลอด อีกทั้งสิ่งที่อาจเกิดกับชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก ทั้งหมดเป็นเพราะเขาฟังผู้อื่นมากเกินไป ทั้งยังอ่านตำราต่างๆ เยอะ เรื่องนี้เนี่ยหยวนซูเข้าใจว่าเป็นเพราะเขารักและห่วงนาง “ท่านพี่ ข้าเพียงแค่อยากเดินเล่นสักหน่อย...” เนี่ยหยวนซูบอกเขา เช้านี้นางกินทั้งของคาวของหวานแล้วยังมีผลไม้อีก “แต่หมอบอกให้เจ้าอยู่นิ่งๆ ช่วงนี้ใกล้กำหนดที่ลูกจะลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว” “ท่านพูดถูก แต่ให้นั่งๆ นอนๆ ไม่ขยับตัว มันทำให้ข้าอึดอัด บางทีก็เครียด ซึ่งอาจส่งผลถึงเด็กน้อยของเรา” นางว่าจบจึงมองชายหนุ่ม อ้อนวอนเขาด้วยสายตา “ได้ แต่แค่เดินที่สวนด้านหน้าเท่านั้น เราจะไม่ไปมากกว่านี้” เนี่ยหยวนซูไม่อยากขัดใจสามี แค่เขาให้นางออกจากเร
จิ่งหลัวคุนไม่อาจยืนนิ่งเฉย อาการเขาคล้ายคนจะหน้ามืดตามด้วยการวูบหมดสติ ยามนั้นแม้จิ่งป๋อฉุดแขนพี่ชายไว้ แต่กลายเป็นว่าเขาถูกเตะเสียนี่ แถมไม่ใช่เตะธรรมดา หากส่งผลให้จิ่งป๋อร้องโอดโอยอย่างน่าสงสาร ด้วยใครกันจะทนแรงของอดีตแม่ทัพหนุ่มไหว โดยเฉพาะอีกฝ่ายคือนักแสดงในโรงละคร วันๆ ร้องเพลง เล่นดนตรี สรรหาเรื่องรื่นเริงเท่านั้น ยามนี้จิ่งป๋อไม่ใช่หนุ่มน้อย ปีนี้อายุเขาสมควรออกเรือน ทว่าอย่างที่พี่ชายห่วงคือจนป่านนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจิ่งป๋อสนใจสตรีหรือบุรุษกันแน่ และที่จิ่งหลัวคุนแสดงท่าทีขึงขังก่อนทำร้ายน้องชาย เป็นเพราะเขา อ้างว่าตนสุขภาพดี ทว่าสภาพอย่างที่เห็น เขาดูแย่หนัก หน้าซีดท่าทางอิดโรย ฝ่ายจื่อเยว่มองคนเป็นพ่อสลับอาหนุ่มหล่อ ก่อนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย และถามว่า “เมื่อเช้าท่านพ่อ แพ้อาหารใดหรือไม่เจ้าคะ” นางถามอย่างซื่อๆ นั่นแหละ ดวงตากลมโตมองจิ่งหลัวคุนอย่างต้องการคำตอบ “เหตุใดถึงถามพ่อเช่นนี้ เรื่องพรรคนั้นย่อมไม่เกิดขึ้น” “เอ แต่ลูกได้ยินเสียงคล้ายคนอาเจียน โอ้กอ้ากหลายหนเชียว” และสายตาลูกสาวกับน้องชายหันไปทางจิ่งห
ผิดแต่เรื่องทายาทอีกฝ่ายที่เสี่ยวฉุนไม่ได้รายงานไป เนื่องจากตกลงกับเกอสวินไว้ว่าอยากให้เนี่ยหยวนซูกับจิ่งหลัวคุนได้ปรับความเข้าใจกันเสียก่อน และช่วงสองสามปีให้หลังนางติดต่อเกอสวินไม่ได้เช่นกัน จวบจนได้พบหน้าอีกครั้ง เสี่ยวฉุนก็ต้องยอมรับว่าเกอสวินเป็นหนุ่มเต็มตัว และเขาขโมยหัวใจนางไปหมดแล้วช่วงเช้าวันส่งตัวเจ้าสาว ฝานเหอมีสีหน้าไม่สู้ดี ด้วยของที่เตรียมเอาไว้ในห้องหอหายไป รวมถึงพัดของเจ้าสาวแล้วก็ผ้าคลุมหน้า สิ่งที่สำคัญมาก ด้วยสองสิ่งนี้เกี่ยวพันถึงเจ้าบ่าวด้วย แต่ยังโชคดีที่มีชุดสำรองเอาไว้“ไม่มีเจ้าคะเถ้าแก่เนี้ย” ฝานเหอบอกเนี่ยหยวนซู และนางไม่ได้เซ้าซี้ถามสิ่งใดหายไปอีกบ้าง แต่กวาดตามองหาไปทั่วๆ ห้องก่อนก้าวออกไปด้านนอก ยามนั้นเสียงดนตรี เสียงโห่ร้องดังเป็นระยะและอาหารเครื่องดื่มมีให้กินอิ่มหนำเป็นอย่างมากร่างสูงของจิ่งหลัวคุนเดินมาหาหญิงสาว ใบหน้าเขาแดงด้วยฤทธิ์สุรา“อาซู... เห็นน้องสามหรือไม่”เนี่ยหยวนซูถอนหายใจเล็กน้อย และถามว่า “นี่คงไม่ใช่ว่า ท่านกับคุณชายสามจะวางแผน ร้ายๆ กับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหรอกนะ”“โอ้มิได้ ไม่มีการมอมสุรา หรือใส่ยากำหนัดในอาหารทั้งนั้น อาซูก็รู้ บ่า
ตอนพิเศษของหมั้นต่างหน้าจิ่งหลัวคุนไม่ได้รับใช้ทางด้านทหารแคว้นเฉิงโจวมาได้เกือบสามปี และเขาดูมีความสุข หัวเราะบ่อยครั้ง ใบหน้าคมคายประดับรอยยิ้มให้เห็นบ่อยๆ แม้ตัวเขาเสียดายหลายสิ่งโดยเฉพาะประสบการณ์ที่สะสมมา แต่ชีวิตย่อมต้องเดินหน้าส่วนภรรยาเขา เนี่ยหยวนซูนั้นอยากเป็นเถ้าแก่เนี้ยคนดังดูแลการค้าทั่วทั้งอาณาจักรอันกว้างใหญ่ และปากบอกอยู่เสมอว่าไม่สนใจเขา ไม่ว่าจะทำสิ่งใดต่อจากนี้ให้จิ่งหลัวคุนเลือกเอง แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคืนตำแหน่งทางการทหารก็แอบเสียดายไม่ได้ ดังนั้นจึงต่อว่าเขาพอให้หายหงุดหงิดใจ ด้วยหากเขายังเป็นแม่ทัพแคว้นเฉิงโจว อย่างไรคงมีความสามารถเจรจาค้าขายกับทางการและแคว้นพันธมิตรได้“ตอนนี้ นอกจากเป็นลาโง่ ท่านยังเป็นฉลามตาบอด ว่ายน้ำไม่รู้ทิศทาง คิดอย่างไร ถึงทิ้งตำแหน่งทรงเกียรติแล้วมาเป็นโจรสลัด!”จิ่งหลัวคุนหัวเราะ และเอ่ยว่า“เป็นเพราะต้องการแบ่งเบาภาระภรรยา การค้าขายทางน้ำ นับว่าสำคัญ ข้าจึงอยากทำหน้าที่เป็นหน่วยพิเศษคุ้มครองสินค้าทุกอย่างที่เจ้าขายและต้องการซื้อหาให้ปลอดภัยที่สุด”“ฮึ... แล้วคิดว่า เงินที่ท่านหาได้จากการเป็นคนส่งของ มันจะพอให้ข้าถลุงเล่นหรือ”ชายหน
เนี่ยหยวนซูส่ายหน้า “อย่าเลย...จะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่า ข้ากำลังต้องการคำตอบจากพ่อค้าเรือเหล่านี้ หากเขายินยอมขายให้ข้า พวกท่านจะได้ทำการเก็บอากรเพื่อเข้าหลวงอย่างถูกต้อง ในครั้งต่อไปสินค้าทุกอย่างที่มาถึงเมืองเป่ยซาน ไม่ว่าจะค้าขายสิ่งใดต้องจ่ายเงินเข้าหลวง!”น้ำเสียงเนี่ยหยวนซูฟังแล้วก็เด็ดขาด แต่นั่นคือการป้องกันปัญหาในภายภาคหน้า เพื่อไม่ให้ใครคิดเอาเปรียบ หรือนำสินค้าไร้คุณภาพมาหลอกขายในราคาที่สูงเกินกว่าเหตุเมื่อเนี่ยหยวนซูเอ่ยจบ ร่างสูงใหญ่ของบุรุษที่มีผมหยักสลวยเส้นเล็กสีปีกอีกา ก้าวลงมาจากเรือลำใหญ่ที่สุดดวงตาคมกริบจ้องมาที่เนี่ยหยวนซู ในวาบแรกที่สายตาคนทั้งคู่ประสานกัน เป็นเหตุให้หญิงสาวต้องหวั่นไหว“เอ...คนตัวโต ท่านเป็นใครถึงกล้ามองมารดาข้าเช่นนี้ ไม่กลัวข้าควักลูกตาท่านหรือ” จื่อเยว่เอ่ย และวางท่าราวกับเป็นผู้พิทักษ์เนี่ยหยวนซู“เยว่เอ๋อร์อย่าได้เสียมารยาทกับผู้อื่น”“มิได้นะท่านแม่...ข้าเป็นลูกย่อมต้องปกป้องท่าน จะให้บุรุษใดมามองเช่นนี้ ถูกต้องที่ไหนกัน”“ฮ่า ๆ ๆ ลูกของอาซูหรอกหรือ...มิน่า ถึงขี้เหร่เช่นเจ้า และยังเป็นแม่นางน้อยด้วย”คนผู้นั้นเอ่ยและหัวเราะชอบใจ“ไร้มา
บทส่งท้ายเนี่ยหยวนซูคาดไว้แล้วว่า เมื่อวันที่นางสามารถยืนด้วยลำแข้งของตน มีกิจการใหญ่โต ขยายสาขาไปมากมาย ย่อมมีวันที่สินค้าขาดแคลน และยามนี้ต้องผลิตถ่านที่ทั้งหอม ไร้ควัน ให้ความร้อนได้นาน ที่ต้องส่งเข้าคลังหลวงเพื่อเป็นของวังหลังโดยเฉพาะ แต่กลับขาดวัตถุดิบซึ่งก็คือไม้ดำหอม นอกจากนั้นยังมีชุดหนังกระดาษที่ใช้ในการรบยุคใหม่ เนื่องจากน้ำหนักเบาป้องกันสนิมได้ดีสำหรับเมืองติดแม่น้ำหรือชายทะเล“วันนี้จะมีเรือการค้าจากชาวต่างชาติ และเมืองทางใต้เข้ามาหลายลำ พวกเขาเป็นชาวเล สกุลเก่าแก่เจ้าค่ะ”เนี่ยหยวนซูได้ยินเรื่องนี้มาพักใหญ่ ทั้งเป็นปัญหาต่อการค้านางมิน้อย การค้าทางเรือยังไม่ได้มีการควบคุมดีพอ อีกทั้งมีสินค้าหลากหลาย ผู้คนให้ความสนใจทุกครั้งที่เดินทางมาถึงสร้างความตื่นตาตื่นใจต่อชาวเมือง ขุนนางน้อยใหญ่ และเศรษฐีต่างออกมาใช้เงินซื้อหาสิ่งของต่าง ๆ เข้าเรือน พลอยให้ช่วงเวลาดังกล่าวร้านค้าในเครือสกุลเนี่ยได้รับผลกระทบ ที่ผ่านมานางจึงเปิดโต๊ะเจรจากับทางการ ขอให้สินค้าทุกชนิด ลงทะเบียนก่อนทำการซื้อขาย ในภายภาคหน้าต้องเข้าร่วมสมาคมของเมืองเป่ยซาน ก่อนนำมาวางขายได้ มิเช่นนั้นการค้าในเมืองนี้คงเ