ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าสวนหินทางทิศเหนือของจวนจิ่ง แม้ยังไม่เข้ามาถึงด้านใน แต่เสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะดังมาถึงด้านนอก
เมื่อสืบเท้าเข้ามาอีกนิด จิ่งหลัวคุนก็คำรามเสียงฮึ่ม ๆ ยามนี้ จวนจิ่งกลายเป็นโรงละครในตรอกชั้นต่ำแล้วหรือไร
สตรีผู้นั้นกำลังร้องรำทำเพลง และยังมีสาวใช้กับแม่นมของนาง โดยคนหนึ่งเป่าขลุ่ย อีกคนตีกลองหนังวัวสองหน้า อันเป็นเครื่องดนตรีของชาวเผ่าทะเลทราย เสียงร้องเพลงเนี่ยหยวยซู แม้เพราะพริ้งแต่เนื้อหาเพลงฟังอย่างไรก็แจ้งชัดว่านางจงใจกระทบกระเทียบถึงเขา
แม้ตัวข้าเป็นหญิงม่าย ยังไม่น่าอับอาย เท่ากับถูกสามีชั่วร้ายข่มเหง
ผู้ชายขี้เหล้าแสนเผด็จการ วัน ๆ เอาแต่อวดเบ่งคิดว่า ตัวเองเก่งทั้งที่โง่ดั่งลา
สตรีเช่นข้าเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ยืนด้วยลำแข้งงาม ๆ
ผู้ใดอย่าได้มาหยาม มิฉะนั้น แม่จะตัดหางปล่อยวัด ให้ร้องเอ๋ง ๆ
สวรรค์โปรดเมตตา ให้หญิงม่ายคนงาม อย่าได้มีลูกผัวกวนใจ
ชาตินี้ ข้าเกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่ ไม่มีสามีก็ลืมตาอ้าปากได้
ด้วยหนึ่งสมอง และสองมือ สองบาทา...
และที่ทำให้เขาต้องปวดเศียรเวียนเกล้าหนักกว่านั้น คือจิ่งป๋อที่ยามนี้สวมชุดงิ้วกับเครื่องประดับหัวร่ายรำเอวอ่อน และข้างกันนั้นที่หัวเราะไม่หยุด เดี๋ยวลุกจากม้านั่ง เดี๋ยวตบมือสลับการโบกไม้โบกมือก็คือไท่ฮูหยิน
ให้ตายเถิด เนี่ยหยวนซูกำลังทำสิ่งใดกันแน่ หรือนางมีเวทมนตร์ชั่วร้าย ถึงทำให้แม่เล็กกับน้องชายของเขาเสียสติถึงเพียงนี้
เมื่อชายหนุ่มสืบเท้าเข้ามาด้านใน แทนที่การร่ายร่ำจะหยุดลงแต่กลับเป็นว่าจิ่งป๋อเข้ามาควงแขนเขาและทั้งลากทั้งจูงให้ไปร่วมสนุกด้วยกัน
“พี่ใหญ่ วันนี้สำราญใจยิ่งนัก พี่สะใภ้เป็นสตรีมากความสามารถ ฟังดูเถิด เพลงที่นางร้องชวนให้ขบขันและมีความสุข ข้าจะนำไปให้เด็ก ๆ แสดงที่หอลำนำรัก”
ขณะที่ถูกลากไปร่วมวง จมูกโด่ง ๆ ของจิ่งหลัวคุนก็ขยุกขยิก ก่อนที่เขาจะจับตัวจิ่งป๋อให้ยืนนิ่ง ๆ แล้วสูดกลิ่นที่เนื้อตัวน้องชาย
กลิ่นดังกล่าวคุ้นเคย ทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาคืนแรกที่ร่วมเตียงกับเนี่ยหยวนซู
โดยเริ่มต้นนางทั้งตบ ทั้งข่วนเขาจนเจ็บจี๊ดตามใบหน้า ลำคอ เมื่อรำคาญจึงคว้าตัวนางมา ด้วยกลิ่นน้ำมันหอมบนเนื้อตัวนางทำให้เขาคลั่ง จนควบคุมตัวไม่ได้ จึงซุกไซ้ตามจุดต่าง ๆ ที่ไวต่อความรู้สึกนาง เขาดูดดุน จูบหนักหน่วง สองมือนวดเฟ้นและเคล้นคลึงถันคู่งาม เมื่ออารมณพลุ่งพล่าน จึงอยากแทรกลิ้นเข้าไปในริมฝีปากอวบอิ่ม แต่เขากลับถูกนางกัดและไม่นานก็สลบไปอีกหน
“พี่ใหญ่ ถึงข้าจะงามล่มเมืองแต่ก็เป็นบุรุษ อีกอย่างเราคือสายเลือดเดียวกัน หักห้ามใจเสียเถิดท่านพี่” จิ่งป๋อกล่าวแล้วหัวเราะร่วน
“น้องสามระวังปากเจ้าบ้าง ถูกอาซูกลั่นแกล้งเช่นนี้ ยังไม่รู้ตัวอีก” จิ่งหลัวคุนเอ่ยจบก็ผลักร่างน้องชายให้ไปทางอื่น ก่อนจับจ้องไปยังหญิงงามที่ดูเหมือนว่า นางกำลังสนุกในงานเลี้ยงรื่นเริง
จิ่งหลัวคุนที่ตอนแรกเกือบระงับโทสะได้แล้ว หากต้องระเบิดอารมณ์กว่าเดิมเมื่อเนี่ยหยวนซูยังบังอาจร้องเพลงต่อ
ฝ่ายเชามี่อึ้งอยู่หลายอึดใจ พอตั้งสติได้ก็หวีดร้องเสียงหลง ก่อนเข้าไปหาซ่งหยูชุน
“ไท่ฮูหยิน ท่านป่วยหนักแล้วนะเจ้าคะ ดูสิ ตัวสั่นเหงื่อแตกเต็มหน้า แล้วยังพูดจาไม่รู้เรื่อง สักพักน้ำลายคงแตกเป็นฝอยเต็มปาก ไท่ฮูหยิน!”
หญิงวัยกลางคนได้ยินเสียงสูงต่ำ ๆ ดังอยู่ใกล้ ๆ ก็ขัดใจเหลือเกิน นางมองเชามี่แล้วเบ้ปากคว่ำใส่
“ไท่ฮูหยินให้ข้าพาไปพักผ่อนดีหรือไม่ อยู่ตรงนี้ลมแรง ข้าจะให้พ่อบ้านไปเรียกหมอหลวงมาตรวจอาการท่านเดี๋ยวนี้”
“บัดซบ นังโสเภณี ใช่หน้าที่เจ้าต้องแส่เรื่องของข้าหรือ”
ปกติไท่ฮูหยินร้ายเงียบ พูดจาเสียงดังก็จริง แต่ไม่มีการแสดงกิริยา และใช้ถ้อยคำราวกับคนในตลาดสดเช่นนี้
“โอ้ ไท่ฮูหยิน ท่านถูกยาสั่งเป็นแน่ รวมถึงคุณชายสาม!”
“เหลวไหล แล้วก็หุบปากเสีย”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ ไท่ฮูหยินกำลังมีอันตราย นังจิ้งจอกเก้าหางนั่นคิดร้ายต่อท่าน” เมื่อเชามี่กล่าวจบ นางกลับคาดไม่ถึงว่าหญิงวัยกลางคนที่นั่งบนม้านั่ง จู่ ๆ ก็ลุกพรวดขึ้น แล้วใช้เท้าข้างหนึ่งถีบเชามี่อย่างแรงจนนางล้มหงายหลัง และจุกเจ็บจนร้องไม่ออก!
สีหน้าของจิ่งหลัวคุนว่าขึงขังแล้ว หากเทียบไม่ติดเลยกับน้ำเสียงดุเข้มที่เขาตะคอกใส่เนี่ยหยวนซู
“ฮึ หากชอบล้อเล่นกับข้า และหวังทำเรื่องสนุกหมิ่นเกียรติ ข้าก็ยอมให้อภัยในความไร้เดียงสาของสตรีแซ่เนี่ย เอาแต่ซุกซน เล่นสนุกไปวัน ๆ ด้วยถูกตามใจจนเสียนิสัย อีกทั้งไร้การอบรมที่ดี แต่นี่เจ้ากลับถึงขั้นก่อเรื่องไม่สมควรกับแม่เล็ก!”
จากนั้นจิ่งหลัวคุนสาวเท้ายาว ๆ เข้ามาคว้าข้อมือเรียวเล็กไปบีบไว้ เขาออกแรงมากจนกระดูกของหญิงสาวคล้ายจะแหลกสลาย
เนี่ยหยวนซูเจ็บ นางไม่ได้อ่อนแอ รู้ว่าเขาย่อมเป็นหมาบ้า แต่การที่ใช้กำลังเช่นนี้ นางเกลียดที่สุด ผู้ชายไร้เหตุผลและสมองทึบ แถมดื้อด้านดั่งลาโง่ อย่างไรก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
“ใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานเยี่ยงนี้สมควรเป็นแม่ทัพหรือไร บ้านเมืองนี้เขาคัดลาโง่ตัวโต ๆ แล้วเอาไปจับฉลากกันสินะ ท่านถึงได้มีตำแหน่งใหญ่โตค้ำฟ้า”
จิ่งหลัวคุนโมโหกว่าเดิม และไอสังหารแผ่ขยายท่วมตัวเขาแล้ว
7 เดือนต่อมา หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย เนี่ยหยวนซูที่ยามนี้ท้องโตใกล้คลอด มีความสุขในการกินกว่าใคร ส่วนจิ่งหลัวคุนแม้จะเลิกแพ้อาหารแทนนางและไม่ค่อยเป็นลมหรือมีอาการหน้ามืด แต่เขากลับเป็นห่วงภรรยาชนิดที่เรียกว่าไม่ยอมห่างไปไหน ด้วยได้ยินเรื่องสตรีเสียชีวิตระหว่างคลอดบุตร รวมถึงอันตรายหลังการคลอด อีกทั้งสิ่งที่อาจเกิดกับชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก ทั้งหมดเป็นเพราะเขาฟังผู้อื่นมากเกินไป ทั้งยังอ่านตำราต่างๆ เยอะ เรื่องนี้เนี่ยหยวนซูเข้าใจว่าเป็นเพราะเขารักและห่วงนาง “ท่านพี่ ข้าเพียงแค่อยากเดินเล่นสักหน่อย...” เนี่ยหยวนซูบอกเขา เช้านี้นางกินทั้งของคาวของหวานแล้วยังมีผลไม้อีก “แต่หมอบอกให้เจ้าอยู่นิ่งๆ ช่วงนี้ใกล้กำหนดที่ลูกจะลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว” “ท่านพูดถูก แต่ให้นั่งๆ นอนๆ ไม่ขยับตัว มันทำให้ข้าอึดอัด บางทีก็เครียด ซึ่งอาจส่งผลถึงเด็กน้อยของเรา” นางว่าจบจึงมองชายหนุ่ม อ้อนวอนเขาด้วยสายตา “ได้ แต่แค่เดินที่สวนด้านหน้าเท่านั้น เราจะไม่ไปมากกว่านี้” เนี่ยหยวนซูไม่อยากขัดใจสามี แค่เขาให้นางออกจากเร
จิ่งหลัวคุนไม่อาจยืนนิ่งเฉย อาการเขาคล้ายคนจะหน้ามืดตามด้วยการวูบหมดสติ ยามนั้นแม้จิ่งป๋อฉุดแขนพี่ชายไว้ แต่กลายเป็นว่าเขาถูกเตะเสียนี่ แถมไม่ใช่เตะธรรมดา หากส่งผลให้จิ่งป๋อร้องโอดโอยอย่างน่าสงสาร ด้วยใครกันจะทนแรงของอดีตแม่ทัพหนุ่มไหว โดยเฉพาะอีกฝ่ายคือนักแสดงในโรงละคร วันๆ ร้องเพลง เล่นดนตรี สรรหาเรื่องรื่นเริงเท่านั้น ยามนี้จิ่งป๋อไม่ใช่หนุ่มน้อย ปีนี้อายุเขาสมควรออกเรือน ทว่าอย่างที่พี่ชายห่วงคือจนป่านนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจิ่งป๋อสนใจสตรีหรือบุรุษกันแน่ และที่จิ่งหลัวคุนแสดงท่าทีขึงขังก่อนทำร้ายน้องชาย เป็นเพราะเขา อ้างว่าตนสุขภาพดี ทว่าสภาพอย่างที่เห็น เขาดูแย่หนัก หน้าซีดท่าทางอิดโรย ฝ่ายจื่อเยว่มองคนเป็นพ่อสลับอาหนุ่มหล่อ ก่อนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย และถามว่า “เมื่อเช้าท่านพ่อ แพ้อาหารใดหรือไม่เจ้าคะ” นางถามอย่างซื่อๆ นั่นแหละ ดวงตากลมโตมองจิ่งหลัวคุนอย่างต้องการคำตอบ “เหตุใดถึงถามพ่อเช่นนี้ เรื่องพรรคนั้นย่อมไม่เกิดขึ้น” “เอ แต่ลูกได้ยินเสียงคล้ายคนอาเจียน โอ้กอ้ากหลายหนเชียว” และสายตาลูกสาวกับน้องชายหันไปทางจิ่งห
ผิดแต่เรื่องทายาทอีกฝ่ายที่เสี่ยวฉุนไม่ได้รายงานไป เนื่องจากตกลงกับเกอสวินไว้ว่าอยากให้เนี่ยหยวนซูกับจิ่งหลัวคุนได้ปรับความเข้าใจกันเสียก่อน และช่วงสองสามปีให้หลังนางติดต่อเกอสวินไม่ได้เช่นกัน จวบจนได้พบหน้าอีกครั้ง เสี่ยวฉุนก็ต้องยอมรับว่าเกอสวินเป็นหนุ่มเต็มตัว และเขาขโมยหัวใจนางไปหมดแล้วช่วงเช้าวันส่งตัวเจ้าสาว ฝานเหอมีสีหน้าไม่สู้ดี ด้วยของที่เตรียมเอาไว้ในห้องหอหายไป รวมถึงพัดของเจ้าสาวแล้วก็ผ้าคลุมหน้า สิ่งที่สำคัญมาก ด้วยสองสิ่งนี้เกี่ยวพันถึงเจ้าบ่าวด้วย แต่ยังโชคดีที่มีชุดสำรองเอาไว้“ไม่มีเจ้าคะเถ้าแก่เนี้ย” ฝานเหอบอกเนี่ยหยวนซู และนางไม่ได้เซ้าซี้ถามสิ่งใดหายไปอีกบ้าง แต่กวาดตามองหาไปทั่วๆ ห้องก่อนก้าวออกไปด้านนอก ยามนั้นเสียงดนตรี เสียงโห่ร้องดังเป็นระยะและอาหารเครื่องดื่มมีให้กินอิ่มหนำเป็นอย่างมากร่างสูงของจิ่งหลัวคุนเดินมาหาหญิงสาว ใบหน้าเขาแดงด้วยฤทธิ์สุรา“อาซู... เห็นน้องสามหรือไม่”เนี่ยหยวนซูถอนหายใจเล็กน้อย และถามว่า “นี่คงไม่ใช่ว่า ท่านกับคุณชายสามจะวางแผน ร้ายๆ กับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหรอกนะ”“โอ้มิได้ ไม่มีการมอมสุรา หรือใส่ยากำหนัดในอาหารทั้งนั้น อาซูก็รู้ บ่า
ตอนพิเศษของหมั้นต่างหน้าจิ่งหลัวคุนไม่ได้รับใช้ทางด้านทหารแคว้นเฉิงโจวมาได้เกือบสามปี และเขาดูมีความสุข หัวเราะบ่อยครั้ง ใบหน้าคมคายประดับรอยยิ้มให้เห็นบ่อยๆ แม้ตัวเขาเสียดายหลายสิ่งโดยเฉพาะประสบการณ์ที่สะสมมา แต่ชีวิตย่อมต้องเดินหน้าส่วนภรรยาเขา เนี่ยหยวนซูนั้นอยากเป็นเถ้าแก่เนี้ยคนดังดูแลการค้าทั่วทั้งอาณาจักรอันกว้างใหญ่ และปากบอกอยู่เสมอว่าไม่สนใจเขา ไม่ว่าจะทำสิ่งใดต่อจากนี้ให้จิ่งหลัวคุนเลือกเอง แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคืนตำแหน่งทางการทหารก็แอบเสียดายไม่ได้ ดังนั้นจึงต่อว่าเขาพอให้หายหงุดหงิดใจ ด้วยหากเขายังเป็นแม่ทัพแคว้นเฉิงโจว อย่างไรคงมีความสามารถเจรจาค้าขายกับทางการและแคว้นพันธมิตรได้“ตอนนี้ นอกจากเป็นลาโง่ ท่านยังเป็นฉลามตาบอด ว่ายน้ำไม่รู้ทิศทาง คิดอย่างไร ถึงทิ้งตำแหน่งทรงเกียรติแล้วมาเป็นโจรสลัด!”จิ่งหลัวคุนหัวเราะ และเอ่ยว่า“เป็นเพราะต้องการแบ่งเบาภาระภรรยา การค้าขายทางน้ำ นับว่าสำคัญ ข้าจึงอยากทำหน้าที่เป็นหน่วยพิเศษคุ้มครองสินค้าทุกอย่างที่เจ้าขายและต้องการซื้อหาให้ปลอดภัยที่สุด”“ฮึ... แล้วคิดว่า เงินที่ท่านหาได้จากการเป็นคนส่งของ มันจะพอให้ข้าถลุงเล่นหรือ”ชายหน
เนี่ยหยวนซูส่ายหน้า “อย่าเลย...จะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่า ข้ากำลังต้องการคำตอบจากพ่อค้าเรือเหล่านี้ หากเขายินยอมขายให้ข้า พวกท่านจะได้ทำการเก็บอากรเพื่อเข้าหลวงอย่างถูกต้อง ในครั้งต่อไปสินค้าทุกอย่างที่มาถึงเมืองเป่ยซาน ไม่ว่าจะค้าขายสิ่งใดต้องจ่ายเงินเข้าหลวง!”น้ำเสียงเนี่ยหยวนซูฟังแล้วก็เด็ดขาด แต่นั่นคือการป้องกันปัญหาในภายภาคหน้า เพื่อไม่ให้ใครคิดเอาเปรียบ หรือนำสินค้าไร้คุณภาพมาหลอกขายในราคาที่สูงเกินกว่าเหตุเมื่อเนี่ยหยวนซูเอ่ยจบ ร่างสูงใหญ่ของบุรุษที่มีผมหยักสลวยเส้นเล็กสีปีกอีกา ก้าวลงมาจากเรือลำใหญ่ที่สุดดวงตาคมกริบจ้องมาที่เนี่ยหยวนซู ในวาบแรกที่สายตาคนทั้งคู่ประสานกัน เป็นเหตุให้หญิงสาวต้องหวั่นไหว“เอ...คนตัวโต ท่านเป็นใครถึงกล้ามองมารดาข้าเช่นนี้ ไม่กลัวข้าควักลูกตาท่านหรือ” จื่อเยว่เอ่ย และวางท่าราวกับเป็นผู้พิทักษ์เนี่ยหยวนซู“เยว่เอ๋อร์อย่าได้เสียมารยาทกับผู้อื่น”“มิได้นะท่านแม่...ข้าเป็นลูกย่อมต้องปกป้องท่าน จะให้บุรุษใดมามองเช่นนี้ ถูกต้องที่ไหนกัน”“ฮ่า ๆ ๆ ลูกของอาซูหรอกหรือ...มิน่า ถึงขี้เหร่เช่นเจ้า และยังเป็นแม่นางน้อยด้วย”คนผู้นั้นเอ่ยและหัวเราะชอบใจ“ไร้มา
บทส่งท้ายเนี่ยหยวนซูคาดไว้แล้วว่า เมื่อวันที่นางสามารถยืนด้วยลำแข้งของตน มีกิจการใหญ่โต ขยายสาขาไปมากมาย ย่อมมีวันที่สินค้าขาดแคลน และยามนี้ต้องผลิตถ่านที่ทั้งหอม ไร้ควัน ให้ความร้อนได้นาน ที่ต้องส่งเข้าคลังหลวงเพื่อเป็นของวังหลังโดยเฉพาะ แต่กลับขาดวัตถุดิบซึ่งก็คือไม้ดำหอม นอกจากนั้นยังมีชุดหนังกระดาษที่ใช้ในการรบยุคใหม่ เนื่องจากน้ำหนักเบาป้องกันสนิมได้ดีสำหรับเมืองติดแม่น้ำหรือชายทะเล“วันนี้จะมีเรือการค้าจากชาวต่างชาติ และเมืองทางใต้เข้ามาหลายลำ พวกเขาเป็นชาวเล สกุลเก่าแก่เจ้าค่ะ”เนี่ยหยวนซูได้ยินเรื่องนี้มาพักใหญ่ ทั้งเป็นปัญหาต่อการค้านางมิน้อย การค้าทางเรือยังไม่ได้มีการควบคุมดีพอ อีกทั้งมีสินค้าหลากหลาย ผู้คนให้ความสนใจทุกครั้งที่เดินทางมาถึงสร้างความตื่นตาตื่นใจต่อชาวเมือง ขุนนางน้อยใหญ่ และเศรษฐีต่างออกมาใช้เงินซื้อหาสิ่งของต่าง ๆ เข้าเรือน พลอยให้ช่วงเวลาดังกล่าวร้านค้าในเครือสกุลเนี่ยได้รับผลกระทบ ที่ผ่านมานางจึงเปิดโต๊ะเจรจากับทางการ ขอให้สินค้าทุกชนิด ลงทะเบียนก่อนทำการซื้อขาย ในภายภาคหน้าต้องเข้าร่วมสมาคมของเมืองเป่ยซาน ก่อนนำมาวางขายได้ มิเช่นนั้นการค้าในเมืองนี้คงเ