LOGINขวัญอุษารู้สึกอบอุ่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝนที่ยังคงตกอยู่เบา ๆ แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าจากการเดินทางหางานและความกังวลใจตลอดทั้งวัน แต่คืนนี้มันต่างออกไป เธอรู้สึกว่าตนเองปลอดภัย ราวกับว่าเธอหลุดพ้นจากความหวาดกลัวและความเจ็บปวดในอดีตชั่วขณะ
ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง เธอรู้สึกของความอ่อนแรงเมื่อยล้าของแขนขาจนแทบไม่อยากขยับไปไหน ตาของเธอมองไปรอบ ๆ ห้องเล็ก ๆ ที่ไม่หรูหรา แต่กลับให้ความรู้สึกสงบที่เธอไม่ได้สัมผัสมานาน
“ที่นี่ คือที่พักใหม่ของฉันแล้วสินะ” ขวัญอุษาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความหวังริบหรี่ แม้จะยังไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่เพียงได้หลับนอนในที่แห่งนี้ ก็เหมือนกับว่าเธอได้เริ่มต้นใหม่
ขวัญอุษาค่อย ๆ ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างอย่างเบา ๆ ความรู้สึกที่ได้พักผ่อนบนเตียงจริง ๆ ในที่สุดก็ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย สายตาของเธอจ้องมองไปยังเพดาน ความเงียบในห้องทำให้เธอเริ่มคิดถึงพ่ออีกครั้ง
เธอหลับตาลง ทว่าภาพของพ่อกลับผุดขึ้นมาในความทรงจำ ภาพของเขานั่งอยู่หน้าบ้าน ก้มหน้าอย่างเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักและการถูกกดดันจากหนี้สิน ขวัญอุษาสัญญากับตัวเองว่าถ้าเธอทำงานหนักพอ เธอจะกลับไปหาพ่อ และจะไม่ปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานอีก
“หนูจะทำให้ได้นะพ่อ หนูจะไม่ยอมแพ้ พ่อรอหนูหน่อยนะคะ” ร่างบางพูดกับตัวเองเหมือนย้ำคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อในใจ
เสียงฝนยังคงตกลงมาเบา ๆ คล้ายกับจะกล่อมให้เธอหลับ ฝนที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของความเศร้าในอดีต ตอนนี้กลับกลายเป็นเสียงที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยในค่ำคืนนี้ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากภายใน แม้ว่าชีวิตของเธอจะยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่คืนนี้เธอจะปล่อยให้ตัวเองหลับไป โดยไม่ต้องกังวลถึงพรุ่งนี้
ในที่สุด ความเหนื่อยล้าก็พาเธอเข้าสู่ห้วงนิทรา ในคืนแรกที่เธอได้พักพิงในที่ที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่
รุ่งเช้าของวันใหม่ แสงอาทิตย์อ่อน ๆ เริ่มสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ขวัญอุษารู้สึกถึงความอบอุ่นที่แตกต่างจากคืนก่อนหน้า เธอลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกสดชื่น เหมือนพลังที่หายไปกลับคืนมาเต็มที่แล้ว เธอรีบเตรียมตัวอย่างเรียบร้อย และด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่จะเดินไปยังบ้านใหญ่ตามที่คุณหญิงธัญญานัดหมายไว้
บ้านใหญ่ของคุณหญิงตั้งอยู่กลางสวนกว้างใหญ่ สวยงามและเงียบสงบ เด็กสาวเดินผ่านสนามหญ้าที่ตกแต่งอย่างดี ระหว่างทางเดินมีเสียงนกร้องเบา ๆ คลอไปกับสายลม เธอรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในโลกที่แตกต่างจากที่เธอเคยรู้จัก
เมื่อขวัญอุษาเดินมาถึงห้องโถงใหญ่ ก็ได้พบกับคุณหญิงธัญญานั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกซึ่งตกแต่งอย่างหรูหรา แต่แฝงด้วยความอบอุ่น เด็กสาวยกมือไหว้อย่างสุภาพ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าคุณหญิงด้วยความเคารพ
“วันนี้เป็นวันแรกของหนู ขวัญพร้อมจะทำงานไหมจ๊ะ” คุณหญิงธัญญาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มใจดี
“พร้อมค่ะคุณหญิง หนูจะตั้งใจทำงานให้เต็มที่ค่ะ” ขวัญตอบกลับด้วยเสียงหนักแน่น ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจจริง
“ขวัญ หนูไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหญิงหรอก เรียกว่าคุณป้าหรือคุณหญิงป้าเถอะ แต่ห้ามเรียกคุณหญิงเฉยๆ โอเคไหม”
“แต่..”
“ไม่มีแต่จ่ะ เอาตามที่ฉันบอก”
“ได้ค่ะ ขอบพระคุณที่เมตตาขวัญนะคะคุณหญิงป้า” ขวัญอุษายกมือไหว้อีกคนด้วยความเคารพ
คุณหญิงพยักหน้าพอใจ ก่อนจะอธิบายงานที่มอบหมายให้กับขวัญอุษาทำ
“บ้านหลังนี้มีหลายงานที่ต้องจัดการ แต่ฉันอยากให้หนูเริ่มต้นจากการช่วยดูแลเรื่องการจัดดอกไม้ในบ้าน ดูแลห้องโถงและห้องรับรองแขก นอกจากนี้ ยังต้องช่วยฉันดูแลในสวนดอกไม้หลังบ้าน ฉันชอบดอกไม้มาก และอยากให้หนูดูแลมันอย่างดี”
ขวัญอุษายิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินงานที่มอบหมาย เพราะเป็นงานที่เธอรู้สึกชื่นชอบ การจัดดอกไม้และดูแลสวนดอกไม้เป็นสิ่งที่เธอมีทักษะจากการช่วยแม่ทำสวนในชนบท แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะแสดงความสุภาพและนอบน้อม
“ขวัญจะทำให้ดีที่สุดค่ะ” เธอตอบกลับด้วยความตั้งใจ
คุณหญิงธัญญายิ้มอย่างพอใจ “ดีมากจ้ะ แล้วนี่ ฉันจะให้เงินเดือนหนู 15,000 บาท เพื่อเป็นค่าจ้าง หนูจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและสามารถส่งกลับไปช่วยทางบ้านได้”
เด็กสาวตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินจำนวนเงิน แม้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากสำหรับคนในเมืองใหญ่ แต่สำหรับเธอที่มาจากชนบท มันเป็นเงินจำนวนมากพอที่จะช่วยพ่อเธอได้ ขวัญอุษารู้สึกตื้นตันใจและก้มหน้าขอบคุณด้วยความเคารพ
“ขอบคุณมาก ๆค่ะคุณหญิงป้า หนูไม่เคยคิดเลยว่าจะได้รับโอกาสดีขนาดนี้”น้ำเสียงของขวัญสั่นเครือไปด้วยความตื้นตัน ความหวังที่เธอเฝ้ารอมานานกลับเริ่มปรากฏขึ้น
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ ฉันเห็นว่าหนูเป็นคนขยันและตั้งใจ ฉันอยากให้หนูใช้โอกาสนี้สร้างชีวิตใหม่ให้กับตัวเอง และอย่าลืมดูแลครอบครัวของหนูด้วยนะ” คุณหญิงธัญญาตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
ขวัญอุษาออกจากห้องรับแขกด้วยความรู้สึกใหม่ เธอได้รับภาระหน้าที่และโอกาสที่เธอไม่เคยคาดฝันมาก่อน จากวันที่เธอหนีออกมาจากบ้านจนถึงวันนี้ ชีวิตของเธอก็เหมือนกับว่าเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
เสียงสายลมพัดผ่านสวนดอกไม้ เธอมองไปที่ดอกไม้สีสวยที่รอให้เธอดูแล มันไม่ต่างอะไรจากชีวิตของเธอในตอนนี้ ที่กำลังรอการเบ่งบาน ขวัญรู้ว่ามันจะไม่ง่าย แต่เธอสัญญากับตัวเองว่าจะใช้โอกาสนี้สร้างชีวิตที่ดีให้กับตัวเองและพ่อ
หลายปีผ่านไปหลังจากวันที่ขวัญอุษาและปกรณ์ ตัดสินใจแต่งงานและสร้างครอบครัวร่วมกัน น้องกั้งลูกชายคนแรกของพวกเขาค่อย ๆ เติบโตขึ้นท่ามกลางความรักและการดูแลเอาใจใส่อย่างอบอุ่นจากทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นปกรณ์ที่ทุ่มเทเป็นพ่อที่ดี ขวัญอุษาที่คอยดูแลลูกอย่างใกล้ชิด หรือแม้แต่คุณหญิงและพ่อสาธิต ที่ยังคงรักและเห่อหลานอย่างไม่ลดละ บ้านที่เคยเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความขัดแย้งในอดีต ตอนนี้กลายเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความรัก และความสงบสุขที่ทุกคนร่วมกันสร้างขึ้น วันหนึ่งในช่วงเย็น ขณะที่พระอาทิตย์ตกดิน ปกรณ์นั่งอยู่ในสวนหลังบ้านพร้อมกับลูกชายตัวน้อยที่ตอนนี้เริ่มโตและวิ่งเล่นไปมา ขวัญอุษาที่ท้องลูกคนที่สองนั่งอยู่ข้าง ๆ มองดูภาพครอบครัวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เธออดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นปกรณ์วิ่งตามลูกชายด้วยท่าทางสนุกสนาน “พี่กรณ์ รู้ตัวไหมว่าพี่เปลี่ยนไปมาก พี่เป็นพ่อและเป็นที่ดีที่รักเมียรักลูกมากๆ เลยนะคะพี่กรณ์” ขวัญอุษาพูดขึ้นเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ปกรณ์หันมายิ้มให้ภรรยา ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เธอ “พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อหนูและลูกไงครับ ทุกวันพี่รู้สึกว่าชีวิตของพี่มีความหมายมากขึ้
หลังจากที่ขวัญอุษาและปกรณ์ใช้ชีวิตแต่งงานร่วมกันได้ไม่นาน วันสำคัญอีกวันที่ทั้งสองรอคอยก็มาถึง วันที่ขวัญอุษาคลอดลูกน้อยของพวกเขา ปกรณ์ซึ่งตื่นเต้นมาตลอดตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะเป็นพ่อ รอคอยวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะทำตัวเป็นพ่อที่ดูเหมือนพร้อมแล้ว แต่เมื่อวันที่ขวัญอุษาเจ็บท้องต้องเข้าห้องคลอดมาถึง เขากลับรู้สึกทั้งตื่นเต้นทั้งประหม่าเหมือนเป็นครั้งแรกที่เผชิญหน้ากับเรื่องใหญ่ในชีวิตเมื่อเช้าขวัญอุษารู้สึกถึงอาการเจ็บท้องคลอดเริ่มต้นขึ้น เธอบอกปกรณ์ด้วยน้ำเสียงเบา ๆ “พี่กรณ์ ขวัญคิดว่าถึงเวลาแล้ว”ทันทีที่ปกรณ์ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “อะไรนะถึงเวลาแล้วเหรอ ถึงเวลาแล้วลูกจะคลอดแล้ว ไปโรงพยาบาล กระเป๋าคลอด กระเป๋าอยู่ไหน ขวัญอย่าเพิ่งนะ พี่ไปเอากระเป๋าก่อน” เขารีบวิ่งไปหยิบของเตรียมเข้าห้องคลอด แม้จะเตรียมของไว้แล้วเป็นสัปดาห์ แต่เขากลับดูรีบร้อนอย่างน่าขำ“พี่กรณ์ ใจเย็น ๆ หน่อย ขวัญยังไม่คลอดตอนนี้ ขวัญแคเจ็บท้องเตือน” คนท้องบอกพลางยิ้มเอ็นดูสามี เธอพยายามที่จะตั้งสติ แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นปกรณ์ทำท่าทางกระวนกระวายเหมือนจะลืมของสำคัญไปเมื่อถึงโรงพ
หลังจากที่ขวัญอุษาและปกรณ์ ตัดสินใจที่จะสร้างครอบครัวร่วมกัน ความรักและความเข้าใจระหว่างทั้งคู่ก็เริ่มเบ่งบาน วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถึงวันสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขาคือวันแต่งงาน ปกรณ์ได้จัดงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองความรักและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ร่วมกัน งานแต่งจัดขึ้นในโรงแรมหรูที่เต็มไปด้วยดอกไม้สวยงาม บรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุข แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างเป็นทั้งครอบครัวและเพื่อนสนิทรวมถึงพนักงานในบริษัท เมื่อถึงเวลาสำคัญ ขวัญอุษาที่งดงามในชุดเจ้าสาวท้องโตเล็กน้อยและปกรณ์สูทสีขาวยืนเคียงข้างกัน ท่ามกลางเสียงเพลงและการแสดงความยินดีจากทุกคน ขณะที่งานดำเนินไปอย่างราบรื่น กลุ่มเพื่อนสนิทของปกรณ์ก็เริ่มเข้ามาแซวเจ้าบ่าวกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะความปากหนักของปกรณ์ที่บอกไม่เคยชอบขวัญอุษาและไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองในตอนแรก คุณานนท์เพื่อนสนิทของปกรณ์ที่มาร่วมงาน เดินเข้ามาใกล้เจ้าบ่าวพร้อมยกแก้วขึ้น “เอ้า ไอ้กรณ์ มึงมันเก่งจริง ๆ นะ ในที่สุดก็สอยน้องขวัญของกูไปแต่งงานกับมึงจนได้ ใครจะไปคิดว่าคนปากหนักอย่างมึงจะมีวันนี้ ยินดีด้วยนะมึง” เสียงหัวเราะดังขึ
หลังจากที่ขวัญอุษาตัดสินใจให้อภัยปกรณ์ และเริ่มเปิดใจให้เขาอีกครั้ง ชีวิตของทั้งสองก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ ปกรณ์ดูแลขวัญอุษาอย่างใกล้ชิดทุกวัน ทั้งช่วยงานในสวนและเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่อที่ดี แม้จะมีอุปสรรคจากอดีต แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ที่จะสร้างอนาคตใหม่ให้กับขวัญอุษาและลูก ช่วงเย็นขณะที่ขวัญกำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนที่เธอโปรดปราน ปกรณ์ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น หญิงสาวเงยหน้ามองเขายิ้มตอบอย่างอ่อนโยน “ขวัญ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะถามหนู” ปกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตาคมยังมองจ้องใบหน้าสวยอย่างรักใคร่ ขวัญอุษามองใบหน้าคมของปกรณ์ด้วยความสงสัย “เรื่องอะไรเหรอคะ” ปกรณ์สูดลมหายใจลึก ก่อนจะย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ ร่างอวบ และหยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าของเขา เปิดให้เห็นแหวนแต่งงานที่ซ่อนอยู่ภายใน ขวัญอุษาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย “พี่กรณ์ นี่พี่” “ขวัญ พี่รู้ว่าพี่ทำผิดพลาดมามากมายในอดีต และทำให้ขวัญเจ็บปวด แต่ตอนนี้ พี่อยากขอโอกาสที่จะสร้างอนาคตใหม่กับขวัญ” ปกรณ์พูดอย่างช้าๆแสดงความจริงใจ
หลังจากที่ปกรณ์ยังคงพยายามพิสูจน์ตัวเองโดยช่วยงานในสวนผลไม้ทุกวันร่วมกับคุณสาธิต แม้ว่าเขาจะมีอาการแพ้ท้องแทนขวัญอุษาจนทานอาหารได้เพียงน้อยนิด เขาก็ไม่เคยหยุดหรือแสดงความอ่อนแอ เพราะเขาอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อขวัญอุษาและลูกแต่ในที่สุด การทานได้น้อยและอ่อนแรงจากอาการแพ้ท้องก็เริ่มส่งผลต่อร่างกายของปกรณ์อย่างรุนแรง จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อปกรณ์กำลังช่วยพ่อตาตัดแต่งกิ่งไม้บนต้นผลไม้สูง ซึ่งเป็นงานที่เขาทำเป็นประจำแม้จะเริ่มรู้สึกอ่อนล้า แต่ในวันนี้อาการแพ้ท้องที่เขาเผชิญมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์เริ่มสะสม ร่างกายของเขาเริ่มอ่อนแอเพราะทานอาหารได้น้อยขณะที่ปกรณ์อยู่บนต้นไม้และกำลังใช้มีดตัดกิ่งไม้ เขารู้สึกเวียนหัวและตาพร่ามัว เขาพยายามกะพริบตาหลายครั้งเพื่อให้การมองเห็นกลับมาเป็นปกติ แต่ความเหนื่อยล้าจากการทานได้น้อยทำให้เขารู้สึกเหมือนร่างกายจะไม่ตอบสนองทันใดนั้นอาการเวียนหัวก็ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของปกรณ์ไม่สามารถทรงตัวอยู่บนกิ่งไม้ได้อีกต่อไป เขารู้สึกเหมือนร่างกายจะล้มลงก่อนที่เขาจะคว้ากิ่งไม้ไว้ได้“โ
ถึงแม้ว่าปกรณ์ยังตามง้อและช่วยพ่อสาธิตทำงานในสวน แต่ขวัญอุษายังคงใจแข็งและพยายามรักษาระยะห่างจากปกรณ์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องของคนรักของปกรณ์ที่เขาเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ ในใจของขวัญอุษารู้สึกว่า ปกรณ์ทำทีมาง้อเธอที่นี่แต่อาจจะยังมีคนรักที่รออยู่ที่กรุงเทพ และสิ่งที่เขากำลังทำตอนนี้อาจเป็นเพียงแค่ความรู้สึกผิด หรือการพยายามชดใช้ความผิดพลาดของตัวเองเท่านั้นขณะที่ทั้งสองนั่งคุยกัน ขวัญอุษาตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองและบอกให้ปกรณ์กลับไปหาคนรักของเขา เธอไม่อยากให้ปกรณ์ต้องเสียสละหรือทิ้งชีวิตในกรุงเทพฯ เพื่อรับผิดชอบลูกในท้องของเธอ อีกทั้งไม่อยากให้คนรักของปกรณ์ต้องเสียใจขวัญอุษาหันมามองจ้องหน้าหล่อของปกรณ์ด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะพูดขึ้นกับเขา “คุณปกรณ์ คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะคะ คุณมีชีวิตของคุณ มีคนรักที่คุณต้องกลับไปดูแล ขวัญว่าคุณกลับไปอยู่ที่กรุงเทพก็ได้ค่ะ วันไหนที่คุณอยากจะมาหาลูกคุณค่อยมาก็ได้”ปกรณ์ชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขามองขวัญด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “ขวัญ คุณกำลังพูดถึงใครเหรอ ที่บอกว่าคนรักของผม”ขวัญอุษามองหน้าเขาอย่างไม่ชอบ







