เมื่อชีวิตเต็มไปด้วยบททดสอบจากความเจ็บปวดและความเข้าใจผิด ขวัญอุษาจึงยอมทิ้งปกรณ์และอดีตอันเจ็บปวดไว้เบื้องหลัง เพื่อผสานหัวใจและพร้อมก้าวเดินสำหรับการเริ่มต้นชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวังและความสุข
View Moreในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยแสงสีและเสียงสัญญาณจราจรที่เร่งรีบ เด็กสาวจากชนบทที่ยากจน แต่เต็มไปด้วยความฝันและทะเยอทะยาน ได้ยืนอยู่ท่ามกลางชีวิตที่เต็มไปด้วยการดิ้นรน ฝนตกลงมาจากฟ้าเหมือนสายฝนที่ไม่มีวันสิ้นสุด ให้หัวใจที่เหนื่อยล้าของเธอเจ็บปวดเพิ่มขึ้นอีก เธอคือ ขวัญอุษา สาวผู้ที่ไม่มีอะไรนอกจากหัวใจที่แข็งแกร่งและความฝันที่ไม่มีใครขโมยไปได้
ขวัญอุษาตัดสินใจเข้ามาในเมืองใหญ่ด้วยความตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง เธอเดินทางมาพร้อมความหวังเล็ก ๆ และกระเป๋าเงินที่ว่างเปล่า
ในยามบ่ายของวันหนึ่ง ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใสกลับคลุมเครือด้วยเมฆหม่น สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ผู้คนในตลาดรีบเก็บข้าวของและหาที่หลบฝนอย่างรวดเร็ว ยกเว้นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่ยังคงยืนอยู่กลางถนน ท่ามกลางฝนที่ตกหนักขึ้นทุกที
ขวัญอุษา กอดกระเป๋าสะพายเก่า ๆ ไว้แน่น ข้างในมีเพียงเอกสารที่เธอต้องนำไปยื่นสมัครงาน แต่มันเปียกโชกไปหมด ฝนไม่ได้หยุดเธอจากการทำตามความฝัน แม้เสื้อผ้าจะเปียกปอนและร่างกายจะหนาวสั่น เธอก็ยังคงเดินต่อไป
“หลบฝนก่อนเถอะหนู” เสียงของแม่ค้าคนหนึ่งร้องเตือน แต่ขวัญอุษาได้เพียงแต่ยิ้มบาง ๆ แล้วกล่าวขอบคุณ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป
ทันใดนั้น สายตาของเธอเหลือบเห็นผู้หญิงวัยกลางคนในชุดหรูหรา กำลังถือร่มสีดำที่ดูสะอาดตาท่ามกลางความเปียกชื้น เธอดูเหมือนกำลังจะลื่นล้มเพราะตอนนี้เธอเซถลาเล็กน้อย ขวัญอุษาไม่รอช้า รีบวิ่งเข้าไปประคองหญิงสูงวัยก่อนที่เธอจะล้ม แม้จะเปียกโชกและเหน็ดเหนื่อย เธอยังคงห่วงใยผู้อื่นเสมอ
“คุณป้าคะ เป็นยังไงบ้างคะเจ็บตรงไหนไหม” ขวัญอุษาถามขึ้นอย่างสุภาพ น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลแม้จะเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล
ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าขวัญด้วยสายตาที่ทั้งงงงวยและตื้นตันในเวลาเดียวกัน
“ขอบใจนะหนู ฉันกำลังจะกลับบ้านแต่พอดีถนนมันลื่นถ้าไม่ได้หนู ป้าคงแย่ล้มหัวฟาดพื้นไปแล้ว” เธอตอบ ขวัญอุษาจึงรีบพยุงเธอยืนให้มั่นคงและถือร่มให้เธอทันที
ทั้งสองนั่งรออยู่ใต้ชายคาร้านค้าริมถนน ขวัญอุษาเงียบและไม่อยากรบกวน แต่สายตาที่สุภาพและแววตาที่เปี่ยมด้วยความเป็นห่วงของขวัญอุษาทำให้คุณหญิงธัญญาสะดุดใจ
“หนูเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ล่ะจ๊ะ” คุณหญิงธัญญาถามขึ้น ขณะที่ยังคงมองสำรวจหญิงสาวผู้ซึ่งเสื้อผ้าดูเรียบง่ายแต่ดวงตามีประกายความมุ่งมั่น
“หนูชื่อขวัญอุษาค่ะ มาจากต่างจังหวัด พอดีจะมาหางานทำที่กรุงเทพฯ แต่ยังไม่ได้งานเลยค่ะ” เด็กสาวตอบเสียงแผ่วเบา แต่ไม่ได้แสดงออกถึงความเศร้า เธอยังคงยิ้ม แม้จะเหนื่อยล้า
คุณหญิงธัญญาสังเกตเห็นความอ่อนน้อมถ่อมตนของเด็กสาว รวมถึงความจริงใจในน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งการปรุงแต่ง เธอรู้สึกทึ่งและแอบสงสาร
“หนูมีที่พักแล้วหรือยังล่ะ” คุณหญิงถามต่อ ขวัญอุษาส่ายหัวเบา ๆ
“ยังค่ะ หนูว่าจะลองหาดูอีกที” ขวัญอุษาตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ซ่อนความกังวล
คุณหญิงธัญญาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความเห็นใจ “ถ้าไม่รังเกียจ ลองมาทำงานกับฉันไหม บ้านฉันพอมีงานให้หนูช่วยทำอยู่บ้าง”
คำชวนของผู้หญิงสูงวัยทำให้เด็กสาวชะงักไปครู่หนึ่ง เธอไม่เคยคิดว่าจะได้โอกาสเช่นนี้ แต่แววตาของคุณหญิงเต็มไปด้วยความเมตตาและจริงใจ เธอจึงตัดสินใจพยักหน้าตอบรับ
“หนูขอบคุณมาก ๆ ค่ะคุณป้า หนูจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่” ขวัญอุษาตอบด้วยความตื่นเต้น หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความหวังที่เริ่มก่อตัวขึ้น
หลังจากที่ขวัญอุษาได้รับข้อเสนอจากคุณหญิงธัญญา เธอพยายามตั้งสติและคิดถึงอนาคตที่อาจจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ คืนนั้น เมื่อเธอได้นั่งอยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่คุณหญิงจัดให้ เด็กสาวนั่งอยู่บนเตียงไม้เก่า ที่เพิ่งได้หย่อนกายเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง
เสียงฝนพาทรงจำที่เธอพยายามจะลืมกลับไหลบ่าเข้ามาในจิตใจ ราวกับจะย้ำเตือนถึงเหตุผลที่เธอต้องหนีมาจากบ้าน บ้านเล็กๆ ในชนบทที่เธอจากมา บ้านที่เคยอบอุ่น แต่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเศร้าและความเจ็บปวด
ขวัญนึกถึงพ่อคนที่เธอรักและเคารพมากที่สุดในชีวิต พ่อของเธอเป็นช่างไม้ที่ซื่อสัตย์ แต่ชีวิตกลับพลิกผันเมื่อหนี้สินมากมายเริ่มก่อตัวขึ้นจากการกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้รักษาแม่ที่ป่วยหนัก ก่อนที่แม่ของเธอจะจากไป ความทุกข์ทรมานของพ่อเริ่มแสดงออกชัดเจนขึ้น ไม่เพียงแต่จากการสูญเสียแม่ แต่ยังมาจากการถูกทวงหนี้อย่างหนักหน่วงจากเจ้าหนี้ท้องถิ่นที่ไร้ความเมตตา
ขวัญอุษาจำได้ชัดเจนถึงคืนหนึ่งที่เจ้าหนี้บุกเข้ามาทวงหนี้ในบ้าน พวกเขาใช้ความรุนแรง ทำให้พ่อของเธอต้องออกไปหาเงินแบบไร้ทิศทาง ขวัญพยายามจะช่วยพ่อ แต่เธอไม่มีอะไรจะให้พวกนั้น พ่อบอกให้เธอออกไปจากที่นั่น หางานทำในเมืองและหาทางสร้างชีวิตใหม่ เพื่อให้เธอได้มีโอกาสที่ดีกว่าการจมอยู่กับความลำบากนี้
“หนูขวัญ... ชีวิตลูกมีค่ามากกว่าที่จะต้องมาตายไปกับหนี้สินพวกนี้” พ่อพูดกับเธอในคืนนั้น ก่อนที่ขวัญจะตัดสินใจหนีจากบ้าน
เธอนึกถึงวันนั้น วันที่เธอตัดสินใจเก็บของใส่กระเป๋าเพียงไม่กี่ชิ้นและออกเดินทางสู่เมืองใหญ่ ความกลัวและความเหงาคลุ้งไปทั่วใจ แต่เธอก็ไม่อาจย้อนกลับ เธอรู้ว่าต้องทำตามที่พ่อขอไว้ เธอจะต้องหาทางเปลี่ยนแปลงชีวิตและกลับไปช่วยพ่อให้ได้
แต่เมืองใหญ่ไม่ง่ายอย่างที่เด็กสาวอย่างเธอคิด หลายวันผ่านไปโดยที่เธอไม่สามารถหางานทำได้เลย ความหวังที่เคยมีกลับเริ่มจางลง แต่ในวันที่ฝนตกหนักที่สุด เธอก็ได้พบกับคุณหญิงธัญญา ผู้ที่อาจเป็นความหวังใหม่ในชีวิตของเธอ
น้ำตาของขวัญอุษาเริ่มเอ่อล้นออกมาเมื่อนึกถึงอดีต แต่เธอก็รีบเช็ดมันออก เธอรู้ว่าต้องไม่ยอมแพ้ ชีวิตเธออาจเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่ขวัญสัญญากับตัวเองว่าจะใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุด เธอจะไม่ปล่อยให้ความทุกข์ในอดีตทำลายอนาคตของเธอ
“หนูต้องทำได้” เด็กสาวพูดเบา ๆ กับตัวเอง พลางมองออกไปยังสายฝนที่ยังคงตกลงมาไม่หยุด
หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น ขวัญอุษายังคงอยู่ในสภาพจิตใจที่แตกสลาย น้ำตายังคงไหลลงมาอย่างเงียบ ๆ ทุกครั้งที่เธอคิดถึงสิ่งที่ปกรณ์ทำกับเธอ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเจ็บปวด หญิงสาวไม่รู้ว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบได้พังทลายลง แต่เธอก็ไม่กล้าพูดหรือบอกใครถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะที่ขวัญอุษาอยู่ในความทุกข์นั้น ปกรณ์กลับมีความรู้สึกที่สับสน เขารู้ว่าตัวเองทำสิ่งที่ผิดมหันต์มันไม่ควรที่จะจบลงด้วยการมีอะไรกับหญิงสาวซึ่งคืนนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการขืนใจ ถึงแม้สุดท้ายแล้วมีจะมีความสุขสมเหลืออยู่ก็ตาม แต่ความโกรธ ความระแวง และความไม่ไว้ใจในตัวหญิงสาวที่ยังมีมากกว่ามันยังคงครอบงำจิตใจของฝ่ายไม่ดีของเขา แม้จะสำนึกผิดบางส่วน แต่เขาก็เลือกที่จะไม่แสดงความอ่อนแอออกมาเขาเลือกที่จะใช้ข้อมูลในด้านไม่ดีแทน เขากลับมองหาวิธีควบคุมขวัญให้ยอมอยู่ภายใต้กฎของเขา เพื่อไม่ให้เธอมีโอกาสทำลายครอบครัวของเขาในแบบที่เขาเชื่อไม่กี่วันหลังจากเหตุการณ์สุดรัญจวนใจในห้องนอนของหญิงสาวนั้น ปกรณ์เรียกขวัญอุษามาที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา ขวัญอุษาเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเธอซีดเผ
“ในเมื่อเธอไม่ยอมรับ ฉันก็จะจัดการเธอในแบบของฉันเอง มานี่เลย” ปกรณ์ใช้สองแขนแข็งแรงของเขากดแขนเรียวของขวัญอุษาให้ติดกับเตียง ใบหน้าคมของเขาซุกลงไปที่ซุกคอขาวของเธอ หญิงสาวเห็นสถานการณ์ไม่ดีเธอพยายามที่จะดิ้นรนให้พ้นจากคนใจร้ายคนนี้ แต่ถึงจะดิ้นรนยังไงเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอก็ไม่สามารถที่จะสู้แรงชายฉกรรจ์ที่เต็มไปด้วยโทสะและความเมาได้เลย เพียงไม่กี่อึดใจเสื้อนอนของเธอก็ถูกปกรณ์ดึงจนกระดุมขาด เผยให้เห็นเต้าอวบต่อสายตาของปกรณ์ “อย่าาาาา คุณปกรณ์อย่าทำ อ๊ะ” เสียงขวัญอุษาร้องห้ามเสียงดัง แต่อีกคนก็ไม่ได้ฟังเสียงมดเสียงแมงหวี่อย่างเธอ ตอนนี้ใบหน้าของเขาซบลงตรงเต้าอวบใหญ่ ลิ้นหยาบเลียรอบฐานเต้านม ก่อนที่จะใช้ปากอมดูดลอกเรียนแบบพฤติกรรมทารกดูดนมมารดา เพียงแต่เปลี่ยนจากเด็กทารกเป็นปกรณ์ที่โตเป็นหนุ่มและดูดนมของหญิงสาวที่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด มืออีกข้างก็ไม่ปล่อยให้ว่างเปล่าเขาเอามาเคล้าคลึงเต้านมอีกข้างนวดเพื่อให้อีกคนได้เสียวกระสัน จะได้เลิกต่อต้านเขาเสียที พอดูดข้างนี้จนพอใจ ปกรณ์ก็ย้ายมาอีกข้างและทำแบบเดียวกัน “อ๊ะ อ๊าาาา อย่า อ๊าาาา อย่าทำขวัญ ได้โปรด ซี๊ดดดด คุณปกร
หลังจากการสนทนาที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดกับคุณหญิงธัญญาเกี่ยวกับเรื่องของขวัญอุษา ความโกรธและความไม่พอใจของปกรณ์ก็ยังคงไม่ลดน้อยลง เขายังคงไม่เชื่อว่าแม่ของเขาจะช่วยเหลือหญิงสาวที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดขนาดนี้ ทั้งสนับสนุนให้เรียนมหาวิทยาลัย แถมยังให้เข้ามาทำงานในบริษัทของครอบครัว ปกรณ์ไม่สามารถยอมรับได้ว่านี่เป็นเพียงเรื่องของความเมตตาธรรมดา เขายังคงเชื่อว่าขวัญอุษามีเจตนาแอบแฝง ปกรณ์มักจะออกไปพบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจในช่วงเย็น โดยเฉพาะกับเฌอปรางค์ เพื่อนสนิทที่เป็นคนแรกที่เล่าเรื่องขวัญอุษาให้เขาฟัง ทั้งเฌอปรางค์และเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างคุ้นเคยกับความไม่ไว้ใจและความระแวงของปกรณ์ในเรื่องคนรอบตัว ทำให้พวกเขาเริ่มยุแยงและทำให้ความโกรธของปกรณ์เพิ่มมากขึ้น ในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ปกรณ์นั่งจิบไวน์ในบาร์หรูแห่งหนึ่งกับกลุ่มเพื่อน เฌอปรางค์และคุณานนท์ เพื่อนสมัยเรียนอีกคนก็เริ่มหยิบยกเรื่องของขวัญอุษาขึ้นมาพูดคุย “กรณ์ กูได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนั้น ขวัญอุษาอะไรนั่นน่ะ เธอเข้ามาอยู่บ้านของครอบครัวมึงใช่ไหม กูไปงานเลี้ยงกูเห็นแม่มึงแนะนำว่าเป็นหลานสาว” คุณนนท์ถามขึ้นด้วยน้ำเสี
แม้จะฟังคำอธิบายจากคุณหญิงธัญญาแล้ว แต่ปกรณ์ก็ยังไม่สบายใจเมื่อเห็นขวัญอุษาอาศัยอยู่ที่บ้านใหญ่ การที่หญิงสาวคนนี้ใกล้ชิดกับแม่ของเขาและมีบทบาทสำคัญในชีวิตของแม่ ทำให้ปกรณ์รู้สึกไม่ไว้ใจยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าคุณหญิงจะบอกว่าขวัญอุษาเป็นคนคอยดูแลและทำให้เธอไม่เหงาในช่วงที่เขาอยู่ต่างประเทศ แต่ในสายตาของปกรณ์ เขามองว่าเป็นเรื่องที่มันไม่ชอบมาพากล ปกรณ์ตัดสินใจว่า เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าขวัญอุษาเป็นใครและมีเบื้องหลังอย่างไร เขาเริ่มสืบเรื่องของขวัญด้วยวิธีการของตัวเอง เขาไม่ยอมให้ใครก็ตามเข้ามาใกล้ชิดกับครอบครัวโดยไม่รู้เจตนาที่แท้จริง ในช่วงสองสามวันหลังจากนั้น ปกรณ์เริ่มสังเกตพฤติกรรมของขวัญอุษาทุกครั้งที่เขาอยู่บ้าน เขามองขวัญอุษาทำงานในบ้านใหญ่ ช่วยพี่สายใจจัดโต๊ะ จัดดอกไม้ ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่าง แม้เธอดูเหมือนจะทำงานอย่างขยันขันแข็งและไม่มีท่าทีที่แสดงออกถึงเจตนาร้าย แต่ปกรณ์ยังคงไม่เชื่อใจ เขาคิดว่าเธออาจจะเสเเสร้งปิดบังบางอย่างอยู่ เมื่อสังเกตในบ้านแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ ปกรณ์จึงตัดสินใจตามสืบชีวิตของขวัญอุษาให้ลึกลงไปอีก เขาตรวจสอบประวัติของขวัญอุษาผ่านการติดต่อเพื่อนฝูงในวงการและใ
หลังจากที่ปกรณ์เดินออกจากห้องรับแขกโดยไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ขวัญอุษารู้สึกตึงเครียดขึ้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมปกรณ์ถึงแสดงท่าทีเย็นชาต่อเธอ ทั้งที่เธอไม่เคยเจอกันเลย อีกทั้งเธอก็ไม่เคยมีเจตนาร้ายหรือคิดเข้าหาผลประโยชน์ใด ๆ จากครอบครัวของคุณหญิงธัญญา ขวัญอุษารู้ดีว่าคุณหญิงให้ความเมตตาเธอมากแค่ไหน และเธอก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดเสมอเพื่อที่จะตอบแทนผู้มีพระคุณ ขณะที่ขวัญอุษายังคงนั่งจัดดอกไม้อยู่ในห้องรับแขก เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยของคุณหญิงธัญญาดังขึ้นจากทางด้านหลัง คุณหญิงเดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มสดใสที่ขวัญไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก ดวงตาของคุณหญิงเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นและความดีใจอย่างเห็นได้ชัด “ขวัญจ๊ะ ลูกชายของฉันกลับมาแล้ว ตากรณ์ลูกชายของฉันกลับมาแล้ว” คุณหญิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความสุข ขณะที่เดินตรงเข้ามาหาหญิงสาว ขวัญอุษายิ้มออกมาอย่างโล่งใจเมื่อเห็นคุณหญิงธัญญาดูมีความสุข “ค่ะคุณป้า หนูเพิ่งเจอคุณปกรณ์เมื่อกี้นี้เองค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพและยิ้มให้คุณหญิง แม้ในใจจะยังคงรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับท่าทีของปกรณ์ที่แสดงต่อเธอ แต่เธอก็ไม่กล้าท
หลังจากได้รับสายจากคุณปรางค์เกี่ยวกับหญิงสาวลึกลับที่คุณหญิงธัญญาแนะนำในฐานะ "หลานสาว" ปกรณ์ไม่อาจทนความสงสัยและความไม่สบายใจได้อีกต่อไป แม้เขาจะใช้ชีวิตในอเมริกาอย่างมั่นคง มีงานการที่รุ่งโรจน์และหรูหรา แต่เรื่องนี้กลับทำให้เขาตัดสินใจกลับเมืองไทยอย่างกะทันหัน โดยไม่บอกแม่หรือใครในครอบครัว ปกรณ์จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทยอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้วางแผนอะไรให้ยุ่งยาก เขาเพียงแค่ต้องการกลับไปตรวจสอบด้วยตัวเองว่า ขวัญอุษาเป็นใครกันแน่ และทำไมแม่ของเขาถึงแนะนำหญิงสาวคนนี้ให้คนอื่นรู้จักในฐานะ "หลานสาว" ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกับความเป็นจริง เขาไม่เคยมีญาติที่ไหนมาก่อน ดังนั้นการที่มีใครสักคนมาแสดงตัวในฐานะ "หลานสาว" ของแม่ย่อมเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ปกรณ์เดินออกจากสนามบินด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด แม้จะยังคงดูสุภาพและสง่างามในชุดสูท เขาขึ้นรถแท็กซี่ทันทีที่มีรถมาจอดตรงหน้า ให้ขับตรงไปยังบ้านของแม่ที่เขาจากไปตั้งแต่เด็ก โดยไม่ติดต่อหรือแจ้งใครแม้แต่คุณหญิงธัญญาเอง ระหว่างทางกลับบ้าน ความคิดของปกรณ์เต็มไปด้วยคำถาม เขารู้สึกไม่สบายใจในความสัมพันธ์ที่ดูไม่ชอบมาพากลระหว่า
Comments