อธิปยกถ้วยเครื่องดื่มบนโต๊ะขึ้นจิบ ถึงแม้จะรอภพธรมาไม่ต่ำกว่าชั่วโมงแต่ก็ไม่ได้สร้างความหงุดหงิดใจให้เขา เพราะ ทุกครั้งที่นัดกันภพธรก็มาสายเสมอจนเขาชินเสียแล้ว
วันนี้เขานัดเพื่อนสนิทออกมาที่ร้านอาหารที่มีบรรยากาศสบาย ๆ ผิดกับทุกครั้งที่มักจะนัดกันตามร้านเหล้า ที่เขาเลือกมาร้านนี้เพราะอากาศดีและเงียบสงบ แถมในร้านยังมีเมนูเครื่องดื่มและขนมหวานที่เหมาะกับเด็กและคนท้อง
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเมื่อคิดไปถึงคนท้อง นี่เป็นอีกครั้งที่เขาคิดถึงเธอ คนท้องที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของเพื่อนอย่างสมบูรณ์แบบไปแล้ว แก้วกาแฟเย็นชืดถูกยกขึ้นแตะริมฝีปากอีกครั้ง สุดท้ายก็หนีไม่พ้นกาแฟ
ดวงตาคมเข้มยังจดจ่ออยู่กับหน้าจอมือถือ นิ้วยาวยังไถหน้าจอไปเรื่อย ๆ เพื่อแก้เบื่อ ทั้งที่ในนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรที่น่าสนใจ ตั้งแต่วันที่โดนยายแก้วหน้าม้าบล็อกเฟซบุ๊ก เขาก็หมดสนุก ดวงตาคมเข้มสะดุดกับโพสต์เพื่อนสมัยเรียนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
❤แจน&ไผ่❤
สุดท้ายคู่นี้ก็ลงเอยกันทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีท่าทีอะไรให้เพื่อน ๆ ระแคะระคายเลยด้วยซ้ำ นี่แหละนะเนื้อคู่ ต่อให้อยู่ห่างกันแสนไกล สุดท้ายก็ต้องกลับมาคู่กัน ก็คงเหมือนกับคู่ที่อยู่ใกล้ ๆ
ถึงแม้เวลาจะผ่านมานาน แต่ทั้งสองคนก็วนมาบรรจบกัน คงเหลือแต่เขาคนเดียวเท่านั้น ที่นานวันก็เหี่ยวเฉาและคงแห้งลง ในที่สุดเพราะไม่มีใครสนใจ หลายปีมานี้เขาทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับงาน และแก้ปัญหาให้กับเพื่อนตัวแสบของเขา จนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
จบเรื่องภพธรเมื่อไร คงต้องหาเวลาพักร้อนยาว ๆ สักหน่อย เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง ร่างกายจะได้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง แต่จะไปที่ไหนนั้นค่อยว่ากันอีกที จากที่ตั้งใจจะไปใต้ บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนใจไปเหนือก็ได้ รอให้วันนั้นมาถึงก่อนค่อยคิดอีกที
อธิปบอกตัวเองก่อนจะหันกลับมาสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่อ ตี๋ยังวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ มันคิดอะไรอยู่ มีโอกาสหนีกลับไม่หนี แถมยังย้อนกลับมาเหยียบจมูกเขาอย่างจังอีก
ความคิดในหัวต้องสะดุด เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างมายุ่มย่ามอยู่แถว ๆ ใต้เก้าอี้ที่เขานั่ง พร้อมกับแรงปะทะที่รองเท้า เบา ๆ ดวงตาคมเข้มก้มมองต่ำ ก่อนจะเจอกับวัตถุเจ้าปัญหา
มือแกร่งเอื้อมลงไปหยิบรถบังคับคันเล็กที่ชนกับรองเท้าเขา แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อสบกับดวงตาใสแจ๋วของใครบางคนที่ เงยขึ้นมาสบตากับเขา ร่างเล็กกระจ้อยร่อยของเด็กชายที่หมอบลงกับพื้น พยายามเอื้อมมือมาหยิบรถ ทำให้ชายหนุ่มนึกสนุก
ฉวยหยิบรถบังคับขึ้นมาไว้ในมือ ยักคิ้วเป็นเชิงท้าทาย เด็กชายตัวน้อยหน้าบึ้ง เมื่อของเล่นชิ้นโปรดถูกคนตัวโตยึดเอาไว้ ดวงตาเรียวเล็กวาวโรจน์ ริมฝีปากเล็กสีแดงสดเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
“อยากได้เหรอ” อธิปยกรถในมือให้เด็กน้อยดู ก่อนจะถาม ไม่มีเสียงตอบนอกจากการพยักหน้ารับ
“มาเอาสิ” ชายหนุ่มเชื้อเชิญอย่างใจดี แต่นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ เมื่อรู้สึกขัดใจกับท่าทีจองหองของเจ้าเปี๊ยกใต้โต๊ะ
“นั่นรถของไทม์นะ เอาของไทม์คืนมา” เสียงเล็ก ๆ ที่เปล่งออกมาถึงแม้จะฟังไม่ค่อยถนัด แต่ก็พอจับคำพูดได้ว่า ‘ไอ้หมอนี่ชื่อเหมือนเขา’
“ลุกมานี่ดิ มาเอาคืน” อธิปยังท้าต่อไม่ยอมคืนของในมือให้เด็ก
“เอาของเขามานะ” คนที่มุดอยู่ใต้เก้าอี้เริ่มเสียงดัง จนคนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นหันมามอง อธิปหรี่ตามองเจ้าเปี๊ยกอีกรอบ นึกคันมืออยากจะหยิกแก้มย้อย ๆ นั้นสักที
“มากับใคร พ่อแม่ไปไหน รู้ไหมว่าทำนิสัยแบบนี้ไม่น่ารักเลย คลานออกมานะ” มือแกร่งล้วงเข้าใต้เก้าอี้คว้าหมับเข้าที่หัวไหล่ คนตัวเล็ก แล้วออกแรงลากทีเดียว ร่างกลมป้อมก็ไถลออกมา ตามแรง
“โอ๊ย! ไทม์เจ็บ” ร่างเล็กร้องลั่นเมื่อถูกดึงรูดมากับพื้น อธิปหน้าเสียเมื่อเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มเริ่มเบะ เขาต้องการแค่หยอก ไม่ได้ตั้งใจให้เจ้าตัวเล็กเจ็บ
“ฮือ ๆ ๆ จะฟ้องแม่ จะฟ้องลุงวัฒน์ ฮือ ๆ” เด็กน้อยส่งเสียงร้องลั่น เรียกสายตาจากคนในร้านให้มาสนใจมากขึ้น
“เฮ้ย! ไรวะ แค่ล้อเล่น ร้องทำไม” อธิปโวยวายแต่มือยังไม่ละออกจากไหล่คนตัวเล็ก ร่างสูงหันมองซ้ายขวา เมื่อรู้สึกเป็นเป้าสายตา อะไรกันเขาก็แค่จะเรียกเจ้าเปี๊ยกมาถามว่าชื่ออะไรแค่นั้น ทำไมทุกคนต้องมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นด้วย เขารักเด็กนะโว้ย
“ฮือ ๆ เขาทำร้ายไทม์ เขาตีไทม์ด้วย” เสียงร้องยังคงแผดขึ้นเรื่อย ๆ อธิปรีบปล่อยมือจากไหล่เล็ก ก่อนจะยัดรถบังคับคืนให้ เร็ว ๆ เพื่อให้คนตัวเล็กหยุดแผดเสียงเรียกสายตาคนสักที
“ไรวะ! เอาคืนไปเลยไอ้เด็กเลี้ยง...”
“หยุดนะ! เกิดอะไรขึ้น ไทม์มาหาแม่ค่ะ”
เสียงหวานแหลมเล็กที่ตวาดลั่นทำให้อธิปหันไปมอง คนมาใหม่วิ่งถลาเข้ามา พร้อมกับดึงร่างเล็กไปกอดแนบอกอย่างหวงแหน ร่างบางตัวสั่นเมื่อเห็นน้ำตาลูกไหลลงมาเป็นสาย เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก เพียงแค่เธอละสายตาจากลูกไม่ถึงสองนาที ลูกก็ถูกคนแปลกหน้าทำร้ายขนาดนี้เลยหรือ ร่างบางกอดกระชับลูกแน่นขึ้นอีกนิด
“แม่เนย... เขาตีไทม์” เด็กน้อยละล่ำละลักบอกแม่ด้วยท่าทีสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร อธิปงงกับภาพตรงหน้า และก่อนจะได้พูดอะไร คนที่นั่งคุกเข่ากอดลูกแนบอก ก็ตวัดสายตามองมาที่เขาอย่างแค้นเคือง
“ทำร้ายลูกฉันทำไม!” คนร่างบางตวาดแหว อธิปมองคนที่ ตัวเท่ามด แต่พยายามเบ่งลมให้ตัวเองพองเท่าช้างขู่เขาฟ่อ ๆ
“ผมเปล่า” รีบปฏิเสธรัวเร็วก่อนจะต้องตกใจ เมื่อมองเห็นหน้าเธอเต็มตา ร่างสูงนิ่งค้างเมื่อสบกับตากลมโตคู่เศร้าที่เคยเห็นมาก่อน
คนที่นั่งกอดลูกก็มีอาการเดียวกัน ปากเล็กอ้าค้างคำที่เตรียมมาบริภาษเขาถูกกลืนลงคอ เมื่อหันมาสบตากับตาคมเข้ม ร่างบางนิ่งงันเหมือนโดนแช่แข็ง โลกเหมือนหยุดหมุน ทุกอย่างรอบตัวนิ่งสนิท
“เนย!” เป็นอธิปที่ได้สติก่อน ชายหนุ่มร้องเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างตกตะลึง
หลังจากถูกส่งตัวให้มาอยู่ในห้องหอตามลำพัง อภัสรากับอธิปก็ยิ้มให้กัน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอยู่ด้วยกันตามลำพัง หลังจากที่คืนดีกัน อธิปก็ย้ายเข้ามาอยู่กับเธอ ที่แต่งงานให้ถูกต้องเพราะสงสารฝ่ายหญิง ตลอดชีวิตของอภัสรายอมเขามาโดยตลอด เขาเข้ามาอยู่ด้วยเธอก็ให้อยู่ ทางพ่อแม่ก็ไม่ขัดข้องเพราะลูกโตแล้ว อธิปขอเธอแต่งงานตั้งแต่เธอกลับมา แต่หญิงสาวก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด จนกระทั่งตอนนี้เธอท้องลูกของเขาอีกคน เลยไม่มีข้ออ้าง ที่จะไม่แต่ง ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่ยอมแต่งงาน คงมีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่รู้“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม” ถามเมื่อล้มตัวลงนอนบนตักของหญิงสาว“ไม่ค่ะ” ตอบพร้อมกับลูบมือไปบนใบหน้าหล่อเหลา“ถ้าแต่งตั้งแต่ยังไม่ท้องก็ไม่เหนื่อยแบบนี้หรอก” อธิปพูดด้วยความน้อยใจ เมื่อเขาต้องขอเมียแต่งงานถึงสามครั้ง“ก็แต่งแล้วไงคะ”“ถ้าไม่ท้องก็ไม่แต่ง”“พักนี้ทำไมขี้ใจน้อยจังเลย แต่งแล้วนี่คะ ไม่งอนนะคะ”“เนยรักพี่หรือเปล่า”“หืม... ถามทำไมคะ”“ไม่รู้ แต่เหมือนเนยไม่รักพี่”“พี่ธามนี่ยิ่งแก่ยิ่งงอแง ถ้าเนยไม่รัก เนยจะอยู่ด้วยไหมล่ะ”“เหมือนจำใจอยู่”“ไปกันใหญ่แล้ว งานก็ไม่ได้ไปทำ ให้อยู่บ้
“โห่ ฮิ้ว โห่ ฮิ้ว โห่ ฮิ้ววววว” เสียงโห่ขันหมากที่ดัง มาจากด้านล่าง ทำให้เจ้าสาวในชุดไทยสีชมพูอมม่วงนั่งไม่ติดพื้น ร่างบางพาตัวเองมายืนแอบดูขบวนขันหมากที่ยกกันมายาวจน สุดทางด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นหนุ่ม ๆ ที่แต่งตัวด้วยชุดไทยหล่อเหลา เต้นกันไปมาตามจังหวะเพลงที่เปิดลั่นมาตามทางตากลมโตมองเลยไปยังผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ใส่ชุดไทยสวยงาม ก่อนจะมองไปยังคนตัวเล็กที่เดินนำขบวนมาข้างหน้า แทนรักแต่งตัวเหมือนพ่อ เดินอุ้มขันหมากคู่มากับมดยิ้ม ยิ้มให้กับตัวเอง คงมีไม่กี่คู่หรอกที่ให้ลูกมาอุ้มขันหมากงานแต่งพ่อแม่ เธอกับอธิปข้ามขั้นตอนกันไปจนเลยเถิด งานแต่งมีลูกมาร่วมงานด้วยก็ดีไป อีกแบบ จะได้ไม่ต้องตอบคำถามลูก ว่าตอนพ่อกับแม่แต่งงาน หนูอยู่ที่ไหน“ดูน้องไทม์สิ ยิ้มไม่หุบเลย” คุณปราณีเดินเข้ามาในห้อง แล้วมายืนข้างลูกก่อนจะมองไปข้างล่างเช่นกัน“หนุ่ม ๆ สาว ๆ เขาเล่นกันสนุกดีนะ”คุณปราณีพูดขึ้น เมื่อเห็นประตูเงินประตูทองแต่ละด่าน ทำโทษเจ้าบ่าวสารพัดวิธี ทั้งวิดพื้น ทั้งเต้น และยังมีอย่างอื่นอีก สมัยที่นางแต่งงานไม่เคยมีแบบนี้“ผู้ชายพวกนี้บ้าพลังค่ะ” บอกกับ
“มาคุยกันหน่อยสิ” ทันทีที่ก้าวขาลงจากรถ เสียงขู่คำรามก็ดังขึ้น ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นคนตรงหน้า อธิปมายืนรอที่โรงจอดรถ มืดค่ำป่านนี้ยังมารอเธออีก ไม่มีอะไรให้ทำหรือไง“ไปไหนมา แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์”อภัสรามองบนไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี“ไปคุยรายละเอียดเรื่องงานมาค่ะ”ตอบเมื่อมายืนข้างหน้าเขา น่าแปลกที่วันนี้เธอกลับไม่รู้สึกกลัวเขาเหมือนเมื่อก่อน ตาคมเข้มแดงก่ำสบกับตากลมโตของเธอ นึกโมโหกับท่าทางนิ่งเฉยของหญิงสาว ปล่อยให้เขาพล่านเป็น หมาบ้า แต่เธอกลับเฉย มันน่าจับฟาดก้นสักที“แล้วทำไมไม่รับสาย”“ประชุมยาวเลยค่ะ เนยว่าจะโทร. กลับก็ลืมไปเลย”“ประชุมยาวตั้งแต่แปดโมงถึงสองทุ่ม ไม่พักเบรกให้ขี้เยี่ยวเลย” พูดพร้อมกับพยักหน้าให้ตัวเอง ทำท่าทางเข้าใจเพื่อประชดเธอ อภัสรากลอกตา มันไม่มีที่ไหนหรอกที่จะประชุมยาวขนาดนั้น อธิปประชดเธอ ที่เธอไม่โทร. กลับเพราะคิดว่าไม่จำเป็น เพราะเขา ก็โทร. หาเธอแค่ครั้งเดียว คงไม่มีธุระอะไรสำคัญ“พักค่ะ เขาก็มีพักเบรกนั่นแหละ”“แต่ไม่โทร. กลับ”“เนยคิดว่าไม่น่าจะมีธุระอะไร พี่ธามโทร. หาแค่ครั้งเดียว นี่คะ” อภัสราอธิบายเหตุผล“ชอบให้โทร. จิก ชอบให้ส่งข้อความ
อภัสรามาถึงสถานที่ประชุมตั้งแต่เช้า เธอสมัครเข้า ร่วมโครงการนี้ตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ และดีใจมากที่ทางทีมงาน เรียกตัวเธอมาร่วมงาน เธอแค่อยากพิสูจน์ให้หลาย ๆ คนเห็นว่า เธอมีความสามารถ ไม่ได้ต้องการทำประชดใครทั้งนั้น อธิปคง ไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะงานเขากับงานที่เธอกำลังทำมันคนละส่วนกัน เธอทำงานให้ภาครัฐ ส่วนเขารับงานของเอกชนเป็นหลัก อภิวัฒน์เองก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังสนับสนุนอีกด้วย เธอแค่อยากยืนด้วยขาของตัวเอง ใช้ความรู้ความสามารถที่มีมาทำให้เกิดประโยชน์ให้ มากที่สุดครืด~ครืด~มือถือในกระเป๋าสั่นขึ้น เธอทำแค่เพียงหยิบขึ้นมาดู เพราะใกล้ถึงเวลาเข้าประชุม อธิปคงโทร. มาเรื่องลูก วันนี้เป็นหยุดเขาคงอยากพาแทนรักไปเที่ยว คิดก่อนจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋าตามเดิม เมื่อรุ่นพี่ที่เคยเรียนด้วยกันเดินเข้ามาทักทาย หากาแฟดื่มสักแก้วก่อนเข้าประชุมคงทำให้สดชื่นขึ้น เพราะเมื่อคืนเธอนอนไม่หลับ ทั้งแปลกที่และตื่นเต้นดีใจที่อธิปมาขอคืนดีกับเธอ“ห่าเอ๊ย!”ร่างสูงสบถลั่นเมื่ออภัสราไม่รับโทรศัพท์ ไอ้โครงการที่เธอไปทำนั่น มันมีระยะสัญญายาวเป็นสิบ ๆ ปี ถ้าเธอเซ็นสัญญาก็ไม่ต่างจากอุทิศตัวให้การกุศล เพรา
“นอนไม่หลับเหรอ” เสียงที่ดังมาจากข้างหลังทำให้คนที่กำลังเทน้ำดื่มใส่แก้วต้องหันไปมอง“ค่ะ”“แปลกที่น่ะสิ ไปอยู่อังกฤษมานาน”“พี่วัฒน์จะดื่มอะไรไหมคะ”“ไม่เอา พี่เห็นเรายังไม่นอนเลยเดินมาหา ว่าจะมาคุยด้วยหน่อย” อภิวัฒน์บอกกับน้อง เมื่อพากันมานั่งที่โต๊ะในห้องอาหาร“เรื่องวันนี้ใช่ไหมคะ” อภัสราถามพี่ชาย พร้อมกับหลบตาเมื่อรู้ว่าตัวเองมีความผิด“ไปเรียนอังกฤษสองปี ได้อะไรมาบ้าง”“ได้ความรู้ค่ะ เนยจะเอากลับมาทำงานใช้หนี้พี่วัฒน์”บอกเสียงใสเมื่อต้องการประจบพี่ชาย“แล้วความเข้มแข็งล่ะ ได้มาบ้างไหม” ตาคมเข้มมองหน้าน้อง เมื่อเห็นแววตาไหววูบในดวงตากลมโตก็ได้แต่ถอนหายใจ“พี่วัฒน์... พี่วัฒน์โกรธเนยเหรอคะ” ใบหน้าสวยซีดเผือด เมื่อพี่ชายถามมาแบบนี้“หน้าซีดเชียว ทำไมถึงคิดว่าพี่จะโกรธ”แม้จะสงสารแต่อภิวัฒน์ก็ยังเฉย ปั้นหน้าให้ดูไร้อารมณ์ที่สุด เพื่อรอดูอาการของน้อง“เนยไปหาเขา เนยให้เขาหอมแก้ม แล้ว... เนยก็”“พอเถอะ นั่นมันเรื่องของเรา สิ่งที่พี่จะบอกก็คือน้องสาวพี่ เก่งมากที่เรียนจบกลับมาตามกำหนด พี่ส่งเราไปเรียนวิศวะ ไม่ได้ให้ไปเรียนพละ ไม่อยากได้หรอกความเข้มแข็งอะไรนั่น สองปีที่เนยไม่กลับมาเม
ปาร์ตี้เล็ก ๆ จัดขึ้นท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนที่มาร่วมงาน เพื่อน ๆ ที่มาร่วมงานต่างก็พากันแซวอธิป บางคนถึงกับโห่ร้องเมื่อสุดท้ายอธิปก็กลืนน้ำลายตัวเอง หลายครั้ง ที่มีการวิ่งไล่จับกัน เมื่อบางคนเผาอธิปให้อภัสราฟัง หญิงสาวขำกับพฤติกรรมพ่อของลูก อาจมีน้อยใจบ้างเมื่อเพื่อนย้ำให้รู้ว่าอธิปเคยประกาศไว้ว่าจะไม่มีวันคืนดีกับเธอ หลายครั้งที่อธิปจะอธิบายเพราะกลัวเธอเข้าใจผิด แต่หญิงสาวก็เลือกที่จะเฉยเพราะอธิปก็เคยพูดแบบนี้กับเธอ“พวกมึงนี่เลี้ยงเสียเหล้าจริง ๆ ถ้าจะมาเพื่อเผากูกลับกันไปเลยนะ” อธิปชี้หน้าเพื่อน เมื่อถูกเผาแรง“ทำมาหัวร้อน ที่กูพูดมาเรื่องจริงทั้งนั้น”ใครคนหนึ่งที่อภัสราจำชื่อไม่ได้ตะโกนตอบ และก็ได้ไก่ทอดในจานเป็นของแถม เมื่ออธิปปามันใส่เขาเต็มแรง เรียกเสียงหัวเราะในเพื่อนได้อีกชุดใหญ่“พี่เต้ย มึงจำได้ไหมวันที่เนยไปอังกฤษ วันนั้นมีหมาเศร้า นะโว้ย”“อยู่ภูเก็ตเสือกรู้อีกนะมึง”“ก็มึงนอนตั้งแต่สองทุ่ม ใคร ๆ ก็คิดว่าอกหักทั้งนั้น” ภพธรพูดขึ้นเพราะเขาเป็นคนโทร. หาอธิป“เมื่ออาทิตย์ก่อนใครไปหากูนะ บอกกลัวเนยเอาลูกหนีไปอยู่อังกฤษ หน้างี้เศร้าเหมือนหมาหงอย วันนี้นั่