นัชชาไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว หล่อนกำลังเคลิ้มฝัน หล่อนกำลังล่องลอยไปถึงสวรรค์ที่หล่อนไม่เคยไปถึง และหล่อนกำลังลอยได้
เนิ่นนานทีเดียวกว่าเขาจะถอนปากออกและนั่นก็ทำให้หล่อนซุกซบอยู่ที่อกแน่นของเขา หล่อนไร้แรงแม้แต่จะพยุงตัวเอง จนเขากระชับที่เอวและยกหล่อนขึ้นนั่งบนโต๊ะประชุม
นัชชารับรู้ว่าร่างกายของหล่อนร้อนผ่าวโดยเฉพาะที่ใบหน้านั้นร้อนซาบซ่านไปหมด หล่อนไม่รู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร ไม่กล้ามองหน้าเขา จึงได้แต่ก้มหน้านิ่ง แต่คุณก้องภพก็ไม่ทำให้หล่อนเขินอายนาน ปลายนิ้วของเขาเคลื่อนมาเชยปลายคางให้หล่อนแหงนหน้าขึ้นมองเขา แต่หล่อนไม่กล้ามองจึงเลือกหลับตาเสีย
“น้องหนูคะ เป็นแฟนกับพี่แล้วนะคะ”
นั่นแหละหล่อนเบิกตากว้างมองเขาทันที ทั้งที่ความร้อนพุ่งซ่าน
“ไม่นะคะ น้องหนูยังไม่ได้ตอบรับนะคะ”
“จูบเมื่อกี้... พี่ถือว่าน้องหนูตอบรับแล้วนะคะ ต่อไปนี้เป็นแฟนพี่แล้ว ห้ามมองคนอื่น ห้ามกรี๊ดคนอื่น พี่อนุญาตให้มองแต่พี่และกรี๊ดพี่ได้คนเดียวเท่านั้น และตอนเช้าพี่ก็จะไปรับที่บ้านนะคะ ห้ามปฏิเสธเพราะนี่คือหน้าที่ของแฟน”
“คุณก้องภพ...”
เขาพูดยาวๆ จนหล่อนเอ๋อ ไม่อยากเชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่เขาพูดออกมา ผู้ชายหล่อลากดิน จูบหล่อน บอกว่าหล่อนเป็นแฟนเขาแล้ว นี่เขาติดบ่วงเสน่ห์ของหล่อนจริงๆ ใช่ไหม หรือว่าแม่ไม่ได้ไปแค่ดูหมอ แต่แม่ไปทำเสน่ห์ให้หล่อนด้วย เขาถึงจู่โจมหล่อนขนาดนี้
“ไม่เอาค่ะ คนเป็นแฟนกันไม่เรียกคุณก้องภพนะคะ ต่อไปนี้น้องหนูต้องเรียกพี่ว่า... พี่ก้อง ไหนลองเรียกสิคะ พี่ก้องคะ”
“เอ่อ... หนู... หนูไม่กล้าค่ะ”
“ไม่กล้าได้ยังไงคะ เป็นแฟนก็ต้องเรียกชื่อกันให้สนิทสนม พี่ยังเรียกว่า... น้องหนูเลย ไหนเรียกสิคะ พี่ก้อง”
ใช่... เขาเรียกหล่อนว่า ‘น้องหนู’ ทั้งที่เขาควรจะเรียกว่า ‘นัชชา’ และหล่อนก็ดันบ้าจี้ เรียกตัวเองว่า ‘หนู’ เช่นกัน
“เรียกสิคะ พี่รอฟังอยู่ ถ้าเรียกช้าก็ออกจากห้องประชุมช้านะคะ พี่ก้องคะ เรียกสิ”
“เอ่อ... พี่ก้อง... คะ”
“ดีค่ะเก่งมาก ตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วนะคะ ต่อไปนี้น้องหนูต้องทำตามที่พี่บอกทุกอย่าง เริ่มต้นจาก…”
ไม่นะ... เขาบอกว่าเขาชอบสาวอวบ เขาคงไม่บอกให้หล่อนไปลดความอ้วนหรอกนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น หล่อนไม่ยอมแน่
“เย็นนี้... เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันนะ พี่อยากรู้ว่าน้องหนูชอบกินอะไรบ้าง พี่จะได้ไปหัดทำเอาไว้มาทำให้น้องหนูกิน ดีไหมคะ”
คำพูดและรอยยิ้มของเขายิ่งทำให้หล่อนอึ้ง นัชชาจำไม่ได้ว่าหล่อนตอบเขาไปว่าอย่างไร รู้แต่ว่าหล่อนกำลังจูนสมองยกใหญ่ หล่อนอาจจะฝัน หรือเพ้อ หรือมโนไปเองกลางอากาศ
แต่ฝ่ามือของเขาที่กระชับอยู่ที่เอว มันอบอุ่นนะ หล่อนรู้สึกได้ถึงอายความร้อนที่แผ่ซึมเข้ามา และหล่อนยังจำสัมผัสยามที่ริมฝีปากของเขาจูบหล่อนได้ หล่อนจำน้ำหนักของฝ่ามือที่คลึงเต้าอวบของหล่อนได้เช่นกัน ทั้งหมดนี่หล่อนไม่ได้ฝันไปใช่ไหม และถ้าทุกอย่างเป็นจริง กลับไปถึงบ้าน หล่อนกับแม่ได้กรี๊ดกันบ้านแตกแน่
.
.
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ 1 เดือนพอดี ไม่น่าเชื่อว่าพ่อหมอดูตาทิพย์ของแม่จะทำนายทายทักได้แม่นเว่อร์ของจริง เพราะหลังจากที่เขาจูบหล่อนในห้องประชุมและทึกทักว่าหล่อนเป็นแฟน เพียง 2 สัปดาห์เขาก็ขอหล่อนแต่งงาน และหล่อนก็ตอบตกลง
แต่เดี๋ยวก่อน!! คุณอย่าคิดว่านัชชาใจง่ายและเห็นแก่ความหล่อรวยของเขานะ แม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม เพราะมันมีอะไรมากกว่านั้น
วันที่เขาขอหล่อนแต่งงาน ก้องภพมากินข้าวที่บ้านของหล่อน โดยที่เขาลงมือเป็นพ่อครัวด้วยตัวเอง ผู้ชายที่ถอดสูทพาดไว้กับพนักโซฟาในบ้านของหล่อน ปลดรังดุมเสื้อเชิ้ตขาวลงมา 2 เม็ด พับแขนเสื้อขึ้นไปอยู่เหนือข้อศอก และสวมผ้ากันเปื้อนของแม่ ดูน่ารักที่สุดในสายตาของหล่อน
นัชชาบอกตัวเองว่าหล่อน ‘รัก’ เขาจนหมดทั้งหัวใจไปแล้ว ไม่ว่าก้องภพจะทำอะไร เขาดูดีในสายตาหล่อนที่สุด เวลาอยู่ในที่ทำงาน หล่อนจะมีโอกาสพบกับเขาได้น้อยครั้ง เพราะรองประธานไม่จำเป็นต้องมาดูแลที่ฝ่ายจัดซื้อบ่อยๆ โดยปกติการเข้าพบผู้บริหารก็จะมีแค่ในวาระที่ประชุมเท่านั้น นั่นจึงไม่เป็นปัญหาระหว่างหล่อนกับเขาเลย ทำให้คนในที่ทำงานไม่มีใครรู้ว่าเขากับหล่อนตกลงคบกันเป็นแฟน จะมีก็แค่ รปภ. ที่อาจจะสงสัย เพราะหล่อนนั่งรถเขามาทำงานในทุกเช้า ก็เขามารับหล่อนที่บ้านไง
แต่หล่อนแน่ใจว่า รปภ. อาจแค่สงสัยว่าทำไมมาด้วยกัน แต่คงนึกไม่ถึงว่าเขากับหล่อนจะมีความสัมพันธ์กันแนบแน่น จนใช้คำว่า ‘แฟน’ ระหว่างกันได้
ยามเย็นหลังเลิกงาน ถ้าวันไหนเขาไม่ติดประชุม เขาก็จะมาส่งหล่อนที่บ้าน เขาเข้ากับญาติพี่น้องหล่อนได้ดีอย่างเหลือเชื่อ นั่นอาจเป็นเพราะเขาหล่อและรวย และที่สำคัญ อากง อาม่า อาโก และแม่ของหล่อน ดีใจกันยกใหญ่ที่หล่อนจะขายออก โดยเฉพาะแม่กับอาโก พากันซุบซิบหน้ายิ้มตลอดเวลา เพราะนั่นไม่พ้นจะคุยกันเรื่องคำทำนายของหมอดูตาทิพย์
เสียงพูดในคลิปถูกแทนที่ด้วยบทเพลงแห่งความรัก จากนั้นก็เป็นภาพถ่ายแรกที่คริตแอบถ่ายสมิดา ภาพหล่อนเคี้ยวขนมเต็มปาก ภาพหล่อนหาว ภาพหล่อนทำหน้ามุ่ยเพราะร้อน ภาพหล่อนกอดน้องหมีตัวโต จนมาถึงภาพในธีมวาเลนไทน์ ซึ่งความหมายของภาพก็มีเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้นที่รู้ เพราะเป็นวันแรกที่ความรักเบ่งบาน เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อคริตจูงมือเจ้าสาวขึ้นไปบนเวที สายตาเจ้าบ่าวที่มองเจ้าสาว ทำให้สาวพลัสไซส์ทุกคนมีความหวัง แค่หล่อนสวยในแบบฉบับของตัวเอง สวยด้วยทัศนคติการใช้ชีวิต แค่นั้นผู้ชายดีๆ ก็ตกถึงท้อง.. ในห้องหอ... “ที่รัก... อื้อ... น้องไม่ไหวแล้วนะคะ โอว... ซี้ด... พี่จ๋า... ไม่ไหวแล้ว... น้องไม่ไหวแล้ว...” สมิดาแอ่นร่างขึ้นสูงเปล่งเสียงครวญครางไม่ขาดปาก สะโพกใหญ่ก็ส่ายร่อนไม่หยุด เพราะลิ้นร้อนชอนลึกจนหล่อนทนอยู่เฉยไม่ไหว ต้องส่ายร่อนสะโพกให้เคลื่อนไหวอยู่ตลอด ทว่ายิ่งส่ายร่อนมากเท่าไร ก็คล้ายกับว่าลิ้นร้อนจะสอดใส่และชอนเข้าลึกมากยิ่งขึ้น “โอว... ที่รักขา... โอว... ซี้ด... เสียว... โอว... น้องเสียว ซี้ด... เสียว...” ความเสีย
ดวงตากลมโตมีแววหวาดหวั่นมองเจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวเจ้าเนื้อไม่ต่างจากหล่อน “บอกว่าประมาณสิบโมงน่ะค่ะ” หล่อนตอบอ้อมแอ้มเพราะนี่ก็ 10 โมงแล้วแต่ยังไม่เห็นวี่แวว “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะ ว่าคนไหนอะพี่ติ๊นา” ทุกสายตามองตรงมายังหล่อน ก็ใช่น่ะสิ เพราะไม่เคยมีใครเห็นหน้าตาของคริสติน่ามาก่อน ภาพแทนตัวในสื่อออนไลน์ที่คริสติน่าใช้จะเป็นภาพสาวอ้วนแต่งตัวเปรี้ยว และทุกคนก็เคารพในความเป็นส่วนตัวของกันและกัน จึงไม่เคยมีใครถามถึงหน้าตาที่แท้จริง แม้แต่เพศก็ไม่มีใครรู้ ทั้งเวลาที่คริสติน่าโทร.หาหล่อน ก็ไม่เคยเปิดกล้อง รู้แต่ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นผู้หญิงค่อนข้างมีอายุเท่านั้น“พี่ติ๊นาบอกว่าจะใส่ชุดสีแดงค่ะ บอกว่าแดงแรงฤทธิ์ เห็นปุ๊บ พวกเราจะรู้ทันทีว่าเป็นพี่เขา” “หือ... แต่นี่ไม่เห็นมีใครแต่งแดงสักคนเลยนะ” สมิดามองออกไปด้านนอกอีกครั้ง ไม่มีวี่แววเลยว่าจะมีใครแต่งแดงเดินเข้ามา “น้องสะดิ้งลองโทร.หาสิ” “โทร.หลายรอบแล้วค่ะพี่ ปิดเครื่อง” “ฮะ! ตายล่ะ แล้วถ้าพี่ติ๊นาไม่มา เราจะทำไงล่ะ โน่น! นักข่าวรอกั
ร่างเปลือยลุกขึ้นจากเตียง ตรงไปหยิบกางเกงขาสั้นที่ถอดกองอยู่ ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา เขาต้องสั่งเตรียมงานของวันพรุ่งนี้ ‘ธีมวาเลนไทน์ พร้อมถ่าย 6 โมงเย็น’ นั่นคือข้อความที่ส่งออกไป ก่อนที่ร่างเปลือยจะเคลื่อนเข้าหาเตียงนอน แทรกร่างเข้าใต้ผ้าห่มนวมผืนเดียวกันกับหล่อน แต่ไม่มีสิ่งใดจะอุ่นเท่ากายเนื้อที่เขากอดอยู่นี้ กอดตระกองร่างอวบอิ่มที่นอนตะแคงข้างเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนและหัวไหล่น่าจูบน่าหอม แต่เขากลับ... “อื้อ... พี่คริต...” “ขอโทษจ้ะ นอนต่อนะ” คริตกอดกระชับเอวเจ้าเนื้อแนบเข้าหาลำตัวของเขา พลางมองรอยฟันจางๆ ที่หัวไหล่ของสมิดา ก่อนจะจูบทับลงไปอีกครั้ง..ผ่านมาอีก 1 เดือน ข่าวคาวๆ เรื่องนางแบบพลัสไซส์แอบกินตับกับช่างภาพที่กระจายอยู่บนหน้าสื่อก็ไม่มีทีท่าว่าจะคลายลง ทุกสื่อเพ่งเป้าไปที่หล่อนกับคริต มีหลายรายการติดต่อขอสัมภาษณ์ แต่สมิดาไม่ได้รับปาก หล่อนบอกแต่เพียงว่าคิวไม่ว่าง ส่วนหากมีใครมาคอมเม้นท์ในสื่อออนไลน์ของหล่อน หล่อนก็จะตอบทีเล่นทีจริงว่า ‘ไม่บอก ปล่อยให้งง’ พร้อมทั้งติดแฮชแท็กเก๋ๆ ว่า #ไม่ผอมแต่อร่อ
“พี่คริต!” “ไหวไหม” “อื้อ... ไหว...” หล่อนตอบพลางจิกเล็บที่ท่อนแขนของเขา เพราะความเจ็บปวดจากตรงนั้นกำลังกระจายวาบไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เจ็บมากแต่รู้ว่าไม่ควรร้อง เจ็บทุกคราที่เขาขยับเขยื้อนไม่มีสิ่งใดจะลดทอนลงได้ เพราะเขายังคงเดินหน้า เชื่องช้าแต่ปวดร้าว “อื้อ... พี่คริต...” “จ๋า... สะดิ้งแน่นเหลือเกิน โอว... แน่นที่สุด โอว...” หล่อนยิ้มแห้งเมื่อได้ยินเสียงครวญครางนั้น หล่อนเจ็บ แต่กลับได้ยินเสียงแห่งความสุข “โอว... สะดิ้งจ๋า... พี่จะไปช้าๆ อืม... โอว... ซี้ด... แน่นมาก โอว...” เขาจูบซับหยาดน้ำตาของหล่อน ก่อนจะเคลื่อนมาที่ปาก จูบอ่อนหวานและดุดันหนักแน่นตามอารมณ์ จากนั้นก็แทรกเรียวลิ้นชอนไชจนสมิดาเคลิ้ม ราวจะหลงลืมความเจ็บได้ชั่วครู่ แต่เมื่อท่อนแข็งขยับสอดใส่เพิ่มเข้ามาอีก หล่อนก็ได้ต้องอดกลั้นไว้ ใบหน้าที่นิ่วลงอย่างเจ็บปวดของสมิดาทำให้เขารู้ว่าต้องปลุกเร้าหล่อนให้มากกว่านี้ ปลายลิ้นจึงลากลงมาที่เต้าอวบใหญ่ เลียไล้ บีบเคล้น และดูดดื่มปลายยอดอย่างหนักหน่วง สลับกั
คริตละปากจากความหวานฉ่ำที่อร่อยลิ้นสุดๆ เคลื่อนใบหน้าขึ้นไปหาคนที่ยังครวญครางกระเส่าจากความเสียวที่ได้รับสองครั้งติดๆ เขาอยากปลอบโยนอยากพูดให้หล่อนผ่อนคลาย ทว่าริมฝีปากที่เผยอค้างและยังมีเสียงครางเล็ดลอดกลับทำให้เขาเปลี่ยนใจ ลิ้นร้อนชอนลึกสู่อุ้งปากหวาน ตวัดพลิ้วให้หล่อนรับรู้รสชาติความหอมหวานของตัวเอง รัดรึงดึงรั้งลิ้นน้อยๆ ให้ตามติด พัวพันดุนดูดจนหล่อนครางฮือ จากนั้นหล่อนก็คล้องต้นแขนรอบลำคอเขาและเป็นฝ่ายแทรกลิ้นเข้ามาต่อสู้ “อื้อ... พี่คริต...” “จ๋า... หวาน... อืม...” “พี่คริต... อื้อ... ซี้ด... อื้อ...” คริตเคลื่อนใบหน้าคลอเคลียอยู่ที่อกอวบ โอบกระชับให้ปลายยอดทั้งสองดันชิด ก่อนจะละเลงลิ้นพลิ้วส่ายสะบัดจนสมิดาดิ้นพล่าน จากนั้นก็ลากลิ้นลงมาตามหน้าท้อง กัดเบาๆ ไปทุกส่วน ดูดเลีย เม้ม และลากลิ้นสู่ความหอมหวานอีกครั้ง “อื้อ... พี่คริต...” หล่อนร่ำร้องเพราะเขาไม่ได้ซุกหน้าลงไป แต่กลับเคลื่อนขึ้นมาหา และส่งนิ้วไปละเลง “ซี้ด... พี่คริต...” สมิดาปรือตาขึ้นมองเขา จนเขาอ
สมิดาอมยิ้ม หล่อนมองเขาผ่านม่านน้ำตา เขาไม่รู้ว่าหล่อนจะเชื่อคำบอกรักของเขาไหม แต่เขาจะพิสูจน์ “พี่คริต... อื้อ... พี่คริตขา... อื้อ...” สมิดาสะบัดเรือนผมไปมาจนยุ่งเหยิง หล่อนควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะความซ่านเสียวพวยพุ่งไปทั่วร่างทำให้หล่อนขาดสติ เรือนร่างคล้ายจะทำตามทุกอย่างที่ คริตชี้นำ แค่เขาช้อนฝ่ามือเข้าใต้แผ่นหลัง เต้าอวบใหญ่ของหล่อนก็แอ่นขึ้นจนชิดติดขอบปาก หล่อนอยากให้เขากลืนกิน กัด ดูด หรือทำอะไรก็ได้ให้หล่อนผ่อนคลายจากความเสียวนี้ ทั้งที่อีกใจก็ร้องบอกว่าหล่อนอยากเสียวให้มากกว่านี้ หล่อนอยากไปให้สุด อยากให้เขาทำตามที่ต้องการ ไม่ต้องอ่อนโยนกับหล่อน “อื้อ... พี่คริต... ซี้ด... พี่คริตขา...” หล่อนดีดดิ้นตามความซ่านเสียวที่ไล้วนอยู่รอบปลายยอดสีสด เพราะเขายังคงดูดดื่มไล้เลียราวกับเม็ดเชอร์รี่ของหล่อนเอร็ดอร่อยเหลือเกิน ทว่าหล่อนกลับอยากให้เขาขยับเคลื่อนปลายลิ้นไปที่ดอกไม้สดสวย ที่จุดนั้นมีความน่าละอาย มีน้ำหวานชุ่มฉ่ำล้นทะลักจนหยาดเยิ้มออกมา และก็ทำให้หล่อนคันยิบและเจ็บจี๊ดจนต้องบดเบียดต้นขาเข้าหากัน “ซี้ด... พี่คริตขา...”